Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
ขุทฺทกนิกาเย
Khuddakanikāye
ชาตก-อฎฺฐกถา
Jātaka-aṭṭhakathā
(ฉโฎฺฐ ภาโค)
(Chaṭṭho bhāgo)
๒๒. มหานิปาโต
22. Mahānipāto
[๕๓๘] ๑. มูคปกฺขชาตกวณฺณนา
[538] 1. Mūgapakkhajātakavaṇṇanā
มา ปณฺฑิจฺจยํ วิภาวยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภควโต เนกฺขมฺมปารมิํ วณฺณยนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิ มม ปูริตปารมิสฺส รชฺชํ ฉเฑฺฑตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นาม อนจฺฉริยํฯ อหญฺหิ ปุเพฺพ อปริปเกฺก ญาเณ ปารมิโย ปูเรโนฺตปิ รชฺชํ ฉเฑฺฑตฺวา นิกฺขโนฺตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Māpaṇḍiccayaṃ vibhāvayāti idaṃ satthā jetavane viharanto mahābhinikkhamanaṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi bhikkhū dhammasabhāyaṃ sannisinnā bhagavato nekkhammapāramiṃ vaṇṇayantā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘bhikkhave, idāni mama pūritapāramissa rajjaṃ chaḍḍetvā mahābhinikkhamanaṃ nāma anacchariyaṃ. Ahañhi pubbe aparipakke ñāṇe pāramiyo pūrentopi rajjaṃ chaḍḍetvā nikkhantoyevā’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต กาสิรเฎฺฐ พาราณสิยํ กาสิราชา นาม ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ ตสฺส โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย อเหสุํฯ ตาสุ เอกาปิ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา น ลภิฯ นาครา ‘‘อมฺหากํ รโญฺญ วํสานุรกฺขโก เอโกปิ ปุโตฺต นตฺถี’’ติ ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา กุสชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๑ อาทโย) อาคตนเยเนว ราชานํ เอวมาหํสุ ‘‘เทว, ปุตฺตํ ปเตฺถถา’’ติฯ ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย ‘‘ตุเมฺห ปุตฺตํ ปเตฺถถา’’ติ อาณาเปสิฯ ตา จนฺทาทีนํ เทวตานํ อายาจนอุปฎฺฐานาทีนิ กตฺวา ปเตฺถนฺติโยปิ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา น ลภิํสุฯ อคฺคมเหสี ปนสฺส มทฺทราชธีตา จนฺทาเทวี นาม สีลสมฺปนฺนา อโหสิฯ ราชา ‘‘ภเทฺท, ตฺวมฺปิ ปุตฺตํ ปเตฺถหี’’ติ อาหฯ สา ปุณฺณมทิวเส อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา จูฬสยเน นิปนฺนาว อตฺตโน สีลํ อาวเชฺชตฺวา ‘‘สจาหํ อขณฺฑสีลา อิมินา เม สเจฺจน ปุโตฺต อุปฺปชฺชตู’’ติ สจฺจกิริยํ อกาสิฯ
Atīte kāsiraṭṭhe bārāṇasiyaṃ kāsirājā nāma dhammena rajjaṃ kāresi. Tassa soḷasasahassā itthiyo ahesuṃ. Tāsu ekāpi puttaṃ vā dhītaraṃ vā na labhi. Nāgarā ‘‘amhākaṃ rañño vaṃsānurakkhako ekopi putto natthī’’ti rājaṅgaṇe sannipatitvā kusajātake (jā. 2.20.1 ādayo) āgatanayeneva rājānaṃ evamāhaṃsu ‘‘deva, puttaṃ patthethā’’ti. Rājā tesaṃ vacanaṃ sutvā soḷasasahassā itthiyo ‘‘tumhe puttaṃ patthethā’’ti āṇāpesi. Tā candādīnaṃ devatānaṃ āyācanaupaṭṭhānādīni katvā patthentiyopi puttaṃ vā dhītaraṃ vā na labhiṃsu. Aggamahesī panassa maddarājadhītā candādevī nāma sīlasampannā ahosi. Rājā ‘‘bhadde, tvampi puttaṃ patthehī’’ti āha. Sā puṇṇamadivase uposathaṃ samādiyitvā cūḷasayane nipannāva attano sīlaṃ āvajjetvā ‘‘sacāhaṃ akhaṇḍasīlā iminā me saccena putto uppajjatū’’ti saccakiriyaṃ akāsi.
ตสฺสา สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ สโกฺก อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘จนฺทาเทวี ปุตฺตํ ปเตฺถติ, หนฺทาหํ ปุตฺตํ ทสฺสามี’’ติ ตสฺสานุจฺฉวิกํ ปุตฺตํ อุปธาเรโนฺต โพธิสตฺตํ ปสฺสิฯ โพธิสโตฺตปิ ตทาวีสติวสฺสานิ พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรตฺวา ตโต จุโต อุสฺสทนิรเย นิพฺพตฺติตฺวา อสีติวสฺสสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จวิตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺติฯ ตตฺถาปิ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จวิตฺวา อุปริเทวโลกํ คนฺตุกาโม อโหสิฯ สโกฺก ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริส, ตยิ มนุสฺสโลเก อุปฺปเนฺน ปารมิโย จ เต ปูริสฺสนฺติ, มหาชนสฺส วุฑฺฒิ จ ภวิสฺสติ, อยํ กาสิรโญฺญ จนฺทาเทวี นาม อคฺคมเหสี ปุตฺตํ ปเตฺถติ, ตสฺสา กุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชาหี’’ติ วตฺวา อเญฺญสญฺจ จวนธมฺมานํ ปญฺจสตานํ เทวปุตฺตานํ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา สกฎฺฐานเมว อคมาสิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปญฺจหิ เทวปุตฺตสเตหิ สทฺธิํ เทวโลกโต จวิตฺวา สยํ จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ อิตเร ปน เทวปุตฺตา อมจฺจภริยานํ กุจฺฉีสุ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิํสุฯ
Tassā sīlatejena sakkassa bhavanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. Sakko āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘candādevī puttaṃ pattheti, handāhaṃ puttaṃ dassāmī’’ti tassānucchavikaṃ puttaṃ upadhārento bodhisattaṃ passi. Bodhisattopi tadāvīsativassāni bārāṇasiyaṃ rajjaṃ kāretvā tato cuto ussadaniraye nibbattitvā asītivassasahassāni tattha paccitvā tato cavitvā tāvatiṃsabhavane nibbatti. Tatthāpi yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cavitvā uparidevalokaṃ gantukāmo ahosi. Sakko tassa santikaṃ gantvā ‘‘mārisa, tayi manussaloke uppanne pāramiyo ca te pūrissanti, mahājanassa vuḍḍhi ca bhavissati, ayaṃ kāsirañño candādevī nāma aggamahesī puttaṃ pattheti, tassā kucchiyaṃ uppajjāhī’’ti vatvā aññesañca cavanadhammānaṃ pañcasatānaṃ devaputtānaṃ paṭiññaṃ gahetvā sakaṭṭhānameva agamāsi. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā pañcahi devaputtasatehi saddhiṃ devalokato cavitvā sayaṃ candādeviyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Itare pana devaputtā amaccabhariyānaṃ kucchīsu paṭisandhiṃ gaṇhiṃsu.
ตทา จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิ วชิรปุณฺณา วิย อโหสิฯ สา คพฺภสฺส ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา คพฺภสฺส ปริหารํ ทาเปสิฯ สา ปริปุณฺณคพฺภา ทสมาสจฺจเยน ธญฺญปุญฺญลกฺขณสมฺปนฺนํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ตํ ทิวสเมว อมจฺจเคเหสุ ปญฺจ กุมารสตานิ ชายิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ ราชา อมจฺจคณปริวุโต มหาตเล นิสิโนฺน อโหสิฯ อถสฺส ‘‘ปุโตฺต, เต เทว, ชาโต’’ติ อาโรจยิํสุฯ เตสํ วจนํ สุตฺวา รโญฺญ ปุตฺตเปมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ฉวิยาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิ, อพฺภนฺตเร ปีติ อุปฺปชฺชิ, หทยํ สีตลํ ชาตํฯ โส อมเจฺจ ปุจฺฉิ ‘‘ตุฎฺฐา นุ โข ตุเมฺห, มม ปุโตฺต ชาโต’’ติ? ‘‘กิํ กเถถ, เทว, มยํ ปุเพฺพ อนาถา, อิทานิ ปน สนาถา ชาตา, สามิโก โน ลโทฺธ’’ติ อาหํสุฯ ราชา มหาเสนคุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา อาณาเปสิ ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปริวาโร ลทฺธุํ วฎฺฎติ, คจฺฉ ตฺวํ อมจฺจเคเหสุ อชฺช ชาตา ทารกา กิตฺตกา นามาติ โอโลเกหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อมจฺจเคหานิ คนฺตฺวา โอโลเกโนฺต ปญฺจ กุมารสตานิ ทิสฺวา ปุนาคนฺตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ
Tadā candādeviyā kucchi vajirapuṇṇā viya ahosi. Sā gabbhassa patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā rañño ārocesi. Taṃ sutvā rājā gabbhassa parihāraṃ dāpesi. Sā paripuṇṇagabbhā dasamāsaccayena dhaññapuññalakkhaṇasampannaṃ puttaṃ vijāyi. Taṃ divasameva amaccagehesu pañca kumārasatāni jāyiṃsu. Tasmiṃ khaṇe rājā amaccagaṇaparivuto mahātale nisinno ahosi. Athassa ‘‘putto, te deva, jāto’’ti ārocayiṃsu. Tesaṃ vacanaṃ sutvā rañño puttapemaṃ uppajjitvā chaviyādīni chinditvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca aṭṭhāsi, abbhantare pīti uppajji, hadayaṃ sītalaṃ jātaṃ. So amacce pucchi ‘‘tuṭṭhā nu kho tumhe, mama putto jāto’’ti? ‘‘Kiṃ kathetha, deva, mayaṃ pubbe anāthā, idāni pana sanāthā jātā, sāmiko no laddho’’ti āhaṃsu. Rājā mahāsenaguttaṃ pakkosāpetvā āṇāpesi ‘‘mama puttassa parivāro laddhuṃ vaṭṭati, gaccha tvaṃ amaccagehesu ajja jātā dārakā kittakā nāmāti olokehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā amaccagehāni gantvā olokento pañca kumārasatāni disvā punāgantvā rañño ārocesi.
ราชา ปญฺจนฺนํ ทารกสตานํ กุมารปสาธนานิ เปเสตฺวา ปุน ปญฺจ ธาติสตานิ จ ทาเปสิฯ มหาสตฺตสฺส ปน อติทีฆาทิโทสวชฺชิตา อลมฺพตฺถนิโย มธุรถญฺญาโย จตุสฎฺฐิ ธาติโย อทาสิฯ อติทีฆาย หิ อิตฺถิยา ปเสฺส นิสีทิตฺวา ถญฺญํ ปิวโต ทารกสฺส คีวา ทีฆา โหติ, อติรสฺสาย ปเสฺส นิสีทิตฺวา ถญฺญํ ปิวโนฺต ทารโก นิปฺปีฬิตขนฺธฎฺฐิโก โหติ, อติกิสาย ปเสฺส นิสีทิตฺวา ถญฺญํ ปิวโต ทารกสฺส อูรู รุชฺชนฺติ, อติถูลาย ปเสฺส นิสีทิตฺวา ถญฺญํ ปิวโนฺต ทารโก ปกฺขปาโท โหติ, อติกาฬิกาย ขีรํ อติสีตลํ โหติ, อติโอทาตาย ขีรํ อติอุณฺหํ โหติ, ลมฺพตฺถนิยา ปเสฺส นิสีทิตฺวา ถญฺญํ ปิวโนฺต ทารโก นิปฺปีฬิตนาสิโก โหติฯ กาสานญฺจ ปน อิตฺถีนํ ขีรํ อติอมฺพิลํ โหติ, สาสานญฺจ ปน อิตฺถีนํ ขีรํ อติกฎุกาทิเภทํ โหติ, ตสฺมา เต สเพฺพปิ โทเส วิวเชฺชตฺวา อลมฺพตฺถนิโย มธุรถญฺญาโย จตุสฎฺฐิ ธาติโย ทตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา จนฺทาเทวิยาปิ วรํ อทาสิฯ สาปิ คหิตกํ กตฺวา ฐเปสิฯ
Rājā pañcannaṃ dārakasatānaṃ kumārapasādhanāni pesetvā puna pañca dhātisatāni ca dāpesi. Mahāsattassa pana atidīghādidosavajjitā alambatthaniyo madhurathaññāyo catusaṭṭhi dhātiyo adāsi. Atidīghāya hi itthiyā passe nisīditvā thaññaṃ pivato dārakassa gīvā dīghā hoti, atirassāya passe nisīditvā thaññaṃ pivanto dārako nippīḷitakhandhaṭṭhiko hoti, atikisāya passe nisīditvā thaññaṃ pivato dārakassa ūrū rujjanti, atithūlāya passe nisīditvā thaññaṃ pivanto dārako pakkhapādo hoti, atikāḷikāya khīraṃ atisītalaṃ hoti, atiodātāya khīraṃ atiuṇhaṃ hoti, lambatthaniyā passe nisīditvā thaññaṃ pivanto dārako nippīḷitanāsiko hoti. Kāsānañca pana itthīnaṃ khīraṃ atiambilaṃ hoti, sāsānañca pana itthīnaṃ khīraṃ atikaṭukādibhedaṃ hoti, tasmā te sabbepi dose vivajjetvā alambatthaniyo madhurathaññāyo catusaṭṭhi dhātiyo datvā mahantaṃ sakkāraṃ katvā candādeviyāpi varaṃ adāsi. Sāpi gahitakaṃ katvā ṭhapesi.
ราชา กุมารสฺส นามคฺคหณทิวเส ลกฺขณปาฐเก พฺราหฺมเณ ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา กุมารสฺส อนฺตรายาภาวํ ปุจฺฉิฯ เต ตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, ธญฺญปุญฺญลกฺขณสมฺปโนฺน อยํ กุมาโร, ติฎฺฐตุ เอกทีโป, ทฺวิสหสฺสปริวารานํ จตุนฺนมฺปิ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรตุํ สมโตฺถ โหติ, นาสฺส โกจิ อนฺตราโย ปญฺญายตี’’ติ วทิํสุฯ ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา กุมารสฺส นามํ กโรโนฺต ยสฺมา กุมารสฺส ชาตทิวเส สกลกาสิรเฎฺฐ เทโว วสฺสิ, ยสฺมา จ รโญฺญ เจว อมจฺจานญฺจ หทยํ สีตลํ ชาตํ, ยสฺมา จ เตมยมาโน ชาโต, ตสฺมา ‘‘เตมิยกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกาสิฯ อถ นํ ธาติโย เอกมาสิกํ อลงฺกริตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ อานยิํสุฯ ราชา ปิยปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา อเงฺก นิสีทาเปตฺวา รมยมาโน นิสีทิฯ
Rājā kumārassa nāmaggahaṇadivase lakkhaṇapāṭhake brāhmaṇe pakkosāpetvā tesaṃ mahantaṃ sakkāraṃ katvā kumārassa antarāyābhāvaṃ pucchi. Te tassa lakkhaṇasampattiṃ disvā ‘‘mahārāja, dhaññapuññalakkhaṇasampanno ayaṃ kumāro, tiṭṭhatu ekadīpo, dvisahassaparivārānaṃ catunnampi mahādīpānaṃ rajjaṃ kāretuṃ samattho hoti, nāssa koci antarāyo paññāyatī’’ti vadiṃsu. Rājā tesaṃ vacanaṃ sutvā tussitvā kumārassa nāmaṃ karonto yasmā kumārassa jātadivase sakalakāsiraṭṭhe devo vassi, yasmā ca rañño ceva amaccānañca hadayaṃ sītalaṃ jātaṃ, yasmā ca temayamāno jāto, tasmā ‘‘temiyakumāro’’tissa nāmaṃ akāsi. Atha naṃ dhātiyo ekamāsikaṃ alaṅkaritvā rañño santikaṃ ānayiṃsu. Rājā piyaputtaṃ āliṅgitvā sīse cumbitvā aṅke nisīdāpetvā ramayamāno nisīdi.
ตสฺมิํ ขเณ จตฺตาโร โจรา อานีตาฯ ราชา เต ทิสฺวา ‘‘เตสุ เอกสฺส โจรสฺส สกณฺฎกาหิ กสาหิ ปหารสหสฺสํ กโรถ, เอกสฺส สงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา พนฺธนาคารปเวสนํ กโรถ, เอกสฺส สรีเร สตฺติปหารํ กโรถ, เอกสฺส สูลาโรปนํ กโรถา’’ติ อาณาเปสิฯ อถ มหาสโตฺต ปิตุ วจนํ สุตฺวา ภีตตสิโต หุตฺวา ‘‘อโห มม ปิตา รชฺชํ นิสฺสาย อติภาริยํ นิรยคามิกมฺมํ อกาสี’’ติ จิเนฺตสิฯ ปุนทิวเส ปน ตํ เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา อลงฺกตสิริสยเน นิปชฺชาเปสุํฯ โส โถกํ นิทฺทายิตฺวา ปพุโทฺธ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เสตจฺฉตฺตํ โอโลเกโนฺต มหนฺตํ สิริวิภวํ ปสฺสิฯ อถสฺส ปกติยาปิ ภีตตสิตสฺส อติเรกตรํ ภยํ อุปฺปชฺชิฯ โส ‘‘กุโต นุ โข อหํ อิมํ โจรเคหํ อาคโตมฺหี’’ติ อุปธาเรโนฺต ชาติสฺสรญาเณน เทวโลกโต อาคตภาวํ ญตฺวา ตโต ปรํ โอโลเกโนฺต อุสฺสทนิรเย ปกฺกภาวํ ปสฺสิ, ตโต ปรํ โอโลเกโนฺต ตสฺมิํเยว นคเร ราชภาวํ อญฺญาสิฯ
Tasmiṃ khaṇe cattāro corā ānītā. Rājā te disvā ‘‘tesu ekassa corassa sakaṇṭakāhi kasāhi pahārasahassaṃ karotha, ekassa saṅkhalikāya bandhitvā bandhanāgārapavesanaṃ karotha, ekassa sarīre sattipahāraṃ karotha, ekassa sūlāropanaṃ karothā’’ti āṇāpesi. Atha mahāsatto pitu vacanaṃ sutvā bhītatasito hutvā ‘‘aho mama pitā rajjaṃ nissāya atibhāriyaṃ nirayagāmikammaṃ akāsī’’ti cintesi. Punadivase pana taṃ setacchattassa heṭṭhā alaṅkatasirisayane nipajjāpesuṃ. So thokaṃ niddāyitvā pabuddho akkhīni ummīletvā setacchattaṃ olokento mahantaṃ sirivibhavaṃ passi. Athassa pakatiyāpi bhītatasitassa atirekataraṃ bhayaṃ uppajji. So ‘‘kuto nu kho ahaṃ imaṃ coragehaṃ āgatomhī’’ti upadhārento jātissarañāṇena devalokato āgatabhāvaṃ ñatvā tato paraṃ olokento ussadaniraye pakkabhāvaṃ passi, tato paraṃ olokento tasmiṃyeva nagare rājabhāvaṃ aññāsi.
อถสฺส ‘‘อหํ วีสติวสฺสานิ พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรตฺวา อสีติวสฺสสหสฺสานิ อุสฺสทนิรเย ปจฺจิํ, อิทานิ ปุนปิ อิมสฺมิํเยว โจรเคเห นิพฺพโตฺตมฺหิ, ปิตา เม หิโยฺย จตูสุ โจเรสุ อานีเตสุ ตถารูปํ ผรุสํ นิรยสํวตฺตนิกํ กถํ กเถสิ, สจาหํ รชฺชํ กาเรสฺสามิ, ปุนปิ นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวิสฺสามี’’ติ อาวเชฺชนฺตสฺส มหนฺตํ ภยํ อุปฺปชฺชิฯ โพธิสตฺตสฺส กญฺจนวณฺณํ สรีรํ หเตฺถน ปริมทฺทิตํ ปทุมํ วิย มิลาตํ ทุพฺพณฺณํ อโหสิฯ โส ‘‘กถํ นุ โข อิมมฺหา โจรเคหา มุเจฺจยฺย’’นฺติ จิเนฺตโนฺต นิปชฺชิฯ อถ นํ เอกสฺมิํ อตฺตภาเว มาตุภูตปุพฺพา ฉเตฺต อธิวตฺถา เทวธีตา อสฺสาเสตฺวา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, มา ภายิ, มา โสจิ, มา จินฺตยิฯ สเจ อิโต มุจฺจิตุกาโมสิ, ตฺวํ อปีฐสปฺปีปิ ปีฐสปฺปี วิย โหหิ, อพธิโรปิ พธิโร วิย โหหิ, อมูโคปิ มูโค วิย โหหิ, อิมานิ ตีณิ องฺคานิ อธิฎฺฐาย อตฺตโน ปณฺฑิตภาวํ มา ปกาเสหี’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Athassa ‘‘ahaṃ vīsativassāni bārāṇasiyaṃ rajjaṃ kāretvā asītivassasahassāni ussadaniraye pacciṃ, idāni punapi imasmiṃyeva coragehe nibbattomhi, pitā me hiyyo catūsu coresu ānītesu tathārūpaṃ pharusaṃ nirayasaṃvattanikaṃ kathaṃ kathesi, sacāhaṃ rajjaṃ kāressāmi, punapi niraye nibbattitvā mahādukkhaṃ anubhavissāmī’’ti āvajjentassa mahantaṃ bhayaṃ uppajji. Bodhisattassa kañcanavaṇṇaṃ sarīraṃ hatthena parimadditaṃ padumaṃ viya milātaṃ dubbaṇṇaṃ ahosi. So ‘‘kathaṃ nu kho imamhā coragehā mucceyya’’nti cintento nipajji. Atha naṃ ekasmiṃ attabhāve mātubhūtapubbā chatte adhivatthā devadhītā assāsetvā ‘‘tāta temiyakumāra, mā bhāyi, mā soci, mā cintayi. Sace ito muccitukāmosi, tvaṃ apīṭhasappīpi pīṭhasappī viya hohi, abadhiropi badhiro viya hohi, amūgopi mūgo viya hohi, imāni tīṇi aṅgāni adhiṭṭhāya attano paṇḍitabhāvaṃ mā pakāsehī’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑.
