Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
มิสฺสกหารสมฺปาตวณฺณนา
Missakahārasampātavaṇṇanā
อปิ เจตฺถ หารสมฺปาตนิเทฺทโส อิมินาปิ นเยน เวทิตโพฺพ –
Api cettha hārasampātaniddeso imināpi nayena veditabbo –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฎฺฐา มโนมยา;
‘‘Manopubbaṅgamā dhammā, manoseṭṭhā manomayā;
มนสา เจ ปสเนฺนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
Manasā ce pasannena, bhāsati vā karoti vā;
ตโต นํ สุขมเนฺวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติฯ (ธ. ป. ๒);
Tato naṃ sukhamanveti, chāyāva anapāyinī’’ti. (dha. pa. 2);
ตตฺถ กตโม เทสนาหารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมาติ มโนติ ขนฺธววตฺถาเนน วิญฺญาณกฺขนฺธํ เทเสติฯ อายตนววตฺถาเนน มนายตนํ , ธาตุววตฺถาเนน วิญฺญาณธาตุํ, อินฺทฺริยววตฺถาเนน มนินฺทฺริยํฯ กตเม ธมฺมา ปุพฺพงฺคมา? ฉ ธมฺมา ปุพฺพงฺคมา, กุสลานํ กุสลมูลานิ, อกุสลานํ อกุสลมูลานิ, สาธิปติกานํ อธิปติ, สพฺพจิตฺตุปฺปาทานํ อินฺทฺริยานิฯ อปิ จ อิมสฺมิํ สุเตฺต มโน อธิเปฺปโตฯ ยถา พลคฺคสฺส ราชา ปุพฺพงฺคโม, เอวเมวํ ธมฺมานํ มโน ปุพฺพงฺคโมฯ ตตฺถ ติวิเธน มโน ปุพฺพงฺคโม เนกฺขมฺมฉเนฺทน อพฺยาปาทฉเนฺทน อวิหิํสาฉเนฺทนฯ ตตฺถ อโลภสฺส เนกฺขมฺมฉเนฺทน มโนปุพฺพงฺคมํ, อโทสสฺส อพฺยาปาทฉเนฺทน มโนปุพฺพงฺคมํ, อโมหสฺส อวิหิํสาฉเนฺทน มโนปุพฺพงฺคมํฯ
Tattha katamo desanāhārasampāto? Manopubbaṅgamā dhammāti manoti khandhavavatthānena viññāṇakkhandhaṃ deseti. Āyatanavavatthānena manāyatanaṃ , dhātuvavatthānena viññāṇadhātuṃ, indriyavavatthānena manindriyaṃ. Katame dhammā pubbaṅgamā? Cha dhammā pubbaṅgamā, kusalānaṃ kusalamūlāni, akusalānaṃ akusalamūlāni, sādhipatikānaṃ adhipati, sabbacittuppādānaṃ indriyāni. Api ca imasmiṃ sutte mano adhippeto. Yathā balaggassa rājā pubbaṅgamo, evamevaṃ dhammānaṃ mano pubbaṅgamo. Tattha tividhena mano pubbaṅgamo nekkhammachandena abyāpādachandena avihiṃsāchandena. Tattha alobhassa nekkhammachandena manopubbaṅgamaṃ, adosassa abyāpādachandena manopubbaṅgamaṃ, amohassa avihiṃsāchandena manopubbaṅgamaṃ.
มโนเสฎฺฐาติ มโน เตสํ ธมฺมานํ เสฎฺฐํ วิสิฎฺฐํ อุตฺตมํ ปวรํ มูลํ ปมุขํ ปาโมกฺขํ, เตน วุจฺจติ ‘‘มโนเสฎฺฐา’’ติฯ มโนมยาติ มเนน กตา, มเนน นิมฺมิตา, มเนน นิพฺพตฺตา, มโน เตสํ ปจฺจโย, เตน วุจฺจติ ‘‘มโนมยา’’ติฯ เต ปน ธมฺมา ฉนฺทสมุทานิตา อนาวิลสงฺกปฺปสมุฎฺฐานา ผสฺสสโมธานา เวทนากฺขโนฺธ สญฺญากฺขโนฺธ สงฺขารกฺขโนฺธฯ มนสา เจ ปสเนฺนนาติ ยา สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโทฯ อิติ อิมินา ปสาเทน อุเปโต สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปโนฺน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ‘‘ปสเนฺนนา’’ติ อิทํ มโนกมฺมํ ฯ ภาสติ วาติ วจีกมฺมํฯ กโรติ วาติ กายกมฺมํฯ อิติ ทสกุสลกมฺมปถา ทสฺสิตาฯ
Manoseṭṭhāti mano tesaṃ dhammānaṃ seṭṭhaṃ visiṭṭhaṃ uttamaṃ pavaraṃ mūlaṃ pamukhaṃ pāmokkhaṃ, tena vuccati ‘‘manoseṭṭhā’’ti. Manomayāti manena katā, manena nimmitā, manena nibbattā, mano tesaṃ paccayo, tena vuccati ‘‘manomayā’’ti. Te pana dhammā chandasamudānitā anāvilasaṅkappasamuṭṭhānā phassasamodhānā vedanākkhandho saññākkhandho saṅkhārakkhandho. Manasā ce pasannenāti yā saddhā saddahanā okappanā abhippasādo. Iti iminā pasādena upeto samupeto upagato samupagato sampanno samannāgato, tena vuccati ‘‘pasannenā’’ti idaṃ manokammaṃ . Bhāsati vāti vacīkammaṃ. Karoti vāti kāyakammaṃ. Iti dasakusalakammapathā dassitā.
ตโตติ ทสวิธสฺส กุสลกมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตาฯ นนฺติ โย โส กตปุโญฺญ กตกุสโล กตภีรุตฺตาโณ, ตํ ปุคฺคลํฯ สุขนฺติ ทุวิธํ สุขํ กายิกํ เจตสิกญฺจฯ อเนฺวตีติ อนุคจฺฉติฯ
Tatoti dasavidhassa kusalakammassa katattā upacitattā. Nanti yo so katapuñño katakusalo katabhīruttāṇo, taṃ puggalaṃ. Sukhanti duvidhaṃ sukhaṃ kāyikaṃ cetasikañca. Anvetīti anugacchati.
อิธสฺสุ ปุริโส อปฺปหีนานุสโย สํโยชนิเยสุ ธเมฺมสุ อสฺสาทํ อนุปสฺสติ, โส สํโยชนิเยสุ ธเมฺมสุ อสฺสาทํ อนุปสฺสโนฺต ยถาทิฎฺฐํ ยถาสุตํ สมฺปตฺติภวํ ปเตฺถติฯ อิจฺจสฺส อวิชฺชา จ ภวตณฺหา จ อนุพทฺธา โหนฺติ, โส ยถาทิฎฺฐํ ยถาสุตํ สมฺปตฺติภวํ ปเตฺถโนฺต ปสาทนียวตฺถุสฺมิํ จิตฺตํ ปสาเทติ สทฺทหติ โอกเปฺปติฯ โส ปสนฺนจิโตฺต ติวิธํ ปุญฺญกิริยวตฺถุํ อนุติฎฺฐติ ทานมยํ สีลมยํ ภาวนามยํ กาเยน วาจาย มนสาฯ โส ตสฺส วิปากํ ปจฺจนุโภติ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อุปปเชฺช วา อปราปเร วา ปริยาเยฯ อิติ โข ปนสฺส อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา สุขเวทนีโย ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ เอวํ สนฺตํ ตํ สุขมเนฺวติฯ ตเสฺสวํ เวทนาย อปราปรํ ปริวตฺตมานาย อุปฺปชฺชติ ตณฺหาฯ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ…เป.… สมุทโย โหตีติฯ
Idhassu puriso appahīnānusayo saṃyojaniyesu dhammesu assādaṃ anupassati, so saṃyojaniyesu dhammesu assādaṃ anupassanto yathādiṭṭhaṃ yathāsutaṃ sampattibhavaṃ pattheti. Iccassa avijjā ca bhavataṇhā ca anubaddhā honti, so yathādiṭṭhaṃ yathāsutaṃ sampattibhavaṃ patthento pasādanīyavatthusmiṃ cittaṃ pasādeti saddahati okappeti. So pasannacitto tividhaṃ puññakiriyavatthuṃ anutiṭṭhati dānamayaṃ sīlamayaṃ bhāvanāmayaṃ kāyena vācāya manasā. So tassa vipākaṃ paccanubhoti diṭṭheva dhamme upapajje vā aparāpare vā pariyāye. Iti kho panassa avijjāpaccayā saṅkhārā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā sukhavedanīyo phasso, phassapaccayā vedanāti evaṃ santaṃ taṃ sukhamanveti. Tassevaṃ vedanāya aparāparaṃ parivattamānāya uppajjati taṇhā. Taṇhāpaccayā upādānaṃ…pe… samudayo hotīti.
