Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๔. โมฆราชเตฺถรคาถาวณฺณนา

    4. Mogharājattheragāthāvaṇṇanā

    ฉวิปาปก จิตฺตภทฺทกาติ อายสฺมโต โมฆราชเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลูขจีวรธรานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ตํ ฐานนฺตรํ อากงฺขโนฺต ปณิธานํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ กโรโนฺต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คโต พฺราหฺมณมาณเว วิชฺชาสิปฺปานิ สิกฺขาเปโนฺต เอกทิวสํ อตฺถทสฺสิํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา สิรสิ อญฺชลิํ กตฺวา ‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา’’ติอาทินา ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา ภาชนํ ปูเรตฺวา มธุํ อุปนาเมสิฯ สตฺถา มธุํ ปฎิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ อกาสิฯ

    Chavipāpakacittabhaddakāti āyasmato mogharājattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro padumuttarassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ lūkhacīvaradharānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā taṃ ṭhānantaraṃ ākaṅkhanto paṇidhānaṃ katvā tattha tattha bhave puññāni karonto atthadassissa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbattitvā brāhmaṇānaṃ vijjāsippesu nipphattiṃ gato brāhmaṇamāṇave vijjāsippāni sikkhāpento ekadivasaṃ atthadassiṃ bhagavantaṃ bhikkhusaṅghaparivutaṃ gacchantaṃ disvā pasannamānaso pañcapatiṭṭhitena vanditvā sirasi añjaliṃ katvā ‘‘yāvatā rūpino sattā’’tiādinā chahi gāthāhi abhitthavitvā bhājanaṃ pūretvā madhuṃ upanāmesi. Satthā madhuṃ paṭiggahetvā anumodanaṃ akāsi.

    โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กฎฺฐวาหนสฺส นาม รโญฺญ อมโจฺจ หุตฺวา เตน สตฺถุ อานยนตฺถํ ปุริสสหเสฺสน เปสิโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ สุคตีสุเยว ปริวเตฺตโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โมฆราชาติ ลทฺธนาโม พาวรีพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตสิโปฺป สํเวคชาโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตาปสสหสฺสปริวาโร อชิตาทีหิ สทฺธิํ สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต เตสํ ปนฺนรสโม หุตฺวา ปเญฺห ปุจฺฉิตฺวา ปญฺหวิสฺสชฺชนปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๖๔-๘๓) –

    So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto kassapassa bhagavato kāle kaṭṭhavāhanassa nāma rañño amacco hutvā tena satthu ānayanatthaṃ purisasahassena pesito satthu santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vīsativassasahassāni samaṇadhammaṃ katvā tato cuto ekaṃ buddhantaraṃ sugatīsuyeva parivattento imasmiṃ buddhuppāde brāhmaṇakule nibbattitvā mogharājāti laddhanāmo bāvarībrāhmaṇassa santike uggahitasippo saṃvegajāto tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā tāpasasahassaparivāro ajitādīhi saddhiṃ satthu santikaṃ pesito tesaṃ pannarasamo hutvā pañhe pucchitvā pañhavissajjanapariyosāne arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.4.64-83) –

    ‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

    ‘‘Atthadassī tu bhagavā, sayambhū aparājito;

    ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูโฬฺห, รถิยํ ปฎิปชฺชถฯ

    Bhikkhusaṅghaparibyūḷho, rathiyaṃ paṭipajjatha.

    ‘‘สิเสฺสหิ สมฺปริวุโต, ฆรมฺหา อภินิกฺขมิํ;

    ‘‘Sissehi samparivuto, gharamhā abhinikkhamiṃ;

    นิกฺขมิตฺวานหํ ตตฺถ, อทฺทสํ โลกนายกํฯ

    Nikkhamitvānahaṃ tattha, addasaṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘อภิวาทิย สมฺพุทฺธํ, สิเร กตฺวาน อญฺชลิํ;

    ‘‘Abhivādiya sambuddhaṃ, sire katvāna añjaliṃ;

    สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สนฺถวิํ โลกนายกํฯ

    Sakaṃ cittaṃ pasādetvā, santhaviṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา, อรูปี วา อสญฺญิโน;

    ‘‘Yāvatā rūpino sattā, arūpī vā asaññino;

    สเพฺพ เต ตว ญาณมฺหิ, อโนฺต โหนฺติ สโมคธาฯ

    Sabbe te tava ñāṇamhi, anto honti samogadhā.

    ‘‘สุขุมจฺฉิกชาเลน, อุทกํ โย ปริกฺขิเป;

    ‘‘Sukhumacchikajālena, udakaṃ yo parikkhipe;

    เย เกจิ อุทเก ปาณา, อโนฺตชาเล ภวนฺติ เตฯ

    Ye keci udake pāṇā, antojāle bhavanti te.

    ‘‘เยสญฺจ เจตนา อตฺถิ, รูปิโน จ อรูปิโน;

    ‘‘Yesañca cetanā atthi, rūpino ca arūpino;

    สเพฺพ เต ตว ญาณมฺหิ, อโนฺต โหนฺติ สโมคธาฯ

    Sabbe te tava ñāṇamhi, anto honti samogadhā.

    ‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, อนฺธการสมากุลํ;

    ‘‘Samuddharasimaṃ lokaṃ, andhakārasamākulaṃ;

    ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, กงฺขาโสตํ ตรนฺติ เตฯ

    Tava dhammaṃ suṇitvāna, kaṅkhāsotaṃ taranti te.

    ‘‘อวิชฺชานิวุเต โลเก, อนฺธกาเรน โอตฺถเฎ;

    ‘‘Avijjānivute loke, andhakārena otthaṭe;

    ตว ญาณมฺหิ โชตเนฺต, อนฺธการา ปธํสิตาฯ

    Tava ñāṇamhi jotante, andhakārā padhaṃsitā.

    ‘‘ตุวํ จกฺขูสิ สเพฺพสํ, มหาตมปนูทโน;

    ‘‘Tuvaṃ cakkhūsi sabbesaṃ, mahātamapanūdano;

    ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, นิพฺพายติ พหุชฺชโนฯ

    Tava dhammaṃ suṇitvāna, nibbāyati bahujjano.

    ‘‘ปุฎกํ ปูรยิตฺวาน, มธุขุทฺทมเนฬกํ;

    ‘‘Puṭakaṃ pūrayitvāna, madhukhuddamaneḷakaṃ;

    อุโภ หเตฺถหิ ปคฺคยฺห, อุปเนสิํ มเหสิโนฯ

    Ubho hatthehi paggayha, upanesiṃ mahesino.

    ‘‘ปฎิคฺคณฺหิ มหาวีโร, สหเตฺถน มหา อิสิ;

    ‘‘Paṭiggaṇhi mahāvīro, sahatthena mahā isi;

    ภุญฺชิตฺวา ตญฺจ สพฺพญฺญู, เวหาสํ นภมุคฺคมิฯ

    Bhuñjitvā tañca sabbaññū, vehāsaṃ nabhamuggami.

    ‘‘อนฺตลิเกฺข ฐิโต สตฺถา, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

    ‘‘Antalikkhe ṭhito satthā, atthadassī narāsabho;

    มม จิตฺตํ ปสาเทโนฺต, อิมา คาถา อภาสถฯ

    Mama cittaṃ pasādento, imā gāthā abhāsatha.

    ‘‘เยนิทํ ถวิตํ ญาณํ, พุทฺธเสโฎฺฐ จ โถมิโต;

    ‘‘Yenidaṃ thavitaṃ ñāṇaṃ, buddhaseṭṭho ca thomito;

    เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคติํ โส น คจฺฉติฯ

    Tena cittappasādena, duggatiṃ so na gacchati.

    ‘‘จตุทฺทสญฺจ ขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

    ‘‘Catuddasañca khattuṃ so, devarajjaṃ karissati;

    ปถพฺยา รชฺชํ อฎฺฐสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติฯ

    Pathabyā rajjaṃ aṭṭhasataṃ, vasudhaṃ āvasissati.

    ‘‘ปเญฺจว สตกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Pañceva satakkhattuñca, cakkavattī bhavissati;

    ปเทสรชฺชํ อสเงฺขยฺยํ, มหิยา การยิสฺสติฯ

    Padesarajjaṃ asaṅkheyyaṃ, mahiyā kārayissati.

    ‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติฯ

    Gotamassa bhagavato, sāsane pabbajissati.

    ‘‘คมฺภีรํ นิปุณํ อตฺถํ, ญาเณน วิจินิสฺสติ;

    ‘‘Gambhīraṃ nipuṇaṃ atthaṃ, ñāṇena vicinissati;

    โมฆราชาติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ

    Mogharājāti nāmena, hessati satthu sāvako.

    ‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

    ‘‘Tīhi vijjāhi sampannaṃ, katakiccamanāsavaṃ;

    โคตโม สตฺถวาหโคฺค, เอตทเคฺค ฐเปสฺสติฯ

    Gotamo satthavāhaggo, etadagge ṭhapessati.

    ‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, เฉตฺวาน ภวพนฺธนํ;

    ‘‘Hitvā mānusakaṃ yogaṃ, chetvāna bhavabandhanaṃ;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, viharāmi anāsavo.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ วิเสเสน ติวิเธนปิ ลูเขน สมนฺนาคตํ ปํสุกูลํ ธาเรสิฯ เตน นํ สตฺถา ลูขจีวรธรานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ อปรภาเค ปุริมกมฺมปฺปจฺจยา ปริหารสฺส อกรณโต เถรสฺส สรีเร ททฺทุปีฬกาทีนิ อุปฺปชฺชิตฺวา วฑฺฒิํสุฯ โส ‘‘เสนาสนํ ทุสฺสตี’’ติ เหมเนฺตปิ มคธเกฺขเตฺตสุ ปลาลสนฺถารานิ อตฺถริตฺวา เสติฯ ตํ เอกทิวสํ อุปฎฺฐานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ สตฺถา ปฎิสนฺถารวเสน ‘‘ฉวิปาปกา’’ติอาทินา ปฐมคาถาย ปุจฺฉิฯ

    Arahattaṃ pana patvā satthalūkhaṃ suttalūkhaṃ rajanalūkhanti visesena tividhenapi lūkhena samannāgataṃ paṃsukūlaṃ dhāresi. Tena naṃ satthā lūkhacīvaradharānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Aparabhāge purimakammappaccayā parihārassa akaraṇato therassa sarīre daddupīḷakādīni uppajjitvā vaḍḍhiṃsu. So ‘‘senāsanaṃ dussatī’’ti hemantepi magadhakkhettesu palālasanthārāni attharitvā seti. Taṃ ekadivasaṃ upaṭṭhānaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisinnaṃ satthā paṭisanthāravasena ‘‘chavipāpakā’’tiādinā paṭhamagāthāya pucchi.

    ๒๐๗. ตตฺถ ฉวิปาปกาติ ททฺทุกจฺฉุปีฬกาหิ ภินฺนจฺฉวิภาวโต หีนจฺฉวิก ทุฎฺฐจฺฉวิก ฯ จิตฺตภทฺทกาติ อนวเสสกิเลสปฺปหาเนน พฺรหฺมวิหารเสวนาย จ ภทฺทจิตฺต สุนฺทรจิตฺตฯ โมฆราชาติ ตสฺส อาลปนํฯ สตตํ สมาหิโตติ อคฺคผลสมาธินา นิจฺจกาลํ อภิณฺหํ สมาหิตมานโสฯ เหมนฺติกสีตกาลรตฺติโยติ เหมนฺตสมเย สีตกาลรตฺติโยฯ อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํฯ ‘‘เหมนฺติกา สีตกาลรตฺติโย’’ติปิ ปาฬิฯ ตตฺถ เหมนฺติกาติ เหมโนฺตคธา เหมนฺตปริยาปนฺนาติ อโตฺถฯ ภิกฺขุ ตฺวํ สีติ ภิกฺขุ โก ตฺวํ อสิ, เอวํภูโต ปเรสุ ตว เสนาสนํ กตฺวา อเทเนฺตสุ สงฺฆิกญฺจ เสนาสนํ อปวิสโนฺตฯ กถํ กริสฺสสีติ ยถาวุเตฺต สีตกาเล กถํ อตฺตภาวํ ปวเตฺตสีติ สตฺถา ปุจฺฉิฯ เอวํ ปน ปุโฎฺฐ เถโร สตฺถุ ตมตฺถํ กเถโนฺต –

