Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๗. มิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา

    7. Mittātherīgāthāvaṇṇanā

    จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสินฺติอาทิกา อปราย มิตฺตาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา พนฺธุมสฺส รโญฺญ อเนฺตปุริกา หุตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต สาวิกํ เอกํ ขีณาสวเตฺถริํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา หุตฺวา ตสฺสา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตสฺส ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา มหเคฺฆน สาฎกยุเคน สทฺธิํ อทาสิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมิํ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา อุปาสิกา อโหสิฯ สา อปรภาเค มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๔๖-๕๙) –

    Cātuddasiṃ pañcadasintiādikā aparāya mittāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle khattiyakule nibbattitvā viññutaṃ patvā bandhumassa rañño antepurikā hutvā vipassissa bhagavato sāvikaṃ ekaṃ khīṇāsavattheriṃ disvā pasannamānasā hutvā tassā hatthato pattaṃ gahetvā paṇītassa khādanīyabhojanīyassa pūretvā mahagghena sāṭakayugena saddhiṃ adāsi. Sā tena puññakammena devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthusmiṃ sakyarājakule nibbattitvā viññutaṃ patvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā upāsikā ahosi. Sā aparabhāge mahāpajāpatigotamiyā santike pabbajitvā katapubbakiccā vipassanāya kammaṃ karontī na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.1.46-59) –

    ‘‘นคเร พนฺธุมติยา, พนฺธุมา นาม ขตฺติโย;

    ‘‘Nagare bandhumatiyā, bandhumā nāma khattiyo;

    ตสฺส รโญฺญ อหุํ ภริยา, เอกชฺฌํ จารยามหํฯ

    Tassa rañño ahuṃ bhariyā, ekajjhaṃ cārayāmahaṃ.

    ‘‘รโหคตา นิสีทิตฺวา, เอวํ จิเนฺตสหํ ตทา;

    ‘‘Rahogatā nisīditvā, evaṃ cintesahaṃ tadā;

    อาทาย คมนียญฺหิ, กุสลํ นตฺถิ เม กตํฯ

    Ādāya gamanīyañhi, kusalaṃ natthi me kataṃ.

    ‘‘มหาภิตาปํ กฎุกํ, โฆรรูปํ สุทารุณํ;

    ‘‘Mahābhitāpaṃ kaṭukaṃ, ghorarūpaṃ sudāruṇaṃ;

    นิรยํ นูน คจฺฉามิ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโยฯ

    Nirayaṃ nūna gacchāmi, ettha me natthi saṃsayo.

    ‘‘ราชานํ อุปสงฺกมฺม, อิทํ วจนมพฺรวิํ;

    ‘‘Rājānaṃ upasaṅkamma, idaṃ vacanamabraviṃ;

    เอกํ เม สมณํ เทหิ, โภชยิสฺสามิ ขตฺติยฯ

    Ekaṃ me samaṇaṃ dehi, bhojayissāmi khattiya.

    ‘‘อทาสิ เม มหาราชา, สมณํ ภาวิตินฺทฺริยํ;

    ‘‘Adāsi me mahārājā, samaṇaṃ bhāvitindriyaṃ;

    ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ปรมเนฺนน ปูรยิํฯ

    Tassa pattaṃ gahetvāna, paramannena pūrayiṃ.

    ‘‘ปูรยิตฺวา ปรมนฺนํ, คนฺธาเลปํ อกาสหํ;

    ‘‘Pūrayitvā paramannaṃ, gandhālepaṃ akāsahaṃ;

    ชาเลน ปิทหิตฺวาน, วตฺถยุเคน ฉาทยิํฯ

    Jālena pidahitvāna, vatthayugena chādayiṃ.

    ‘‘อารมฺมณํ มมํ เอตํ, สรามิ ยาวชีวิตํ;

    ‘‘Ārammaṇaṃ mamaṃ etaṃ, sarāmi yāvajīvitaṃ;

    ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Tattha cittaṃ pasādetvā, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ติํสานํ เทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํ;

    ‘‘Tiṃsānaṃ devarājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ;

    มนสา ปตฺถิตํ มยฺหํ, นิพฺพตฺตติ ยถิจฺฉิตํฯ

    Manasā patthitaṃ mayhaṃ, nibbattati yathicchitaṃ.

    ‘‘วีสานํ จกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยิํ;

    ‘‘Vīsānaṃ cakkavattīnaṃ, mahesittamakārayiṃ;

    โอจิตตฺตาว หุตฺวาน, สํสรามิ ภเวสฺวหํฯ

    Ocitattāva hutvāna, saṃsarāmi bhavesvahaṃ.

    ‘‘สพฺพพนฺธนมุตฺตาหํ , อเปตา เม อุปาทิกา;

    ‘‘Sabbabandhanamuttāhaṃ , apetā me upādikā;

    สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;

    ‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปิณฺฑปาตสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, piṇḍapātassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ (อป. เถรี ๒.๑.๔๖-๕๙);

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti. (apa. therī 2.1.46-59);

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pītisomanassajātā udānavasena –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;

    ‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํฯ

    Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘อุโปสถํ อุปาคจฺฉิํ, เทวกายาภินนฺทินี;

    ‘‘Uposathaṃ upāgacchiṃ, devakāyābhinandinī;

    สาชฺช เอเกน ภเตฺตน, มุณฺฑา สงฺฆาฎิปารุตา;

    Sājja ekena bhattena, muṇḍā saṅghāṭipārutā;