ตตฺถ ยํ มโน, เย จ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, ยญฺจ สุขํ, อิเม วุจฺจนฺติ ปญฺจกฺขนฺธา, เต ทุกฺขสจฺจํฯ เตสํ ปุริมการณภูตา อวิชฺชา ภวตณฺหา จ สมุทยสจฺจํฯ เตสํ ปริญฺญาย ปหานาย ภควา ธมฺมํ เทเสติ, ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย สมุทยสฺส ปหานายฯ เยน ปริชานาติ, เยน ปชหติ, อยํ มโคฺคฯ ยตฺถ จ มโคฺค ปวตฺตติ, อยํ นิโรโธฯ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ เอวํ อายตนธาตุอินฺทฺริยมุเขนาปิ นิทฺธาเรตพฺพานิฯ ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุเกฺขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณํ, สุขสฺส อนฺวโย ผลํ, มนสา ปสเนฺนน กายวจีสมีหา อุปาโย, มโนปุพฺพงฺคมตฺตา ธมฺมานํ อตฺตโน สุขกาเมน ปสเนฺนน มนสา วจีกมฺมํ กายกมฺมญฺจ ปวเตฺตตพฺพนฺติ อยํ ภควโต อาณตฺติฯ อยํ เทสนาหารสมฺปาโตฯ
Tattha yaṃ mano, ye ca manopubbaṅgamā dhammā, yañca sukhaṃ, ime vuccanti pañcakkhandhā, te dukkhasaccaṃ. Tesaṃ purimakāraṇabhūtā avijjā bhavataṇhā ca samudayasaccaṃ. Tesaṃ pariññāya pahānāya bhagavā dhammaṃ deseti, dukkhassa pariññāya samudayassa pahānāya. Yena parijānāti, yena pajahati, ayaṃ maggo. Yattha ca maggo pavattati, ayaṃ nirodho. Imāni cattāri saccāni evaṃ āyatanadhātuindriyamukhenāpi niddhāretabbāni. Tattha samudayena assādo, dukkhena ādīnavo, magganirodhehi nissaraṇaṃ, sukhassa anvayo phalaṃ, manasā pasannena kāyavacīsamīhā upāyo, manopubbaṅgamattā dhammānaṃ attano sukhakāmena pasannena manasā vacīkammaṃ kāyakammañca pavattetabbanti ayaṃ bhagavato āṇatti. Ayaṃ desanāhārasampāto.
ตตฺถ กตโม วิจยหารสมฺปาโต? มนนโต อารมฺมณวิชานนโต มโนฯ มนนลกฺขเณ สมฺปยุเตฺตสุ อาธิปจฺจกรณโต ปุพฺพงฺคโม อีหาภาวโต นิสฺสตฺตนิชฺชีวเฎฺฐน ธมฺมาฯ คาเมสุ คามณิ วิย ปธานเฎฺฐน มโน เสโฎฺฐ เอเตสนฺติ มโนเสฎฺฐาฯ สหชาตาทิปจฺจยภูเตน มนสา นิพฺพตฺตาติ มโนมยาฯ อกาลุสฺสิยโต, อารมฺมณสฺส โอกปฺปนโต จ ปสเนฺนน วจีวิญฺญตฺติวิปฺผารโต ตถา สาทิยนโต จ ภาสติฯ โจปนกายวิปฺผารโต ตถา สาทิยนโต จ กโรติฯ ตถา ปสุตตฺตา อนญฺญตฺตา จ ‘‘ตโต’’ติ วุตฺตํฯ สุขนโต สาตภาวโต อิฎฺฐภาวโต จ ‘‘สุข’’นฺติ วุตฺตํฯ กตูปจิตตฺตา อวิปกฺกวิปากตฺตา จ ‘‘อเนฺวตี’’ติ วุตฺตํฯ การณายตฺตวุตฺติโต อสงฺกนฺติโต จ ‘‘ฉายาว อนปายินี’’ติ วุตฺตํฯ อยํ อนุปทวิจยโต วิจยหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo vicayahārasampāto? Mananato ārammaṇavijānanato mano. Mananalakkhaṇe sampayuttesu ādhipaccakaraṇato pubbaṅgamo īhābhāvato nissattanijjīvaṭṭhena dhammā. Gāmesu gāmaṇi viya padhānaṭṭhena mano seṭṭho etesanti manoseṭṭhā. Sahajātādipaccayabhūtena manasā nibbattāti manomayā. Akālussiyato, ārammaṇassa okappanato ca pasannena vacīviññattivipphārato tathā sādiyanato ca bhāsati. Copanakāyavipphārato tathā sādiyanato ca karoti. Tathā pasutattā anaññattā ca ‘‘tato’’ti vuttaṃ. Sukhanato sātabhāvato iṭṭhabhāvato ca ‘‘sukha’’nti vuttaṃ. Katūpacitattā avipakkavipākattā ca ‘‘anvetī’’ti vuttaṃ. Kāraṇāyattavuttito asaṅkantito ca ‘‘chāyāva anapāyinī’’ti vuttaṃ. Ayaṃ anupadavicayato vicayahārasampāto.
ตตฺถ กตโม ยุตฺติหารสมฺปาโต? มนสฺส ธมฺมานํ อาธิปจฺจโยคโต ปุพฺพงฺคมตา ยุชฺชติฯ ตโต เอว เตสํ มนสฺส อนุวตฺตนโต ธมฺมานํ มโนเสฎฺฐตา ยุชฺชติฯ สหชาตาทิปจฺจยวเสน มนสา นิพฺพตฺตตฺตา ธมฺมานํ มโนมยตา ยุชฺชติฯ มนสา ปสเนฺนน สมุฎฺฐานานํ กายวจีกมฺมานํ กุสลภาโว ยุชฺชติฯ เยน กุสลกมฺมํ อุปจิตํ, ตํ ฉายา วิย สุขํ อเนฺวตีติ ยุชฺชติฯ อยํ ยุตฺติหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo yuttihārasampāto? Manassa dhammānaṃ ādhipaccayogato pubbaṅgamatā yujjati. Tato eva tesaṃ manassa anuvattanato dhammānaṃ manoseṭṭhatā yujjati. Sahajātādipaccayavasena manasā nibbattattā dhammānaṃ manomayatā yujjati. Manasā pasannena samuṭṭhānānaṃ kāyavacīkammānaṃ kusalabhāvo yujjati. Yena kusalakammaṃ upacitaṃ, taṃ chāyā viya sukhaṃ anvetīti yujjati. Ayaṃ yuttihārasampāto.
ตตฺถ กตโม ปทฎฺฐาโน หารสมฺปาโต? มโน มโนปวิจารานํ ปทฎฺฐานํฯ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา สพฺพสฺส กุสลปกฺขสฺส ปทฎฺฐานํฯ ‘‘ภาสตี’’ติ สมฺมาวาจา, ‘‘กโรตี’’ติ สมฺมากมฺมโนฺต, เต สมฺมาอาชีวสฺส ปทฎฺฐานํฯ สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายามสฺส ปทฎฺฐานํฯ สมฺมาวายาโม สมฺมาสติยา ปทฎฺฐานํฯ สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิสฺส ปทฎฺฐานํฯ ‘‘มนสา ปสเนฺนนา’’ติ เอตฺถ ปสาโท สทฺธินฺทฺริยํ, ตํ สีลสฺส ปทฎฺฐานํฯ สีลํ สมาธิสฺส ปทฎฺฐานํฯ สมาธิ ปญฺญายาติ ยาว วิมุตฺติญาณทสฺสนา โยเชตพฺพํฯ อยํ ปทฎฺฐานหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo padaṭṭhāno hārasampāto? Mano manopavicārānaṃ padaṭṭhānaṃ. Manopubbaṅgamā dhammā sabbassa kusalapakkhassa padaṭṭhānaṃ. ‘‘Bhāsatī’’ti sammāvācā, ‘‘karotī’’ti sammākammanto, te sammāājīvassa padaṭṭhānaṃ. Sammāājīvo sammāvāyāmassa padaṭṭhānaṃ. Sammāvāyāmo sammāsatiyā padaṭṭhānaṃ. Sammāsati sammāsamādhissa padaṭṭhānaṃ. ‘‘Manasā pasannenā’’ti ettha pasādo saddhindriyaṃ, taṃ sīlassa padaṭṭhānaṃ. Sīlaṃ samādhissa padaṭṭhānaṃ. Samādhi paññāyāti yāva vimuttiñāṇadassanā yojetabbaṃ. Ayaṃ padaṭṭhānahārasampāto.