    207. Tattha chavipāpakāti daddukacchupīḷakāhi bhinnacchavibhāvato hīnacchavika duṭṭhacchavika . Cittabhaddakāti anavasesakilesappahānena brahmavihārasevanāya ca bhaddacitta sundaracitta. Mogharājāti tassa ālapanaṃ. Satataṃ samāhitoti aggaphalasamādhinā niccakālaṃ abhiṇhaṃ samāhitamānaso. Hemantikasītakālarattiyoti hemantasamaye sītakālarattiyo. Accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ. ‘‘Hemantikā sītakālarattiyo’’tipi pāḷi. Tattha hemantikāti hemantogadhā hemantapariyāpannāti attho. Bhikkhu tvaṃ sīti bhikkhu ko tvaṃ asi, evaṃbhūto paresu tava senāsanaṃ katvā adentesu saṅghikañca senāsanaṃ apavisanto. Kathaṃ karissasīti yathāvutte sītakāle kathaṃ attabhāvaṃ pavattesīti satthā pucchi. Evaṃ pana puṭṭho thero satthu tamatthaṃ kathento –

    ๒๐๘.

    208.

    ‘‘สมฺปนฺนสสฺสา มคธา, เกวลา อิติ เม สุตํ;

    ‘‘Sampannasassā magadhā, kevalā iti me sutaṃ;

    ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถเญฺญ สุขชีวิโน’’ติฯ – คาถมาห;

    Palālacchannako seyyaṃ, yathaññe sukhajīvino’’ti. – gāthamāha;

    ตตฺถ สมฺปนฺนสสฺสาติ นิปฺผนฺนสสฺสาฯ มคธาติ มคธรฎฺฐํ วทติฯ มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘มคธา’’เตฺวว พหุวจเนน วุจฺจติฯ เกวลาติ อนวเสสาฯ อิติ เม สุตนฺติ เอวํ มยา สุตํฯ ตตฺถ โย อทิโฎฺฐ ปเทโส, ตสฺส วเสน สุตนฺติ วุตฺตํฯ เตน เอทิเส กาเล มคเธสุ ยตฺถ กตฺถจิ มยา วสิตุํ สกฺกาติ ทเสฺสติฯ ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถเญฺญ สุขชีวิโนติ ยถา อเญฺญ สุขชีวิโน ภิกฺขู เสนาสนสปฺปายํ ลทฺธา สุนฺทเรหิ อตฺถรณปาวุรเณหิ สุเขน สยนฺติ, เอวํ อหมฺปิ ปลาลสนฺถารเมว เหฎฺฐา สนฺถริตฺวา อุปริ ติริยญฺจ ปลาลจฺฉทเนเนว ฉาทิตสรีรตาย ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ สยิํ, เสยฺยํ กเปฺปสินฺติ อตฺตโน ยถาลาภสโนฺตสํ วิภาเวติฯ

    Tattha sampannasassāti nipphannasassā. Magadhāti magadharaṭṭhaṃ vadati. Magadhā nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīvasena ‘‘magadhā’’tveva bahuvacanena vuccati. Kevalāti anavasesā. Iti me sutanti evaṃ mayā sutaṃ. Tattha yo adiṭṭho padeso, tassa vasena sutanti vuttaṃ. Tena edise kāle magadhesu yattha katthaci mayā vasituṃ sakkāti dasseti. Palālacchannako seyyaṃ, yathaññe sukhajīvinoti yathā aññe sukhajīvino bhikkhū senāsanasappāyaṃ laddhā sundarehi attharaṇapāvuraṇehi sukhena sayanti, evaṃ ahampi palālasanthārameva heṭṭhā santharitvā upari tiriyañca palālacchadaneneva chāditasarīratāya palālacchannako seyyaṃ sayiṃ, seyyaṃ kappesinti attano yathālābhasantosaṃ vibhāveti.

    โมฆราชเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mogharājattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. โมฆราชเตฺถรคาถา • 4. Mogharājattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact