Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. โมฬิยผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา
2. Moḷiyaphaggunasuttavaṇṇanā
๑๒. อิมสฺมิํเยว ฐาเนติ ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขุ…เป.… อาหารา’’ติ เอวํ จตฺตาโร อาหาเร สรูปโต ทเสฺสตฺวา ‘‘อิเม โข ภิกฺขเว…เป.… อนุคฺคหายา’’ติ นิคมนวเสน ทสฺสิเต อิมสฺมิํเยว ฐาเนฯ เทสนํ นิฎฺฐาเปสิ จตุอาหารวิภาคทีปกํ เทสนํ อุเทฺทสวเสเนว นิฎฺฐาเปสิ, อุปริ อาวเชฺชตฺวา ตุณฺหี นิสีทิฯ ทิฎฺฐิคติโกติ อตฺตทิฎฺฐิวเสน ทิฎฺฐิคติโกฯ วรคนฺธวาสิตนฺติ สภาวสิเทฺธน จนฺทนคเนฺธน เจว ตทญฺญนานาคเนฺธน จ ปริภาวิตตฺตา วรคนฺธวาสิตํ ฯ รตนจโงฺกฎวเรนาติ รตนมเยน อุตฺตมจโงฺกฎเกนฯ เทสนานุสนฺธิํ ฆเฎโนฺตติ ยถาเทสิตาย เทสนาย อนุสนฺธิํ ฆเฎโนฺต, ยถา อุปริเทสนา วเทฺธยฺย, เอวํ อุสฺสาหํ กโรโนฺตฯ วิญฺญาณาหารํ อาหาเรตีติ ตสฺส อาหารณกิริยาย วุตฺตปุจฺฉาย ตํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปาเฎโนฺต ‘‘โย เอตํ…เป.… ภุญฺชติ วา’’ติ อาหฯ
12.Imasmiṃyeva ṭhāneti ‘‘cattārome bhikkhu…pe… āhārā’’ti evaṃ cattāro āhāre sarūpato dassetvā ‘‘ime kho bhikkhave…pe… anuggahāyā’’ti nigamanavasena dassite imasmiṃyeva ṭhāne. Desanaṃ niṭṭhāpesi catuāhāravibhāgadīpakaṃ desanaṃ uddesavaseneva niṭṭhāpesi, upari āvajjetvā tuṇhī nisīdi. Diṭṭhigatikoti attadiṭṭhivasena diṭṭhigatiko. Varagandhavāsitanti sabhāvasiddhena candanagandhena ceva tadaññanānāgandhena ca paribhāvitattā varagandhavāsitaṃ . Ratanacaṅkoṭavarenāti ratanamayena uttamacaṅkoṭakena. Desanānusandhiṃ ghaṭentoti yathādesitāya desanāya anusandhiṃ ghaṭento, yathā uparidesanā vaddheyya, evaṃ ussāhaṃ karonto. Viññāṇāhāraṃ āhāretīti tassa āhāraṇakiriyāya vuttapucchāya taṃ diṭṭhigataṃ uppāṭento ‘‘yo etaṃ…pe… bhuñjati vā’’ti āha.
วิญฺญาณาหาเร นาม อิจฺฉิเต ตสฺส อุปภุญฺชเกนปิ ภวิตพฺพํ, โส ‘‘โก นุ โข’’ติ อยํ ปุจฺฉาย อธิปฺปาโยฯ อุตุสมเยติ คพฺภวุฎฺฐานสมเยฯ โส หิ อุตุสมยสฺส มตฺตกสมยตฺตา ตถา วุโตฺตฯ ‘‘อุทเกน อณฺฑานิ มา นสฺสนฺตู’’ติ มหาสมุทฺทโต นิกฺขมิตฺวาฯ คิชฺฌโปตกา วิย อาหารสเญฺจตนาย ตานิ กจฺฉปณฺฑานิ มโนสเญฺจตนาหาเรน ยาเปนฺตีติ อยํ ตสฺส เถรสฺส ลทฺธิฯ กิญฺจาปิ อยํ ลทฺธีติ ผสฺสมโนสเญฺจตนาหาเรสุ กิญฺจาปิ เถรสฺส ยุตฺตา อยุตฺตา วา อยํ ลทฺธิฯ อิมํ ปญฺหนฺติ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, วิญฺญาณาหารํ อาหาเรตี’’ติ อิมํ ปญฺหํ เอตาย ยถาวุตฺตาย ลทฺธิยา น ปน ปุจฺฉติ, อถ โข สตฺตุปลทฺธิยา ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาโยฯ โสติ ทิฎฺฐิคติโกฯ น นิคฺคเหตโพฺพ อุมฺมตฺตกสทิสตฺตา อธิปฺปายํ อชานิตฺวา ปุจฺฉาย กตตฺตาฯ เตนาห ‘‘อาหาเรตีติ นาหํ วทามี’’ติอาทิฯ
Viññāṇāhāre nāma icchite tassa upabhuñjakenapi bhavitabbaṃ, so ‘‘ko nu kho’’ti ayaṃ pucchāya adhippāyo. Utusamayeti gabbhavuṭṭhānasamaye. So hi utusamayassa mattakasamayattā tathā vutto. ‘‘Udakena aṇḍāni mā nassantū’’ti mahāsamuddato nikkhamitvā. Gijjhapotakā viya āhārasañcetanāya tāni kacchapaṇḍāni manosañcetanāhārena yāpentīti ayaṃ tassa therassa laddhi. Kiñcāpi ayaṃ laddhīti phassamanosañcetanāhāresu kiñcāpi therassa yuttā ayuttā vā ayaṃ laddhi. Imaṃ pañhanti ‘‘ko nu kho, bhante, viññāṇāhāraṃ āhāretī’’ti imaṃ pañhaṃ etāya yathāvuttāya laddhiyā na pana pucchati, atha kho sattupaladdhiyā pucchatīti adhippāyo. Soti diṭṭhigatiko. Na niggahetabbo ummattakasadisattā adhippāyaṃ ajānitvā pucchāya katattā. Tenāha ‘‘āhāretīti nāhaṃ vadāmī’’tiādi.
ตสฺมิํ มยา เอวํ วุเตฺตติ ตสฺมิํ วจเน มยา ‘‘อาหาเรตี’’ติ เอวํ วุเตฺต สติฯ อยํ ปโญฺหติ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, วิญฺญาณาหารํ อาหาเรตี’’ติ อยํ ปโญฺห ยุโตฺต ภเวยฺยฯ เอวํ ปุจฺฉิเต ปเญฺหติ สตฺตุปลทฺธิํ อนาทาย ‘‘กตมสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย’’ติ เอวํ ธมฺมปวตฺตวเสเนว ปเญฺห ปุจฺฉิเตฯ เตเนว วิญฺญาเณนาติ เตเนว ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณน สห อุปฺปนฺนํ นามญฺจ รูปญฺจ อตีตภเว ทิฎฺฐิคติกสฺส วเสน อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ อิธาธิเปฺปตํฯ นามรูเป ชาเต สตีติ นามรูเป นิพฺพเตฺต ตปฺปจฺจยภูตํ ภินฺทิตฺวา สฬายตนํ โหติฯ
Tasmiṃ mayā evaṃ vutteti tasmiṃ vacane mayā ‘‘āhāretī’’ti evaṃ vutte sati. Ayaṃ pañhoti ‘‘ko nu kho, bhante, viññāṇāhāraṃ āhāretī’’ti ayaṃ pañho yutto bhaveyya. Evaṃ pucchite pañheti sattupaladdhiṃ anādāya ‘‘katamassa dhammassa paccayo’’ti evaṃ dhammapavattavaseneva pañhe pucchite. Teneva viññāṇenāti teneva paṭisandhiviññāṇena saha uppannaṃ nāmañca rūpañca atītabhave diṭṭhigatikassa vasena āyatiṃ punabbhavābhinibbattīti idhādhippetaṃ. Nāmarūpe jāte satīti nāmarūpe nibbatte tappaccayabhūtaṃ bhinditvā saḷāyatanaṃ hoti.
ตตฺรายํ ปจฺจยวิภาโค – นามนฺติ เวทนาทิขนฺธตฺตยํ อิธาธิเปฺปตํ, รูปํ ปน สตฺตสนฺตติปริยาปนฺนํ, นิยมโต จตฺตาริ ภูตานิ ฉ วตฺถูนิ ชีวิตินฺทฺริยํ อาหาโร จฯ ตตฺถ วิปากนามํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ หทยวตฺถุโน สหาโย หุตฺวา ฉฎฺฐสฺส มนายตนสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยสมฺปยุตฺตวิปากอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา ปจฺจโย โหติฯ กิญฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน กิญฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อุกฺกํสาวกํโส เวทิตโพฺพฯ อิตเรสํ ปน ปญฺจายตนานํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ สหาโย หุตฺวา สหชาตนิสฺสยวิปากวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉธา ปจฺจโย โหติฯ กิญฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน กิญฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ สพฺพํ ปุริมสทิสํฯ ปวเตฺต วิปากนามํ วิปากสฺส ฉฎฺฐายตนสฺส วุตฺตนเยน สตฺตธา ปจฺจโย โหติ, อวิปากํ ปน อวิปากสฺส ฉฎฺฐสฺส ตโต วิปากปจฺจยํ อปเนตฺวา ปจฺจโย โหติฯ จกฺขายตนาทีนํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกมฺปิ อิตรมฺปิ วิปากนามํ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจโย โหติ, ตถา อวิปากมฺปิ เวทิตพฺพํฯ รูปโต ปน วตฺถุรูปํ ปฎิสนฺธิยํ ฉฎฺฐสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ฉธา ปจฺจโย โหติฯ จตฺตาริ ปน ภูตานิ จกฺขายตนาทีนํ ปญฺจนฺนํ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจโย โหติฯ รูปชีวิตํ อตฺถิอวิคตินฺทฺริยวเสน ติธา ปจฺจโย โหตีติ อยเญฺหตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๒.๕๙๔) คเหตโพฺพฯ
Tatrāyaṃ paccayavibhāgo – nāmanti vedanādikhandhattayaṃ idhādhippetaṃ, rūpaṃ pana sattasantatipariyāpannaṃ, niyamato cattāri bhūtāni cha vatthūni jīvitindriyaṃ āhāro ca. Tattha vipākanāmaṃ paṭisandhikkhaṇe hadayavatthuno sahāyo hutvā chaṭṭhassa manāyatanassa sahajātaaññamaññanissayasampayuttavipākaatthiavigatapaccayehi sattadhā paccayo hoti. Kiñci panettha hetupaccayena kiñci āhārapaccayenāti evaṃ ukkaṃsāvakaṃso veditabbo. Itaresaṃ pana pañcāyatanānaṃ catunnaṃ mahābhūtānaṃ sahāyo hutvā sahajātanissayavipākavippayuttaatthiavigatavasena chadhā paccayo hoti. Kiñci panettha hetupaccayena kiñci āhārapaccayenāti sabbaṃ purimasadisaṃ. Pavatte vipākanāmaṃ vipākassa chaṭṭhāyatanassa vuttanayena sattadhā paccayo hoti, avipākaṃ pana avipākassa chaṭṭhassa tato vipākapaccayaṃ apanetvā paccayo hoti. Cakkhāyatanādīnaṃ pana paccuppannaṃ cakkhupasādādivatthukampi itarampi vipākanāmaṃ pacchājātavippayuttaatthiavigatapaccayehi catudhā paccayo hoti, tathā avipākampi veditabbaṃ. Rūpato pana vatthurūpaṃ paṭisandhiyaṃ chaṭṭhassa sahajātaaññamaññanissayavippayuttaatthiavigatapaccayehi chadhā paccayo hoti. Cattāri pana bhūtāni cakkhāyatanādīnaṃ pañcannaṃ sahajātanissayaatthiavigatapaccayehi catudhā paccayo hoti. Rūpajīvitaṃ atthiavigatindriyavasena tidhā paccayo hotīti ayañhettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggato (visuddhi. 2.594) gahetabbo.
ปญฺหสฺส โอกาสํ เทโนฺตติ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, ผุสตี’’ติ อิมสฺส ทิฎฺฐิคติกปญฺหสฺส โอกาสํ เทโนฺตฯ ตโต วิเวเจตุกาโมติ อธิปฺปาโยฯ สพฺพปเทสูติ ทิฎฺฐิคติเกน ภควตา จ วุตฺตปเทสุฯ สโตฺตติ อตฺตาฯ โส ปน อุเจฺฉทวาทิโนปิ ยาว น อุจฺฉิชฺชติ, ตาว อเตฺถวาติ ลทฺธิ, ปเคว สสฺสตวาทิโนฯ ภูโตติ วิชฺชมาโนฯ นิปฺผโตฺตติ นิปฺผโนฺนฯ น ตสฺส ทานิ นิปฺผาเทตพฺพํ กิญฺจิ อตฺถีติ ลทฺธิฯ อิทปฺปจฺจยา อิทนฺติ อิมสฺมา วิญฺญาณาหารปจฺจยา อิทํ นามรูปํฯ ปุน อิทปฺปจฺจยา อิทนฺติ อิมสฺมา นามรูปปจฺจยา อิทํ สฬายตนนฺติ เอวํ พหูสุ ฐาเนสุ ภควตา กถิตตฺตา ยถา ปจฺจยโต นิพฺพตฺตํ สงฺขารมตฺตมิทนฺติ สญฺญตฺติํ อุปคโตฯ เตนาปีติ สญฺญตฺตุปคเตนาปิฯ เอกาพทฺธํ กตฺวาติ ยถา ปุจฺฉาย อวสโร น โหติ, ตถา เอกาพทฺธํ กตฺวาฯ เทสนารุฬฺหนฺติ ยโต สฬายตนปทโต ปฎฺฐาย ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส’’ติอาทินา เทสนา ปฎิจฺจสมุปฺปาทวีถิํ อารุฬฺหเมวฯ ตเมวาติ สฬายตนปทเมว คเหตฺวาฯ วิวเชฺชโนฺตติ วิวเฎฺฎโนฺตฯ เอวมาหาติ ‘‘ฉนฺนํเตฺววา’’ติอาทิอากาเรน เอวํ เทสิเต, ‘‘วิเนยฺยชโน ปฎิวิชฺฌตี’’ติ เอวมาหฯ วิญฺญาณาหาโร อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยาติ เอวํ ปุริมภวโต อายติภวสฺส ปจฺจยวเสน มูลการณวเสน จ เทสิตตฺตา ‘‘วิญฺญาณนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธี’’ติ วุตฺตํฯ ตทมินา วิญฺญาณคฺคหเณน อภิสงฺขารวิญฺญาณสฺสาปิ คหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Pañhassa okāsaṃ dentoti ‘‘ko nu kho, bhante, phusatī’’ti imassa diṭṭhigatikapañhassa okāsaṃ dento. Tato vivecetukāmoti adhippāyo. Sabbapadesūti diṭṭhigatikena bhagavatā ca vuttapadesu. Sattoti attā. So pana ucchedavādinopi yāva na ucchijjati, tāva atthevāti laddhi, pageva sassatavādino. Bhūtoti vijjamāno. Nipphattoti nipphanno. Na tassa dāni nipphādetabbaṃ kiñci atthīti laddhi. Idappaccayā idanti imasmā viññāṇāhārapaccayā idaṃ nāmarūpaṃ. Puna idappaccayā idanti imasmā nāmarūpapaccayā idaṃ saḷāyatananti evaṃ bahūsu ṭhānesu bhagavatā kathitattā yathā paccayato nibbattaṃ saṅkhāramattamidanti saññattiṃ upagato. Tenāpīti saññattupagatenāpi. Ekābaddhaṃ katvāti yathā pucchāya avasaro na hoti, tathā ekābaddhaṃ katvā. Desanāruḷhanti yato saḷāyatanapadato paṭṭhāya ‘‘saḷāyatanapaccayā phasso’’tiādinā desanā paṭiccasamuppādavīthiṃ āruḷhameva. Tamevāti saḷāyatanapadameva gahetvā. Vivajjentoti vivaṭṭento. Evamāhāti ‘‘channaṃtvevā’’tiādiākārena evaṃ desite, ‘‘vineyyajano paṭivijjhatī’’ti evamāha. Viññāṇāhāro āyatiṃ punabbhavābhinibbattiyāti evaṃ purimabhavato āyatibhavassa paccayavasena mūlakāraṇavasena ca desitattā ‘‘viññāṇanāmarūpānaṃ antare eko sandhī’’ti vuttaṃ. Tadaminā viññāṇaggahaṇena abhisaṅkhāraviññāṇassāpi gahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ.
โมฬิยผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Moḷiyaphaggunasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. โมฬิยผคฺคุนสุตฺตํ • 2. Moḷiyaphaggunasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. โมฬิยผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา • 2. Moḷiyaphaggunasuttavaṇṇanā