    เทวกายํ น ปเตฺถหํ, วิเนยฺย หทเย ทร’’นฺติฯ – อิมา เทฺว คาถา อภาสิ;

    Devakāyaṃ na patthehaṃ, vineyya hadaye dara’’nti. – imā dve gāthā abhāsi;

    ตตฺถ จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสินฺติ จตุทฺทสนฺนํ ปูรณี จาตุทฺทสี, ปญฺจทสนฺนํ ปูรณี ปญฺจทสี, ตํ จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิญฺจ, ปกฺขสฺสาติ สมฺพโนฺธฯ อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํฯ ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี, ตญฺจาติ โยชนาฯ ปาฎิหาริยปกฺขญฺจาติ ปริหรณกปกฺขญฺจ จาตุทฺทสีปญฺจทสีอฎฺฐมีนํ ยถากฺกมํ อาทิโต อนฺตโต วา ปเวสนิคฺคมวเสน อุโปสถสีลสฺส ปริหริตพฺพปกฺขญฺจ เตรสีปาฎิปทสตฺตมีนวมีสุ จาติ อโตฺถฯ อฎฺฐงฺคสุสมาคตนฺติ ปาณาติปาตา เวรมณิอาทีหิ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สุฎฺฐุ สมนฺนาคตํฯ อุโปสถํ อุปาคจฺฉินฺติ อุปวาสํ อุปคมิํ, อุปวสินฺติ อโตฺถฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    Tattha cātuddasiṃ pañcadasinti catuddasannaṃ pūraṇī cātuddasī, pañcadasannaṃ pūraṇī pañcadasī, taṃ cātuddasiṃ pañcadasiñca, pakkhassāti sambandho. Accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ. Yā ca pakkhassa aṭṭhamī, tañcāti yojanā. Pāṭihāriyapakkhañcāti pariharaṇakapakkhañca cātuddasīpañcadasīaṭṭhamīnaṃ yathākkamaṃ ādito antato vā pavesaniggamavasena uposathasīlassa pariharitabbapakkhañca terasīpāṭipadasattamīnavamīsu cāti attho. Aṭṭhaṅgasusamāgatanti pāṇātipātā veramaṇiādīhi aṭṭhahi aṅgehi suṭṭhu samannāgataṃ. Uposathaṃ upāgacchinti upavāsaṃ upagamiṃ, upavasinti attho. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –

    ‘‘ปาณํ น หเน น จาทินฺนมาทิเย, มุสา น ภาเส น จ มชฺชโป สิยา;

    ‘‘Pāṇaṃ na hane na cādinnamādiye, musā na bhāse na ca majjapo siyā;

    อพฺรหฺมจริยา วิรเมยฺย เมถุนา, รตฺติํ น ภุเญฺชยฺย วิกาลโภชนํฯ

    Abrahmacariyā virameyya methunā, rattiṃ na bhuñjeyya vikālabhojanaṃ.

    ‘‘มาลํ น ธาเร น จ คนฺธมาจเร, มเญฺจ ฉมายํ ว สเยถ สนฺถเต;

    ‘‘Mālaṃ na dhāre na ca gandhamācare, mañce chamāyaṃ va sayetha santhate;

    เอตญฺหิ อฎฺฐงฺคิกมาหุโปสถํ, พุเทฺธน ทุกฺขนฺตคุนา ปกาสิต’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๔๐๒-๔๐๓);

    Etañhi aṭṭhaṅgikamāhuposathaṃ, buddhena dukkhantagunā pakāsita’’nti. (su. ni. 402-403);

    เทวกายาภินนฺทินีติ ตตฺรูปปตฺติอากงฺขาวเสน จาตุมหาราชิกาทิํ เทวกายํ อภิปเตฺถนฺตี อุโปสถํ อุปาคจฺฉินฺติ โยชนาฯ สาชฺช เอเกน ภเตฺตนาติ สา อหํ อชฺช อิมสฺมิํเยว ทิวเส เอเกน ภตฺตโภชนกฺขเณนฯ มุณฺฑา สงฺฆาฎิปารุตาติ มุณฺฑิตเกสา สงฺฆาฎิปารุตสรีรา จ หุตฺวา ปพฺพชิตาติ อโตฺถฯ เทวกายํ น ปเตฺถหนฺติ อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา กญฺจิ เทวนิกายํ อหํ น ปตฺถเยฯ เตเนวาห – ‘‘วิเนยฺย หทเย ทร’’นฺติ, จิตฺตคตํ กิเลสทรถํ สมุเจฺฉทวเสน วิเนตฺวาติ อโตฺถฯ อิทเมว จสฺสา อญฺญาพฺยากรณํ อโหสิฯ

    Devakāyābhinandinīti tatrūpapattiākaṅkhāvasena cātumahārājikādiṃ devakāyaṃ abhipatthentī uposathaṃ upāgacchinti yojanā. Sājja ekenabhattenāti sā ahaṃ ajja imasmiṃyeva divase ekena bhattabhojanakkhaṇena. Muṇḍā saṅghāṭipārutāti muṇḍitakesā saṅghāṭipārutasarīrā ca hutvā pabbajitāti attho. Devakāyaṃ na patthehanti aggamaggassa adhigatattā kañci devanikāyaṃ ahaṃ na patthaye. Tenevāha – ‘‘vineyya hadaye dara’’nti, cittagataṃ kilesadarathaṃ samucchedavasena vinetvāti attho. Idameva cassā aññābyākaraṇaṃ ahosi.

    มิตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mittātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๗. มิตฺตาเถรีคาถา • 7. Mittātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact