Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๖๙] ๙. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา
[369] 9. Mittavindakajātakavaṇṇanā
กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ มหามิตฺตวินฺทกชาตเก (ชา. ๑.๕.๑๐๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ อยํ ปน มิตฺตวินฺทโก สมุเทฺท ขิโตฺต อตฺริโจฺฉ หุตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา เนรยิกสตฺตานํ ปจฺจนฎฺฐานํ อุสฺสทนิรยํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นคร’’นฺติ สญฺญาย ปวิสิตฺวา ขุรจกฺกํ อสฺสาเทสิฯ ตทา โพธิสโตฺต เทวปุโตฺต หุตฺวา อุสฺสทนิรยจาริกํ จรติฯ โส ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Kyāhaṃdevānamakaranti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ dubbacabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Vatthu mahāmittavindakajātake (jā. 1.5.100 ādayo) āvi bhavissati. Ayaṃ pana mittavindako samudde khitto atriccho hutvā purato gantvā nerayikasattānaṃ paccanaṭṭhānaṃ ussadanirayaṃ disvā ‘‘ekaṃ nagara’’nti saññāya pavisitvā khuracakkaṃ assādesi. Tadā bodhisatto devaputto hutvā ussadanirayacārikaṃ carati. So taṃ disvā pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๐๐.
100.
‘‘กฺยาหํ เทวานมกรํ, กิํ ปาปํ ปกตํ มยา;
‘‘Kyāhaṃ devānamakaraṃ, kiṃ pāpaṃ pakataṃ mayā;
ยํ เม สิรสฺมิํ โอหจฺจ, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติฯ
Yaṃ me sirasmiṃ ohacca, cakkaṃ bhamati matthake’’ti.
ตตฺถ กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ สามิ เทวปุตฺต, กิํ นาม อหํ เทวานํ อกริํ, กิํ มํ เทวา โปเถนฺตีติฯ กิํ ปาปํ ปกตํ มยาติ ทุกฺขมหนฺตตาย เวทนาปฺปโตฺต อตฺตนา กตํ ปาปํ อสลฺลเกฺขโนฺต เอวมาหฯ ยํ เมติ เยน ปาเปน มม สิรสฺมิํ โอหจฺจ โอหนิตฺวา อิทํ ขุรจกฺกํ มม มตฺถเก ภมติ, ตํ กิํ นามาติ?
Tattha kyāhaṃ devānamakaranti sāmi devaputta, kiṃ nāma ahaṃ devānaṃ akariṃ, kiṃ maṃ devā pothentīti. Kiṃ pāpaṃ pakataṃ mayāti dukkhamahantatāya vedanāppatto attanā kataṃ pāpaṃ asallakkhento evamāha. Yaṃ meti yena pāpena mama sirasmiṃ ohacca ohanitvā idaṃ khuracakkaṃ mama matthake bhamati, taṃ kiṃ nāmāti?
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto dutiyaṃ gāthamāha –
๑๐๑.
101.
‘‘อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตญฺจ ทูภกํ;
‘‘Atikkamma ramaṇakaṃ, sadāmattañca dūbhakaṃ;
พฺรหฺมตฺตรญฺจ ปาสาทํ, เกนเตฺถน อิธาคโต’’ติฯ
Brahmattarañca pāsādaṃ, kenatthena idhāgato’’ti.
ตตฺถ รมณกนฺติ ผลิกปาสาทํฯ สทามตฺตนฺติ รชตปาสาทํฯ ทูภกนฺติ มณิปาสาทํฯ พฺรหฺมตฺตรญฺจ ปาสาทนฺติ สุวณฺณปาสาทญฺจฯ เกนเตฺถนาติ ตฺวํ เอเตสุ รมณกาทีสุ จตโสฺส อฎฺฐ โสฬส ทฺวตฺติํสาติ เอตา เทวธีตโร ปหาย เต ปาสาเท อติกฺกมิตฺวา เกน การเณน อิธ อาคโตติฯ
Tattha ramaṇakanti phalikapāsādaṃ. Sadāmattanti rajatapāsādaṃ. Dūbhakanti maṇipāsādaṃ. Brahmattarañca pāsādanti suvaṇṇapāsādañca. Kenatthenāti tvaṃ etesu ramaṇakādīsu catasso aṭṭha soḷasa dvattiṃsāti etā devadhītaro pahāya te pāsāde atikkamitvā kena kāraṇena idha āgatoti.
ตโต มิตฺตวินฺทโก ตติยํ คาถมาห –
Tato mittavindako tatiyaṃ gāthamāha –
๑๐๒.
102.
‘‘อิโต พหุตรา โภคา, อตฺร มเญฺญ ภวิสฺสเร;
‘‘Ito bahutarā bhogā, atra maññe bhavissare;
อิติ เอตาย สญฺญาย, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติฯ
Iti etāya saññāya, passa maṃ byasanaṃ gata’’nti.
ตตฺถ อิโต พหุตราติ อิเมสุ จตูสุ ปาสาเทสุ โภเคหิ อติเรกตรา ภวิสฺสนฺติฯ
Tattha ito bahutarāti imesu catūsu pāsādesu bhogehi atirekatarā bhavissanti.
ตโต โพธิสโตฺต เสสคาถา อภาสิ –
Tato bodhisatto sesagāthā abhāsi –
๑๐๓.
103.
‘‘จตุพฺภิ อฎฺฐชฺฌคมา, อฎฺฐาหิปิ จ โสฬส;
‘‘Catubbhi aṭṭhajjhagamā, aṭṭhāhipi ca soḷasa;
โสฬสาหิ จ พาตฺติํส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
Soḷasāhi ca bāttiṃsa, atricchaṃ cakkamāsado;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเกฯ
Icchāhatassa posassa, cakkaṃ bhamati matthake.
๑๐๔.
104.
‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฎคามินี;
‘‘Uparivisālā duppūrā, icchā visaṭagāminī;
เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติฯ
Ye ca taṃ anugijjhanti, te honti cakkadhārino’’ti.
ตตฺถ อุปริวิสาลาติ มิตฺตวินฺทก ตณฺหา นาเมสา อาเสวิยมานา อุปริวิสาลา โหติ ปตฺถฎา, มหาสมุโทฺท วิย ทุปฺปูรา, รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ อารมฺมณํ อิจฺฉมานาย อิจฺฉาย ปตฺถฎาย วิสฎคามินี, ตสฺมา เย ปุริสา ตํ เอวรูปํ ตณฺหํ อนุคิชฺฌนฺติ, ปุนปฺปุนํ คิทฺธา หุตฺวา คณฺหนฺติฯ เต โหนฺติ จกฺกธาริโนติ เต เอตํ ขุรจกฺกํ ธาเรนฺตีติ วทติฯ
Tattha uparivisālāti mittavindaka taṇhā nāmesā āseviyamānā uparivisālā hoti patthaṭā, mahāsamuddo viya duppūrā, rūpādīsu ārammaṇesu taṃ taṃ ārammaṇaṃ icchamānāya icchāya patthaṭāya visaṭagāminī, tasmā ye purisā taṃ evarūpaṃ taṇhaṃ anugijjhanti, punappunaṃ giddhā hutvā gaṇhanti. Te honti cakkadhārinoti te etaṃ khuracakkaṃ dhārentīti vadati.
มิตฺตวินฺทกํ ปน กเถนฺตเมว นิปิสมานํ ตํ ขุรจกฺกํ ภสฺสิ, เตน โส ปุน กเถตุํ นาสกฺขิฯ เทวปุโตฺต อตฺตโน เทวฎฺฐานเมว คโตฯ
Mittavindakaṃ pana kathentameva nipisamānaṃ taṃ khuracakkaṃ bhassi, tena so puna kathetuṃ nāsakkhi. Devaputto attano devaṭṭhānameva gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā mittavindako dubbacabhikkhu ahosi, devaputto pana ahameva ahosi’’nti.
มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Mittavindakajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๖๙. มิตฺตวินฺทกชาตกํ • 369. Mittavindakajātakaṃ