ตตฺถ กตโม ลกฺขโณ หารสมฺปาโต? ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ มโนปุพฺพงฺคมตาวจเนน ธมฺมานํ ฉนฺทปุพฺพงฺคมตาปิ วีริยปุพฺพงฺคมตาปิ วีมํสาปุพฺพงฺคมตาปิ วุตฺตา โหติ อาธิปเตยฺยลกฺขเณน ฉนฺทาทีนํ มนสา เอกลกฺขณตฺตาฯ ตถา เนสํ สทฺธาทิปุพฺพงฺคมตาปิ วุตฺตา โหติ อินฺทฺริยลกฺขเณน สทฺธาทีนํ มนสา เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘มนสา เจ ปสเนฺนนา’’ติ ยถา มนสฺส ปสาทสมนฺนาคโม ตํสมุฎฺฐานานํ กายวจีกมฺมานํ อนวชฺชภาวลกฺขณํฯ เอวํ จิตฺตสฺส สติอาทิสมนฺนาคโมปิ เนสํ อนวชฺชภาวลกฺขณํ โยนิโสมนสิการสมุฎฺฐานภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘สุขมเนฺวตี’’ติ สุขานุคมนวจเนน สุขสฺส ปจฺจยภูตานํ มนาปิยรูปาทีนํ อนุคโม วุโตฺต โหติ เตสมฺปิ กมฺมปจฺจยตาย เอกลกฺขณตฺตาติฯ อยํ ลกฺขณหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo lakkhaṇo hārasampāto? ‘‘Manopubbaṅgamā dhammā’’ti manopubbaṅgamatāvacanena dhammānaṃ chandapubbaṅgamatāpi vīriyapubbaṅgamatāpi vīmaṃsāpubbaṅgamatāpi vuttā hoti ādhipateyyalakkhaṇena chandādīnaṃ manasā ekalakkhaṇattā. Tathā nesaṃ saddhādipubbaṅgamatāpi vuttā hoti indriyalakkhaṇena saddhādīnaṃ manasā ekalakkhaṇattā. ‘‘Manasā ce pasannenā’’ti yathā manassa pasādasamannāgamo taṃsamuṭṭhānānaṃ kāyavacīkammānaṃ anavajjabhāvalakkhaṇaṃ. Evaṃ cittassa satiādisamannāgamopi nesaṃ anavajjabhāvalakkhaṇaṃ yonisomanasikārasamuṭṭhānabhāvena ekalakkhaṇattā. ‘‘Sukhamanvetī’’ti sukhānugamanavacanena sukhassa paccayabhūtānaṃ manāpiyarūpādīnaṃ anugamo vutto hoti tesampi kammapaccayatāya ekalakkhaṇattāti. Ayaṃ lakkhaṇahārasampāto.
ตตฺถ กตโม จตุพฺยูโห หารสมฺปาโต? ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ ‘‘มโน’’ติอาทีนํ ปทานํ นิพฺพจนํ นิรุตฺตํ, ตํ ปทตฺถนิเทฺทสวเสน เวทิตพฺพํฯ ปทโตฺถ จ วุตฺตนเยน สุวิเญฺญโยฺยวฯ เย สุเขน อตฺถิกา, เตหิ ปสเนฺนน มนสา กายวจีมโนกมฺมานิ ปวเตฺตตพฺพานีติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโยฯ ปุญฺญกิริยาย อเญฺญสมฺปิ ปุพฺพงฺคมา หุตฺวา ตตฺถ เตสํ สมฺมา อุปเนตาโร อิมิสฺสา เทสนาย นิทานํฯ ‘‘ฉทฺวาราธิปตี ราชา (ธ. ป. อฎฺฐ. ๒.๑๘๑ เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ), จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒; ๑๒๐๕-๑๒๐๖), จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส, สเพฺพว วสมนฺวคู’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒) เอวมาทิสมานยเนน อิมิสฺสา เทสนาย สํสนฺทนา เทสนานุสนฺธิฯ ปทานุสนฺธิโย ปน สุวิเญฺญยฺยาวาติฯ อยํ จตุพฺยูโห หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo catubyūho hārasampāto? ‘‘Manopubbaṅgamā’’tiādīsu ‘‘mano’’tiādīnaṃ padānaṃ nibbacanaṃ niruttaṃ, taṃ padatthaniddesavasena veditabbaṃ. Padattho ca vuttanayena suviññeyyova. Ye sukhena atthikā, tehi pasannena manasā kāyavacīmanokammāni pavattetabbānīti ayamettha bhagavato adhippāyo. Puññakiriyāya aññesampi pubbaṅgamā hutvā tattha tesaṃ sammā upanetāro imissā desanāya nidānaṃ. ‘‘Chadvārādhipatī rājā (dha. pa. aṭṭha. 2.181 erakapattanāgarājavatthu), cittānuparivattino dhammā (dha. sa. dukamātikā 62; 1205-1206), cittassa ekadhammassa, sabbeva vasamanvagū’’ti (saṃ. ni. 1.62) evamādisamānayanena imissā desanāya saṃsandanā desanānusandhi. Padānusandhiyo pana suviññeyyāvāti. Ayaṃ catubyūho hārasampāto.
ตตฺถ กตโม อาวโฎฺฎ หารสมฺปาโต? ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ ตตฺถ ยานิ ตีณิ กุสลมูลานิ, ตานิ อฎฺฐนฺนํ สมฺมตฺตานํ เหตุฯ เย สมฺมตฺตา, อยํ อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ ยํ มโนสหชนามรูปํ, อิทํ ทุกฺขํฯ อสมุจฺฉินฺนา ปุริมนิปฺผนฺนา อวิชฺชา ภวตณฺหา, อยํ สมุทโยฯ ยตฺถ เตสํ ปหานํ, อยํ นิโรโธติ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิฯ อยํ อาวโฎฺฎ หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo āvaṭṭo hārasampāto? ‘‘Manopubbaṅgamā dhammā’’ti tattha yāni tīṇi kusalamūlāni, tāni aṭṭhannaṃ sammattānaṃ hetu. Ye sammattā, ayaṃ aṭṭhaṅgiko maggo. Yaṃ manosahajanāmarūpaṃ, idaṃ dukkhaṃ. Asamucchinnā purimanipphannā avijjā bhavataṇhā, ayaṃ samudayo. Yattha tesaṃ pahānaṃ, ayaṃ nirodhoti imāni cattāri saccāni. Ayaṃ āvaṭṭo hārasampāto.
ตตฺถ กตโม วิภตฺติหารสมฺปาโต? ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มนสา เจ ปสเนฺนน, ตโต นํ สุขมเนฺวตี’’ติ นยิทํ ยถารุตวเสน คเหตพฺพํฯ โย หิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ปาณาติปาติมฺหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิเก มิจฺฉาปฎิปเนฺน สกํ จิตฺตํ ปสาเทติ, ปสเนฺนน จ จิเตฺตน อภูตคุณาภิตฺถวนวเสน ภาสติ วา นิปจฺจการํ วาสฺส ยํ กโรติ, น ตโต นํ สุขมเนฺวติฯ ทุกฺขเมว ปน ตํ ตโต จกฺกํว วหโต ปทมเนฺวติฯ อิติ หิ อิทํ วิภชฺชพฺยากรณียํฯ ยํ มนสา เจ ปสเนฺนน ภาสติ วา กโรติ วา, ตเญฺจ วจีกมฺมํ กายกมฺมญฺจ สุขเวทนียนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สมฺมตฺตคเตหิ สุขเวทนียํ มิจฺฉาคเตหิ ทุกฺขเวทนียนฺติฯ กถํ ปนายํ ปสาโท ทฎฺฐโพฺพ? นายํ ปสาโท, ปสาทปติรูปโก ปน มิจฺฉาธิโมโกฺขติ วทามิฯ อยํ วิภตฺติหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo vibhattihārasampāto? ‘‘Manopubbaṅgamā dhammā, manasā ce pasannena, tato naṃ sukhamanvetī’’ti nayidaṃ yathārutavasena gahetabbaṃ. Yo hi samaṇo vā brāhmaṇo vā pāṇātipātimhi micchādiṭṭhike micchāpaṭipanne sakaṃ cittaṃ pasādeti, pasannena ca cittena abhūtaguṇābhitthavanavasena bhāsati vā nipaccakāraṃ vāssa yaṃ karoti, na tato naṃ sukhamanveti. Dukkhameva pana taṃ tato cakkaṃva vahato padamanveti. Iti hi idaṃ vibhajjabyākaraṇīyaṃ. Yaṃ manasā ce pasannena bhāsati vā karoti vā, tañce vacīkammaṃ kāyakammañca sukhavedanīyanti. Taṃ kissa hetu? Sammattagatehi sukhavedanīyaṃ micchāgatehi dukkhavedanīyanti. Kathaṃ panāyaṃ pasādo daṭṭhabbo? Nāyaṃ pasādo, pasādapatirūpako pana micchādhimokkhoti vadāmi. Ayaṃ vibhattihārasampāto.
ตตฺถ กตโม ปริวตฺตโน หารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมาติอาทิฯ ยํ มนสา ปทุเฎฺฐน ภาสติ วา กโรติ วา ทุกฺขสฺสานุคามีฯ อิทญฺหิ สุตฺตํ เอตสฺส อุชุปฎิปโกฺขฯ อยํ ปริวตฺตโน หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo parivattano hārasampāto? Manopubbaṅgamātiādi. Yaṃ manasā paduṭṭhena bhāsati vā karoti vā dukkhassānugāmī. Idañhi suttaṃ etassa ujupaṭipakkho. Ayaṃ parivattano hārasampāto.
