Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๒. มุทิตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    12. Muditattheragāthāvaṇṇanā

    ปพฺพชินฺติอาทิกา อายสฺมโต มุทิตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มญฺจมทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรเฎฺฐ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มุทิโตติ ลทฺธนาโม วิญฺญุตํ ปาปุณิฯ เตน จ สมเยน ตํ กุลํ รญฺญา เกนจิเทว กรณีเยน ปลิพุทฺธํ อโหสิฯ มุทิโต ราชภยาภีโต ปลายิตฺวา อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ อญฺญตรสฺส ขีณาสวเตฺถรสฺส วสนฎฺฐานํ อุปคจฺฉิฯ เถโร ตสฺส ภีตภาวํ ญตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสสิฯ โส ‘‘กิตฺตเกน นุ โข, ภเนฺต, กาเลน อิทํ เม ภยํ วูปสเมสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺตฎฺฐมาเส อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุเตฺต – ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อธิวาเสตุํ น สโกฺกมิ, ปพฺพชิสฺสามหํ, ภเนฺต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ เถโร ตํ ปพฺพาเชสิฯ โส ปพฺพชิตฺวา สาสเน ปฎิลทฺธสโทฺธ ภเย วูปสเนฺตปิ สมณธมฺมํเยว โรเจโนฺต กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิมสฺมา วสนคพฺภา พหิ น นิกฺขมิสฺสามี’’ติอาทินา ปฎิญฺญํ กตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๖.๓๐-๓๓) –

    Pabbajintiādikā āyasmato muditattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto vipassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ satthāraṃ disvā pasannamānaso ekaṃ mañcamadāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalaraṭṭhe gahapatikule nibbattitvā muditoti laddhanāmo viññutaṃ pāpuṇi. Tena ca samayena taṃ kulaṃ raññā kenacideva karaṇīyena palibuddhaṃ ahosi. Mudito rājabhayābhīto palāyitvā araññaṃ paviṭṭho aññatarassa khīṇāsavattherassa vasanaṭṭhānaṃ upagacchi. Thero tassa bhītabhāvaṃ ñatvā ‘‘mā bhāyī’’ti samassāsesi. So ‘‘kittakena nu kho, bhante, kālena idaṃ me bhayaṃ vūpasamessatī’’ti pucchitvā ‘‘sattaṭṭhamāse atikkamitvā’’ti vutte – ‘‘ettakaṃ kālaṃ adhivāsetuṃ na sakkomi, pabbajissāmahaṃ, bhante, pabbājetha ma’’nti jīvitarakkhaṇatthaṃ pabbajjaṃ yāci. Thero taṃ pabbājesi. So pabbajitvā sāsane paṭiladdhasaddho bhaye vūpasantepi samaṇadhammaṃyeva rocento kammaṭṭhānaṃ gahetvā vipassanāya kammaṃ karonto – ‘‘arahattaṃ appatvā imasmā vasanagabbhā bahi na nikkhamissāmī’’tiādinā paṭiññaṃ katvā vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.36.30-33) –

    ‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Vipassino bhagavato, lokajeṭṭhassa tādino;

    เอกํ มญฺจํ มยา ทินฺนํ, ปสเนฺนน สปาณินาฯ

    Ekaṃ mañcaṃ mayā dinnaṃ, pasannena sapāṇinā.

    ‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ สมชฺฌคํ;

    ‘‘Hatthiyānaṃ assayānaṃ, dibbayānaṃ samajjhagaṃ;

    เตน มญฺจกทาเนน, ปโตฺตมฺหิ อาสวกฺขยํฯ

    Tena mañcakadānena, pattomhi āsavakkhayaṃ.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ มญฺจมททิํ ตทา;

    ‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ mañcamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, มญฺจทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, mañcadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวเทโนฺต สหายภิกฺขูหิ อธิคตํ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปฎิปนฺนาการํ กเถโนฺต –

    Arahattaṃ pana patvā vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedento sahāyabhikkhūhi adhigataṃ pucchito attano paṭipannākāraṃ kathento –

    ๓๑๑.

    311.

    ‘‘ปพฺพชิํ ชีวิกโตฺถหํ, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;

    ‘‘Pabbajiṃ jīvikatthohaṃ, laddhāna upasampadaṃ;

    ตโต สทฺธํ ปฎิลภิํ, ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมิํฯ

    Tato saddhaṃ paṭilabhiṃ, daḷhavīriyo parakkamiṃ.

    ๓๑๒.

    312.

    ‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, มํสเปสี วิสียรุํ;

    ‘‘Kāmaṃ bhijjatuyaṃ kāyo, maṃsapesī visīyaruṃ;

    อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เมฯ

    Ubho jaṇṇukasandhīhi, jaṅghāyo papatantu me.

    ๓๑๓.

    313.