1.
‘‘มา ปณฺฑิจฺจยํ วิภาวย, พาลมโต ภว สพฺพปาณินํ;
‘‘Mā paṇḍiccayaṃ vibhāvaya, bālamato bhava sabbapāṇinaṃ;
สโพฺพ ตํ ชโน โอจินายตุ, เอวํ ตว อโตฺถ ภวิสฺสตี’’ติฯ
Sabbo taṃ jano ocināyatu, evaṃ tava attho bhavissatī’’ti.
ตตฺถ ปณฺฑิจฺจยนฺติ ปณฺฑิจฺจํ, อยเมว วา ปาโฐฯ พาลมโตติ พาโล อิติ สมฺมโตฯ สโพฺพ ชโนติ สกโล อโนฺตชโน เจว พหิชโน จฯ โอจินายตูติ ‘‘นีหรเถตํ กาฬกณฺณิ’’นฺติ อวมญฺญตุ, อวชานาตูติ อโตฺถฯ
Tattha paṇḍiccayanti paṇḍiccaṃ, ayameva vā pāṭho. Bālamatoti bālo iti sammato. Sabbo janoti sakalo antojano ceva bahijano ca. Ocināyatūti ‘‘nīharathetaṃ kāḷakaṇṇi’’nti avamaññatu, avajānātūti attho.
โส ตสฺสา วจเนน อสฺสาสํ ปฎิลภิตฺวา –
So tassā vacanena assāsaṃ paṭilabhitvā –
๒.
2.
‘‘กโรมิ เต ตํ วจนํ, ยํ มํ ภณสิ เทวเต;
‘‘Karomi te taṃ vacanaṃ, yaṃ maṃ bhaṇasi devate;
อตฺถกามาสิ เม อมฺม, หิตกามาสิ เทวเต’’ติฯ –
Atthakāmāsi me amma, hitakāmāsi devate’’ti. –
อิมํ คาถํ วตฺวา ตานิ ตีณิ องฺคานิ อธิฎฺฐาสิฯ สา จ เทวธีตา อนฺตรธายิฯ ราชา ปุตฺตสฺส อนุกฺกณฺฐนตฺถาย ตานิ ปญฺจ กุมารสตานิ ตสฺส สนฺติเกเยว ฐเปสิฯ เต ทารกา ถญฺญตฺถาย โรทนฺติ ปริเทวนฺติฯ มหาสโตฺต ปน นิรยภยตชฺชิโต ‘‘รชฺชโต เม สุสฺสิตฺวา มตเมว เสโยฺย’’ติ น โรทติ น ปริเทวติฯ อถสฺส ธาติโย ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา จนฺทาเทวิยา อาโรจยิํสุฯ สาปิ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา เนมิตฺตเก พฺราหฺมเณ ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิฯ อถ พฺราหฺมณา อาหํสุ ‘‘เทว, กุมารสฺส ปกติเวลํ อติกฺกมิตฺวา ถญฺญํ ทาตุํ วฎฺฎติ, เอวํ โส โรทมาโน ถนํ ทฬฺหํ คเหตฺวา สยเมว ปิวิสฺสตี’’ติฯ ตโต ปฎฺฐาย ธาติโย กุมารสฺส ปกติเวลํ อติกฺกมิตฺวา ถญฺญํ เทนฺติฯ ททมานา จ กทาจิ เอกวารํ อติกฺกมิตฺวา เทนฺติ, กทาจิ สกลทิวสํ ขีรํ น เทนฺติฯ
Imaṃ gāthaṃ vatvā tāni tīṇi aṅgāni adhiṭṭhāsi. Sā ca devadhītā antaradhāyi. Rājā puttassa anukkaṇṭhanatthāya tāni pañca kumārasatāni tassa santikeyeva ṭhapesi. Te dārakā thaññatthāya rodanti paridevanti. Mahāsatto pana nirayabhayatajjito ‘‘rajjato me sussitvā matameva seyyo’’ti na rodati na paridevati. Athassa dhātiyo taṃ pavattiṃ ñatvā candādeviyā ārocayiṃsu. Sāpi rañño ārocesi. Rājā nemittake brāhmaṇe pakkosāpetvā pucchi. Atha brāhmaṇā āhaṃsu ‘‘deva, kumārassa pakativelaṃ atikkamitvā thaññaṃ dātuṃ vaṭṭati, evaṃ so rodamāno thanaṃ daḷhaṃ gahetvā sayameva pivissatī’’ti. Tato paṭṭhāya dhātiyo kumārassa pakativelaṃ atikkamitvā thaññaṃ denti. Dadamānā ca kadāci ekavāraṃ atikkamitvā denti, kadāci sakaladivasaṃ khīraṃ na denti.
วีมํสนกณฺฑํ
Vīmaṃsanakaṇḍaṃ
โส นิรยภยตชฺชิโต สุสฺสโนฺตปิ ถญฺญตฺถาย น โรทติ, น ปริเทวติฯ อถ นํ อโรทนฺตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘ปุโตฺต เม ฉาโต’’ติ มาตา วา ถญฺญํ ปาเยติ, กทาจิ ธาติโย วา ปาเยนฺติฯ เสสทารกา ถญฺญํ อลทฺธเวลายเมว โรทนฺติ ปริเทวนฺติฯ มหาสโตฺต ปน นิรยภยตชฺชิโต น โรทติ, น ปริเทวติ, น นิทฺทายติ, น หตฺถปาเท สมิญฺชติ, น สทฺทํ กโรติฯ อถสฺส ธาติโย ‘‘ปีฐสปฺปีนํ หตฺถปาทา นาม น เอวรูปา โหนฺติ, มูคานํ หนุกปริโยสานํ นาม น เอวรูปํ โหติ, พธิรานํ กณฺณโสตานิ นาม น เอวรูปานิ โหนฺติ, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, วีมํสิสฺสาม น’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ขีเรน ตาว นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ สกลทิวสํ ขีรํ น เทนฺติฯ โส สุสฺสโนฺตปิ ขีรตฺถาย สทฺทํ น กโรติฯ อถสฺส มาตา ‘‘ปุโตฺต เม ฉาโต’’ติ สยเมว ถญฺญํ ปาเยติฯ เอวํ อนฺตรนฺตรา ขีรํ อทตฺวา เอกสํวจฺฉรํ วีมํสนฺตาปิสฺส อนฺตรํ น ปสฺสิํสุฯ
So nirayabhayatajjito sussantopi thaññatthāya na rodati, na paridevati. Atha naṃ arodantampi disvā ‘‘putto me chāto’’ti mātā vā thaññaṃ pāyeti, kadāci dhātiyo vā pāyenti. Sesadārakā thaññaṃ aladdhavelāyameva rodanti paridevanti. Mahāsatto pana nirayabhayatajjito na rodati, na paridevati, na niddāyati, na hatthapāde samiñjati, na saddaṃ karoti. Athassa dhātiyo ‘‘pīṭhasappīnaṃ hatthapādā nāma na evarūpā honti, mūgānaṃ hanukapariyosānaṃ nāma na evarūpaṃ hoti, badhirānaṃ kaṇṇasotāni nāma na evarūpāni honti, bhavitabbamettha kāraṇena, vīmaṃsissāma na’’nti cintetvā ‘‘khīrena tāva naṃ vīmaṃsissāmā’’ti sakaladivasaṃ khīraṃ na denti. So sussantopi khīratthāya saddaṃ na karoti. Athassa mātā ‘‘putto me chāto’’ti sayameva thaññaṃ pāyeti. Evaṃ antarantarā khīraṃ adatvā ekasaṃvaccharaṃ vīmaṃsantāpissa antaraṃ na passiṃsu.
ตโต อมจฺจาทโย รโญฺญ อาโรเจสุํ ‘‘เอกวสฺสิกทารกา นาม ปูวขชฺชกํ ปิยายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ปญฺจ กุมารสตานิ ตสฺส สนฺติเกเยว นิสีทาเปตฺวา นานาปูวขชฺชกานิ อุปนาเมตฺวา โพธิสตฺตสฺส อวิทูเร ฐเปตฺวา ‘‘ยถารุจิ ตานิ ปูวขชฺชกานิ คณฺหถา’’ติ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ติฎฺฐนฺติฯ เสสทารกา กลหํ กโรนฺตา อญฺญมญฺญํ ปหรนฺตา ตํ ตํ คเหตฺวา ขาทนฺติฯ มหาสโตฺต ปน อตฺตานํ โอวทิตฺวา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, นิรยภยํ อิจฺฉโนฺต ปูวขชฺชกํ อิจฺฉาหี’’ติ นิรยภยตชฺชิโต ปูวขชฺชกํ น โอโลเกสิฯ เอวํ ปูวขชฺชเกนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato amaccādayo rañño ārocesuṃ ‘‘ekavassikadārakā nāma pūvakhajjakaṃ piyāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti pañca kumārasatāni tassa santikeyeva nisīdāpetvā nānāpūvakhajjakāni upanāmetvā bodhisattassa avidūre ṭhapetvā ‘‘yathāruci tāni pūvakhajjakāni gaṇhathā’’ti paṭicchannaṭṭhāne tiṭṭhanti. Sesadārakā kalahaṃ karontā aññamaññaṃ paharantā taṃ taṃ gahetvā khādanti. Mahāsatto pana attānaṃ ovaditvā ‘‘tāta temiyakumāra, nirayabhayaṃ icchanto pūvakhajjakaṃ icchāhī’’ti nirayabhayatajjito pūvakhajjakaṃ na olokesi. Evaṃ pūvakhajjakenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘ทฺวิวสฺสิกทารกา นาม ผลาผลํ ปิยายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ นานาผลานิ อุปนาเมตฺวา โพธิสตฺตสฺส อวิทูเร ฐเปตฺวา วีมํสิํสุฯ เสสทารกา กลหํ กตฺวา ยุชฺฌนฺตา ตํ ตํ คเหตฺวา ขาทนฺติฯ โส นิรยภยตชฺชิโต ตมฺปิ น โอโลเกสิฯ เอวํ ผลาผเลนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘dvivassikadārakā nāma phalāphalaṃ piyāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti nānāphalāni upanāmetvā bodhisattassa avidūre ṭhapetvā vīmaṃsiṃsu. Sesadārakā kalahaṃ katvā yujjhantā taṃ taṃ gahetvā khādanti. So nirayabhayatajjito tampi na olokesi. Evaṃ phalāphalenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘ติวสฺสิกทารกา นาม กีฬนภณฺฑกํ ปิยายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ นานาสุวณฺณมยานิ หตฺถิอสฺสรูปกาทีนิ การาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อวิทูเร ฐเปสุํฯ เสสทารกา อญฺญมญฺญํ วิลุมฺปนฺตา คณฺหิํสุฯ มหาสโตฺต ปน น กิญฺจิ โอโลเกสิฯ เอวํ กีฬนภณฺฑเกนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘tivassikadārakā nāma kīḷanabhaṇḍakaṃ piyāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti nānāsuvaṇṇamayāni hatthiassarūpakādīni kārāpetvā bodhisattassa avidūre ṭhapesuṃ. Sesadārakā aññamaññaṃ vilumpantā gaṇhiṃsu. Mahāsatto pana na kiñci olokesi. Evaṃ kīḷanabhaṇḍakenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘จตุวสฺสิกทารกา นาม โภชนํ ปิยายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ นานาโภชนานิ อุปนาเมสุํฯ เสสทารกา ตํ ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ กตฺวา ภุญฺชนฺติฯ มหาสโตฺต ปน อตฺตานํ โอวทิตฺวา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, อลทฺธโภชนานํ เต อตฺตภาวานํ คณนา นาม นตฺถี’’ติ นิรยภยตชฺชิโต ตมฺปิ น โอโลเกสิฯ อถสฺส มาตา สยเมว หทเยน ภิชฺชมาเนน วิย อสหเนฺตน สหเตฺถน โภชนํ โภเชสิฯ เอวํ โภชเนนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘catuvassikadārakā nāma bhojanaṃ piyāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti nānābhojanāni upanāmesuṃ. Sesadārakā taṃ piṇḍaṃ piṇḍaṃ katvā bhuñjanti. Mahāsatto pana attānaṃ ovaditvā ‘‘tāta temiyakumāra, aladdhabhojanānaṃ te attabhāvānaṃ gaṇanā nāma natthī’’ti nirayabhayatajjito tampi na olokesi. Athassa mātā sayameva hadayena bhijjamānena viya asahantena sahatthena bhojanaṃ bhojesi. Evaṃ bhojanenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘ปญฺจวสฺสิกทารกา นาม อคฺคิโน ภายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ราชงฺคเณ อเนกทฺวารยุตฺตํ มหนฺตํ เคหํ กาเรตฺวา ตาลปเณฺณหิ ฉาเทตฺวา ตํ เสสทารเกหิ ปริวุตํ ตสฺส มเชฺฌ นิสีทาเปตฺวา อคฺคิํ เทนฺติฯ เสสทารกา อคฺคิํ ทิสฺวา วิรวนฺตา ปลายิํสุฯ มหาสโตฺต ปน จิเนฺตสิ ‘‘นิรยอคฺคิสนฺตาปนโต อิทเมว อคฺคิสนฺตาปนํ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน วรตร’’นฺติ นิโรธสมาปโนฺน มหาเถโร วิย นิจฺจโลว อโหสิฯ อถ นํ อคฺคิมฺหิ อาคจฺฉเนฺต คเหตฺวา อปเนนฺติฯ เอวํ อคฺคินาปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘pañcavassikadārakā nāma aggino bhāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti rājaṅgaṇe anekadvārayuttaṃ mahantaṃ gehaṃ kāretvā tālapaṇṇehi chādetvā taṃ sesadārakehi parivutaṃ tassa majjhe nisīdāpetvā aggiṃ denti. Sesadārakā aggiṃ disvā viravantā palāyiṃsu. Mahāsatto pana cintesi ‘‘nirayaaggisantāpanato idameva aggisantāpanaṃ sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇena varatara’’nti nirodhasamāpanno mahāthero viya niccalova ahosi. Atha naṃ aggimhi āgacchante gahetvā apanenti. Evaṃ aggināpi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘ฉวสฺสิกทารกา นาม มตฺตหตฺถิโน ภายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ เอกํ หตฺถิํ สุสิกฺขิตํ สิกฺขาเปตฺวา โพธิสตฺตํ เสสทารเกหิ ปริวุตํ ราชงฺคเณ นิสีทาเปตฺวา ตํ หตฺถิํ มุญฺจนฺติฯ โส โกญฺจนาทํ นทโนฺต โสณฺฑาย ภูมิยํ โปเถโนฺต ภยํ ทเสฺสโนฺต อาคจฺฉติฯ เสสทารกา ตํ ทิสฺวา มรณภยภีตา ทิสาวิทิสาสุ ปลายิํสุฯ มหาสโตฺต ปน มตฺตหตฺถิํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘จณฺฑนิรเย ปจฺจนโต จณฺฑหตฺถิโน หเตฺถ มรณเมว เสโยฺย’’ติ นิรยภยตชฺชิโต ตเตฺถว นิสีทิฯ สุสิกฺขิโต หตฺถี มหาสตฺตํ ปุปฺผกลาปํ วิย อุกฺขิปิตฺวา อปราปรํ กตฺวา อกิลเมตฺวาว คจฺฉติฯ เอวํ หตฺถินาปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘chavassikadārakā nāma mattahatthino bhāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti ekaṃ hatthiṃ susikkhitaṃ sikkhāpetvā bodhisattaṃ sesadārakehi parivutaṃ rājaṅgaṇe nisīdāpetvā taṃ hatthiṃ muñcanti. So koñcanādaṃ nadanto soṇḍāya bhūmiyaṃ pothento bhayaṃ dassento āgacchati. Sesadārakā taṃ disvā maraṇabhayabhītā disāvidisāsu palāyiṃsu. Mahāsatto pana mattahatthiṃ āgacchantaṃ disvā cintesi ‘‘caṇḍaniraye paccanato caṇḍahatthino hatthe maraṇameva seyyo’’ti nirayabhayatajjito tattheva nisīdi. Susikkhito hatthī mahāsattaṃ pupphakalāpaṃ viya ukkhipitvā aparāparaṃ katvā akilametvāva gacchati. Evaṃ hatthināpi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘สตฺตวสฺสิกทารกา นาม สปฺปสฺส ภายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺตํ เสสทารเกหิ สทฺธิํ ราชงฺคเณ นิสีทาเปตฺวา อุทฺธฎทาเฐ กตมุขพเนฺธ สเปฺป วิสฺสเชฺชสุํฯ เสสทารกา เต ทิสฺวา วิรวนฺตา ปลายิํสุฯ มหาสโตฺต ปน นิรยภยํ อาวเชฺชตฺวา ‘‘จณฺฑสปฺปสฺส มุเข วินาสเมว วรตร’’นฺติ นิโรธสมาปโนฺน มหาเถโร วิย นิจฺจโลว อโหสิฯ อถสฺส สโปฺป สกลสรีรํ เวเฐตฺวา มตฺถเก ผณํ กตฺวา อจฺฉิฯ ตทาปิ โส นิจฺจโลว อโหสิฯ เอวํ สเปฺปนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุ ฯ
Tato ‘‘sattavassikadārakā nāma sappassa bhāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti bodhisattaṃ sesadārakehi saddhiṃ rājaṅgaṇe nisīdāpetvā uddhaṭadāṭhe katamukhabandhe sappe vissajjesuṃ. Sesadārakā te disvā viravantā palāyiṃsu. Mahāsatto pana nirayabhayaṃ āvajjetvā ‘‘caṇḍasappassa mukhe vināsameva varatara’’nti nirodhasamāpanno mahāthero viya niccalova ahosi. Athassa sappo sakalasarīraṃ veṭhetvā matthake phaṇaṃ katvā acchi. Tadāpi so niccalova ahosi. Evaṃ sappenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu .
ตโต ‘‘อฎฺฐวสฺสิกทารกา นาม นฎสมชฺชํ ปิยายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ตํ ปญฺจทารกสเตหิ สทฺธิํ ราชงฺคเณ นิสีทาเปตฺวา นฎสมชฺชํ การาเปสุํฯ เสสทารกา ตํ นฎสมชฺชํ ทิสฺวา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ วทนฺตา มหาหสิตํ หสนฺติฯ มหาสโตฺต ปน ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตกาเล ตว ขณมตฺตมฺปิ หาโส วา โสมนสฺสํ วา นตฺถี’’ติ นิรยภยํ อาวเชฺชตฺวา นิจฺจโลว อโหสิ, ตํ น โอโลเกสิฯ เอวํ นฎสมเชฺชนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘aṭṭhavassikadārakā nāma naṭasamajjaṃ piyāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti taṃ pañcadārakasatehi saddhiṃ rājaṅgaṇe nisīdāpetvā naṭasamajjaṃ kārāpesuṃ. Sesadārakā taṃ naṭasamajjaṃ disvā ‘‘sādhu sādhū’’ti vadantā mahāhasitaṃ hasanti. Mahāsatto pana ‘‘niraye nibbattakāle tava khaṇamattampi hāso vā somanassaṃ vā natthī’’ti nirayabhayaṃ āvajjetvā niccalova ahosi, taṃ na olokesi. Evaṃ naṭasamajjenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ‘‘นววสฺสิกทารกา นาม อสิโน ภายนฺติ, เตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ตํ ปญฺจทารกสเตหิ สทฺธิํ ราชงฺคเณ นิสีทาเปตฺวา ทารกานํ กีฬนกาเล เอโก ปุริโส ผลิกวณฺณํ อสิํ คเหตฺวา ปริพฺภมโนฺต นทโนฺต วคฺคโนฺต ตาเสโนฺต ลงฺฆโนฺต อโปฺผเฎโนฺต มหาสทฺทํ กโรโนฺต ‘‘กาสิรโญฺญ กิร กาฬกณฺณี เอโก ปุโตฺต อตฺถิ, โส กุหิํ, สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อภิธาวติฯ ตํ ปุริสํ ทิสฺวา เสสทารกา ภีตตสิตา หุตฺวา วิรวนฺตา ทิสาวิทิสาสุ ปลายิํสุฯ มหาสโตฺต ปน นิรยภยํ อาวเชฺชตฺวา อชานโนฺต วิย นิสีทิฯ อถ นํ โส ปุริโส อสินา สีเส ปรามสิตฺวา ‘‘สีสํ เต ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ตาเสโนฺตปิ ตาเสตุํ อสโกฺกโนฺต อปคมิฯ เอวํ ขเคฺคนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato ‘‘navavassikadārakā nāma asino bhāyanti, tena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti taṃ pañcadārakasatehi saddhiṃ rājaṅgaṇe nisīdāpetvā dārakānaṃ kīḷanakāle eko puriso phalikavaṇṇaṃ asiṃ gahetvā paribbhamanto nadanto vagganto tāsento laṅghanto apphoṭento mahāsaddaṃ karonto ‘‘kāsirañño kira kāḷakaṇṇī eko putto atthi, so kuhiṃ, sīsamassa chindissāmī’’ti abhidhāvati. Taṃ purisaṃ disvā sesadārakā bhītatasitā hutvā viravantā disāvidisāsu palāyiṃsu. Mahāsatto pana nirayabhayaṃ āvajjetvā ajānanto viya nisīdi. Atha naṃ so puriso asinā sīse parāmasitvā ‘‘sīsaṃ te chindissāmī’’ti tāsentopi tāsetuṃ asakkonto apagami. Evaṃ khaggenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ทสวสฺสิกกาเล ปนสฺส พธิรภาววีมํสนตฺถํ สิริสยเน นิสีทาเปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา จตูสุ ปเสฺสสุ ฉิทฺทานิ กตฺวา ตสฺส อทเสฺสตฺวา เหฎฺฐาสยเน สงฺขธมเก นิสีทาเปตฺวา เอกปฺปหาเรเนว สเงฺข ธมาเปนฺติ, เอกนินฺนาทํ อโหสิฯ อมจฺจา จตูสุ ปเสฺสสุ ฐตฺวา สาณิยา ฉิเทฺทหิ โอโลเกนฺตาปิ มหาสตฺตสฺส เอกทิวสมฺปิ สติสโมฺมสํ วา หตฺถปาทวิการํ วา ผนฺทนมตฺตํ วา น ปสฺสิํสุฯ เอวํ เอกสํวจฺฉรํ สงฺขสเทฺทนปิ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato dasavassikakāle panassa badhirabhāvavīmaṃsanatthaṃ sirisayane nisīdāpetvā sāṇiyā parikkhipāpetvā catūsu passesu chiddāni katvā tassa adassetvā heṭṭhāsayane saṅkhadhamake nisīdāpetvā ekappahāreneva saṅkhe dhamāpenti, ekaninnādaṃ ahosi. Amaccā catūsu passesu ṭhatvā sāṇiyā chiddehi olokentāpi mahāsattassa ekadivasampi satisammosaṃ vā hatthapādavikāraṃ vā phandanamattaṃ vā na passiṃsu. Evaṃ ekasaṃvaccharaṃ saṅkhasaddenapi antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ปรมฺปิ เอกาทสวสฺสิกกาเล เอกสํวจฺฉรํ ตเถว เภริสเทฺทน วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato parampi ekādasavassikakāle ekasaṃvaccharaṃ tatheva bherisaddena vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ทฺวาทสวสฺสิกกาเล ‘‘ทีเปน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ‘‘รตฺติภาเค อนฺธกาเร หตฺถํ วา ปาทํ วา ผนฺทาเปติ นุ โข, โน’’ติ ฆเฎสุ ทีเป ชาเลตฺวา เสสทีเป นิพฺพาเปตฺวา โถกํ อนฺธกาเร สยาเปตฺวา ฆเฎหิ ทีเป อุกฺขิปิตฺวา เอกปฺปหาเรเนว อาโลกํ กตฺวา อิริยาปถํ อุปธาเรนฺติฯ เอวํ ทีเปนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส กิญฺจิ ผนฺทนมตฺตมฺปิ น ปสฺสิํสุฯ
Tato dvādasavassikakāle ‘‘dīpena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti ‘‘rattibhāge andhakāre hatthaṃ vā pādaṃ vā phandāpeti nu kho, no’’ti ghaṭesu dīpe jāletvā sesadīpe nibbāpetvā thokaṃ andhakāre sayāpetvā ghaṭehi dīpe ukkhipitvā ekappahāreneva ālokaṃ katvā iriyāpathaṃ upadhārenti. Evaṃ dīpenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa kiñci phandanamattampi na passiṃsu.
ตโต เตรสวสฺสิกกาเล ‘‘ผาณิเตน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ สกลสรีรํ ผาณิเตน มเกฺขตฺวา พหุมกฺขิเก ฐาเน นิปชฺชาเปสุํฯ มกฺขิกา อุฎฺฐหนฺติ, ตา ตสฺส สกลสรีรํ ปริวาเรตฺวา สูจีหิ วิชฺฌมานา วิย ขาทนฺติฯ โส นิโรธสมาปโนฺน มหาเถโร วิย นิจฺจโลว อโหสิฯ เอวํ ผาณิเตนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส กิญฺจิ ผนฺทนมตฺตมฺปิ น ปสฺสิํสุฯ
Tato terasavassikakāle ‘‘phāṇitena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti sakalasarīraṃ phāṇitena makkhetvā bahumakkhike ṭhāne nipajjāpesuṃ. Makkhikā uṭṭhahanti, tā tassa sakalasarīraṃ parivāretvā sūcīhi vijjhamānā viya khādanti. So nirodhasamāpanno mahāthero viya niccalova ahosi. Evaṃ phāṇitenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa kiñci phandanamattampi na passiṃsu.
อถสฺส จุทฺทสวสฺสิกกาเล ‘‘อิทานิ ปเนส มหลฺลโก ชาโต สุจิกาโม อสุจิชิคุจฺฉโก, อสุจินา นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ ตโต ปฎฺฐาย นํ เนว นฺหาเปนฺติ น จ อาจมาเปนฺติฯ โส อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา ตเตฺถว ปลิปโนฺน สยติฯ ทุคฺคนฺธภาเวน ปนสฺส อนฺตรุธีนํ นิกฺขมนกาโล วิย อโหสิ, อสุจิคเนฺธน มกฺขิกา ขาทนฺติฯ โส นิจฺจโลว อโหสิ ฯ อถ นํ ปริวาเรตฺวา ฐิตา ธาติโย อาหํสุ ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, ตฺวํ มหลฺลโก ชาโต, โก ตํ สพฺพทา ปฎิชคฺคิสฺสติ, กิํ น ลชฺชสิ, กสฺมา นิปโนฺนสิ, อุฎฺฐาย เต สรีรํ ปฎิชคฺคาหี’’ติ อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติฯ โส ตถารูเป ปฎิกูเล คูถราสิมฺหิ นิมุโคฺคปิ ทุคฺคนฺธภาเวน โยชนสตมตฺถเก ฐิตานมฺปิ หทยุปฺปตนสมตฺถสฺส คูถนิรยสฺส ทุคฺคนฺธภาวํ อาวเชฺชตฺวา นิจฺจโลว อโหสิฯ เอวํ อสุจินาปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Athassa cuddasavassikakāle ‘‘idāni panesa mahallako jāto sucikāmo asucijigucchako, asucinā naṃ vīmaṃsissāmā’’ti tato paṭṭhāya naṃ neva nhāpenti na ca ācamāpenti. So uccārapassāvaṃ katvā tattheva palipanno sayati. Duggandhabhāvena panassa antarudhīnaṃ nikkhamanakālo viya ahosi, asucigandhena makkhikā khādanti. So niccalova ahosi . Atha naṃ parivāretvā ṭhitā dhātiyo āhaṃsu ‘‘tāta temiyakumāra, tvaṃ mahallako jāto, ko taṃ sabbadā paṭijaggissati, kiṃ na lajjasi, kasmā nipannosi, uṭṭhāya te sarīraṃ paṭijaggāhī’’ti akkosanti paribhāsanti. So tathārūpe paṭikūle gūtharāsimhi nimuggopi duggandhabhāvena yojanasatamatthake ṭhitānampi hadayuppatanasamatthassa gūthanirayassa duggandhabhāvaṃ āvajjetvā niccalova ahosi. Evaṃ asucināpi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
ตโต ปนฺนรสวสฺสิกกาเล ‘‘องฺคาเรน นํ วีมํสิสฺสามา’’ติ อถสฺส เหฎฺฐามญฺจเก อคฺคิกปลฺลานิ ฐปยิํสุ ‘‘อเปฺปว นาม อุเณฺหน ปีฬิโต ทุกฺขเวทนํ อสหโนฺต วิปฺผนฺทนาการํ ทเสฺสยฺยา’’ติฯ อถสฺส สรีเร โผฎานิ อุฎฺฐหนฺติฯ มหาสโตฺต ‘‘อวีจินิรยสนฺตาโป โยชนสตมตฺถเก ผรติ, ตมฺหา ทุกฺขโต อิทํ ทุกฺขํ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน วรตร’’นฺติ อธิวาเสตฺวา นิจฺจโลว อโหสิฯ อถสฺส มาตาปิตโร ภิชฺชมานหทยา วิย มนุเสฺส ปฎิกฺกมาเปตฺวา ตํ ตโต อคฺคิสนฺตาปนโต อปเนตฺวา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, มยํ ตว อปีฐสปฺปิอาทิภาวํ ชานามฯ น หิ เอเตสํ เอวรูปานิ หตฺถปาทกณฺณโสตานิ โหนฺติ, ตฺวํ อเมฺหหิ ปเตฺถตฺวา ลทฺธปุตฺตโก, มา โน นาเสหิ, สกลชมฺพุทีเป วสนฺตานํ ราชูนํ สนฺติเก ครหโต โน โมเจหี’’ติ ยาจิํสุฯ เอวํ โส เตหิ ยาจิโตปิ อสุณโนฺต วิย หุตฺวา นิจฺจโลว นิปชฺชิฯ อถสฺส มาตาปิตโร โรทมานา ปริเทวมานา ปฎิกฺกมนฺติ ฯ เอกทา มาตา เอกิกา อุปสงฺกมิตฺวา ยาจติ, เอกทา ปิตา เอกโกว อุปสงฺกมิตฺวา ยาจติฯ เอวํ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Tato pannarasavassikakāle ‘‘aṅgārena naṃ vīmaṃsissāmā’’ti athassa heṭṭhāmañcake aggikapallāni ṭhapayiṃsu ‘‘appeva nāma uṇhena pīḷito dukkhavedanaṃ asahanto vipphandanākāraṃ dasseyyā’’ti. Athassa sarīre phoṭāni uṭṭhahanti. Mahāsatto ‘‘avīcinirayasantāpo yojanasatamatthake pharati, tamhā dukkhato idaṃ dukkhaṃ sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇena varatara’’nti adhivāsetvā niccalova ahosi. Athassa mātāpitaro bhijjamānahadayā viya manusse paṭikkamāpetvā taṃ tato aggisantāpanato apanetvā ‘‘tāta temiyakumāra, mayaṃ tava apīṭhasappiādibhāvaṃ jānāma. Na hi etesaṃ evarūpāni hatthapādakaṇṇasotāni honti, tvaṃ amhehi patthetvā laddhaputtako, mā no nāsehi, sakalajambudīpe vasantānaṃ rājūnaṃ santike garahato no mocehī’’ti yāciṃsu. Evaṃ so tehi yācitopi asuṇanto viya hutvā niccalova nipajji. Athassa mātāpitaro rodamānā paridevamānā paṭikkamanti . Ekadā mātā ekikā upasaṅkamitvā yācati, ekadā pitā ekakova upasaṅkamitvā yācati. Evaṃ ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
อถสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล อมจฺจพฺราหฺมณาทโย จินฺตยิํสุ ‘‘ปีฐสปฺปี วา โหตุ, มูโค วา พธิโร วา โหตุ, วเย ปริณเต รชนีเย อรชฺชนฺตา นาม นตฺถิ, ทุสฺสนีเย อทุสฺสนฺตา นาม นตฺถิ, สมเย สมฺปเตฺต ปุปฺผวิกสนํ วิย หิ ธมฺมตา เอสา, นาฎกานมฺปิสฺส ปจฺจุปฎฺฐาเปตฺวา ตาหิ นํ วีมํสิสฺสามา’’ติฯ ตโต อุตฺตมรูปธรา เทวกญฺญาโย วิย วิลาสสมฺปนฺนา นาฎกิตฺถิโย ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ยา กุมารํ หสาเปตุํ วา กิเลเสหิ พนฺธิตุํ วา สโกฺกติ, สา ตสฺส อคฺคมเหสี ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา กุมารํ คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา เทวปุตฺตํ วิย อลงฺกริตฺวา เทววิมานสทิเส สิริคเพฺภ สุปญฺญเตฺต สิริสยเน อาโรเปตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามธูมวาสจุณฺณาทีหิ อโนฺตคพฺภํ เอกคนฺธสโมทกํ กตฺวา ปฎิกฺกมิํสุฯ อถ นํ ตา อิตฺถิโย ปริวาเรตฺวา นจฺจคีเตหิ เจว มธุรวจนาทีหิ จ นานปฺปกาเรหิ อภิรมาเปตุํ วายมิํสุฯ โส พุทฺธิสมฺปนฺนตาย ตา อิตฺถิโย อโนโลเกตฺวา ‘‘อิมา อิตฺถิโย มม สรีรสมฺผสฺสํ มา วินฺทนฺตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส สนฺนิรุมฺภิ, อถสฺส สรีรํ ถทฺธํ อโหสิฯ ตา ตสฺส สรีรสมฺผสฺสํ อวินฺทนฺติโย หุตฺวา ‘‘ถทฺธสรีโร เอส, นายํ มนุโสฺส, ยโกฺข ภวิสฺสตี’’ติ ภีตตสิตา หุตฺวา อตฺตานํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกนฺติโย ปลายิํสุฯ เอวํ นาฎเกนปิ เอกสํวจฺฉรํ อนฺตรนฺตรา วีมํสนฺตาปิสฺส เนว อนฺตรํ ปสฺสิํสุฯ
Athassa soḷasavassikakāle amaccabrāhmaṇādayo cintayiṃsu ‘‘pīṭhasappī vā hotu, mūgo vā badhiro vā hotu, vaye pariṇate rajanīye arajjantā nāma natthi, dussanīye adussantā nāma natthi, samaye sampatte pupphavikasanaṃ viya hi dhammatā esā, nāṭakānampissa paccupaṭṭhāpetvā tāhi naṃ vīmaṃsissāmā’’ti. Tato uttamarūpadharā devakaññāyo viya vilāsasampannā nāṭakitthiyo pakkosāpetvā ‘‘yā kumāraṃ hasāpetuṃ vā kilesehi bandhituṃ vā sakkoti, sā tassa aggamahesī bhavissatī’’ti vatvā kumāraṃ gandhodakena nhāpetvā devaputtaṃ viya alaṅkaritvā devavimānasadise sirigabbhe supaññatte sirisayane āropetvā gandhadāmapupphadāmadhūmavāsacuṇṇādīhi antogabbhaṃ ekagandhasamodakaṃ katvā paṭikkamiṃsu. Atha naṃ tā itthiyo parivāretvā naccagītehi ceva madhuravacanādīhi ca nānappakārehi abhiramāpetuṃ vāyamiṃsu. So buddhisampannatāya tā itthiyo anoloketvā ‘‘imā itthiyo mama sarīrasamphassaṃ mā vindantū’’ti adhiṭṭhahitvā assāsapassāse sannirumbhi, athassa sarīraṃ thaddhaṃ ahosi. Tā tassa sarīrasamphassaṃ avindantiyo hutvā ‘‘thaddhasarīro esa, nāyaṃ manusso, yakkho bhavissatī’’ti bhītatasitā hutvā attānaṃ sandhāretuṃ asakkontiyo palāyiṃsu. Evaṃ nāṭakenapi ekasaṃvaccharaṃ antarantarā vīmaṃsantāpissa neva antaraṃ passiṃsu.
เอวํ โสฬส สํวจฺฉรานิ โสฬสหิ มหาวีมํสาหิ เจว อเนกาหิ ขุทฺทกวีมํสาหิ จ วีมํสมานาปิ ตสฺส จิตฺตํ ปริคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิํสุฯ
Evaṃ soḷasa saṃvaccharāni soḷasahi mahāvīmaṃsāhi ceva anekāhi khuddakavīmaṃsāhi ca vīmaṃsamānāpi tassa cittaṃ pariggaṇhituṃ nāsakkhiṃsu.
วีมํสนกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Vīmaṃsanakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
รชฺชยาจนกณฺฑํ
Rajjayācanakaṇḍaṃ
ตโต ราชา วิปฺปฎิสารี หุตฺวา ลกฺขณปาฐเก พฺราหฺมเณ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตุเมฺห กุมารสฺส ชาตกาเล ‘ธญฺญปุญฺญลกฺขณสมฺปโนฺน อยํ กุมาโร, นาสฺส โกจิ อนฺตราโย ปญฺญายตี’ติ เม กถยิตฺถ, อิทานิ ปน โส ปีฐสปฺปี มูคพธิโร ชาโต, กถา โว น สเมตี’’ติ อาหฯ พฺราหฺมณา วทิํสุ ‘‘มหาราช, อาจริเยหิ อทิฎฺฐกํ นาม นตฺถิ, อปิจ โข ปน, เทว, ‘ราชกุเลหิ ปเตฺถตฺวา ลทฺธปุตฺตโก กาฬกณฺณี’ติ วุเตฺต ‘ตุมฺหากํ โทมนสฺสํ สิยา’ติ น กถยิมฺหา’’ติฯ อถ เน ราชา เอวมาห ‘‘อิทานิ ปน กิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ? ‘‘มหาราช, อิมสฺมิํ กุมาเร อิมสฺมิํ เคเห วสเนฺต ตโย อนฺตรายา ปญฺญายิสฺสนฺติ – ชีวิตสฺส วา อนฺตราโย, เสตจฺฉตฺตสฺส วา อนฺตราโย, อคฺคมเหสิยา วา อนฺตราโย’’ติฯ ‘‘ตสฺมา, เทว, ปปญฺจํ อกตฺวา อวมงฺคลรเถ อวมงฺคลอเสฺส โยเชตฺวา ตตฺถ นํ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นีหริตฺวา อามกสุสาเน จตุพฺภิตฺติกํ อาวาฎํ ขณิตฺวา นิขณิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ ราชา อนฺตรายภเยน ภีโต เตสํ วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ
Tato rājā vippaṭisārī hutvā lakkhaṇapāṭhake brāhmaṇe pakkosāpetvā ‘‘tumhe kumārassa jātakāle ‘dhaññapuññalakkhaṇasampanno ayaṃ kumāro, nāssa koci antarāyo paññāyatī’ti me kathayittha, idāni pana so pīṭhasappī mūgabadhiro jāto, kathā vo na sametī’’ti āha. Brāhmaṇā vadiṃsu ‘‘mahārāja, ācariyehi adiṭṭhakaṃ nāma natthi, apica kho pana, deva, ‘rājakulehi patthetvā laddhaputtako kāḷakaṇṇī’ti vutte ‘tumhākaṃ domanassaṃ siyā’ti na kathayimhā’’ti. Atha ne rājā evamāha ‘‘idāni pana kiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti? ‘‘Mahārāja, imasmiṃ kumāre imasmiṃ gehe vasante tayo antarāyā paññāyissanti – jīvitassa vā antarāyo, setacchattassa vā antarāyo, aggamahesiyā vā antarāyo’’ti. ‘‘Tasmā, deva, papañcaṃ akatvā avamaṅgalarathe avamaṅgalaasse yojetvā tattha naṃ nipajjāpetvā pacchimadvārena nīharitvā āmakasusāne catubbhittikaṃ āvāṭaṃ khaṇitvā nikhaṇituṃ vaṭṭatī’’ti. Rājā antarāyabhayena bhīto tesaṃ vacanaṃ ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi.
ตทา จนฺทาเทวี ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ตุริตตุริตาว เอกิกา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘เทว, ตุเมฺหหิ มยฺหํ วโร ทิโนฺน, มยา จ คหิตโก กตฺวา ฐปิโต, อิทานิ ตํ เม เทถา’’ติ ยาจิฯ ‘‘คณฺหาหิ, เทวี’’ติฯ ‘‘เทว, ปุตฺตสฺส เม รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘กิํการณา, เทวา’’ติฯ ‘‘ปุโตฺต, เต เทวิ, กาฬกณฺณี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ยาวชีวํ อททนฺตาปิ สตฺต วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ฉ วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ปญฺจ วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, จตฺตาริ วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ตีณิ วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, เทฺว วสฺสานิ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, เอกวสฺสํ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, สตฺต มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ฉ มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ปญฺจ มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, จตฺตาริ มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, ตีณิ มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, เทฺว มาสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, เอกมาสํ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, อฑฺฒมาสํ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ‘‘น สกฺกา, เทวี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, เทว, สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ เทถา’’ติฯ ราชา ‘‘สาธุ, เทวิ, คณฺหาหี’’ติ อาหฯ สา ตสฺมิํ ขเณ ปุตฺตํ อลงฺการาเปตฺวา ‘‘เตมิยกุมารสฺส อิทํ รชฺช’’นฺติ นคเร เภริํ จราเปตฺวา สกลนครํ อลงฺการาเปตฺวา ปุตฺตํ หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ ตสฺส มตฺถเก การาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา อโนฺตนครํ ปเวเสตฺวา ตํ สิริสยเน นิปชฺชาเปตฺวา ปิยปุตฺตํ สพฺพรตฺติํ ยาจิ ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, ตํ นิสฺสาย โสฬส วสฺสานิ นิทฺทํ อลภิตฺวา โรทมานาย เม อกฺขีนิ อุปกฺกานิ, โสเกน เม หทยํ ภิชฺชมานํ วิย อโหสิ, อหํ ตว อปีฐสปฺปิอาทิภาวํ ชานามิ, มา มํ อนาถํ กรี’’ติฯ สา อิมินา อุปาเยเนว ปุนทิวเสปิ ปุนทิวเสปีติ ปญฺจ ทิวสานิ ยาจิฯ
Tadā candādevī taṃ pavattiṃ sutvā turitaturitāva ekikā rājānaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ‘‘deva, tumhehi mayhaṃ varo dinno, mayā ca gahitako katvā ṭhapito, idāni taṃ me dethā’’ti yāci. ‘‘Gaṇhāhi, devī’’ti. ‘‘Deva, puttassa me rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā, devā’’ti. ‘‘Putto, te devi, kāḷakaṇṇī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, yāvajīvaṃ adadantāpi satta vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, cha vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, pañca vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, cattāri vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, tīṇi vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, dve vassāni dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, ekavassaṃ rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, satta māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, cha māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, pañca māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, cattāri māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, tīṇi māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, dve māsāni rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, ekamāsaṃ rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, aḍḍhamāsaṃ rajjaṃ dethā’’ti. ‘‘Na sakkā, devī’’ti. ‘‘Tena hi, deva, satta divasāni rajjaṃ dethā’’ti. Rājā ‘‘sādhu, devi, gaṇhāhī’’ti āha. Sā tasmiṃ khaṇe puttaṃ alaṅkārāpetvā ‘‘temiyakumārassa idaṃ rajja’’nti nagare bheriṃ carāpetvā sakalanagaraṃ alaṅkārāpetvā puttaṃ hatthikkhandhaṃ āropetvā setacchattaṃ tassa matthake kārāpetvā nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā puna āgantvā antonagaraṃ pavesetvā taṃ sirisayane nipajjāpetvā piyaputtaṃ sabbarattiṃ yāci ‘‘tāta temiyakumāra, taṃ nissāya soḷasa vassāni niddaṃ alabhitvā rodamānāya me akkhīni upakkāni, sokena me hadayaṃ bhijjamānaṃ viya ahosi, ahaṃ tava apīṭhasappiādibhāvaṃ jānāmi, mā maṃ anāthaṃ karī’’ti. Sā iminā upāyeneva punadivasepi punadivasepīti pañca divasāni yāci.
รชฺชยาจนกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ
Rajjayācanakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.
อถ ฉเฎฺฐ ทิวเส ราชา สุนนฺทํ นาม สารถิํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, สุนนฺทสารถิ เสฺว ปาโตว อวมงฺคลรเถ อวมงฺคลอเสฺส โยเชตฺวา กุมารํ ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นีหริตฺวา อามกสุสาเน จตุพฺภิตฺติกํ อาวาฎํ ขณิตฺวา ตตฺถ นํ ปกฺขิปิตฺวา กุทฺทาลปิเฎฺฐน มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อุปริ ปํสุํ ทตฺวา ปถวิวฑฺฒนกมฺมํ กตฺวา นฺหตฺวา เอหี’’ติ อาณาเปสิฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ อถ ฉฎฺฐมฺปิ รตฺติํ เทวี กุมารํ ยาจิตฺวา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, ตว ปิตา กาสิราชา ตํ เสฺว ปาโตว อามกสุสาเน นิขณิตุํ อาณาเปสิ, เสฺว ปาโตว มรณํ ปาปุณิสฺสสิ ปุตฺตา’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา มหาสตฺตสฺส ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, โสฬส วสฺสานิ ตยา กโต วายาโม อิทานิ มตฺถกํ ปโกฺก’’ติ จิเนฺตนฺตสฺส อพฺภนฺตเร ปีติ อุปฺปชฺชิฯ มาตุยา ปนสฺส หทยํ ภิชฺชมานํ วิย อโหสิ, เอวํ สเนฺตปิ ‘‘มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ มาตุยา สทฺธิํ นาลปิฯ
Atha chaṭṭhe divase rājā sunandaṃ nāma sārathiṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta, sunandasārathi sve pātova avamaṅgalarathe avamaṅgalaasse yojetvā kumāraṃ tattha nipajjāpetvā pacchimadvārena nīharitvā āmakasusāne catubbhittikaṃ āvāṭaṃ khaṇitvā tattha naṃ pakkhipitvā kuddālapiṭṭhena matthakaṃ bhinditvā jīvitakkhayaṃ pāpetvā upari paṃsuṃ datvā pathavivaḍḍhanakammaṃ katvā nhatvā ehī’’ti āṇāpesi. So ‘‘sādhu, devā’’ti sampaṭicchi. Atha chaṭṭhampi rattiṃ devī kumāraṃ yācitvā ‘‘tāta temiyakumāra, tava pitā kāsirājā taṃ sve pātova āmakasusāne nikhaṇituṃ āṇāpesi, sve pātova maraṇaṃ pāpuṇissasi puttā’’ti āha. Taṃ sutvā mahāsattassa ‘‘tāta temiyakumāra, soḷasa vassāni tayā kato vāyāmo idāni matthakaṃ pakko’’ti cintentassa abbhantare pīti uppajji. Mātuyā panassa hadayaṃ bhijjamānaṃ viya ahosi, evaṃ santepi ‘‘manoratho matthakaṃ pāpuṇissatī’’ti mātuyā saddhiṃ nālapi.
อถสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปาโตว สุนโนฺท สารถิ รถํ โยเชโนฺต เทวตานุภาเวน มหาสตฺตสฺส ปารมิตานุภาเวน จ มงฺคลรเถ มงฺคลอเสฺส โยเชตฺวา รถํ ราชทฺวาเร ฐเปตฺวา มหาตลํ อภิรุหิตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา เทวิํ วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘เทวิ, มยฺหํ มา กุชฺฌ, รโญฺญ อาณา’’ติ วตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา นิปนฺนํ เทวิํ ปิฎฺฐิหเตฺถน อปเนตฺวา ปุปฺผกลาปํ วิย กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ปาสาทา โอตริฯ ตทา จนฺทาเทวี อุรํ ปหริตฺวา มหเนฺตน สเทฺทน ปริเทวิตฺวา มหาตเล โอหียิฯ อถ นํ มหาสโตฺต โอโลเกตฺวา ‘‘มยิ อกเถเนฺต มาตา หทเยน ผลิเตน มริสฺสตี’’ติ กเถตุกาโม หุตฺวาปิ ‘‘สเจ อหํ กเถสฺสามิ, โสฬส วสฺสานิ กโต วายาโม เม โมโฆ ภวิสฺสติ, อกเถโนฺต ปนาหํ อตฺตโน จ มาตาปิตูนญฺจ มหาชนสฺส จ ปจฺจโย ภวิสฺสามี’’ติ อธิวาเสสิฯ
Athassā rattiyā accayena pātova sunando sārathi rathaṃ yojento devatānubhāvena mahāsattassa pāramitānubhāvena ca maṅgalarathe maṅgalaasse yojetvā rathaṃ rājadvāre ṭhapetvā mahātalaṃ abhiruhitvā sirigabbhaṃ pavisitvā deviṃ vanditvā evamāha – ‘‘devi, mayhaṃ mā kujjha, rañño āṇā’’ti vatvā puttaṃ āliṅgitvā nipannaṃ deviṃ piṭṭhihatthena apanetvā pupphakalāpaṃ viya kumāraṃ ukkhipitvā pāsādā otari. Tadā candādevī uraṃ paharitvā mahantena saddena paridevitvā mahātale ohīyi. Atha naṃ mahāsatto oloketvā ‘‘mayi akathente mātā hadayena phalitena marissatī’’ti kathetukāmo hutvāpi ‘‘sace ahaṃ kathessāmi, soḷasa vassāni kato vāyāmo me mogho bhavissati, akathento panāhaṃ attano ca mātāpitūnañca mahājanassa ca paccayo bhavissāmī’’ti adhivāsesi.
อถ นํ สารถิ รถํ อาโรเปตฺวา ‘‘ปจฺฉิมทฺวาราภิมุขํ รถํ เปเสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา รถํ เปเสสิฯ ตทา มหาสตฺตสฺส ปารมิตานุภาเวน เทวตาวิคฺคหิโต หุตฺวา รถํ นิวตฺตาเปตฺวา ปาจีนทฺวาราภิมุขํ รถํ เปเสสิ, อถ รถจกฺกํ อุมฺมาเร ปติหญฺญิฯ มหาสโตฺตปิ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มโนรโถ เม มตฺถกํ ปโตฺต’’ติ สุฎฺฐุตรํ ตุฎฺฐจิโตฺต อโหสิฯ รโถ นครา นิกฺขมิตฺวา เทวตานุภาเวน ติโยชนิกํ ฐานํ คโตฯ ตตฺถ วนฆฎํ สารถิสฺส อามกสุสานํ วิย อุปฎฺฐาสิฯ โส ‘‘อิทํ ฐานํ ผาสุก’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา รถํ มคฺคา โอกฺกมาเปตฺวา มคฺคปเสฺส ฐเปตฺวา รถา โอรุยฺห มหาสตฺตสฺส อาภรณภณฺฑํ โอมุญฺจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา เอกมนฺตํ ฐเปตฺวา กุทฺทาลํ อาทาย รถสฺส อวิทูเร ฐาเน จตุพฺภิตฺติกํ อาวาฎํ ขณิตุํ อารภิฯ
Atha naṃ sārathi rathaṃ āropetvā ‘‘pacchimadvārābhimukhaṃ rathaṃ pesessāmī’’ti cintetvā rathaṃ pesesi. Tadā mahāsattassa pāramitānubhāvena devatāviggahito hutvā rathaṃ nivattāpetvā pācīnadvārābhimukhaṃ rathaṃ pesesi, atha rathacakkaṃ ummāre patihaññi. Mahāsattopi tassa saddaṃ sutvā ‘‘manoratho me matthakaṃ patto’’ti suṭṭhutaraṃ tuṭṭhacitto ahosi. Ratho nagarā nikkhamitvā devatānubhāvena tiyojanikaṃ ṭhānaṃ gato. Tattha vanaghaṭaṃ sārathissa āmakasusānaṃ viya upaṭṭhāsi. So ‘‘idaṃ ṭhānaṃ phāsuka’’nti sallakkhetvā rathaṃ maggā okkamāpetvā maggapasse ṭhapetvā rathā oruyha mahāsattassa ābharaṇabhaṇḍaṃ omuñcitvā bhaṇḍikaṃ katvā ekamantaṃ ṭhapetvā kuddālaṃ ādāya rathassa avidūre ṭhāne catubbhittikaṃ āvāṭaṃ khaṇituṃ ārabhi.
ตโต โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เม วายามกาโล, อหญฺหิ โสฬส วสฺสานิ หตฺถปาเท น จาเลสิํ, กิํ นุ โข เม พลํ อตฺถิ, อุทาหุ โน’’ติฯ โส อุฎฺฐาย วามหเตฺถน ทกฺขิณหตฺถํ, ทกฺขิณหเตฺถน วามหตฺถํ ปรามสโนฺต อุโภหิ หเตฺถหิ ปาเท สมฺพาหิตฺวา รถา โอตริตุํ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ ตาวเทวสฺส ปาทปติตฎฺฐาเน วาตปุณฺณภสฺตจมฺมํ วิย มหาปถวี อพฺภุคฺคนฺตฺวา รถสฺส ปจฺฉิมนฺตํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ มหาสโตฺต รถา โอตริตฺวา กติปเย วาเร อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ โยชนสตมฺปิ เม คนฺตุํ พลํ อตฺถี’’ติ ญตฺวา ‘‘สเจ, สารถิ, มยา สทฺธิํ วิรุเชฺฌยฺย, อตฺถิ นุ โข เม เตน สห ปฎิวิรุชฺฌิตุํ พล’’นฺติ อุปธาเรโนฺต รถสฺส ปจฺฉิมนฺตํ คเหตฺวา กุมารกานํ กีฬนยานกํ วิย อุกฺขิปิตฺวา รถํ ปริพฺภเมโนฺต อฎฺฐาสิฯ อถสฺส ‘‘อตฺถิ เม เตน สห ปฎิวิรุชฺฌิตุํ พล’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา ปสาธนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปชฺชิฯ
Tato bodhisatto cintesi ‘‘ayaṃ me vāyāmakālo, ahañhi soḷasa vassāni hatthapāde na cālesiṃ, kiṃ nu kho me balaṃ atthi, udāhu no’’ti. So uṭṭhāya vāmahatthena dakkhiṇahatthaṃ, dakkhiṇahatthena vāmahatthaṃ parāmasanto ubhohi hatthehi pāde sambāhitvā rathā otarituṃ cittaṃ uppādesi. Tāvadevassa pādapatitaṭṭhāne vātapuṇṇabhastacammaṃ viya mahāpathavī abbhuggantvā rathassa pacchimantaṃ āhacca aṭṭhāsi. Mahāsatto rathā otaritvā katipaye vāre aparāparaṃ caṅkamitvā ‘‘imināva niyāmena ekadivasaṃ yojanasatampi me gantuṃ balaṃ atthī’’ti ñatvā ‘‘sace, sārathi, mayā saddhiṃ virujjheyya, atthi nu kho me tena saha paṭivirujjhituṃ bala’’nti upadhārento rathassa pacchimantaṃ gahetvā kumārakānaṃ kīḷanayānakaṃ viya ukkhipitvā rathaṃ paribbhamento aṭṭhāsi. Athassa ‘‘atthi me tena saha paṭivirujjhituṃ bala’’nti sallakkhetvā pasādhanatthāya cittaṃ uppajji.
ตํขณเญฺญว สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทเสฺสสิฯ สโกฺก อาวเชฺชโนฺต ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘เตมิยกุมารสฺส มโนรโถ มตฺถกํ ปโตฺต, อิทานิ ปสาธนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, กิํ เอตสฺส มานุสเกน ปสาธเนนา’’ติ ทิพฺพปสาธนํ คาหาเปตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต วิสฺสกมฺม เทวปุตฺต, ตฺวํ คจฺฉ, กาสิราชสฺส ปุตฺตํ เตมิยกุมารํ อลงฺกโรหี’’ติ อาณาเปสิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตาวติํสภวนโต โอตริตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ทสหิ ทุสฺสสหเสฺสหิ เวฐนํ กตฺวา ทิเพฺพหิ เจว มานุสเกหิ จ อลงฺกาเรหิ สกฺกํ วิย ตํ อลงฺกริตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ โส เทวราชลีลาย สารถิสฺส ขณโนกาสํ คนฺตฺวา อาวาฎตีเร ฐตฺวา ปุจฺฉโนฺต ตติยํ คาถมาห –
Taṃkhaṇaññeva sakkassa bhavanaṃ uṇhākāraṃ dassesi. Sakko āvajjento taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘temiyakumārassa manoratho matthakaṃ patto, idāni pasādhanatthāya cittaṃ uppannaṃ, kiṃ etassa mānusakena pasādhanenā’’ti dibbapasādhanaṃ gāhāpetvā vissakammadevaputtaṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta vissakamma devaputta, tvaṃ gaccha, kāsirājassa puttaṃ temiyakumāraṃ alaṅkarohī’’ti āṇāpesi. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tāvatiṃsabhavanato otaritvā tassa santikaṃ gantvā dasahi dussasahassehi veṭhanaṃ katvā dibbehi ceva mānusakehi ca alaṅkārehi sakkaṃ viya taṃ alaṅkaritvā sakaṭṭhānameva gato. So devarājalīlāya sārathissa khaṇanokāsaṃ gantvā āvāṭatīre ṭhatvā pucchanto tatiyaṃ gāthamāha –
๓.
3.
‘‘กิํ นุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขณสิ สารถิ;
‘‘Kiṃ nu santaramānova, kāsuṃ khaṇasi sārathi;
ปุโฎฺฐ เม สมฺม อกฺขาหิ, กิํ กาสุยา กริสฺสสี’’ติฯ
Puṭṭho me samma akkhāhi, kiṃ kāsuyā karissasī’’ti.
ตตฺถ กาสุนฺติ อาวาฎํฯ
Tattha kāsunti āvāṭaṃ.
ตํ สุตฺวา สารถิ อาวาฎํ ขณโนฺต อุทฺธํ อโนโลเกตฺวาว จตุตฺถํ คาถามาห –
Taṃ sutvā sārathi āvāṭaṃ khaṇanto uddhaṃ anoloketvāva catutthaṃ gāthāmāha –
๔.
4.
‘‘รโญฺญ มูโค จ ปโกฺข จ, ปุโตฺต ชาโต อเจตโส;
‘‘Rañño mūgo ca pakkho ca, putto jāto acetaso;
โสมฺหิ รญฺญา สมชฺฌิโฎฺฐ, ปุตฺตํ เม นิขณํ วเน’’ติฯ
Somhi raññā samajjhiṭṭho, puttaṃ me nikhaṇaṃ vane’’ti.
ตตฺถ ปโกฺขติ ปีฐสปฺปีฯ ‘‘มูโค’’ติ วจเนเนว ปนสฺส พธิรภาโวปิ สิชฺฌติ พธิรสฺส หิ ปฎิวจนํ กเถตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาฯ อเจตโสติ อจิตฺตโก วิย ชาโตฯ โสฬส วสฺสานิ อกถิตตฺตา เอวมาห ฯ สมชฺฌิโฎฺฐติ อาณโตฺต, เปสิโตติ อโตฺถฯ นิขณํ วเนติ วเน นิขเณยฺยาสิฯ
Tattha pakkhoti pīṭhasappī. ‘‘Mūgo’’ti vacaneneva panassa badhirabhāvopi sijjhati badhirassa hi paṭivacanaṃ kathetuṃ asakkuṇeyyattā. Acetasoti acittako viya jāto. Soḷasa vassāni akathitattā evamāha . Samajjhiṭṭhoti āṇatto, pesitoti attho. Nikhaṇaṃ vaneti vane nikhaṇeyyāsi.
อถ นํ มหาสโตฺต อาห –
Atha naṃ mahāsatto āha –
๕.
5.
‘‘น พธิโร น มูโคสฺมิ, น ปโกฺข น จ วีกโล;
‘‘Na badhiro na mūgosmi, na pakkho na ca vīkalo;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเนฯ
Adhammaṃ sārathi kayirā, maṃ ce tvaṃ nikhaṇaṃ vane.
๖.
6.
‘‘อูรู พาหุญฺจ เม ปสฺส, ภาสิตญฺจ สุโณหิ เม;
‘‘Ūrū bāhuñca me passa, bhāsitañca suṇohi me;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติฯ
Adhammaṃ sārathi kayirā, maṃ ce tvaṃ nikhaṇaṃ vane’’ti.
ตตฺถ น พธิโรติ สมฺม สารถิ, สเจ ตํ ราชา เอวรูปํ ปุตฺตํ มาราเปตุํ อาณาเปสิ, อหํ ปน เอวรูโป น ภวามีติ ทีเปตุํ เอวมาหฯ มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเนติ สเจ พธิรภาวาทิวิรหิตํ เอวรูปํ มํ วเน นิขเณยฺยาสิ, อธมฺมํ กมฺมํ กเรยฺยาสีติ อโตฺถฯ ‘‘อูรู’’ติ อิทํ โส ปุริมคาถํ สุตฺวาปิ นํ อโนโลเกนฺตเมว ทิสฺวา ‘‘อลงฺกตสรีรมสฺส ทเสฺสสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาหฯ ตสฺสโตฺถ – สมฺม สารถิ, อิเม กญฺจนกทลิกฺขนฺธสทิเส อูรู, กนกจฺฉวิํ พาหุญฺจ เม ปสฺส, มธุรวจนญฺจ เม สุณาหีติฯ
Tattha na badhiroti samma sārathi, sace taṃ rājā evarūpaṃ puttaṃ mārāpetuṃ āṇāpesi, ahaṃ pana evarūpo na bhavāmīti dīpetuṃ evamāha. Maṃ ce tvaṃ nikhaṇaṃ vaneti sace badhirabhāvādivirahitaṃ evarūpaṃ maṃ vane nikhaṇeyyāsi, adhammaṃ kammaṃ kareyyāsīti attho. ‘‘Ūrū’’ti idaṃ so purimagāthaṃ sutvāpi naṃ anolokentameva disvā ‘‘alaṅkatasarīramassa dassessāmī’’ti cintetvā āha. Tassattho – samma sārathi, ime kañcanakadalikkhandhasadise ūrū, kanakacchaviṃ bāhuñca me passa, madhuravacanañca me suṇāhīti.
ตโต สารถิ เอวํ จิเนฺตสิ ‘‘โก นุ โข เอส, อาคตกาลโต ปฎฺฐาย อตฺตานเมว วเณฺณตี’’ติฯ โส อาวาฎขณนํ ปหาย อุทฺธํ โอโลเกโนฺต ตสฺส รูปสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส โก นุ โข, มนุโสฺส วา เทโว วา’’ติ อชานโนฺต อิมํ คาถมาห –
Tato sārathi evaṃ cintesi ‘‘ko nu kho esa, āgatakālato paṭṭhāya attānameva vaṇṇetī’’ti. So āvāṭakhaṇanaṃ pahāya uddhaṃ olokento tassa rūpasampattiṃ disvā ‘‘ayaṃ puriso ko nu kho, manusso vā devo vā’’ti ajānanto imaṃ gāthamāha –
๗.
7.
‘‘เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Devatā nusi gandhabbo, adu sakko purindado;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุโตฺต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ
Ko vā tvaṃ kassa vā putto, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti.
อถสฺส มหาสโตฺต อตฺตานํ อาจิกฺขิตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต อาห –
Athassa mahāsatto attānaṃ ācikkhitvā dhammaṃ desento āha –
๘.
8.
‘‘นมฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นมฺหิ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Namhi devo na gandhabbo, namhi sakko purindado;
กาสิรโญฺญ อหํ ปุโตฺต, ยํ กาสุยา นิหญฺญสิฯ
Kāsirañño ahaṃ putto, yaṃ kāsuyā nihaññasi.
๙.
9.
‘‘ตสฺส รโญฺญ อหํ ปุโตฺต, ยํ ตฺวํ สมฺมูปชีวสิ;
‘‘Tassa rañño ahaṃ putto, yaṃ tvaṃ sammūpajīvasi;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเนฯ
Adhammaṃ sārathi kayirā, maṃ ce tvaṃ nikhaṇaṃ vane.
๑๐.
10.
‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;
น ตสฺส สาขํ ภเญฺชยฺย, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโกฯ
Na tassa sākhaṃ bhañjeyya, mittadubbho hi pāpako.
๑๑.
11.
‘‘ยถา รุโกฺข ตถา ราชา, ยถา สาขา ตถา อหํ;
‘‘Yathā rukkho tathā rājā, yathā sākhā tathā ahaṃ;
ยถา ฉายูปโค โปโส, เอวํ ตฺวมสิ สารถิ;
Yathā chāyūpago poso, evaṃ tvamasi sārathi;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติฯ
Adhammaṃ sārathi kayirā, maṃ ce tvaṃ nikhaṇaṃ vane’’ti.
ตตฺถ นิหญฺญสีติ นิหนิสฺสสิฯ ยํ ตฺวํ เอตฺถ นิหนิสฺสามีติ สญฺญาย กาสุํ ขณสิ, โส อหนฺติ ทีเปติฯ โส ‘‘ราชปุโตฺต อห’’นฺติ วุเตฺตปิ น สทฺทหติเยว, มธุรกถาย ปนสฺส พชฺฌิตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต อฎฺฐาสิฯ มิตฺตทุโพฺภติ ปริภุตฺตฉายสฺส รุกฺขสฺส ปตฺตํ วา สาขํ วา องฺกุรํ วา ภญฺชโนฺต มิตฺตฆาตโก โหติ ลามกปุริโส, กิมงฺคํ ปน สามิปุตฺตฆาตโกฯ ฉายูปโคติ ปริโภคตฺถาย ฉายํ อุปคโต ปุริโส วิย ราชานํ นิสฺสาย ชีวมาโน ตฺวนฺติ วทติฯ
Tattha nihaññasīti nihanissasi. Yaṃ tvaṃ ettha nihanissāmīti saññāya kāsuṃ khaṇasi, so ahanti dīpeti. So ‘‘rājaputto aha’’nti vuttepi na saddahatiyeva, madhurakathāya panassa bajjhitvā dhammaṃ suṇanto aṭṭhāsi. Mittadubbhoti paribhuttachāyassa rukkhassa pattaṃ vā sākhaṃ vā aṅkuraṃ vā bhañjanto mittaghātako hoti lāmakapuriso, kimaṅgaṃ pana sāmiputtaghātako. Chāyūpagoti paribhogatthāya chāyaṃ upagato puriso viya rājānaṃ nissāya jīvamāno tvanti vadati.
โส เอวํ กเถเนฺตปิ โพธิสเตฺต น สทฺทหติเยวฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘สทฺทหาเปสฺสามิ น’’นฺติ เทวตานํ สาธุกาเรน เจว อตฺตโน โฆเสน จ วนฆฎํ อุนฺนาเทโนฺต ทส มิตฺตปูชคาถา นาม อารภิ –
So evaṃ kathentepi bodhisatte na saddahatiyeva. Atha mahāsatto ‘‘saddahāpessāmi na’’nti devatānaṃ sādhukārena ceva attano ghosena ca vanaghaṭaṃ unnādento dasa mittapūjagāthā nāma ārabhi –
๑๒.
12.
‘‘ปหูตภโกฺข ภวติ, วิปฺปวุโฎฺฐ สกํฆรา;
‘‘Pahūtabhakkho bhavati, vippavuṭṭho sakaṃgharā;
พหู นํ อุปชีวนฺติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Bahū naṃ upajīvanti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๓.
13.
‘‘ยํ ยํ ชนปทํ ยาติ, นิคเม ราชธานิโย;
‘‘Yaṃ yaṃ janapadaṃ yāti, nigame rājadhāniyo;
สพฺพตฺถ ปูชิโต โหติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Sabbattha pūjito hoti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๔.
14.
‘‘นาสฺส โจรา ปสาหนฺติ, นาติมญฺญนฺติ ขตฺติยา;
‘‘Nāssa corā pasāhanti, nātimaññanti khattiyā;
สเพฺพ อมิเตฺต ตรติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Sabbe amitte tarati, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๕.
15.
‘‘อกฺกุโทฺธ สฆรํ เอติ, สภายํ ปฎินนฺทิโต;
‘‘Akkuddho sagharaṃ eti, sabhāyaṃ paṭinandito;
ญาตีนํ อุตฺตโม โหติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Ñātīnaṃ uttamo hoti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๖.
16.
‘‘สกฺกตฺวา สกฺกโต โหติ, ครุ โหติ สคารโว;
‘‘Sakkatvā sakkato hoti, garu hoti sagāravo;
วณฺณกิตฺติภโต โหติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Vaṇṇakittibhato hoti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๗.
17.
‘‘ปูชโก ลภเต ปูชํ, วนฺทโก ปฎิวนฺทนํ;
‘‘Pūjako labhate pūjaṃ, vandako paṭivandanaṃ;
ยโสกิตฺติญฺจ ปโปฺปติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Yasokittiñca pappoti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๘.
18.
‘‘อคฺคิ ยถา ปชฺชลติ, เทวตาว วิโรจติ;
‘‘Aggi yathā pajjalati, devatāva virocati;
สิริยา อชหิโต โหติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Siriyā ajahito hoti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๑๙.
19.
‘‘คาโว ตสฺส ปชายนฺติ, เขเตฺต วุตฺตํ วิรูหติ;
‘‘Gāvo tassa pajāyanti, khette vuttaṃ virūhati;
วุตฺตานํ ผลมสฺนาติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Vuttānaṃ phalamasnāti, yo mittānaṃ na dubbhati.
๒๐.
20.
‘‘ทริโต ปพฺพตาโต วา, รุกฺขโต ปติโต นโร;
‘‘Darito pabbatāto vā, rukkhato patito naro;
จุโต ปติฎฺฐํ ลภติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ
Cuto patiṭṭhaṃ labhati, yo mittānaṃ na dubbhati.
๒๑.
21.
‘‘วิรูฬฺหมูลสนฺตานํ, นิโคฺรธมิว มาลุโต;
‘‘Virūḷhamūlasantānaṃ, nigrodhamiva māluto;
อมิตฺตา นปฺปสาหนฺติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภตี’’ติฯ
Amittā nappasāhanti, yo mittānaṃ na dubbhatī’’ti.
ตตฺถ สกํ ฆราติ สกฆรา, อยเมว วา ปาโฐฯ น ทุพฺภตีติ น ทุสฺสติฯ มิตฺตานนฺติ พุทฺธาทีนํ กลฺยาณมิตฺตานํ น ทุพฺภติฯ ‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต โหตี’’ติ อิทํ สีวลิวตฺถุนา วเณฺณตพฺพํฯ น ปสาหนฺตีติ ปสยฺหการํ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ อิทํ สํกิจฺจสามเณรวตฺถุนา ทีเปตพฺพํฯ ‘‘นาติมญฺญนฺติ ขตฺติยา’’ติ อิทํ โชติกเสฎฺฐิวตฺถุนา ทีเปตพฺพํฯ ตรตีติ อติกฺกมติฯ สฆรนฺติ อตฺตฆรํฯ มิตฺตานํ ทุพฺภโนฺต อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉโนฺตปิ ฆฎฺฎิตจิโตฺต กุโทฺธว อาคจฺฉติ, อยํ ปน อกุโทฺธว สกฆรํ เอติฯ ปฎินนฺทิโตติ พหูนํ สนฺนิปาตฎฺฐาเน อมิตฺตทุพฺภิโน คุณกถํ กเถนฺติ, ตาย โส ปฎินนฺทิโต โหติ ปมุทิตจิโตฺตฯ
Tattha sakaṃ gharāti sakagharā, ayameva vā pāṭho. Na dubbhatīti na dussati. Mittānanti buddhādīnaṃ kalyāṇamittānaṃ na dubbhati. ‘‘Sabbattha pūjito hotī’’ti idaṃ sīvalivatthunā vaṇṇetabbaṃ. Na pasāhantīti pasayhakāraṃ kātuṃ na sakkonti. Idaṃ saṃkiccasāmaṇeravatthunā dīpetabbaṃ. ‘‘Nātimaññanti khattiyā’’ti idaṃ jotikaseṭṭhivatthunā dīpetabbaṃ. Taratīti atikkamati. Sagharanti attagharaṃ. Mittānaṃ dubbhanto attano gharaṃ āgacchantopi ghaṭṭitacitto kuddhova āgacchati, ayaṃ pana akuddhova sakagharaṃ eti. Paṭinanditoti bahūnaṃ sannipātaṭṭhāne amittadubbhino guṇakathaṃ kathenti, tāya so paṭinandito hoti pamuditacitto.
สกฺกตฺวา สกฺกโต โหตีติ ปรํ สกฺกตฺวา สยมฺปิ ปเรหิ สกฺกโต โหติฯ ครุ โหติ สคารโวติ ปเรสุ สคารโว สยมฺปิ ปเรหิ ครุโก โหติฯ วณฺณกิตฺติภโตติ ภตวณฺณกิตฺติ, คุณเญฺจว กิตฺติสทฺทญฺจ อุกฺขิปิตฺวา จรโนฺต นาม โหตีติ อโตฺถฯ ปูชโกติ มิตฺตานํ ปูชโก หุตฺวา สยมฺปิ ปูชํ ลภติฯ วนฺทโกติ พุทฺธาทีนํ กลฺยาณมิตฺตานํ วนฺทโก หุตฺวา ปุนพฺภเว ปฎิวนฺทนํ ลภติฯ ยโสกิตฺติญฺจาติ อิสฺสริยปริวารเญฺจว คุณกิตฺติญฺจ ปโปฺปติฯ อิมาย คาถาย จิตฺตคหปติโน วตฺถุ (ธ. ป. ๗๓-๗๔) กเถตพฺพํฯ
Sakkatvā sakkato hotīti paraṃ sakkatvā sayampi parehi sakkato hoti. Garu hoti sagāravoti paresu sagāravo sayampi parehi garuko hoti. Vaṇṇakittibhatoti bhatavaṇṇakitti, guṇañceva kittisaddañca ukkhipitvā caranto nāma hotīti attho. Pūjakoti mittānaṃ pūjako hutvā sayampi pūjaṃ labhati. Vandakoti buddhādīnaṃ kalyāṇamittānaṃ vandako hutvā punabbhave paṭivandanaṃ labhati. Yasokittiñcāti issariyaparivārañceva guṇakittiñca pappoti. Imāya gāthāya cittagahapatino vatthu (dha. pa. 73-74) kathetabbaṃ.
ปชฺชลตีติ อิสฺสริยปริวาเรน ปชฺชลติฯ สิริยา อชหิโต โหตีติ เอตฺถ อนาถปิณฺฑิกสฺส วตฺถุ (ธ. ป. ๑๑๙-๑๒๐) กเถตพฺพํฯ อสฺนาตีติ ปริภุญฺชติฯ ‘‘ปติฎฺฐํ ลภตี’’ติ อิทํ จูฬปทุมชาตเกน (ชา. ๑.๒.๘๕-๘๖) ทีเปตพฺพํฯ วิรูฬฺหมูลสนฺตานนฺติ วฑฺฒิตมูลปาโรหํฯ อมิตฺตา นปฺปสาหนฺตีติ เอตฺถ กุรรฆริยโสณเตฺถรสฺส มาตุ เคหํ ปวิฎฺฐโจรวตฺถุ กเถตพฺพํฯ
Pajjalatīti issariyaparivārena pajjalati. Siriyā ajahito hotīti ettha anāthapiṇḍikassa vatthu (dha. pa. 119-120) kathetabbaṃ. Asnātīti paribhuñjati. ‘‘Patiṭṭhaṃ labhatī’’ti idaṃ cūḷapadumajātakena (jā. 1.2.85-86) dīpetabbaṃ. Virūḷhamūlasantānanti vaḍḍhitamūlapārohaṃ. Amittā nappasāhantīti ettha kuraraghariyasoṇattherassa mātu gehaṃ paviṭṭhacoravatthu kathetabbaṃ.
สุนโนฺท สารถิ เอตฺตกาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสนฺตมฺปิ ตํ อสญฺชานิตฺวา ‘‘โก นุ โข อย’’นฺติ อาวาฎขณนํ ปหาย รถสมีปํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตญฺจ ปสาธนภณฺฑญฺจ อุภยํ อทิสฺวา ปุน อาคนฺตฺวา โอโลเกโนฺต ตํ สญฺชานิตฺวา ตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ยาจโนฺต อิมํ คาถมาห –
Sunando sārathi ettakāhi gāthāhi dhammaṃ desentampi taṃ asañjānitvā ‘‘ko nu kho aya’’nti āvāṭakhaṇanaṃ pahāya rathasamīpaṃ gantvā tattha tañca pasādhanabhaṇḍañca ubhayaṃ adisvā puna āgantvā olokento taṃ sañjānitvā tassa pādesu patitvā añjaliṃ paggayha yācanto imaṃ gāthamāha –
๒๒.
22.
‘‘เอหิ ตํ ปฎิเนสฺสามิ, ราชปุตฺต สกํ ฆรํ;
‘‘Ehi taṃ paṭinessāmi, rājaputta sakaṃ gharaṃ;
รชฺชํ กาเรหิ ภทฺทเนฺต, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสี’’ติฯ
Rajjaṃ kārehi bhaddante, kiṃ araññe karissasī’’ti.
อถ นํ มหาสโตฺต อาห –
Atha naṃ mahāsatto āha –
๒๓.
23.
‘‘อลํ เม เตน รเชฺชน, ญาตเกหิ ธเนน วา;
‘‘Alaṃ me tena rajjena, ñātakehi dhanena vā;
ยํ เม อธมฺมจริยาย, รชฺชํ ลเพฺภถ สารถี’’ติฯ
Yaṃ me adhammacariyāya, rajjaṃ labbhetha sārathī’’ti.
ตตฺถ อลนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ
Tattha alanti paṭikkhepavacanaṃ.
สารถิ อาห –
Sārathi āha –
๒๔.
24.
‘‘ปุณฺณปตฺตํ มํ ลาเภหิ, ราชปุตฺต อิโต คโต;
‘‘Puṇṇapattaṃ maṃ lābhehi, rājaputta ito gato;
ปิตา มาตา จ เม ทชฺชุํ, ราชปุตฺต ตยี คเตฯ
Pitā mātā ca me dajjuṃ, rājaputta tayī gate.
๒๕.
25.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
เตปิ อตฺตมนา ทชฺชุํ, ราชปุตฺต ตยี คเตฯ
Tepi attamanā dajjuṃ, rājaputta tayī gate.
๒๖.
26.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
เตปิ อตฺตมนา ทชฺชุํ, ราชปุตฺต ตยี คเตฯ
Tepi attamanā dajjuṃ, rājaputta tayī gate.
๒๗.
27.
‘‘พหุธญฺญา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Bahudhaññā jānapadā, negamā ca samāgatā;
อุปายนานิ เม ทชฺชุํ, ราชปุตฺต ตยี คเต’’ติฯ
Upāyanāni me dajjuṃ, rājaputta tayī gate’’ti.
ตตฺถ ปุณฺณปตฺตนฺติ ตุฎฺฐิทายํฯ ทชฺชุนฺติ สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสนฺตา วิย มม อชฺฌาสยปูรณํ ตุฎฺฐิทายํ ทเทยฺยุํฯ อิทํ โส ‘‘อเปฺปว นาม มยิ อนุกมฺปาย คเจฺฉยฺยา’’ติ จิเนฺตตฺวา อาหฯ เวสิยานา จาติ เวสฺสา จฯ อุปายนานีติ ปณฺณาการานิฯ
Tattha puṇṇapattanti tuṭṭhidāyaṃ. Dajjunti sattaratanavassaṃ vassantā viya mama ajjhāsayapūraṇaṃ tuṭṭhidāyaṃ dadeyyuṃ. Idaṃ so ‘‘appeva nāma mayi anukampāya gaccheyyā’’ti cintetvā āha. Vesiyānā cāti vessā ca. Upāyanānīti paṇṇākārāni.
อถ นํ มหาสโตฺต อาห –
Atha naṃ mahāsatto āha –
๒๘.
28.
‘‘ปิตุ มาตุ จหํ จโตฺต, รฎฺฐสฺส นิคมสฺส จ;
‘‘Pitu mātu cahaṃ catto, raṭṭhassa nigamassa ca;
อโถ สพฺพกุมารานํ, นตฺถิ มยฺหํ สกํ ฆรํฯ
Atho sabbakumārānaṃ, natthi mayhaṃ sakaṃ gharaṃ.
๒๙.
29.
‘‘อนุญฺญาโต อหํ มตฺยา, สญฺจโตฺต ปิตรา มหํ;
‘‘Anuññāto ahaṃ matyā, sañcatto pitarā mahaṃ;
เอโกรเญฺญ ปพฺพชิโต, น กาเม อภิปตฺถเย’’ติฯ
Ekoraññe pabbajito, na kāme abhipatthaye’’ti.
ตตฺถ ปิตุ มาตุ จาติ ปิตรา จ มาตรา จ อหํ จโตฺตฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ มตฺยาติ สมฺม สารถิ, อหํ สตฺตาหํ รชฺชํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วรํ คณฺหนฺติยา มาตรา อนุญฺญาโต นามฯ สญฺฉโตฺตติ สุฎฺฐุ จโตฺตฯ ปพฺพชิโตติ ปพฺพชิตฺวา อรเญฺญ วสนตฺถาย นิกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ
Tattha pitu mātu cāti pitarā ca mātarā ca ahaṃ catto. Itaresupi eseva nayo. Matyāti samma sārathi, ahaṃ sattāhaṃ rajjaṃ paricchinditvā varaṃ gaṇhantiyā mātarā anuññāto nāma. Sañchattoti suṭṭhu catto. Pabbajitoti pabbajitvā araññe vasanatthāya nikkhantoti attho.
เอวํ มหาสตฺตสฺส อตฺตโน คุเณ กเถนฺตสฺส ปีติ อุปฺปชฺชิ, ตโต ปีติเวเคน อุทานํ อุทาเนโนฺต อาห –
Evaṃ mahāsattassa attano guṇe kathentassa pīti uppajji, tato pītivegena udānaṃ udānento āha –
๓๐.