ตตฺถ กตโม เววจโน หารสมฺปาโต? ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติ มโน จิตฺตํ มนายตนํ มนินฺทฺริยํ มโนวิญฺญาณํ มโนวิญฺญาณธาตูติ ปริยายวจนํฯ ปุพฺพงฺคมา ปุเรจาริโน ปุเรคามิโนติ ปริยายวจนํฯ ธมฺมา อตฺตา สภาวาติ ปริยายวจนํฯ เสฎฺฐํ ปธานํ ปวรนฺติ ปริยายวจนํฯ มโนมยา มโนนิพฺพตฺตา มโนสมฺภูตาติ ปริยายวจนํฯ ปสเนฺนน สทฺทหเนฺตน โอกเปฺปเนฺตนาติ ปริยายวจนํฯ สุขํ สาตํ เวทยิตนฺติ ปริยายวจนํฯ อเนฺวติ อนุคจฺฉติ อนุพนฺธตีติ ปริยายวจนํฯ อยํ เววจโน หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo vevacano hārasampāto? ‘‘Manopubbaṅgamā’’ti mano cittaṃ manāyatanaṃ manindriyaṃ manoviññāṇaṃ manoviññāṇadhātūti pariyāyavacanaṃ. Pubbaṅgamā purecārino puregāminoti pariyāyavacanaṃ. Dhammā attā sabhāvāti pariyāyavacanaṃ. Seṭṭhaṃ padhānaṃ pavaranti pariyāyavacanaṃ. Manomayā manonibbattā manosambhūtāti pariyāyavacanaṃ. Pasannena saddahantena okappentenāti pariyāyavacanaṃ. Sukhaṃ sātaṃ vedayitanti pariyāyavacanaṃ. Anveti anugacchati anubandhatīti pariyāyavacanaṃ. Ayaṃ vevacano hārasampāto.
ตตฺถ กตโม ปญฺญตฺติหารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมาติ อยํ มนโส กิจฺจปญฺญตฺติฯ ธมฺมาติ สภาวปญฺญตฺติ, กุสลกมฺมปถปญฺญตฺติฯ มโนเสฎฺฐาติ ปธานปญฺญตฺติฯ มโนมยาติ สหชาตปญฺญตฺติฯ ปสเนฺนนาติ สทฺธินฺทฺริเยน สมนฺนาคตปญฺญตฺติ, อสฺสทฺธิยสฺส ปฎิเกฺขปปญฺญตฺติฯ ภาสติ วา กโรติ วาติ สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตานํ นิเกฺขปปญฺญตฺติฯ ตโต นํ สุขมเนฺวตีติ กมฺมสฺส ผลานุพนฺธปญฺญตฺติ, กมฺมสฺส อวินาสปญฺญตฺตีติฯ อยํ ปญฺญตฺติหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo paññattihārasampāto? Manopubbaṅgamāti ayaṃ manaso kiccapaññatti. Dhammāti sabhāvapaññatti, kusalakammapathapaññatti. Manoseṭṭhāti padhānapaññatti. Manomayāti sahajātapaññatti. Pasannenāti saddhindriyena samannāgatapaññatti, assaddhiyassa paṭikkhepapaññatti. Bhāsati vā karoti vāti sammāvācāsammākammantānaṃ nikkhepapaññatti. Tato naṃ sukhamanvetīti kammassa phalānubandhapaññatti, kammassa avināsapaññattīti. Ayaṃ paññattihārasampāto.
ตตฺถ กตโม โอตรโณ หารสมฺปาโต? มโนติ วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ ธมฺมาติ เวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขนฺธาฯ ภาสติ วา กโรติ วาติ กายวจีวิญฺญตฺติโยฯ ตาสํ นิสฺสยา จตฺตาโร มหาภูตาติ รูปกฺขโนฺธติ อยํ ขเนฺธหิ โอตรโณฯ มโนติ อภิสงฺขารวิญฺญาณนฺติ มโนคฺคหเณน อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา คหิตาติฯ สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ…เป.… สมุทโย โหตีติ อยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเทน โอตรโณติฯ อยํ โอตรโณ หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo otaraṇo hārasampāto? Manoti viññāṇakkhandho. Dhammāti vedanāsaññāsaṅkhārakkhandhā. Bhāsati vā karoti vāti kāyavacīviññattiyo. Tāsaṃ nissayā cattāro mahābhūtāti rūpakkhandhoti ayaṃ khandhehi otaraṇo. Manoti abhisaṅkhāraviññāṇanti manoggahaṇena avijjāpaccayā saṅkhārā gahitāti. Saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ…pe… samudayo hotīti ayaṃ paṭiccasamuppādena otaraṇoti. Ayaṃ otaraṇo hārasampāto.
ตตฺถ กตโม โสธโน หารสมฺปาโต? มโนติ อารโมฺภ เนว ปทสุทฺธิ, น อารมฺภสุทฺธิฯ มโนปุพฺพงฺคมาติ ปทสุทฺธิ, น อารมฺภสุทฺธิฯ ตถา ธมฺมาติ ยาว สุขนฺติ ปทสุทฺธิ, น อารมฺภสุทฺธิฯ สุขมเนฺวตีติ ปน ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จาติฯ อยํ โสธโน หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo sodhano hārasampāto? Manoti ārambho neva padasuddhi, na ārambhasuddhi. Manopubbaṅgamāti padasuddhi, na ārambhasuddhi. Tathā dhammāti yāva sukhanti padasuddhi, na ārambhasuddhi. Sukhamanvetīti pana padasuddhi ceva ārambhasuddhi cāti. Ayaṃ sodhano hārasampāto.
ตตฺถ กตโม อธิฎฺฐาโน หารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฎฺฐา มโนมยาติ เอกตฺตตาฯ มนสา เจ ปสเนฺนนาติ เวมตฺตตา, ตถา มนสา เจ ปสเนฺนนาติ เอกตฺตตาฯ ภาสติ วา กโรติ วาติ เวมตฺตตา, ตถา มนสา เจ ปสเนฺนนาติ เอกตฺตตาฯ โส ปสาโท ทุวิโธ อชฺฌตฺตญฺจ พฺยาปาทวิกฺขมฺภนโต, พหิทฺธา จ โอกปฺปนโตฯ ตถา สมฺปตฺติภวเหตุภูโตปิ วฑฺฒิเหตุภูโตวาติ อยํ เวมตฺตตาฯ ตยิทํ สุตฺตํ ทฺวีหิ อากาเรหิ อธิฎฺฐาตพฺพํ เหตุนา จ โย ปสนฺนมานโส, วิปาเกน จ โย สุขเวทนีโยติฯ อยํ อธิฎฺฐาโน หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo adhiṭṭhāno hārasampāto? Manopubbaṅgamā dhammā, manoseṭṭhā manomayāti ekattatā. Manasā ce pasannenāti vemattatā, tathā manasā ce pasannenāti ekattatā. Bhāsati vā karoti vāti vemattatā, tathā manasā ce pasannenāti ekattatā. So pasādo duvidho ajjhattañca byāpādavikkhambhanato, bahiddhā ca okappanato. Tathā sampattibhavahetubhūtopi vaḍḍhihetubhūtovāti ayaṃ vemattatā. Tayidaṃ suttaṃ dvīhi ākārehi adhiṭṭhātabbaṃ hetunā ca yo pasannamānaso, vipākena ca yo sukhavedanīyoti. Ayaṃ adhiṭṭhāno hārasampāto.
ตตฺถ กตโม ปริกฺขาโร หารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมาติ เอตฺถ มโนติ กุสลวิญฺญาณํฯ ตสฺส จ ญาณสมฺปยุตฺตสฺส อโลโภ อโทโส อโมโหติ ตโย สมฺปยุตฺตา เหตู, ญาณวิปฺปยุตฺตสฺส อโลโภ อโทโสติ เทฺว สมฺปยุตฺตา เหตูฯ สเพฺพสํ อวิเสเสน โยนิโสมนสิกาโร เหตุ, จตฺตาริ สมฺปตฺติจกฺกานิ ปจฺจโยฯ ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ, ตสฺส จ ทานาทิวเสน ปวตฺตมานสฺส เทยฺยธมฺมาทโย ปจฺจโยฯ ธมฺมาติ เจตฺถ เวทนาทีนํ อิฎฺฐารมฺมณาทโยฯ ตถา ตโย วิญฺญาณสฺส, เวทนาทโย ปสาทสฺส, สเทฺธยฺยวตฺถุกุสลาภิสงฺขาโร วิปากสุขสฺส ปจฺจโยติฯ อยํ ปริกฺขาโร หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo parikkhāro hārasampāto? Manopubbaṅgamāti ettha manoti kusalaviññāṇaṃ. Tassa ca ñāṇasampayuttassa alobho adoso amohoti tayo sampayuttā hetū, ñāṇavippayuttassa alobho adosoti dve sampayuttā hetū. Sabbesaṃ avisesena yonisomanasikāro hetu, cattāri sampatticakkāni paccayo. Tathā saddhammassavanaṃ, tassa ca dānādivasena pavattamānassa deyyadhammādayo paccayo. Dhammāti cettha vedanādīnaṃ iṭṭhārammaṇādayo. Tathā tayo viññāṇassa, vedanādayo pasādassa, saddheyyavatthukusalābhisaṅkhāro vipākasukhassa paccayoti. Ayaṃ parikkhāro hārasampāto.
ตตฺถ กตโม สมาโรปโน หารสมฺปาโต? มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมาติ มโนติ ปุญฺญจิตฺตํ, ตํ ติวิธํ – ทานมยํ, สีลมยํ, ภาวนามยนฺติฯ ตตฺถ ทานมยสฺส อโลโภ ปทฎฺฐานํ, สีลมยสฺส อโทโส ปทฎฺฐานํ, ภาวนามยสฺส อโมโห ปทฎฺฐานํฯ สเพฺพสํ อภิปฺปสาโท ปทฎฺฐานํ, ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมโนฺต ปยิรุปาสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๓) สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํฯ กุสลจิตฺตํ สุขสฺส อิฎฺฐวิปากสฺส ปทฎฺฐานํฯ โยนิโสมนสิกาโร กุสลจิตฺตสฺส ปทฎฺฐานํฯ โยนิโส หิ มนสิ กโรโนฺต กุสลจิตฺตํ อธิฎฺฐาติ กุสลจิตฺตํ ภาเวติ, โส อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ…เป.… ปทหติฯ ตเสฺสวํ จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสุ ภาวิยมาเนสุ จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ยาว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตีติ อยํ ภาวนาย สมาโรปนาฯ สติ จ ภาวนาย ปหานญฺจ สิทฺธเมวาติฯ อยํ สมาโรปโน หารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo samāropano hārasampāto? Manopubbaṅgamā dhammāti manoti puññacittaṃ, taṃ tividhaṃ – dānamayaṃ, sīlamayaṃ, bhāvanāmayanti. Tattha dānamayassa alobho padaṭṭhānaṃ, sīlamayassa adoso padaṭṭhānaṃ, bhāvanāmayassa amoho padaṭṭhānaṃ. Sabbesaṃ abhippasādo padaṭṭhānaṃ, ‘‘saddhājāto upasaṅkamati, upasaṅkamanto payirupāsatī’’ti (ma. ni. 2.183) suttaṃ vitthāretabbaṃ. Kusalacittaṃ sukhassa iṭṭhavipākassa padaṭṭhānaṃ. Yonisomanasikāro kusalacittassa padaṭṭhānaṃ. Yoniso hi manasi karonto kusalacittaṃ adhiṭṭhāti kusalacittaṃ bhāveti, so anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janeti, uppannānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ…pe… padahati. Tassevaṃ catūsu sammappadhānesu bhāviyamānesu cattāro satipaṭṭhānā yāva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo bhāvanāpāripūriṃ gacchatīti ayaṃ bhāvanāya samāropanā. Sati ca bhāvanāya pahānañca siddhamevāti. Ayaṃ samāropano hārasampāto.
ตถา –
Tathā –
‘‘ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ, สํยมโต เวรํ น จียติ;
‘‘Dadato puññaṃ pavaḍḍhati, saṃyamato veraṃ na cīyati;
กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ, ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโต’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๑๙๗; อุทา. ๗๕; เปฎโก. ๑๖);
Kusalo ca jahāti pāpakaṃ, rāgadosamohakkhayā sa nibbuto’’ti. (dī. ni. 2.197; udā. 75; peṭako. 16);
ตตฺถ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ วุตฺตํฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ วุตฺตํฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ โลภสฺส จ โทสสฺส จ โมหสฺส จ ปหานมาหฯ เตน ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ วุตฺตํฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อนุปาทาปรินิพฺพานมาหฯ
Tattha dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti dānamayaṃ puññakiriyavatthu vuttaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti sīlamayaṃ puññakiriyavatthu vuttaṃ. Kusalo ca jahāti pāpakanti lobhassa ca dosassa ca mohassa ca pahānamāha. Tena bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu vuttaṃ. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti anupādāparinibbānamāha.
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ อโลโภ กุสลมูลํฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ อโทโส กุสลมูลํฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ อโมโห กุสลมูลํฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ เตสํ นิสฺสรณํ วุตฺตํฯ
Dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti alobho kusalamūlaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti adoso kusalamūlaṃ. Kusalo ca jahāti pāpakanti amoho kusalamūlaṃ. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti tesaṃ nissaraṇaṃ vuttaṃ.
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ สีลกฺขนฺธสฺส ปทฎฺฐานํฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ สมาธิกฺขนฺธสฺส ปทฎฺฐานํฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ ปญฺญากฺขนฺธสฺส วิมุตฺติกฺขนฺธสฺส ปทฎฺฐานํฯ ทาเนน โอฬาริกานํ กิเลสานํ ปหานํ, สีเลน มชฺฌิมานํ, ปญฺญาย สุขุมานํฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ กตาวีภูมิํ ทเสฺสติฯ
Dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti sīlakkhandhassa padaṭṭhānaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti samādhikkhandhassa padaṭṭhānaṃ. Kusalo ca jahāti pāpakanti paññākkhandhassa vimuttikkhandhassa padaṭṭhānaṃ. Dānena oḷārikānaṃ kilesānaṃ pahānaṃ, sīlena majjhimānaṃ, paññāya sukhumānaṃ. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti katāvībhūmiṃ dasseti.
ททโต ปุญฺญํ…เป.… ชหาติ ปาปกนฺติ เสกฺขภูมิ ทสฺสิตาฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อคฺคผลํ วุตฺตํฯ
Dadato puññaṃ…pe… jahāti pāpakanti sekkhabhūmi dassitā. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti aggaphalaṃ vuttaṃ.
ตถา ททโต ปุญฺญํ…เป.… น จียตีติ โลกิยกุสลมูลํ วุตฺตํฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ โลกุตฺตรกุสลมูลํ วุตฺตํฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ โลกุตฺตรสฺส กุสลมูลสฺส ผลํ วุตฺตํฯ
Tathā dadato puññaṃ…pe… na cīyatīti lokiyakusalamūlaṃ vuttaṃ. Kusalo ca jahāti pāpakanti lokuttarakusalamūlaṃ vuttaṃ. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti lokuttarassa kusalamūlassa phalaṃ vuttaṃ.
ททโต…เป.… น จียตีติ ปุถุชฺชนภูมิ ทสฺสิตาฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ เสกฺขภูมิ ทสฺสิตาฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อเสกฺขภูมิ ทสฺสิตาฯ
Dadato…pe… na cīyatīti puthujjanabhūmi dassitā. Kusalo ca jahāti pāpakanti sekkhabhūmi dassitā. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti asekkhabhūmi dassitā.
ททโต …เป.… น จียตีติ สคฺคคามินี ปฎิปทา วุตฺตาฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ เสกฺขวิมุตฺติฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อเสกฺขวิมุตฺติ วุตฺตาฯ
Dadato …pe… na cīyatīti saggagāminī paṭipadā vuttā. Kusalo ca jahāti pāpakanti sekkhavimutti. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti asekkhavimutti vuttā.
ททโต…เป.… น จียตีติ ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ โลกิยานํ ธมฺมานํ เทสนมาหฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ โลเก อาทีนวานุปสฺสนาย สทฺธิํ สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนมาหฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ ตสฺสา เทสนาย ผลมาหฯ
Dadato…pe… na cīyatīti dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ lokiyānaṃ dhammānaṃ desanamāha. Kusalo ca jahāti pāpakanti loke ādīnavānupassanāya saddhiṃ sāmukkaṃsikaṃ dhammadesanamāha. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti tassā desanāya phalamāha.
ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ ธมฺมทานํ อามิสทานญฺจ วทติฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สตฺตานํ อภยทานํ วทติฯ เอวํ สพฺพานิปิ สิกฺขาปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิฯ เตน จ สีลสํยเมน สีเล ปติฎฺฐิโต จิตฺตํ สํยเมติ, ตสฺส สมโถ ปาริปูริํ คจฺฉติฯ เอวํ โส สมเถ ฐิโต วิปสฺสนาโกสลฺลโยคโต กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ ราคํ ชหาติ, โทสํ ชหาติ, โมหํ ชหาติ, อริยมเคฺคน สเพฺพปิ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ชหาติฯ เอวํ ปฎิปโนฺน จ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ ราคาทีนํ ปริกฺขยา เทฺวปิ วิมุตฺติโย อธิคจฺฉตีติ อยํ สุตฺตนิเทฺทโสฯ
Dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti dhammadānaṃ āmisadānañca vadati. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti pāṇātipātā veramaṇiyā sattānaṃ abhayadānaṃ vadati. Evaṃ sabbānipi sikkhāpadāni vitthāretabbāni. Tena ca sīlasaṃyamena sīle patiṭṭhito cittaṃ saṃyameti, tassa samatho pāripūriṃ gacchati. Evaṃ so samathe ṭhito vipassanākosallayogato kusalo ca jahāti pāpakaṃ rāgaṃ jahāti, dosaṃ jahāti, mohaṃ jahāti, ariyamaggena sabbepi pāpake akusale dhamme jahāti. Evaṃ paṭipanno ca rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti rāgādīnaṃ parikkhayā dvepi vimuttiyo adhigacchatīti ayaṃ suttaniddeso.
ตตฺถ กตโม เทสนาหารสมฺปาโต? อิมสฺมิํ สุเตฺต กิํ เทสิตํ? เทฺว สุคติโย เทวา จ มนุสฺสา จ, ทิพฺพา จ ปญฺจ กามคุณา, มานุสกา จ ปญฺจ กามคุณา, ทิพฺพา จ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, มานุสกา จ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธาฯ อิทํ วุจฺจติ ทุกฺขํ อริยสจฺจํฯ ตสฺส การณภาเวน ปุริมปุริมนิปฺผนฺนา ตณฺหา สมุทโย อริยสจฺจํฯ ตยิทํ วุจฺจติ อสฺสาโท จ อาทีนโว จฯ สพฺพสฺส ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ นิเทฺทโส ‘‘ททโต…เป.… น จียตี’’ติฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ มโคฺค วุโตฺตฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ เทฺว นิพฺพานธาตุโย สอุปาทิเสสา จ อนุปาทิเสสา จฯ อิทํ นิสฺสรณํฯ ผลาทีนิ ปน ยถารหํ เวทิตพฺพานีติฯ อยํ เทสนาหารสมฺปาโตฯ
Tattha katamo desanāhārasampāto? Imasmiṃ sutte kiṃ desitaṃ? Dve sugatiyo devā ca manussā ca, dibbā ca pañca kāmaguṇā, mānusakā ca pañca kāmaguṇā, dibbā ca pañcupādānakkhandhā, mānusakā ca pañcupādānakkhandhā. Idaṃ vuccati dukkhaṃ ariyasaccaṃ. Tassa kāraṇabhāvena purimapurimanipphannā taṇhā samudayo ariyasaccaṃ. Tayidaṃ vuccati assādo ca ādīnavo ca. Sabbassa purimehi dvīhi padehi niddeso ‘‘dadato…pe… na cīyatī’’ti. Kusalo ca jahāti pāpakanti maggo vutto. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti dve nibbānadhātuyo saupādisesā ca anupādisesā ca. Idaṃ nissaraṇaṃ. Phalādīni pana yathārahaṃ veditabbānīti. Ayaṃ desanāhārasampāto.
วิจโยติ ‘‘ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตี’’ติ อิมินา ปฐเมน ปเทน ติวิธมฺปิ ทานมยํ สีลมยํ ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ วุตฺตํฯ ทสวิธสฺสปิ เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจาโค วุโตฺตฯ ตถา ฉพฺพิธสฺสปิ รูปาทิอารมฺมณสฺสฯ ‘‘สํยมโต เวรํ น จียตี’’ติ ทุติเยน ปเทน อเวรา อสปตฺตา อพฺยาปาทา จ ปฎิปทา วุตฺตาฯ ‘‘กุสโล จ ชหาติ ปาปก’’นฺติ ตติเยน ปเทน ญาณุปฺปาโท อญฺญาณนิโรโธ สโพฺพปิ อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค สเพฺพปิ โพธิปกฺขิยา ธมฺมา วุตฺตา ฯ ‘‘ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโต’’ติ ราคกฺขเยน ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, โมหกฺขเยน อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ วุตฺตาติฯ อยํ วิจโย หารสมฺปาโตฯ
Vicayoti ‘‘dadato puññaṃ pavaḍḍhatī’’ti iminā paṭhamena padena tividhampi dānamayaṃ sīlamayaṃ bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu vuttaṃ. Dasavidhassapi deyyadhammassa pariccāgo vutto. Tathā chabbidhassapi rūpādiārammaṇassa. ‘‘Saṃyamato veraṃ na cīyatī’’ti dutiyena padena averā asapattā abyāpādā ca paṭipadā vuttā. ‘‘Kusalo ca jahāti pāpaka’’nti tatiyena padena ñāṇuppādo aññāṇanirodho sabbopi ariyo aṭṭhaṅgiko maggo sabbepi bodhipakkhiyā dhammā vuttā . ‘‘Rāgadosamohakkhayā sa nibbuto’’ti rāgakkhayena rāgavirāgā cetovimutti, mohakkhayena avijjāvirāgā paññāvimutti vuttāti. Ayaṃ vicayo hārasampāto.
ยุตฺตีติ ทาเน ฐิโต อุภยํ ปริปูเรติ มจฺฉริยปฺปหานญฺจ ปุญฺญาภิสนฺทญฺจาติ อเตฺถสา ยุตฺติฯ สีลสํยเม ฐิโต อุภยํ ปริปูเรติ อุปจารสมาธิํ อปฺปนาสมาธิญฺจาติ อเตฺถสา ยุตฺติฯ ปาปเก ธเมฺม ปชหโนฺต ทุกฺขํ ปริชานาติ, นิโรธํ สจฺฉิกโรติ, มคฺคํ ภาเวตีติ อเตฺถสา ยุตฺติฯ ราคโทสโมเหสุ สพฺพโส ปริกฺขีเณสุ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายตีติ อเตฺถสา ยุตฺตีติฯ อยํ ยุตฺติหารสมฺปาโตฯ
Yuttīti dāne ṭhito ubhayaṃ paripūreti macchariyappahānañca puññābhisandañcāti atthesā yutti. Sīlasaṃyame ṭhito ubhayaṃ paripūreti upacārasamādhiṃ appanāsamādhiñcāti atthesā yutti. Pāpake dhamme pajahanto dukkhaṃ parijānāti, nirodhaṃ sacchikaroti, maggaṃ bhāvetīti atthesā yutti. Rāgadosamohesu sabbaso parikkhīṇesu anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyatīti atthesā yuttīti. Ayaṃ yuttihārasampāto.
ปทฎฺฐานนฺติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ จาคาธิฎฺฐานสฺส ปทฎฺฐานํฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ สจฺจาธิฎฺฐานสฺส ปทฎฺฐานํฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ ปญฺญาธิฎฺฐานสฺส ปทฎฺฐานํฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อุปสมาธิฎฺฐานสฺส ปทฎฺฐานนฺติฯ อยํ ปทฎฺฐาโน หารสมฺปาโตฯ
Padaṭṭhānanti dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti cāgādhiṭṭhānassa padaṭṭhānaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti saccādhiṭṭhānassa padaṭṭhānaṃ. Kusalo ca jahāti pāpakanti paññādhiṭṭhānassa padaṭṭhānaṃ. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti upasamādhiṭṭhānassa padaṭṭhānanti. Ayaṃ padaṭṭhāno hārasampāto.
ลกฺขโณติ ‘‘ททโต’’ติ เอเตน เปยฺยวชฺชํ อตฺถจริยํ สมานตฺตตา จ ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา สงฺคหวตฺถุภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘สํยมโต’’ติ เอเตน ขนฺติเมตฺตาอวิหิํสาอนุทฺทยาทโย ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา เวรานุปฺปาทนลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘เวรํ น จียตี’’ติ เอเตน หิรีโอตฺตปฺปอปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐิตาทโย ทสฺสิตา เวราวฑฺฒเนน เอกลกฺขณตฺตาฯ ตถา อหิรีกาโนตฺตปฺปาทโย อเจตพฺพภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘กุสโล’’ติ เอเตน โกสลฺลทีปเนน สมฺมาสงฺกปฺปาทโย ทสฺสิตา มคฺคงฺคาทิภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘ชหาติ ปาปก’’นฺติ เอเตน ปริญฺญาภิสมยาทโยปิ ทสฺสิตา อภิสมยลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตาฯ ‘‘ราคโทสโมหกฺขยา’’ติ เอเตน อวสิฎฺฐกิเลสาทีนมฺปิ ขยา ทสฺสิตา เขเปตพฺพภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ อยํ ลกฺขโณฯ
Lakkhaṇoti ‘‘dadato’’ti etena peyyavajjaṃ atthacariyaṃ samānattatā ca dassitāti veditabbā saṅgahavatthubhāvena ekalakkhaṇattā. ‘‘Saṃyamato’’ti etena khantimettāavihiṃsāanuddayādayo dassitāti veditabbā verānuppādanalakkhaṇena ekalakkhaṇattā. ‘‘Veraṃ na cīyatī’’ti etena hirīottappaappicchatāsantuṭṭhitādayo dassitā verāvaḍḍhanena ekalakkhaṇattā. Tathā ahirīkānottappādayo acetabbabhāvena ekalakkhaṇattā. ‘‘Kusalo’’ti etena kosalladīpanena sammāsaṅkappādayo dassitā maggaṅgādibhāvena ekalakkhaṇattā. ‘‘Jahāti pāpaka’’nti etena pariññābhisamayādayopi dassitā abhisamayalakkhaṇena ekalakkhaṇattā. ‘‘Rāgadosamohakkhayā’’ti etena avasiṭṭhakilesādīnampi khayā dassitā khepetabbabhāvena ekalakkhaṇattāti ayaṃ lakkhaṇo.
จตุพฺยูโหติ ททโตติ คาถายํ ภควโต โก อธิปฺปาโย? เย มหาโภคตํ ปตฺถยิสฺสนฺติ, เต ทานํ ทสฺสนฺติ ทาลิทฺทิยปฺปหานายฯ เย อเวรตํ อิจฺฉนฺติ, เต ปญฺจ เวรานิ ปชหิสฺสนฺติฯ เย กุสลธเมฺมหิ ฉนฺทกามา, เต อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสนฺติฯ เย นิพฺพายิตุกามา, เต ราคโทสโมหํ ปชหิสฺสนฺตีติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโยฯ เอวํ นิพฺพจนนิทานสนฺธโย วตฺตพฺพาติฯ อยํ จตุพฺยูโหฯ
Catubyūhoti dadatoti gāthāyaṃ bhagavato ko adhippāyo? Ye mahābhogataṃ patthayissanti, te dānaṃ dassanti dāliddiyappahānāya. Ye averataṃ icchanti, te pañca verāni pajahissanti. Ye kusaladhammehi chandakāmā, te aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvessanti. Ye nibbāyitukāmā, te rāgadosamohaṃ pajahissantīti ayamettha bhagavato adhippāyo. Evaṃ nibbacananidānasandhayo vattabbāti. Ayaṃ catubyūho.
อาวโฎฺฎติ ยญฺจ อททโต มจฺฉริยํ, ยญฺจ อสํยมโต เวรํ, ยญฺจ อกุสลสฺส ปาปสฺส อปฺปหานํ, อยํ ปฎิปกฺขนิเทฺทเสน สมุทโยฯ ตสฺส อโลเภน จ อโทเสน จ อโมเหน จ ทานาทีหิ ปหานํ, อิมานิ ตีณิ กุสลมูลานิฯ เตสํ ปจฺจโย อฎฺฐ สมฺมตฺตานิ, อยํ มโคฺคฯ โย ราคโทสโมหานํ ขโย, อยํ นิโรโธติฯ อยํ อาวโฎฺฎฯ
Āvaṭṭoti yañca adadato macchariyaṃ, yañca asaṃyamato veraṃ, yañca akusalassa pāpassa appahānaṃ, ayaṃ paṭipakkhaniddesena samudayo. Tassa alobhena ca adosena ca amohena ca dānādīhi pahānaṃ, imāni tīṇi kusalamūlāni. Tesaṃ paccayo aṭṭha sammattāni, ayaṃ maggo. Yo rāgadosamohānaṃ khayo, ayaṃ nirodhoti. Ayaṃ āvaṭṭo.
วิภตฺตีติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ เอกํเสน โย ภยเหตุ เทติ, ราคเหตุ เทติ, อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ เทติ, น ตสฺส ปุญฺญํ วฑฺฒติฯ ยญฺจ ทณฺฑทานํ สตฺถทานํ ปรวิเหฐนตฺถํ อปุญฺญํ อสฺส ปวฑฺฒติฯ ยํ ปน กุสเลน จิเตฺตน อนุกมฺปโนฺต วา อปจายมาโน วา อนฺนํ เทติ, ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถํ ปทีเปยฺยํ เทติ, สพฺพสตฺตานํ วา อภยทานํ เทติ, เมตฺตจิโตฺต หิตชฺฌาสโย นิสฺสรณสญฺญี ธมฺมํ เทเสติฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ เอกํเสน อภยูปรตสฺส จียติ, กิํการณํ? ยํ อสมโตฺถ, ภยูปรโต ทิฎฺฐธมฺมิกสฺส ภายติ ‘‘มา มํ ราชาโน คเหตฺวา หตฺถํ วา ฉิเนฺทยฺยุํ…เป.… ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสยฺยุ’’นฺติ, เตน สํยเมน อเวรํ จียติฯ โย ปน เอวํ สมาโน เวรํ น จียติฯ โย ปน เอวํ สมาทิยติ, ปาณาติปาตสฺส ปาปโก วิปาโก ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺม อภิสมฺปราเย จ, เอวํ สพฺพสฺส อกุสลสฺส, โส ตโต อารมติ, อิมินา สํยเมน เวรํ น จียติฯ สํยโม นาม สีลํฯ ตํ จตุพฺพิธํ เจตนา สีลํ, เจตสิกํ สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีลนฺติฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ ปาปปหายกา สตฺตตฺติํส โพธิปกฺขิยา ธมฺมา วตฺตพฺพาติฯ อยํ วิภตฺติฯ
Vibhattīti dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti ekaṃsena yo bhayahetu deti, rāgahetu deti, āmisakiñcikkhahetu deti, na tassa puññaṃ vaḍḍhati. Yañca daṇḍadānaṃ satthadānaṃ paraviheṭhanatthaṃ apuññaṃ assa pavaḍḍhati. Yaṃ pana kusalena cittena anukampanto vā apacāyamāno vā annaṃ deti, pānaṃ vatthaṃ yānaṃ mālāgandhavilepanaṃ seyyāvasathaṃ padīpeyyaṃ deti, sabbasattānaṃ vā abhayadānaṃ deti, mettacitto hitajjhāsayo nissaraṇasaññī dhammaṃ deseti. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti ekaṃsena abhayūparatassa cīyati, kiṃkāraṇaṃ? Yaṃ asamattho, bhayūparato diṭṭhadhammikassa bhāyati ‘‘mā maṃ rājāno gahetvā hatthaṃ vā chindeyyuṃ…pe… jīvantampi sūle uttāseyyu’’nti, tena saṃyamena averaṃ cīyati. Yo pana evaṃ samāno veraṃ na cīyati. Yo pana evaṃ samādiyati, pāṇātipātassa pāpako vipāko diṭṭhe ceva dhamme abhisamparāye ca, evaṃ sabbassa akusalassa, so tato āramati, iminā saṃyamena veraṃ na cīyati. Saṃyamo nāma sīlaṃ. Taṃ catubbidhaṃ cetanā sīlaṃ, cetasikaṃ sīlaṃ, saṃvaro sīlaṃ, avītikkamo sīlanti. Kusalo ca jahāti pāpakanti pāpapahāyakā sattattiṃsa bodhipakkhiyā dhammā vattabbāti. Ayaṃ vibhatti.
ปริวตฺตโนติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ, อททโตปิ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ, น ทานมยิกํฯ สํยมโต เวรํ น จียติ อสํยมโตปิ เวรํ น จียติ, ยํ ทาเนน ปฎิสงฺขานพเลน ภาวนาพเลนฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ, อกุสโล ปน น ชหาติฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโต, เตสํ อปริกฺขยา นตฺถิ นิพฺพุตีติฯ อยํ ปริวตฺตโนฯ
Parivattanoti dadato puññaṃ pavaḍḍhati, adadatopi puññaṃ pavaḍḍhati, na dānamayikaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyati asaṃyamatopi veraṃ na cīyati, yaṃ dānena paṭisaṅkhānabalena bhāvanābalena. Kusalo ca jahāti pāpakaṃ, akusalo pana na jahāti. Rāgadosamohakkhayā sa nibbuto, tesaṃ aparikkhayā natthi nibbutīti. Ayaṃ parivattano.
เววจโนติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติฯ ปริจฺจาคโต กุสลํ อุปจียติฯ อนุโมทโตปิ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ จิตฺตปฺปสาทโตปิ เวยฺยาวจฺจกิริยายปิฯ สํยมโตติ สีลสํวรโต โสรจฺจโตฯ เวรํ น จียตีติ ปาปํ น วฑฺฒติ, อกุสลํ น วฑฺฒติฯ กุสโลติ ปณฺฑิโต นิปุโณ เมธาวี ปริกฺขโกฯ ชหาตีติ สมุจฺฉินฺทติ สมุคฺฆาเฎติฯ อยํ เววจโนฯ
Vevacanoti dadato puññaṃ pavaḍḍhati. Pariccāgato kusalaṃ upacīyati. Anumodatopi puññaṃ pavaḍḍhati cittappasādatopi veyyāvaccakiriyāyapi. Saṃyamatoti sīlasaṃvarato soraccato. Veraṃ na cīyatīti pāpaṃ na vaḍḍhati, akusalaṃ na vaḍḍhati. Kusaloti paṇḍito nipuṇo medhāvī parikkhako. Jahātīti samucchindati samugghāṭeti. Ayaṃ vevacano.
ปญฺญตฺตีติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ โลภสฺส ปฎินิสฺสคฺคปญฺญตฺติ, อโลภสฺส นิเกฺขปปญฺญตฺติฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ โทสสฺส วิกฺขมฺภนปญฺญตฺติ, อโทสสฺส นิเกฺขปปญฺญตฺติฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ โมหสฺส สมุคฺฆาตปญฺญตฺติ, อโมหสฺส ภาวนาปญฺญตฺติฯ ราคโทสโมหสฺส ปหานปญฺญตฺติ, อโลภาโทสาโมหสฺส ภาวนาปญฺญตฺติฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปญฺญตฺติ, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยปญฺญตฺตีติฯ อยํ ปญฺญตฺติฯ
Paññattīti dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti lobhassa paṭinissaggapaññatti, alobhassa nikkhepapaññatti. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti dosassa vikkhambhanapaññatti, adosassa nikkhepapaññatti. Kusalo ca jahāti pāpakanti mohassa samugghātapaññatti, amohassa bhāvanāpaññatti. Rāgadosamohassa pahānapaññatti, alobhādosāmohassa bhāvanāpaññatti. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti kilesānaṃ paṭippassaddhipaññatti, nibbānassa sacchikiriyapaññattīti. Ayaṃ paññatti.
โอตรโณติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ ทานํ นาม สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ โหตีติ อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรโณฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ สํยโม นาม สีลกฺขโนฺธติ อยํ ขเนฺธหิ โอตรโณฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ ปาปปฺปหานํ นาม ตีหิ วิโมเกฺขหิ โหติฯ เตสํ อุปายภูตานิ ตีณิ วิโมกฺขมุขานีติ อยํ วิโมกฺขมุเขหิ โอตรโณฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ วิมุตฺติกฺขโนฺธฯ โส จ ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนญฺจาติ อยํ ธาตูหิ จ อายตเนหิ จ โอตรโณติฯ อยํ โอตรโณฯ
Otaraṇoti dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti dānaṃ nāma saddhādīhi indriyehi hotīti ayaṃ indriyehi otaraṇo. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti saṃyamo nāma sīlakkhandhoti ayaṃ khandhehi otaraṇo. Kusalo ca jahāti pāpakanti pāpappahānaṃ nāma tīhi vimokkhehi hoti. Tesaṃ upāyabhūtāni tīṇi vimokkhamukhānīti ayaṃ vimokkhamukhehi otaraṇo. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti vimuttikkhandho. So ca dhammadhātu dhammāyatanañcāti ayaṃ dhātūhi ca āyatanehi ca otaraṇoti. Ayaṃ otaraṇo.
โสธโนติ ททโตติอาทิกา ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อยํ ปทสุทฺธิ จ อารมฺภสุทฺธิ จาติฯ อยํ โสธโนฯ
Sodhanoti dadatotiādikā padasuddhi, no ārambhasuddhi. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti ayaṃ padasuddhi ca ārambhasuddhi cāti. Ayaṃ sodhano.
อธิฎฺฐาโนติ ททโตติ อยํ เอกตฺตตา, จาโค ปริจฺจาโค ธมฺมทานํ อามิสทานํ อภยทานํ, อฎฺฐ ทานานิ วิตฺถาเรตพฺพานิฯ อยํ เวมตฺตตาฯ สํยโมติ อยํ เอกตฺตตาฯ ปาติโมกฺขสํวโร สติสํวโรติ อยํ เวมตฺตตาฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ อยํ เอกตฺตตาฯ สกฺกายทิฎฺฐิํ ปชหติ วิจิกิจฺฉํ ปชหตีติอาทิกา อยํ เวมตฺตตาฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ อยํ เอกตฺตตาฯ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ อนุปาทิเสสา นิพฺพานธาตูติ อยํ เวมตฺตตาติฯ อยํ อธิฎฺฐาโนฯ
Adhiṭṭhānoti dadatoti ayaṃ ekattatā, cāgo pariccāgo dhammadānaṃ āmisadānaṃ abhayadānaṃ, aṭṭha dānāni vitthāretabbāni. Ayaṃ vemattatā. Saṃyamoti ayaṃ ekattatā. Pātimokkhasaṃvaro satisaṃvaroti ayaṃ vemattatā. Kusalo ca jahāti pāpakanti ayaṃ ekattatā. Sakkāyadiṭṭhiṃ pajahati vicikicchaṃ pajahatītiādikā ayaṃ vemattatā. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti ayaṃ ekattatā. Saupādisesā nibbānadhātu anupādisesā nibbānadhātūti ayaṃ vemattatāti. Ayaṃ adhiṭṭhāno.
ปริกฺขาโรติ ทานสฺส ปาโมชฺชํ ปจฺจโยฯ อโลโภ เหตุ, สํยมสฺส หิโรตฺตปฺปาทโย ปจฺจโยฯ โยนิโสมนสิกาโร อโทโส จ เหตุ, ปาปปฺปหานสฺส สมาธิ ยถาภูตญาณทสฺสนญฺจ ปจฺจโยฯ ติโสฺส อนุปสฺสนา เหตุ, นิพฺพุติยา มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ เหตุ, สมฺมาสงฺกปฺปาทโย ปจฺจโยติฯ อยํ ปริกฺขาโรฯ
Parikkhāroti dānassa pāmojjaṃ paccayo. Alobho hetu, saṃyamassa hirottappādayo paccayo. Yonisomanasikāro adoso ca hetu, pāpappahānassa samādhi yathābhūtañāṇadassanañca paccayo. Tisso anupassanā hetu, nibbutiyā maggasammādiṭṭhi hetu, sammāsaṅkappādayo paccayoti. Ayaṃ parikkhāro.
สมาโรปโน หารสมฺปาโตติ ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒตีติ ทานมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, ตํ สีลสฺส ปทฎฺฐานํฯ สํยมโต เวรํ น จียตีติ สีลมยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุ, ตํ สมาธิสฺส ปทฎฺฐานํฯ สีเลน หิ ฌาเนนปิ ราคาทิกิเลสา น จียนฺติฯ เยปิสฺส ตปฺปจฺจยา อุปฺปเชฺชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, เตปิสฺส น โหนฺติฯ กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ ปหานปริญฺญา, ตํ ภาวนามยํ ปุญฺญกิริยวตฺถุฯ ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ ราคสฺสปิ ขยา โทสสฺสปิ ขยา โมหสฺสปิ ขยาฯ ตตฺถ ราโคติ โย ราโค สาราโค เจตโส สารชฺชนา โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ อภิชฺฌา โลโภ อกุสลมูลํฯ โทโสติ โย โทโส ทุสฺสนา ทุสฺสิตตฺตํ พฺยาปาโท เจตโส พฺยาปชฺชนา โทโส อกุสลมูลํฯ โมโหติ ยํ อญฺญาณํ อทสฺสนํ อนภิสมโย อสโมฺพโธ อปฺปฎิเวโธ ทุเมฺมชฺฌํ พาลฺยํ อสมฺปชญฺญํ โมโห อกุสลมูลํฯ อิติ อิเมสํ ราคาทีนํ ขโย นิโรโธ ปฎินิสฺสโคฺค นิพฺพุติ นิพฺพายนา ปรินิพฺพานํ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ อนุปาทิเสสา นิพฺพานธาตูติฯ อยํ สมาโรปโน หารสมฺปาโตฯ
Samāropanohārasampātoti dadato puññaṃ pavaḍḍhatīti dānamayaṃ puññakiriyavatthu, taṃ sīlassa padaṭṭhānaṃ. Saṃyamato veraṃ na cīyatīti sīlamayaṃ puññakiriyavatthu, taṃ samādhissa padaṭṭhānaṃ. Sīlena hi jhānenapi rāgādikilesā na cīyanti. Yepissa tappaccayā uppajjeyyuṃ āsavā vighātapariḷāhā, tepissa na honti. Kusalo ca jahāti pāpakanti pahānapariññā, taṃ bhāvanāmayaṃ puññakiriyavatthu. Rāgadosamohakkhayā sa nibbutoti rāgassapi khayā dosassapi khayā mohassapi khayā. Tattha rāgoti yo rāgo sārāgo cetaso sārajjanā lobho lubbhanā lubbhitattaṃ abhijjhā lobho akusalamūlaṃ. Dosoti yo doso dussanā dussitattaṃ byāpādo cetaso byāpajjanā doso akusalamūlaṃ. Mohoti yaṃ aññāṇaṃ adassanaṃ anabhisamayo asambodho appaṭivedho dummejjhaṃ bālyaṃ asampajaññaṃ moho akusalamūlaṃ. Iti imesaṃ rāgādīnaṃ khayo nirodho paṭinissaggo nibbuti nibbāyanā parinibbānaṃ saupādisesā nibbānadhātu anupādisesā nibbānadhātūti. Ayaṃ samāropano hārasampāto.
มิสฺสกหารสมฺปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Missakahārasampātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / มิสฺสกหารสมฺปาตวณฺณนา • Missakahārasampātavaṇṇanā