    ‘‘นาสิสฺสํ น ปิวิสฺสามิ, วิหารา จ น นิกฺขเม;

    ‘‘Nāsissaṃ na pivissāmi, vihārā ca na nikkhame;

    นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสํ, ตณฺหาสเลฺล อนูหเตฯ

    Napi passaṃ nipātessaṃ, taṇhāsalle anūhate.

    ๓๑๔.

    314.

    ‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;

    ‘‘Tassa mevaṃ viharato, passa vīriyaparakkamaṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –

    จตโสฺส คาถา อภาสิฯ

    Catasso gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ชีวิกโตฺถติ ชีวิกาย อตฺถิโก ชีวิกปฺปโยชโนฯ ‘‘เอตฺถ ปพฺพชิตฺวา นิพฺภโย สุเขน อกิลมโนฺต ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ ชีวิกตฺถาย ปพฺพชินฺติ อโตฺถฯ ลทฺธาน อุปสมฺปทนฺติ ปฐมํ สามเณรปพฺพชฺชายํ ฐิโต ญตฺติจตุเตฺถน กเมฺมน อุปสมฺปทํ ลภิตฺวาฯ ตโต สทฺธํ ปฎิลภินฺติ ตโต อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย กลฺยาณมิเตฺต เสวโนฺต เทฺว มาติกา, ติโสฺส อนุโมทนา, เอกจฺจํ สุตฺตํ, สมถกมฺมฎฺฐานํ, วิปสฺสนาวิธิญฺจ อุคฺคณฺหโนฺต พุทฺธาทีนํ มหานุภาวตํ ทิสฺวา – ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ รตนตฺตเย สทฺธํ ปฎิลภิํฯ ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมินฺติ เอวํ ปฎิลทฺธสโทฺธ หุตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว สจฺจปฎิเวธาย ทฬฺหวีริโย ถิรวีริโย หุตฺวา ปรกฺกมิํ, อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย สมฺมเทว ปทหิํฯ

    Tattha jīvikatthoti jīvikāya atthiko jīvikappayojano. ‘‘Ettha pabbajitvā nibbhayo sukhena akilamanto jīvissāmī’’ti evaṃ jīvikatthāya pabbajinti attho. Laddhāna upasampadanti paṭhamaṃ sāmaṇerapabbajjāyaṃ ṭhito ñatticatutthena kammena upasampadaṃ labhitvā. Tato saddhaṃ paṭilabhinti tato upasampannakālato paṭṭhāya kalyāṇamitte sevanto dve mātikā, tisso anumodanā, ekaccaṃ suttaṃ, samathakammaṭṭhānaṃ, vipassanāvidhiñca uggaṇhanto buddhādīnaṃ mahānubhāvataṃ disvā – ‘‘sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti ratanattaye saddhaṃ paṭilabhiṃ. Daḷhavīriyo parakkaminti evaṃ paṭiladdhasaddho hutvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva saccapaṭivedhāya daḷhavīriyo thiravīriyo hutvā parakkamiṃ, akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya sammadeva padahiṃ.

    ยถา ปน ปรกฺกมิํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กามนฺติ ยถากามํ เอกํสโต วา ภิชฺชตุฯ อยํ กาโยติ อยํ มม ปูติกาโย, อิมินา วีริยปตาเปน ภิชฺชติ เจ, ภิชฺชตุ ฉินฺนภินฺนํ โหตุฯ มํสเปสี วิสียรุนฺติ อิมินา ทฬฺหปรกฺกเมน อิมสฺมา กายา มํสเปสิโย วิสียนฺติ เจ, วิสียนฺตุ อิโต จิโต วิทฺธํสนฺตุฯ อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เมติ อุโภหิ ชณฺณุกสนฺธีหิ สห มม อุโภ ชงฺฆาโย สตฺถิโย อูรุพนฺธโต ภิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปปตนฺตุฯ ‘‘ม’’นฺติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Yathā pana parakkamiṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘kāma’’ntiādi vuttaṃ. Tattha kāmanti yathākāmaṃ ekaṃsato vā bhijjatu. Ayaṃ kāyoti ayaṃ mama pūtikāyo, iminā vīriyapatāpena bhijjati ce, bhijjatu chinnabhinnaṃ hotu. Maṃsapesī visīyarunti iminā daḷhaparakkamena imasmā kāyā maṃsapesiyo visīyanti ce, visīyantu ito cito viddhaṃsantu. Ubho jaṇṇukasandhīhi, jaṅghāyo papatantu meti ubhohi jaṇṇukasandhīhi saha mama ubho jaṅghāyo satthiyo ūrubandhato bhijjitvā bhūmiyaṃ papatantu. ‘‘Ma’’ntipi pāṭho, so evattho. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    มุทิตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Muditattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catukkanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๒. มุทิตเตฺถรคาถา • 12. Muditattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact