Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๒. มุจลินฺทวโคฺค
2. Mucalindavaggo
๑. มุจลินฺทสุตฺตวณฺณนา
1. Mucalindasuttavaṇṇanā
๑๑. มุจลินฺทวคฺคสฺส ปฐเม มุจลินฺทมูเลติ เอตฺถ มุจลิโนฺท วุจฺจติ นีปรุโกฺขฯ โส ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส สมีเปฯ เกจิ ปน ‘‘มุจโลติ ตสฺส รุกฺขสฺส นามํ, ตํ วนเชฎฺฐกตาย ปน มุจลิโนฺทติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ มหา อกาลเมโฆติ อสมฺปเตฺต วสฺสกาเล อุปฺปนฺนมหาเมโฆฯ โส หิ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรโนฺต อุทปาทิฯ สตฺตาหวทฺทลิกาติ ตสฺมิํ อุปฺปเนฺน สตฺตาหํ อวิจฺฉินฺนวุฎฺฐิกา อโหสิฯ สีตวาตทุทฺทินีติ สา จ สตฺตาหวทฺทลิกา อุทกผุสิตสมฺมิเสฺสน สีตวาเตน สมนฺตโต ปริพฺภมเนฺตน ทุสิตทิวสตฺตา ทุทฺทินี นาม อโหสิฯ มุจลิโนฺท นาม นาคราชาติ ตเสฺสว มุจลินฺทรุกฺขสฺส สมีเป โปกฺขรณิยา เหฎฺฐา นาคภวนํ อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพโตฺต มหานุภาโว นาคราชาฯ สกภวนาติ อตฺตโน นาคภวนโตฯ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวาติ สตฺตวาเร อตฺตโน สรีรโภเคหิ ภควโต กายํ ปริวาเรตฺวาฯ อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ วิหจฺจาติ ภควโต มุทฺธปฺปเทสสฺส อุปริ อตฺตโน มหนฺตํ ผณํ ปสาเรตฺวาฯ ‘‘ผณํ กริตฺวา’’ติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ
11. Mucalindavaggassa paṭhame mucalindamūleti ettha mucalindo vuccati nīparukkho. So ‘‘niculo’’tipi vuccati, tassa samīpe. Keci pana ‘‘mucaloti tassa rukkhassa nāmaṃ, taṃ vanajeṭṭhakatāya pana mucalindoti vutta’’nti vadanti. Mahā akālameghoti asampatte vassakāle uppannamahāmegho. So hi gimhānaṃ pacchime māse sakalacakkavāḷagabbhaṃ pūrento udapādi. Sattāhavaddalikāti tasmiṃ uppanne sattāhaṃ avicchinnavuṭṭhikā ahosi. Sītavātaduddinīti sā ca sattāhavaddalikā udakaphusitasammissena sītavātena samantato paribbhamantena dusitadivasattā duddinī nāma ahosi. Mucalindo nāma nāgarājāti tasseva mucalindarukkhassa samīpe pokkharaṇiyā heṭṭhā nāgabhavanaṃ atthi, tattha nibbatto mahānubhāvo nāgarājā. Sakabhavanāti attano nāgabhavanato. Sattakkhattuṃ bhogehi parikkhipitvāti sattavāre attano sarīrabhogehi bhagavato kāyaṃ parivāretvā. Uparimuddhani mahantaṃ phaṇaṃ vihaccāti bhagavato muddhappadesassa upari attano mahantaṃ phaṇaṃ pasāretvā. ‘‘Phaṇaṃ karitvā’’tipi pāṭho, so evattho.
ตสฺส กิร นาคราชสฺส เอตทโหสิ ‘‘ภควา จ มยฺหํ ภวนสมีเป รุกฺขมูเล นิสิโนฺน, อยญฺจ สตฺตาหวทฺทลิกา วตฺตติ, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สโกฺกโนฺตปิ ‘‘เอวํ กเต กายสาโร คหิโต น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ธาเรสิฯ ‘‘ปริเกฺขปพฺภนฺตรํ โลหปาสาเท ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณํ อโหสี’’ติ ขนฺธกฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๕) วุตฺตํฯ มชฺฌิมฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เหฎฺฐาโลหปาสาทปฺปมาณ’’นฺติ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๘๔)ฯ ‘‘อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตี’’ติ กิร นาคราชสฺส อชฺฌาสโยฯ ภควา ปน ยถานิสิโนฺนว สตฺตาหํ วีตินาเมสิฯ ตญฺจ ฐานํ สุปิหิตวาตปานํ สุผุสิตอคฺคฬทฺวารํ กูฎาคารํ วิย อโหสิฯ มา ภควนฺตํ สีตนฺติอาทิ ตสฺส ตถา กริตฺวา ฐานการณปริทีปนํฯ โส หิ ‘‘มา ภควนฺตํ สีตํ พาธยิตฺถ, มา อุณฺหํ, มา ฑํสาทิสมฺผโสฺส พาธยิตฺถา’’ติ ตถา กริตฺวา อฎฺฐาสิฯ
Tassa kira nāgarājassa etadahosi ‘‘bhagavā ca mayhaṃ bhavanasamīpe rukkhamūle nisinno, ayañca sattāhavaddalikā vattati, vāsāgāramassa laddhuṃ vaṭṭatī’’ti. So sattaratanamayaṃ pāsādaṃ nimminituṃ sakkontopi ‘‘evaṃ kate kāyasāro gahito na bhavissati, dasabalassa kāyaveyyāvaccaṃ karissāmī’’ti mahantaṃ attabhāvaṃ katvā satthāraṃ sattakkhattuṃ bhogehi parikkhipitvā upari phaṇaṃ katvā dhāresi. ‘‘Parikkhepabbhantaraṃ lohapāsāde bhaṇḍāgāragabbhappamāṇaṃ ahosī’’ti khandhakaṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 5) vuttaṃ. Majjhimaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘heṭṭhālohapāsādappamāṇa’’nti (ma. ni. aṭṭha. 1.284). ‘‘Icchiticchitena iriyāpathena satthā viharissatī’’ti kira nāgarājassa ajjhāsayo. Bhagavā pana yathānisinnova sattāhaṃ vītināmesi. Tañca ṭhānaṃ supihitavātapānaṃ suphusitaaggaḷadvāraṃ kūṭāgāraṃ viya ahosi. Mābhagavantaṃ sītantiādi tassa tathā karitvā ṭhānakāraṇaparidīpanaṃ. So hi ‘‘mā bhagavantaṃ sītaṃ bādhayittha, mā uṇhaṃ, mā ḍaṃsādisamphasso bādhayitthā’’ti tathā karitvā aṭṭhāsi.
ตตฺถ กิญฺจาปิ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุณฺหเมว นตฺถิ, สเจ ปน อนฺตรนฺตรา เมโฆ วิคเจฺฉยฺย, อุณฺหํ ภเวยฺย, ตมฺปิ มา พาธยิตฺถาติ เอวํ ตสฺส จิเนฺตตุํ ยุตฺตํฯ เกจิ ปเนตฺถ วทนฺติ ‘‘อุณฺหคฺคหณํ โภคปริเกฺขปสฺส วิปุลภาวกรเณ การณกิตฺตนํฯ ขุทฺทเก หิ ตสฺมิํ ภควนฺตํ นาคสฺส สรีรสมฺภูตา อุสฺมา พาเธยฺย, วิปุลภาวกรเณน ปน ตาทิสํ ‘มา อุณฺหํ พาธยิตฺถา’ติ ตถา กริตฺวา อฎฺฐาสี’’ติฯ
Tattha kiñcāpi sattāhavaddalikāya uṇhameva natthi, sace pana antarantarā megho vigaccheyya, uṇhaṃ bhaveyya, tampi mā bādhayitthāti evaṃ tassa cintetuṃ yuttaṃ. Keci panettha vadanti ‘‘uṇhaggahaṇaṃ bhogaparikkhepassa vipulabhāvakaraṇe kāraṇakittanaṃ. Khuddake hi tasmiṃ bhagavantaṃ nāgassa sarīrasambhūtā usmā bādheyya, vipulabhāvakaraṇena pana tādisaṃ ‘mā uṇhaṃ bādhayitthā’ti tathā karitvā aṭṭhāsī’’ti.
วิทฺธนฺติ อุพฺพิทฺธํ, เมฆวิคเมน ทูรีภูตนฺติ อโตฺถฯ วิคตวลาหกนฺติ อปคตเมฆํฯ เทวนฺติ อากาสํฯ วิทิตฺวาติ ‘‘อิทานิ วิคตวลาหโก อากาโส, นตฺถิ ภควโต สีตาทิอุปทฺทโว’’ติ ญตฺวาฯ วินิเวเฐตฺวาติ อปเนตฺวาฯ สกวณฺณนฺติ อตฺตโน นาครูปํฯ ปฎิสํหริตฺวาติ อนฺตรธาเปตฺวาฯ มาณวกวณฺณนฺติ กุมารกรูปํฯ
Viddhanti ubbiddhaṃ, meghavigamena dūrībhūtanti attho. Vigatavalāhakanti apagatameghaṃ. Devanti ākāsaṃ. Viditvāti ‘‘idāni vigatavalāhako ākāso, natthi bhagavato sītādiupaddavo’’ti ñatvā. Viniveṭhetvāti apanetvā. Sakavaṇṇanti attano nāgarūpaṃ. Paṭisaṃharitvāti antaradhāpetvā. Māṇavakavaṇṇanti kumārakarūpaṃ.
เอตมตฺถนฺติ วิเวกสุขปฺปฎิสํเวทิโน ยตฺถ กตฺถจิ สุขเมว โหตีติ เอตมตฺถํ สพฺพากาเรน ชานิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ วิเวกสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthanti vivekasukhappaṭisaṃvedino yattha katthaci sukhameva hotīti etamatthaṃ sabbākārena jānitvā. Imaṃ udānanti imaṃ vivekasukhānubhāvadīpakaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ สุโข วิเวโกติ นิพฺพานสงฺขาโต อุปธิวิเวโก สุโขฯ ตุฎฺฐสฺสาติ จตุมคฺคญาณสโนฺตเสน ตุฎฺฐสฺสฯ สุตธมฺมสฺสาติ ปกาสิตธมฺมสฺส วิสฺสุตธมฺมสฺสฯ ปสฺสโตติ ตํ วิเวกํ, ยํ วา กิญฺจิ ปสฺสิตพฺพํ นาม, ตํ สพฺพํ อตฺตโน วีริยพลาธิคเตน ญาณจกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺสฯ อพฺยาปชฺชนฺติ อกุปฺปนภาโว, เอเตน เมตฺตาปุพฺพภาโค ทสฺสิโตฯ ปาณภูเตสุ สํยโมติ สเตฺตสุ จ สํยโม อวิหิํสนภาโว สุโขติ อโตฺถฯ เอเตน กรุณาปุพฺพภาโค ทสฺสิโตฯ
Tattha sukho vivekoti nibbānasaṅkhāto upadhiviveko sukho. Tuṭṭhassāti catumaggañāṇasantosena tuṭṭhassa. Sutadhammassāti pakāsitadhammassa vissutadhammassa. Passatoti taṃ vivekaṃ, yaṃ vā kiñci passitabbaṃ nāma, taṃ sabbaṃ attano vīriyabalādhigatena ñāṇacakkhunā passantassa. Abyāpajjanti akuppanabhāvo, etena mettāpubbabhāgo dassito. Pāṇabhūtesu saṃyamoti sattesu ca saṃyamo avihiṃsanabhāvo sukhoti attho. Etena karuṇāpubbabhāgo dassito.
สุขา วิราคตา โลเกติ วิคตราคตาปิ โลเก สุขาฯ กีทิสี? กามานํ สมติกฺกโมติ, ยา กามานํ สมติกฺกโมติ วุจฺจติ, สา วิคตราคตาปิ สุขาติ อโตฺถ, เอเตน อนาคามิมโคฺค กถิโตฯ อสฺมิมานสฺส โย วินโยติ อิมินา ปน อรหตฺตํ กถิตํฯ อรหตฺตญฺหิ อสฺมิมานสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธิวินโยติ วุจฺจติ, อิโต ปรญฺจ สุขํ นาม นตฺถิ, เตนาห ‘‘เอตํ เว ปรมํ สุข’’นฺติฯ เอวํ อรหเตฺตน เทสนาย กูฎํ คณฺหีติฯ
Sukhā virāgatā loketi vigatarāgatāpi loke sukhā. Kīdisī? Kāmānaṃ samatikkamoti, yā kāmānaṃ samatikkamoti vuccati, sā vigatarāgatāpi sukhāti attho, etena anāgāmimaggo kathito. Asmimānassa yo vinayoti iminā pana arahattaṃ kathitaṃ. Arahattañhi asmimānassa paṭippassaddhivinayoti vuccati, ito parañca sukhaṃ nāma natthi, tenāha ‘‘etaṃ ve paramaṃ sukha’’nti. Evaṃ arahattena desanāya kūṭaṃ gaṇhīti.
ปฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๑. มุจลินฺทสุตฺตํ • 1. Mucalindasuttaṃ