30.
‘‘อปิ อตรมานานํ, ผลาสาว สมิชฺฌติ;
‘‘Api ataramānānaṃ, phalāsāva samijjhati;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, เอวํ ชานาหิ สารถิฯ
Vipakkabrahmacariyosmi, evaṃ jānāhi sārathi.
๓๑.
31.
‘‘อปิ อตรมานานํ, สมฺมทโตฺถ วิปจฺจติ;
‘‘Api ataramānānaṃ, sammadattho vipaccati;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, นิกฺขโนฺต อกุโตภโย’’ติฯ
Vipakkabrahmacariyosmi, nikkhanto akutobhayo’’ti.
ตตฺถ ผลาสาวาติ อตรมานสฺส มม โสฬสวเสฺสหิ กตวายามสฺส สมิทฺธํ อชฺฌาสยผลํ ทเสฺสตุํ เอวมาหฯ วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ นิฎฺฐปฺปตฺตมโนรโถฯ สมฺมทโตฺถ วิปจฺจตีติ สมฺมา อุปาเยน การเณน กตฺตพฺพกิจฺจํ สมฺปชฺชติฯ
Tattha phalāsāvāti ataramānassa mama soḷasavassehi katavāyāmassa samiddhaṃ ajjhāsayaphalaṃ dassetuṃ evamāha. Vipakkabrahmacariyosmīti niṭṭhappattamanoratho. Sammadattho vipaccatīti sammā upāyena kāraṇena kattabbakiccaṃ sampajjati.
สารถิ อาห –
Sārathi āha –
๓๒.
32.
‘‘เอวํ วคฺคุกโถ สโนฺต, วิสฎฺฐวจโน จสิ;
‘‘Evaṃ vaggukatho santo, visaṭṭhavacano casi;
กสฺมา ปิตุ จ มาตุจฺจ, สนฺติเก น ภณี ตทา’’ติฯ
Kasmā pitu ca mātucca, santike na bhaṇī tadā’’ti.
ตตฺถ วคฺคุกโถติ สขิลกโถฯ
Tattha vaggukathoti sakhilakatho.
ตโต มหาสโตฺต อาห –
Tato mahāsatto āha –
๓๓.
33.
‘‘นาหํ อสนฺธิตา ปโกฺข, น พธิโร อโสตตา;
‘‘Nāhaṃ asandhitā pakkho, na badhiro asotatā;
นาหํ อชิวฺหตา มูโค, มา มํ มูคมธารยิฯ
Nāhaṃ ajivhatā mūgo, mā maṃ mūgamadhārayi.
๓๔.
34.
‘‘ปุริมํ สรามหํ ชาติํ, ยตฺถ รชฺชมการยิํ;
‘‘Purimaṃ sarāmahaṃ jātiṃ, yattha rajjamakārayiṃ;
การยิตฺวา ตหิํ รชฺชํ, ปาปตฺถํ นิรยํ ภุสํฯ
Kārayitvā tahiṃ rajjaṃ, pāpatthaṃ nirayaṃ bhusaṃ.
๓๕.
35.
‘‘วีสติเญฺจว วสฺสานิ, ตหิํ รชฺชมการยิํ;
‘‘Vīsatiñceva vassāni, tahiṃ rajjamakārayiṃ;
อสีติวสฺสสหสฺสานิ, นิรยมฺหิ อปจฺจิสํฯ
Asītivassasahassāni, nirayamhi apaccisaṃ.
๓๖.
36.
‘‘ตสฺส รชฺชสฺสหํ ภีโต, มา มํ รชฺชาภิเสจยุํ;
‘‘Tassa rajjassahaṃ bhīto, mā maṃ rajjābhisecayuṃ;
ตสฺมา ปิตุ จ มาตุจฺจ, สนฺติเก น ภณิํ ตทาฯ
Tasmā pitu ca mātucca, santike na bhaṇiṃ tadā.
๓๗.
37.
‘‘อุจฺฉเงฺค มํ นิสาเทตฺวา, ปิตา อตฺถานุสาสติ;
‘‘Ucchaṅge maṃ nisādetvā, pitā atthānusāsati;
เอกํ หนถ พนฺธถ, เอกํ ขาราปตจฺฉิกํ;
Ekaṃ hanatha bandhatha, ekaṃ khārāpatacchikaṃ;
เอกํ สูลสฺมิํ อุเปฺปถ, อิจฺจสฺส มนุสาสติฯ
Ekaṃ sūlasmiṃ uppetha, iccassa manusāsati.
๓๘.
38.
‘‘ตายาหํ ผรุสํ สุตฺวา, วาจาโย สมุทีริตา;
‘‘Tāyāhaṃ pharusaṃ sutvā, vācāyo samudīritā;
อมูโค มูควเณฺณน, อปโกฺข ปกฺขสมฺมโต;
Amūgo mūgavaṇṇena, apakkho pakkhasammato;
สเก มุตฺตกรีสสฺมิํ, อจฺฉาหํ สมฺปริปฺลุโตฯ
Sake muttakarīsasmiṃ, acchāhaṃ samparipluto.
๓๙.
39.
‘‘กสิรญฺจ ปริตฺตญฺจ, ตญฺจ ทุเกฺขน สํยุตํ;
‘‘Kasirañca parittañca, tañca dukkhena saṃyutaṃ;
โกมํ ชีวิตมาคมฺม, เวรํ กยิราถ เกนจิฯ
Komaṃ jīvitamāgamma, veraṃ kayirātha kenaci.
๔๐.
40.
‘‘ปญฺญาย จ อลาเภน, ธมฺมสฺส จ อทสฺสนา;
‘‘Paññāya ca alābhena, dhammassa ca adassanā;
โกมํ ชีวิตมาคมฺม, เวรํ กยิราถ เกนจิฯ
Komaṃ jīvitamāgamma, veraṃ kayirātha kenaci.
๔๑.
41.
‘‘อปิ อตรมานานํ, ผลาสาว สมิชฺฌติ;
‘‘Api ataramānānaṃ, phalāsāva samijjhati;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, เอวํ ชานาหิ สารถิฯ
Vipakkabrahmacariyosmi, evaṃ jānāhi sārathi.
๔๒.
42.
‘‘อปิ อตรมานานํ, สมฺมทโตฺถ วิปจฺจติ;
‘‘Api ataramānānaṃ, sammadattho vipaccati;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, นิกฺขโนฺต อกุโตภโย’’ติฯ
Vipakkabrahmacariyosmi, nikkhanto akutobhayo’’ti.
ตตฺถ อสนฺธิตาติ สนฺธีนํ อภาเวนฯ อโสตตาติ โสตานํ อภาเวนฯ อชิวฺหตาติ สมฺปริวตฺตนชิวฺหาย อภาเวน มูโค อหํ น ภวามิฯ ยตฺถาติ ยาย ชาติยา พาราณสินคเร รชฺชํ อการยิํฯ ปาปตฺถนฺติ ปาปตํฯ ปติโต อสฺมีติ วทติฯ รชฺชาภิเสจยุนฺติ รเชฺช อภิเสจยุํฯ นิสาเทตฺวาติ นิสีทาเปตฺวาฯ อตฺถานุสาสตีติ อตฺถํ อนุสาสติฯ ขาราปตจฺฉิกนฺติ สตฺตีหิ ปหริตฺวา ขาราหิ ปตจฺฉิกํ กโรถฯ อุเปฺปถาติ อาวุนถฯ อิจฺจสฺส มนุสาสตีติ เอวมสฺส อตฺถํ อนุสาสติฯ ตายาหนฺติ ตาโย วาจาโย อหํฯ ปกฺขสมฺมโตติ ปโกฺข อิติ สมฺมโต อโหสิํฯ อจฺฉาหนฺติ อจฺฉิํ อหํ, อวสินฺติ อโตฺถฯ สมฺปริปฺลุโตติ สมฺปริกิโณฺณ, นิมุโคฺค หุตฺวาติ อโตฺถฯ
Tattha asandhitāti sandhīnaṃ abhāvena. Asotatāti sotānaṃ abhāvena. Ajivhatāti samparivattanajivhāya abhāvena mūgo ahaṃ na bhavāmi. Yatthāti yāya jātiyā bārāṇasinagare rajjaṃ akārayiṃ. Pāpatthanti pāpataṃ. Patito asmīti vadati. Rajjābhisecayunti rajje abhisecayuṃ. Nisādetvāti nisīdāpetvā. Atthānusāsatīti atthaṃ anusāsati. Khārāpatacchikanti sattīhi paharitvā khārāhi patacchikaṃ karotha. Uppethāti āvunatha. Iccassa manusāsatīti evamassa atthaṃ anusāsati. Tāyāhanti tāyo vācāyo ahaṃ. Pakkhasammatoti pakkho iti sammato ahosiṃ. Acchāhanti acchiṃ ahaṃ, avasinti attho. Sampariplutoti samparikiṇṇo, nimuggo hutvāti attho.
กสิรนฺติ ทุกฺขํฯ ปริตฺตนฺติ อปฺปํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺมสารถิ, สเจปิ สตฺตานํ ชีวิตํ ทุกฺขมฺปิ สมานํ พหุจิรฎฺฐิติกํ ภเวยฺย, ปเตฺถยฺย, ปริตฺตมฺปิ สมานํ สเจ สุขํ ภเวยฺย, ปเตฺถยฺย, อิทํ ปน กสิรญฺจ ปริตฺตญฺจ สกเลน วฎฺฎทุเกฺขน สํยุตฺตํ สนฺนิหิตํ โอมทฺทิตํฯ โกมนฺติ โก อิมํฯ เวรนฺติ ปาณาติปาตาทิปญฺจวิธํ เวรํฯ เกนจีติ เกนจิ การเณน ฯ ปญฺญายาติ วิปสฺสนาปญฺญาย อลาเภนฯ ธมฺมสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อทสฺสเนนฯ ปุน อุทานคาถาโย อคนฺตุกามตาย ถิรภาวทสฺสนตฺถํ กเถสิฯ
Kasiranti dukkhaṃ. Parittanti appaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – sammasārathi, sacepi sattānaṃ jīvitaṃ dukkhampi samānaṃ bahuciraṭṭhitikaṃ bhaveyya, pattheyya, parittampi samānaṃ sace sukhaṃ bhaveyya, pattheyya, idaṃ pana kasirañca parittañca sakalena vaṭṭadukkhena saṃyuttaṃ sannihitaṃ omadditaṃ. Komanti ko imaṃ. Veranti pāṇātipātādipañcavidhaṃ veraṃ. Kenacīti kenaci kāraṇena . Paññāyāti vipassanāpaññāya alābhena. Dhammassāti sotāpattimaggassa adassanena. Puna udānagāthāyo agantukāmatāya thirabhāvadassanatthaṃ kathesi.
ตํ สุตฺวา สุนโนฺท สารถิ ‘‘อยํ กุมาโร เอวรูปํ รชฺชสิริํ กุณปํ วิย ฉเฑฺฑตฺวา อตฺตโน อธิฎฺฐานํ อภินฺทิตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสามีติ อรญฺญํ ปวิโฎฺฐ, มม อิมินา ทุชฺชีวิเตน โก อโตฺถ, อหมฺปิ เตน สทฺธิํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อิมํ คาถมาห –
Taṃ sutvā sunando sārathi ‘‘ayaṃ kumāro evarūpaṃ rajjasiriṃ kuṇapaṃ viya chaḍḍetvā attano adhiṭṭhānaṃ abhinditvā ‘‘pabbajissāmīti araññaṃ paviṭṭho, mama iminā dujjīvitena ko attho, ahampi tena saddhiṃ pabbajissāmī’’ti cintetvā imaṃ gāthamāha –
๔๓.
43.
‘‘อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, ราชปุตฺต ตวนฺติเก;
‘‘Ahampi pabbajissāmi, rājaputta tavantike;
อวฺหายสฺสุ มํ ภทฺทเนฺต, ปพฺพชฺชา มม รุจฺจตี’’ติฯ
Avhāyassu maṃ bhaddante, pabbajjā mama ruccatī’’ti.
ตตฺถ ตวนฺติเกติ ตว สนฺติเกฯ อวฺหายสฺสูติ ‘‘เอหิ ปพฺพชาหี’’ติ ปโกฺกสสฺสุฯ
Tattha tavantiketi tava santike. Avhāyassūti ‘‘ehi pabbajāhī’’ti pakkosassu.
เอวํ เตน ยาจิโตปิ มหาสโตฺต ‘‘สจาหํ อิทาเนว ตํ ปพฺพาเชสฺสามิ, มาตาปิตโร อิธ นาคจฺฉิสฺสนฺติ, อถ เนสํ ปริหานิ ภวิสฺสติ, อิเม อสฺสา จ รโถ จ ปสาธนภณฺฑญฺจ อิเธว นสฺสิสฺสนฺติ, ‘ยโกฺข โส, ขาทิโต นุ โข เตน สารถี’ติ ครหาปิ เม อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา อตฺตโน จ ครหาโมจนตฺถํ มาตาปิตูนญฺจ วุฑฺฒิํ สมฺปสฺสโนฺต อเสฺส จ รถญฺจ ปสาธนภณฺฑญฺจ ตสฺส อิณํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต อิมํ คาถมาห –
Evaṃ tena yācitopi mahāsatto ‘‘sacāhaṃ idāneva taṃ pabbājessāmi, mātāpitaro idha nāgacchissanti, atha nesaṃ parihāni bhavissati, ime assā ca ratho ca pasādhanabhaṇḍañca idheva nassissanti, ‘yakkho so, khādito nu kho tena sārathī’ti garahāpi me uppajjissatī’’ti cintetvā attano ca garahāmocanatthaṃ mātāpitūnañca vuḍḍhiṃ sampassanto asse ca rathañca pasādhanabhaṇḍañca tassa iṇaṃ katvā dassento imaṃ gāthamāha –
๔๔.
44.
‘‘รถํ นิยฺยาทยิตฺวาน, อนโณ เอหิ สารถิ;
‘‘Rathaṃ niyyādayitvāna, anaṇo ehi sārathi;
อนณสฺส หิ ปพฺพชฺชา, เอตํ อิสีหิ วณฺณิต’’นฺติฯ
Anaṇassa hi pabbajjā, etaṃ isīhi vaṇṇita’’nti.
ตตฺถ เอตนฺติ เอตํ ปพฺพชฺชากรณํ พุทฺธาทีหิ อิสีหิ วณฺณิตํ ปสตฺถํ โถมิตํฯ
Tattha etanti etaṃ pabbajjākaraṇaṃ buddhādīhi isīhi vaṇṇitaṃ pasatthaṃ thomitaṃ.
ตํ สุตฺวา สารถิ ‘‘สเจ มยิ นครํ คเต เอส อญฺญตฺถ คเจฺฉยฺย, ปิตา จสฺส อิมํ ปวตฺติํ สุตฺวา ‘ปุตฺตํ เม ทเสฺสหี’ติ ปุน อาคโต อิมํ น ปเสฺสยฺย, ราชทณฺฑํ เม กเรยฺย, ตสฺมา อหํ อตฺตโน คุณํ กเถตฺวา อญฺญตฺถาคมนตฺถาย ปฎิญฺญํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต คาถาทฺวยมาห –
Taṃ sutvā sārathi ‘‘sace mayi nagaraṃ gate esa aññattha gaccheyya, pitā cassa imaṃ pavattiṃ sutvā ‘puttaṃ me dassehī’ti puna āgato imaṃ na passeyya, rājadaṇḍaṃ me kareyya, tasmā ahaṃ attano guṇaṃ kathetvā aññatthāgamanatthāya paṭiññaṃ gaṇhissāmī’’ti cintento gāthādvayamāha –
๔๕.
45.
‘‘ยเทว ตฺยาหํ วจนํ, อกรํ ภทฺทมตฺถุ เต;
‘‘Yadeva tyāhaṃ vacanaṃ, akaraṃ bhaddamatthu te;
ตเทว เม ตฺวํ วจนํ, ยาจิโต กตฺตุมรหสิฯ
Tadeva me tvaṃ vacanaṃ, yācito kattumarahasi.
๔๖.
46.
‘‘อิเธว ตาว อจฺฉสฺสุ, ยาว ราชานมานเย;
‘‘Idheva tāva acchassu, yāva rājānamānaye;
อเปฺปว เต ปิตา ทิสฺวา, ปตีโต สุมโน สิยา’’ติฯ
Appeva te pitā disvā, patīto sumano siyā’’ti.
ตโต มหาสโตฺต อาห –
Tato mahāsatto āha –
๔๗.
47.
‘‘กโรมิ เต ตํ วจนํ, ยํ มํ ภณสิ สารถิ;
‘‘Karomi te taṃ vacanaṃ, yaṃ maṃ bhaṇasi sārathi;
อหมฺปิ ทฎฺฐุกาโมสฺมิ, ปิตรํ เม อิธาคตํฯ
Ahampi daṭṭhukāmosmi, pitaraṃ me idhāgataṃ.
๔๘.
48.
‘‘เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ, กุสลํ วชฺชาสิ ญาตินํ;
‘‘Ehi samma nivattassu, kusalaṃ vajjāsi ñātinaṃ;
มาตรํ ปิตรํ มยฺหํ, วุโตฺต วชฺชาสิ วนฺทน’’นฺติฯ
Mātaraṃ pitaraṃ mayhaṃ, vutto vajjāsi vandana’’nti.
ตตฺถ กโรมิ เตตนฺติ กโรมิ เต เอตํ วจนํฯ เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสูติ สมฺม สารถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา เอหิ, เอโตฺตว ขิปฺปเมว นิวตฺตสฺสุฯ วุโตฺต วชฺชาสีติ มยา วุโตฺต หุตฺวา ‘‘ปุโตฺต โว เตมิยกุมาโร วนฺทตี’’ติ วนฺทนํ วเทยฺยาสีติ อโตฺถฯ
Tattha karomi tetanti karomi te etaṃ vacanaṃ. Ehi samma nivattassūti samma sārathi, tattha gantvā ehi, ettova khippameva nivattassu. Vutto vajjāsīti mayā vutto hutvā ‘‘putto vo temiyakumāro vandatī’’ti vandanaṃ vadeyyāsīti attho.
อิติ วตฺวา มหาสโตฺต สุวณฺณกทลิ วิย โอนมิตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน พาราณสินคราภิมุโข มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา สารถิสฺส สาสนํ อทาสิฯ โส สาสนํ คเหตฺวา กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา รถมารุยฺห นคราภิมุโข ปายาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Iti vatvā mahāsatto suvaṇṇakadali viya onamitvā pañcapatiṭṭhitena bārāṇasinagarābhimukho mātāpitaro vanditvā sārathissa sāsanaṃ adāsi. So sāsanaṃ gahetvā kumāraṃ padakkhiṇaṃ katvā rathamāruyha nagarābhimukho pāyāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๔๙.
49.
‘‘ตสฺส ปาเท คเหตฺวาน, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;
‘‘Tassa pāde gahetvāna, katvā ca naṃ padakkhiṇaṃ;
สารถิ รถมารุยฺห, ราชทฺวารํ อุปาคมี’’ติฯ
Sārathi rathamāruyha, rājadvāraṃ upāgamī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, เอวํ วุโตฺต โส สารถิ, ตสฺส กุมารสฺส ปาเท คเหตฺวา ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา รถํ อารุยฺห ราชทฺวารํ อุปาคมีติฯ
Tassattho – bhikkhave, evaṃ vutto so sārathi, tassa kumārassa pāde gahetvā taṃ padakkhiṇaṃ katvā rathaṃ āruyha rājadvāraṃ upāgamīti.
ตสฺมิํ ขเณ จนฺทาเทวี สีหปญฺชรํ วิวริตฺวา ‘‘กา นุ โข เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตี’’ติ สารถิสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตี ตํ เอกกํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Tasmiṃ khaṇe candādevī sīhapañjaraṃ vivaritvā ‘‘kā nu kho me puttassa pavattī’’ti sārathissa āgamanamaggaṃ olokentī taṃ ekakaṃ āgacchantaṃ disvā uraṃ paharitvā paridevi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๕๐.
50.
‘‘สุญฺญํ มาตา รถํ ทิสฺวา, เอกํ สารถิมาคตํ;
‘‘Suññaṃ mātā rathaṃ disvā, ekaṃ sārathimāgataṃ;
อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ, โรทนฺตี นํ อุทิกฺขติฯ
Assupuṇṇehi nettehi, rodantī naṃ udikkhati.
๕๑.
51.
‘‘อยํ โส สารถิ เอติ, นิหนฺตฺวา มม อตฺรชํ;
‘‘Ayaṃ so sārathi eti, nihantvā mama atrajaṃ;
นิหโต นูน เม ปุโตฺต, ปถพฺยา ภูมิวฑฺฒโนฯ
Nihato nūna me putto, pathabyā bhūmivaḍḍhano.
๕๒.
52.
‘‘อมิตฺตา นูน นนฺทนฺติ, ปตีตา นูน เวริโน;
‘‘Amittā nūna nandanti, patītā nūna verino;
อาคตํ สารถิํ ทิสฺวา, นิหนฺตฺวา มม อตฺรชํฯ
Āgataṃ sārathiṃ disvā, nihantvā mama atrajaṃ.
๕๓.
53.
‘‘สุญฺญํ มาตา รถํ ทิสฺวา, เอกํ สารถิมาคตํ;
‘‘Suññaṃ mātā rathaṃ disvā, ekaṃ sārathimāgataṃ;
อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ, โรทนฺตี ปริปุจฺฉิ นํฯ
Assupuṇṇehi nettehi, rodantī paripucchi naṃ.
๕๔.
54.
‘‘กิํ นุ มูโค กิํนุ ปโกฺข, กิํนุ โส วิลปี ตทา;
‘‘Kiṃ nu mūgo kiṃnu pakkho, kiṃnu so vilapī tadā;
นิหญฺญมาโน ภูมิยา, ตํ เม อกฺขาหิ สารถิฯ
Nihaññamāno bhūmiyā, taṃ me akkhāhi sārathi.
๕๕.
55.
‘‘กถํ หเตฺถหิ ปาเทหิ, มูคปโกฺข วิวชฺชยิ;
‘‘Kathaṃ hatthehi pādehi, mūgapakkho vivajjayi;
นิหญฺญมาโน ภูมิยา, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Nihaññamāno bhūmiyā, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
ตตฺถ มาตาติ เตมิยกุมารสฺส มาตาฯ ปถพฺยา ภูมิวฑฺฒโนติ โส มม ปุโตฺต ภูมิวฑฺฒโน หุตฺวา ปถพฺยา นิหโต นูนฯ โรทนฺตี ปริปุจฺฉิ นนฺติ ตํ รถํ เอกมนฺตํ ฐเปตฺวา มหาตลํ อภิรุยฺห จนฺทาเทวิํ วนฺทิตฺวา เอกมเนฺต ฐิตํ สารถิํ ปริปุจฺฉิฯ กินฺนูติ กิํ นุ โส มม ปุโตฺต มูโค เอว ปโกฺข เอวฯ ตทาติ ยทา นํ ตฺวํ กาสุยํ ปกฺขิปิตฺวา กุทฺทาเลน มตฺถเก ปหริ, ตทาฯ นิหญฺญมาโน ภูมิยาติ ตยา ภูมิยํ นิหญฺญมาโน กิํ นุ วิลปิฯ ตํ เมติ ตํ สพฺพํ อปริหาเปตฺวา เม อกฺขาหิฯ วิวชฺชยีติ ‘‘อเปหิ สารถิ, มา มํ มาเรหี’’ติ กถํ หเตฺถหิ ปาเทหิ จ ผนฺทโนฺต ตํ อปนุทิ, ตํ เม กเถหีติ อโตฺถฯ
Tattha mātāti temiyakumārassa mātā. Pathabyā bhūmivaḍḍhanoti so mama putto bhūmivaḍḍhano hutvā pathabyā nihato nūna. Rodantī paripucchi nanti taṃ rathaṃ ekamantaṃ ṭhapetvā mahātalaṃ abhiruyha candādeviṃ vanditvā ekamante ṭhitaṃ sārathiṃ paripucchi. Kinnūti kiṃ nu so mama putto mūgo eva pakkho eva. Tadāti yadā naṃ tvaṃ kāsuyaṃ pakkhipitvā kuddālena matthake pahari, tadā. Nihaññamāno bhūmiyāti tayā bhūmiyaṃ nihaññamāno kiṃ nu vilapi. Taṃ meti taṃ sabbaṃ aparihāpetvā me akkhāhi. Vivajjayīti ‘‘apehi sārathi, mā maṃ mārehī’’ti kathaṃ hatthehi pādehi ca phandanto taṃ apanudi, taṃ me kathehīti attho.
ตโต สารถิ อาห –
Tato sārathi āha –
๕๖.
56.
‘‘อเกฺขยฺยํ เต อหํ อเยฺย, ทชฺชาสิ อภยํ มม;
‘‘Akkheyyaṃ te ahaṃ ayye, dajjāsi abhayaṃ mama;
ยํ เม สุตํ วา ทิฎฺฐํ วา, ราชปุตฺตสฺส สนฺติเก’’ติฯ
Yaṃ me sutaṃ vā diṭṭhaṃ vā, rājaputtassa santike’’ti.
ตตฺถ ทชฺชาสีติ สเจ อภยํ ทเทยฺยาสิ, โส อิทํ ‘‘สจาหํ ‘ตว ปุโตฺต เนว มูโค น ปโกฺข มธุรกโถ ธมฺมกถิโก’ติ วกฺขามิ, อถ ‘กสฺมา ตํ คเหตฺวา นาคโตสี’ติ ราชา กุโทฺธ ราชทณฺฑมฺปิ เม กเรยฺย, อภยํ ตาว ยาจิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาหฯ
Tattha dajjāsīti sace abhayaṃ dadeyyāsi, so idaṃ ‘‘sacāhaṃ ‘tava putto neva mūgo na pakkho madhurakatho dhammakathiko’ti vakkhāmi, atha ‘kasmā taṃ gahetvā nāgatosī’ti rājā kuddho rājadaṇḍampi me kareyya, abhayaṃ tāva yācissāmī’’ti cintetvā āha.
อถ นํ จนฺทาเทวี อาห –
Atha naṃ candādevī āha –
๕๗.
57.
‘‘อภยํ สมฺม เต ทมฺมิ, อภีโต ภณ สารถิ;
‘‘Abhayaṃ samma te dammi, abhīto bhaṇa sārathi;
ยํ เต สุตํ วา ทิฎฺฐํ วา, ราชปุตฺตสฺส สนฺติเก’’ติฯ
Yaṃ te sutaṃ vā diṭṭhaṃ vā, rājaputtassa santike’’ti.
ตโต สารถิ อาห –
Tato sārathi āha –
๕๘.
58.
‘‘น โส มูโค น โส ปโกฺข, วิสฎฺฐวจโน จ โส;
‘‘Na so mūgo na so pakkho, visaṭṭhavacano ca so;
รชฺชสฺส กิร โส ภีโต, อกรา อาลเย พหูฯ
Rajjassa kira so bhīto, akarā ālaye bahū.
๕๙.
59.
‘‘ปุริมํ สรติ โส ชาติํ, ยตฺถ รชฺชมการยิ;
‘‘Purimaṃ sarati so jātiṃ, yattha rajjamakārayi;
การยิตฺวา ตหิํ รชฺชํ, ปาปตฺถ นิรยํ ภุสํฯ
Kārayitvā tahiṃ rajjaṃ, pāpattha nirayaṃ bhusaṃ.
๖๐.
60.
‘‘วีสติเญฺจว วสฺสานิ, ตหิํ รชฺชมการยิ;
‘‘Vīsatiñceva vassāni, tahiṃ rajjamakārayi;
อสีติวสฺสสหสฺสานิ, นิรยมฺหิ อปจฺจิ โสฯ
Asītivassasahassāni, nirayamhi apacci so.
๖๑.
61.
‘‘ตสฺส รชฺชสฺส โส ภีโต, มา มํ รชฺชาภิเสจยุํ;
‘‘Tassa rajjassa so bhīto, mā maṃ rajjābhisecayuṃ;
ตสฺมา ปิตุ จ มาตุจฺจ, สนฺติเก น ภณี ตทาฯ
Tasmā pitu ca mātucca, santike na bhaṇī tadā.
๖๒.
62.
‘‘องฺคปจฺจงฺคสมฺปโนฺน , อาโรหปริณาหวา;
‘‘Aṅgapaccaṅgasampanno , ārohapariṇāhavā;
วิสฎฺฐวจโน ปโญฺญ, มเคฺค สคฺคสฺส ติฎฺฐติฯ
Visaṭṭhavacano pañño, magge saggassa tiṭṭhati.
๖๓.
63.
‘‘สเจ ตฺวํ ทฎฺฐุกามาสิ, ราชปุตฺตํ ตวตฺรชํ;
‘‘Sace tvaṃ daṭṭhukāmāsi, rājaputtaṃ tavatrajaṃ;
เอหิ ตํ ปาปยิสฺสามิ, ยตฺถ สมฺมติ เตมิโย’’ติฯ
Ehi taṃ pāpayissāmi, yattha sammati temiyo’’ti.
ตตฺถ วิสฎฺฐวจโนติ อปลิพุทฺธกโถฯ อกรา อาลเย พหูติ ตุมฺหากํ วญฺจนานิ พหูนิ อกาสิฯ ปโญฺญติ ปญฺญวาฯ สเจ ตฺวนฺติ ราชานํ ธุรํ กตฺวา อุโภปิ เต เอวมาหฯ ยตฺถ สมฺมติ เตมิโยติ ยตฺถ โว ปุโตฺต มยา คหิตปฎิโญฺญ หุตฺวา อจฺฉติ, ตตฺถ ปาปยิสฺสามิ, อิทานิ ปปญฺจํ อกตฺวา ลหุํ คนฺตุํ วฎฺฎตีติ อาหฯ
Tattha visaṭṭhavacanoti apalibuddhakatho. Akarā ālaye bahūti tumhākaṃ vañcanāni bahūni akāsi. Paññoti paññavā. Sace tvanti rājānaṃ dhuraṃ katvā ubhopi te evamāha. Yattha sammati temiyoti yattha vo putto mayā gahitapaṭiñño hutvā acchati, tattha pāpayissāmi, idāni papañcaṃ akatvā lahuṃ gantuṃ vaṭṭatīti āha.
กุมาโร ปน สารถิํ เปเสตฺวา ปพฺพชิตุกาโม อโหสิฯ ตทา สโกฺก ตสฺส มนํ ญตฺวา ตสฺมิํ ขเณ วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺต, เตมิยกุมาโร ปพฺพชิตุกาโม, ตฺวํ ตสฺส ปณฺณสาลญฺจ ปพฺพชิตปริกฺขารญฺจ มาเปตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ติโยชนิเก วนสเณฺฑ อตฺตโน อิทฺธิพเลน รมณียํ อสฺสมํ มาเปตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานญฺจ โปกฺขรณิญฺจ อาวาฎญฺจ อกาลผลสมฺปนฺนํ รุกฺขญฺจ กตฺวา ปณฺณสาลสมีเป จตุวีสติหตฺถปฺปมาณํ จงฺกมํ มาเปตฺวา อโนฺตจงฺกเม จ ผลิกวณฺณํ รุจิรํ วาลุกํ โอกิริตฺวา สเพฺพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร มาเปตฺวา ‘‘เย ปพฺพชิตุกามา, เต อิเม คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ ภิตฺติยํ อกฺขรานิ ลิขิตฺวา จณฺฑวาเฬ จ อมนาปสเทฺท สเพฺพ มิคปกฺขิโน จ ปลาเปตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ
Kumāro pana sārathiṃ pesetvā pabbajitukāmo ahosi. Tadā sakko tassa manaṃ ñatvā tasmiṃ khaṇe vissakammadevaputtaṃ pakkosāpetvā ‘‘tāta vissakammadevaputta, temiyakumāro pabbajitukāmo, tvaṃ tassa paṇṇasālañca pabbajitaparikkhārañca māpetvā ehī’’ti pesesi. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā vegena gantvā tiyojanike vanasaṇḍe attano iddhibalena ramaṇīyaṃ assamaṃ māpetvā rattiṭṭhānadivāṭṭhānañca pokkharaṇiñca āvāṭañca akālaphalasampannaṃ rukkhañca katvā paṇṇasālasamīpe catuvīsatihatthappamāṇaṃ caṅkamaṃ māpetvā antocaṅkame ca phalikavaṇṇaṃ ruciraṃ vālukaṃ okiritvā sabbe pabbajitaparikkhāre māpetvā ‘‘ye pabbajitukāmā, te ime gahetvā pabbajantū’’ti bhittiyaṃ akkharāni likhitvā caṇḍavāḷe ca amanāpasadde sabbe migapakkhino ca palāpetvā sakaṭṭhānameva gato.
ตสฺมิํ ขเณ มหาสโตฺต ตํ ทิสฺวา สกฺกทตฺติยภาวํ ญตฺวา, ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา วตฺถานิ อปเนตฺวา, รตฺตวากจีรํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อชินจมฺมํ เอกํเส กตฺวา ชฎามณฺฑลํ พนฺธิตฺวา กาชํ อํเส กตฺวา กตฺตรทณฺฑมาทาย ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตสิริํ สมุพฺพหโนฺต อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนโนฺต ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กฎฺฐตฺถรเณ นิสิโนฺน ปญฺจ อภิญฺญา อฎฺฐ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา สายนฺหสมเย ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา จงฺกมนโกฎิยํ ฐิตการรุกฺขโต ปณฺณานิ คเหตฺวา , สกฺกทตฺติยภาชเน อโลณเก อตเกฺก นิธูปเน อุทเก เสเทตฺวา อมตํ วิย ปริภุญฺชิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ตตฺถ วาสํ กเปฺปสิฯ
Tasmiṃ khaṇe mahāsatto taṃ disvā sakkadattiyabhāvaṃ ñatvā, paṇṇasālaṃ pavisitvā vatthāni apanetvā, rattavākacīraṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā ajinacammaṃ ekaṃse katvā jaṭāmaṇḍalaṃ bandhitvā kājaṃ aṃse katvā kattaradaṇḍamādāya paṇṇasālato nikkhamitvā pabbajitasiriṃ samubbahanto aparāparaṃ caṅkamitvā ‘‘aho sukhaṃ, aho sukha’’nti udānaṃ udānento paṇṇasālaṃ pavisitvā kaṭṭhattharaṇe nisinno pañca abhiññā aṭṭha samāpattiyo ca nibbattetvā sāyanhasamaye paṇṇasālato nikkhamitvā caṅkamanakoṭiyaṃ ṭhitakārarukkhato paṇṇāni gahetvā , sakkadattiyabhājane aloṇake atakke nidhūpane udake sedetvā amataṃ viya paribhuñjitvā cattāro brahmavihāre bhāvetvā tattha vāsaṃ kappesi.
กาสิราชาปิ สุนนฺทสารถิสฺส วจนํ สุตฺวา มหาเสนคุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ตรมานรูโปว คมนสชฺชํ กาเรตุํ อาห –
Kāsirājāpi sunandasārathissa vacanaṃ sutvā mahāsenaguttaṃ pakkosāpetvā taramānarūpova gamanasajjaṃ kāretuṃ āha –
๖๔.
64.
‘‘โยชยนฺตุ รเถ อเสฺส, กจฺฉํ นาคาน พนฺธถ;
‘‘Yojayantu rathe asse, kacchaṃ nāgāna bandhatha;
อุทีรยนฺตุ สงฺขปณวา, วาทนฺตุ เอกโปกฺขราฯ
Udīrayantu saṅkhapaṇavā, vādantu ekapokkharā.
๖๕.
65.
‘‘วาทนฺตุ เภรี สนฺนทฺธา, วคฺคู วาทนฺตุ ทุนฺทุภี;
‘‘Vādantu bherī sannaddhā, vaggū vādantu dundubhī;
เนคมา จ มํ อเนฺวนฺตุ, คจฺฉํ ปุตฺตนิเวทโกฯ
Negamā ca maṃ anventu, gacchaṃ puttanivedako.
๖๖.
66.
‘‘โอโรธา จ กุมารา จ, เวสิยานา จ พฺราหฺมณา;
‘‘Orodhā ca kumārā ca, vesiyānā ca brāhmaṇā;
ขิปฺปํ ยานานิ โยเชนฺตุ, คจฺฉํ ปุตฺตนิเวทโกฯ
Khippaṃ yānāni yojentu, gacchaṃ puttanivedako.
๖๗.
67.
‘‘หตฺถาโรหา อนีกฎฺฐา, รถิกา ปตฺติการกา;
‘‘Hatthārohā anīkaṭṭhā, rathikā pattikārakā;
ขิปฺปํ ยานานิ โยเชนฺตุ, คจฺฉํ ปุตฺตนิเวทโกฯ
Khippaṃ yānāni yojentu, gacchaṃ puttanivedako.
๖๘.
68.
‘‘สมาคตา ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;
‘‘Samāgatā jānapadā, negamā ca samāgatā;
ขิปฺปํ ยานานิ โยเชนฺตุ, คจฺฉํ ปุตฺตนิเวทโก’’ติฯ
Khippaṃ yānāni yojentu, gacchaṃ puttanivedako’’ti.
ตตฺถ อุทีรยนฺตูติ สทฺทํ มุญฺจนฺตุฯ วาทนฺตูติ วชฺชนฺตุฯ เอกโปกฺขราติ เอกมุขเภริโยฯ สนฺนทฺธาติ สุฎฺฐุ นทฺธาฯ วคฺคูติ มธุรสฺสราฯ คจฺฉนฺติ คมิสฺสามิฯ ปุตฺตนิเวทโกติ ปุตฺตสฺส นิเวทโก โอวาทโก หุตฺวา คจฺฉามิฯ ตํ โอวทิตฺวา มม วจนํ คาหาเปตฺวา ตเตฺถว ตํ รตนราสิมฺหิ ฐเปตฺวา อภิสิญฺจิตฺวา อาเนตุํ คจฺฉามีติ อธิปฺปาเยเนวมาหฯ เนคมาติ กุฎุมฺพิกชนาฯ สมาคตาติ สนฺนิปติตา หุตฺวาฯ
Tattha udīrayantūti saddaṃ muñcantu. Vādantūti vajjantu. Ekapokkharāti ekamukhabheriyo. Sannaddhāti suṭṭhu naddhā. Vaggūti madhurassarā. Gacchanti gamissāmi. Puttanivedakoti puttassa nivedako ovādako hutvā gacchāmi. Taṃ ovaditvā mama vacanaṃ gāhāpetvā tattheva taṃ ratanarāsimhi ṭhapetvā abhisiñcitvā ānetuṃ gacchāmīti adhippāyenevamāha. Negamāti kuṭumbikajanā. Samāgatāti sannipatitā hutvā.
เอวํ รญฺญา อาณตฺตา สารถิโน อเสฺส โยเชตฺวา รเถ ราชทฺวาเร ฐเปตฺวา รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Evaṃ raññā āṇattā sārathino asse yojetvā rathe rājadvāre ṭhapetvā rañño ārocesuṃ. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๖๙.
69.
‘‘อเสฺส จ สารถี ยุเตฺต, สินฺธเว สีฆวาหเน;
‘‘Asse ca sārathī yutte, sindhave sīghavāhane;
ราชทฺวารํ อุปาคจฺฉุํ, ยุตฺตา เทว อิเม หยา’’ติฯ
Rājadvāraṃ upāgacchuṃ, yuttā deva ime hayā’’ti.
ตตฺถ อเสฺสติ สินฺธเว สินฺธวชาติเก สีฆวาหเน ชวสมฺปเนฺน อเสฺส อาทายฯ สารถีติ สารถิโนฯ ยุเตฺตติ รเถสุ โยชิเตฯ อุปาคจฺฉุนฺติ เต รเถสุ ยุเตฺต อเสฺส อาทาย อาคมํสุ, อาคนฺตฺวา จ ปน ‘‘ยุตฺตา, เทว, อิเม หยา’’ติ อาโรเจสุํฯ
Tattha asseti sindhave sindhavajātike sīghavāhane javasampanne asse ādāya. Sārathīti sārathino. Yutteti rathesu yojite. Upāgacchunti te rathesu yutte asse ādāya āgamaṃsu, āgantvā ca pana ‘‘yuttā, deva, ime hayā’’ti ārocesuṃ.
ตโต สารถีนํ วจนํ สุตฺวา ราชา อุปฑฺฒคาถมาห –
Tato sārathīnaṃ vacanaṃ sutvā rājā upaḍḍhagāthamāha –
๗๐.
70.
‘‘ถูลา ชเวน หายนฺติ, กิสา หายนฺติ ถามุนา’’ติฯ
‘‘Thūlā javena hāyanti, kisā hāyanti thāmunā’’ti.
ตํ สุตฺวา สารถิโนปิ อุปฑฺฒคาถมาหํสุ –
Taṃ sutvā sārathinopi upaḍḍhagāthamāhaṃsu –
‘‘กิเส ถูเล วิวเชฺชตฺวา, สํสฎฺฐา โยชิตา หยา’’ติฯ
‘‘Kise thūle vivajjetvā, saṃsaṭṭhā yojitā hayā’’ti.
ตสฺสโตฺถ – เทว, กิเส จ ถูเล จ เอวรูเป อเสฺส อคฺคณฺหิตฺวา วเยน วเณฺณน ชเวน พเลน สทิสา หยา โยชิตาติฯ
Tassattho – deva, kise ca thūle ca evarūpe asse aggaṇhitvā vayena vaṇṇena javena balena sadisā hayā yojitāti.
อถ ราชา ปุตฺตสฺส สนฺติกํ คจฺฉโนฺต จตฺตาโร วเณฺณ อฎฺฐารส เสนิโย สพฺพญฺจ พลกายํ สนฺนิปาตาเปสิฯ ตสฺส สนฺนิปาเตนฺตเสฺสว ตโย ทิวสา อติกฺกนฺตาฯ อถ จตุเตฺถ ทิวเส กาสิราชา นครโต นิกฺขมิตฺวา คเหตพฺพยุตฺตกํ คาหาเปตฺวา อสฺสมปทํ คนฺตฺวา ปุเตฺตน สทฺธิํ ปฎินนฺทิโต ปฎิสนฺถารมกาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –
Atha rājā puttassa santikaṃ gacchanto cattāro vaṇṇe aṭṭhārasa seniyo sabbañca balakāyaṃ sannipātāpesi. Tassa sannipātentasseva tayo divasā atikkantā. Atha catutthe divase kāsirājā nagarato nikkhamitvā gahetabbayuttakaṃ gāhāpetvā assamapadaṃ gantvā puttena saddhiṃ paṭinandito paṭisanthāramakāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –
๗๑.
71.
‘‘ตโต ราชา ตรมาโน, ยุตฺตมารุยฺห สนฺทนํ;
‘‘Tato rājā taramāno, yuttamāruyha sandanaṃ;
อิตฺถาคารํ อชฺฌภาสิ, สพฺพาว อนุยาถ มํฯ
Itthāgāraṃ ajjhabhāsi, sabbāva anuyātha maṃ.
๗๒.
72.
‘‘วาฬพีชนิมุณฺหีสํ, ขคฺคํ ฉตฺตญฺจ ปณฺฑรํ;
‘‘Vāḷabījanimuṇhīsaṃ, khaggaṃ chattañca paṇḍaraṃ;
อุปาธี รถมารุยฺห, สุวเณฺณหิ อลงฺกตาฯ
Upādhī rathamāruyha, suvaṇṇehi alaṅkatā.
๗๓.
73.
‘‘ตโต ส ราชา ปายาสิ, ปุรกฺขตฺวาน สารถิํ;
‘‘Tato sa rājā pāyāsi, purakkhatvāna sārathiṃ;
ขิปฺปเมว อุปาคจฺฉิ, ยตฺถ สมฺมติ เตมิโยฯ
Khippameva upāgacchi, yattha sammati temiyo.
๗๔.
74.
‘‘ตญฺจ ทิสฺวาน อายนฺตํ, ชลนฺตมิว เตชสา;
‘‘Tañca disvāna āyantaṃ, jalantamiva tejasā;
ขตฺตสงฺฆปริพฺยูฬฺหํ, เตมิโย เอตทพฺรวิฯ
Khattasaṅghaparibyūḷhaṃ, temiyo etadabravi.
๗๕.
75.
‘‘กจฺจิ นุ ตาต กุสลํ, กจฺจิ ตาต อนามยํ;
‘‘Kacci nu tāta kusalaṃ, kacci tāta anāmayaṃ;
สพฺพา จ ราชกญฺญาโย, อโรคา มยฺห มาตโรฯ
Sabbā ca rājakaññāyo, arogā mayha mātaro.
๗๖.
76.
‘‘กุสลเญฺจว เม ปุตฺต, อโถ ปุตฺต อนามยํ;
‘‘Kusalañceva me putta, atho putta anāmayaṃ;
สพฺพา จ ราชกญฺญาโย, อโรคา ตุยฺห มาตโรฯ
Sabbā ca rājakaññāyo, arogā tuyha mātaro.
๗๗.
77.
‘‘กจฺจิ อมชฺชโป ตาต, กจฺจิ เต สุรมปฺปิยํ;
‘‘Kacci amajjapo tāta, kacci te suramappiyaṃ;
กจฺจิ สเจฺจ จ ธเมฺม จ, ทาเน เต รมเต มโนฯ
Kacci sacce ca dhamme ca, dāne te ramate mano.
๗๘.
78.
‘‘อมชฺชโป อหํ ปุตฺต, อโถ เม สุรมปฺปิยํ;
‘‘Amajjapo ahaṃ putta, atho me suramappiyaṃ;
อโถ สเจฺจ จ ธเมฺม จ, ทาเน เม รมเต มโนฯ
Atho sacce ca dhamme ca, dāne me ramate mano.
๗๙.
79.
‘‘กจฺจิ อโรคํ โยคฺคํ เต, กจฺจิ วหติ วาหนํ;
‘‘Kacci arogaṃ yoggaṃ te, kacci vahati vāhanaṃ;
กจฺจิ เต พฺยาธโย นตฺถิ, สรีรสฺสุปตาปนาฯ
Kacci te byādhayo natthi, sarīrassupatāpanā.
๘๐.
80.
‘‘อโถ อโรคํ โยคฺคํ เม, อโถ วหติ วาหนํ;
‘‘Atho arogaṃ yoggaṃ me, atho vahati vāhanaṃ;
อโถ เม พฺยาธโย นตฺถิ, สรีรสฺสุปตาปนาฯ
Atho me byādhayo natthi, sarīrassupatāpanā.
๘๑.
81.
‘‘กจฺจิ อนฺตา จ เต ผีตา, มเชฺฌ จ พหลา ตว;
‘‘Kacci antā ca te phītā, majjhe ca bahalā tava;
โกฎฺฐาคารญฺจ โกสญฺจ, กจฺจิ เต ปฎิสนฺถตํฯ
Koṭṭhāgārañca kosañca, kacci te paṭisanthataṃ.
๘๒.
82.
‘‘อโถ อนฺตา จ เม ผีตา, มเชฺฌ จ พหลา มม;
‘‘Atho antā ca me phītā, majjhe ca bahalā mama;
โกฎฺฐาคารญฺจ โกสญฺจ, สพฺพํ เม ปฎิสนฺถตํฯ
Koṭṭhāgārañca kosañca, sabbaṃ me paṭisanthataṃ.
๘๓.
83.
‘‘สฺวาคตํ เต มหาราช, อโถ เต อทุราคตํ;
‘‘Svāgataṃ te mahārāja, atho te adurāgataṃ;
ปติฎฺฐเปนฺตุ ปลฺลงฺกํ, ยตฺถ ราชา นิสกฺกตี’’ติฯ
Patiṭṭhapentu pallaṅkaṃ, yattha rājā nisakkatī’’ti.
ตตฺถ อุปาธี รถมารุยฺหาติ สุวณฺณปาทุกา จ รถํ อาโรเปนฺตูติ อโตฺถฯ อิเม ตโย ปาเท ปุตฺตสฺส ตเตฺถว อภิเสกกรณตฺถาย ‘‘ปญฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ คณฺหถา’’ติ อาณาเปโนฺต ราชา อาหฯ สุวเณฺณหิ อลงฺกตาติ อิทํ ปาทุกํ สนฺธายาหฯ อุปาคจฺฉีติ อุปาคโต อโหสิฯ กาย เวลายาติ? มหาสตฺตสฺส การปณฺณานิ ปจิตฺวา นิพฺพาเปนฺตสฺส นิสินฺนเวลายฯ ชลนฺตมิว เตชสาติ ราชเตเชน ชลนฺตํ วิยฯ ขตฺตสงฺฆปริพฺยูฬฺหนฺติ กถาผาสุเกน อมจฺจสเงฺฆน ปริวุตํ, ขตฺติยสมูเหหิ วา ปริวาริตํฯ เอตทพฺรวีติ กาสิราชานํ พหิ ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา ปทสาว ปณฺณสาลํ อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต เอตํ วจนํ อพฺรวิฯ
Tattha upādhī rathamāruyhāti suvaṇṇapādukā ca rathaṃ āropentūti attho. Ime tayo pāde puttassa tattheva abhisekakaraṇatthāya ‘‘pañca rājakakudhabhaṇḍāni gaṇhathā’’ti āṇāpento rājā āha. Suvaṇṇehi alaṅkatāti idaṃ pādukaṃ sandhāyāha. Upāgacchīti upāgato ahosi. Kāya velāyāti? Mahāsattassa kārapaṇṇāni pacitvā nibbāpentassa nisinnavelāya. Jalantamiva tejasāti rājatejena jalantaṃ viya. Khattasaṅghaparibyūḷhanti kathāphāsukena amaccasaṅghena parivutaṃ, khattiyasamūhehi vā parivāritaṃ. Etadabravīti kāsirājānaṃ bahi khandhāvāraṃ nivāsāpetvā padasāva paṇṇasālaṃ āgantvā taṃ vanditvā nisinnaṃ paṭisanthāraṃ karonto etaṃ vacanaṃ abravi.
กุสลํ อนามยนฺติ อุภเยนปิ ปเทน อาโรคฺยเมว ปุจฺฉติฯ กจฺจิ อมชฺชโปติ กจฺจิ มชฺชํ น ปิวสีติ ปุจฺฉติฯ ‘‘อปฺปมโตฺต’’ติปิ ปาโฐ, กุสลธเมฺมสุ นปฺปมชฺชสีติ อโตฺถฯ สุรมปฺปิยนฺติ สุราปานํ อปฺปิยํฯ ‘‘สุรมปฺปิยา’’ติปิ ปาโฐ, สุรา อปฺปิยาติ อโตฺถฯ ธเมฺมติ ทสวิเธ ราชธเมฺมฯ โยคฺคนฺติ ยุเค ยุญฺชิตพฺพํ เต ตว อสฺสโคณาทิกํฯ กจฺจิ วหตีติ กจฺจิ อโรคํ หุตฺวา วหติฯ วาหนนฺติ หตฺถิอสฺสาทิ สพฺพํ วาหนํฯ สรีรสฺสุปตาปนาติ สรีรสฺส อุปตาปกราฯ อนฺตาติ ปจฺจนฺตชนปทาฯ ผีตาติ อิทฺธา สุภิกฺขา, วตฺถาภรเณหิ วา อนฺนปาเนหิ วา ปริปุณฺณา คาฬฺหวาสาฯ มเชฺฌ จาติ รฎฺฐสฺส มเชฺฌฯ พหลาติ คามนิคมา ฆนวาสาฯ ปฎิสนฺถตนฺติ ปฎิจฺฉาทิตํ คุตฺตํ, ปริปุณฺณํ วาฯ ยตฺถ ราชา นิสกฺกตีติ ยสฺมิํ ปลฺลเงฺก ราชา นิสีทิสฺสติ, ตํ ปญฺญาเปนฺตูติ วทติฯ
Kusalaṃ anāmayanti ubhayenapi padena ārogyameva pucchati. Kacci amajjapoti kacci majjaṃ na pivasīti pucchati. ‘‘Appamatto’’tipi pāṭho, kusaladhammesu nappamajjasīti attho. Suramappiyanti surāpānaṃ appiyaṃ. ‘‘Suramappiyā’’tipi pāṭho, surā appiyāti attho. Dhammeti dasavidhe rājadhamme. Yogganti yuge yuñjitabbaṃ te tava assagoṇādikaṃ. Kacci vahatīti kacci arogaṃ hutvā vahati. Vāhananti hatthiassādi sabbaṃ vāhanaṃ. Sarīrassupatāpanāti sarīrassa upatāpakarā. Antāti paccantajanapadā. Phītāti iddhā subhikkhā, vatthābharaṇehi vā annapānehi vā paripuṇṇā gāḷhavāsā. Majjhe cāti raṭṭhassa majjhe. Bahalāti gāmanigamā ghanavāsā. Paṭisanthatanti paṭicchāditaṃ guttaṃ, paripuṇṇaṃ vā. Yattha rājā nisakkatīti yasmiṃ pallaṅke rājā nisīdissati, taṃ paññāpentūti vadati.
ราชา มหาสเตฺต คารเวน ปลฺลเงฺก น นิสีทติฯ อถ มหาสโตฺต ‘‘สเจ ปลฺลเงฺก น นิสีทติ, ปณฺณสนฺถารํ ปญฺญาเปถา’’ติ วตฺวา ตสฺมิํ ปญฺญเตฺต นิสีทนตฺถาย ราชานํ นิมเนฺตโนฺต คาถมาห –
Rājā mahāsatte gāravena pallaṅke na nisīdati. Atha mahāsatto ‘‘sace pallaṅke na nisīdati, paṇṇasanthāraṃ paññāpethā’’ti vatvā tasmiṃ paññatte nisīdanatthāya rājānaṃ nimantento gāthamāha –
๘๔.
84.
‘‘อิเธว เต นิสีทสฺสุ, นิยเต ปณฺณสนฺถเร;
‘‘Idheva te nisīdassu, niyate paṇṇasanthare;
เอโตฺต อุทกมาทาย, ปาเท ปกฺขาลยสฺสุ เต’’ติฯ
Etto udakamādāya, pāde pakkhālayassu te’’ti.
ตตฺถ นิยเตติ สุสนฺถเตฯ เอโตฺตติ ปริโภคอุทกํ ทเสฺสโนฺต อาหฯ
Tattha niyateti susanthate. Ettoti paribhogaudakaṃ dassento āha.
ราชา มหาสเตฺต คารเวน ปณฺณสนฺถาเรปิ อนิสีทิตฺวา ภูมิยํ เอว นิสีทิฯ มหาสโตฺตปิ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ตํ การปณฺณกํ นีหริตฺวา ราชานํ เตน นิมเนฺตโนฺต คาถมาห –
Rājā mahāsatte gāravena paṇṇasanthārepi anisīditvā bhūmiyaṃ eva nisīdi. Mahāsattopi paṇṇasālaṃ pavisitvā taṃ kārapaṇṇakaṃ nīharitvā rājānaṃ tena nimantento gāthamāha –
๘๕.
85.
‘‘อิทมฺปิ ปณฺณกํ มยฺหํ, รนฺธํ ราช อโลณกํ;
‘‘Idampi paṇṇakaṃ mayhaṃ, randhaṃ rāja aloṇakaṃ;
ปริภุญฺช มหาราช, ปาหุโน เมสิธาคโต’’ติฯ
Paribhuñja mahārāja, pāhuno mesidhāgato’’ti.
อถ นํ ราชา อาห –
Atha naṃ rājā āha –
๘๖.
86.
‘‘น จาหํ ปณฺณํ ภุญฺชามิ, น เหตํ มยฺห โภชนํ;
‘‘Na cāhaṃ paṇṇaṃ bhuñjāmi, na hetaṃ mayha bhojanaṃ;
สาลีนํ โอทนํ ภุเญฺช, สุจิํ มํสูปเสจน’’นฺติฯ
Sālīnaṃ odanaṃ bhuñje, suciṃ maṃsūpasecana’’nti.
ตตฺถ น จาหนฺติ ปฎิเกฺขปวจนํฯ
Tattha na cāhanti paṭikkhepavacanaṃ.
ราชา ตถารูปํ อตฺตโน ราชโภชนํ วเณฺณตฺวา ตสฺมิํ มหาสเตฺต คารเวน โถกํ ปณฺณกํ หตฺถตเล ฐเปตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ เอวรูปํ โภชนํ ภุญฺชสี’’ติ ปุเตฺตน สทฺธิํ ปิยกถํ กเถโนฺต นิสีทิฯ ตสฺมิํ ขเณ จนฺทาเทวี โอโรเธน ปริวุตา เอกมเคฺคน อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อสฺสมปทํ ปตฺวา ปิยปุตฺตํ ทิสฺวา ตเตฺถว ปติตฺวา วิสญฺญี อโหสิฯ ตโต ปฎิลทฺธสฺสาสา ปติตฎฺฐานโต อุฎฺฐหิตฺวา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาเท ทฬฺหํ คเหตฺวา วนฺทิตฺวา อสฺสุปุเณฺณหิ เนเตฺตหิ โรทิตฺวา วนฺทนฎฺฐานโต อุฎฺฐาย เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ นํ ราชา ‘‘ภเทฺท, ตว ปุตฺตสฺส โภชนํ ปสฺสาหี’’ติ วตฺวา โถกํ ปณฺณกํ ตสฺสา หเตฺถ ฐเปตฺวา เสสอิตฺถีนมฺปิ โถกํ โถกํ อทาสิฯ ตา สพฺพาปิ ‘‘สามิ, เอวรูปํ โภชนํ ภุญฺชสี’’ติ วทนฺติโย ตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สีเส กตฺวา ‘‘อติทุกฺกรํ กโรสิ, สามี’’ติ วตฺวา นมสฺสมานา นิสีทิํสุฯ ราชา ปุน ‘‘ตาต, อิทํ มยฺหํ อจฺฉริยํ หุตฺวา อุปฎฺฐาตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Rājā tathārūpaṃ attano rājabhojanaṃ vaṇṇetvā tasmiṃ mahāsatte gāravena thokaṃ paṇṇakaṃ hatthatale ṭhapetvā ‘‘tāta, tvaṃ evarūpaṃ bhojanaṃ bhuñjasī’’ti puttena saddhiṃ piyakathaṃ kathento nisīdi. Tasmiṃ khaṇe candādevī orodhena parivutā ekamaggena āgantvā bodhisattassa assamapadaṃ patvā piyaputtaṃ disvā tattheva patitvā visaññī ahosi. Tato paṭiladdhassāsā patitaṭṭhānato uṭṭhahitvā āgantvā bodhisattassa pāde daḷhaṃ gahetvā vanditvā assupuṇṇehi nettehi roditvā vandanaṭṭhānato uṭṭhāya ekamantaṃ nisīdi. Atha naṃ rājā ‘‘bhadde, tava puttassa bhojanaṃ passāhī’’ti vatvā thokaṃ paṇṇakaṃ tassā hatthe ṭhapetvā sesaitthīnampi thokaṃ thokaṃ adāsi. Tā sabbāpi ‘‘sāmi, evarūpaṃ bhojanaṃ bhuñjasī’’ti vadantiyo taṃ gahetvā attano attano sīse katvā ‘‘atidukkaraṃ karosi, sāmī’’ti vatvā namassamānā nisīdiṃsu. Rājā puna ‘‘tāta, idaṃ mayhaṃ acchariyaṃ hutvā upaṭṭhātī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๘๗.
87.
‘‘อเจฺฉรกํ มํ ปฎิภาติ, เอกกมฺปิ รโหคตํ;
‘‘Accherakaṃ maṃ paṭibhāti, ekakampi rahogataṃ;
เอทิสํ ภุญฺชมานานํ, เกน วโณฺณ ปสีทตี’’ติฯ
Edisaṃ bhuñjamānānaṃ, kena vaṇṇo pasīdatī’’ti.
ตตฺถ เอกกนฺติ ตาต, ตํ เอกกมฺปิ รโหคตํ อิมินา โภชเนน ยาเปนฺตํ ทิสฺวา มม อจฺฉริยํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ เอทิสนฺติ เอวรูปํ อโลณกํ อตกฺกํ นิธูปนํ รนฺธํ ปตฺตํ ภุญฺชนฺตานํ เกน การเณน วโณฺณ ปสีทตีติ นํ ปุจฺฉิฯ
Tattha ekakanti tāta, taṃ ekakampi rahogataṃ iminā bhojanena yāpentaṃ disvā mama acchariyaṃ hutvā upaṭṭhāti. Edisanti evarūpaṃ aloṇakaṃ atakkaṃ nidhūpanaṃ randhaṃ pattaṃ bhuñjantānaṃ kena kāraṇena vaṇṇo pasīdatīti naṃ pucchi.
อถสฺส โส อาจิกฺขโนฺต อาห –
Athassa so ācikkhanto āha –
๘๘.
88.
‘‘เอโก ราช นิปชฺชามิ, นิยเต ปณฺณสนฺถเร;
‘‘Eko rāja nipajjāmi, niyate paṇṇasanthare;
ตาย เม เอกเสยฺยาย, ราช วโณฺณ ปสีทติฯ
Tāya me ekaseyyāya, rāja vaṇṇo pasīdati.
๘๙.
89.
‘‘น จ เนตฺติํสพนฺธา เม, ราชรกฺขา อุปฎฺฐิตา;
‘‘Na ca nettiṃsabandhā me, rājarakkhā upaṭṭhitā;
ตาย เม สุขเสยฺยาย, ราชวโณฺณ ปสีทติฯ
Tāya me sukhaseyyāya, rājavaṇṇo pasīdati.
๙๐.
90.
‘‘อตีตํ นานุโสจามิ, นปฺปชปฺปามินาคตํ;
‘‘Atītaṃ nānusocāmi, nappajappāmināgataṃ;
ปจฺจุปฺปเนฺนน ยาเปมิ, เตน วโณฺณ ปสีทติฯ
Paccuppannena yāpemi, tena vaṇṇo pasīdati.
๙๑.
91.
‘‘อนาคตปฺปชปฺปาย, อตีตสฺสานุโสจนา;
‘‘Anāgatappajappāya, atītassānusocanā;
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ, นโฬว หริโต ลุโต’’ติฯ
Etena bālā sussanti, naḷova harito luto’’ti.
ตตฺถ เนตฺติํสพนฺธาติ ขคฺคพนฺธาฯ ราชรกฺขาติ ราชานํ รกฺขิตาฯ นปฺปชปฺปามีติ น ปเตฺถมิฯ หริโตติ หริตวโณฺณฯ ลุโตติ ลุญฺจิตฺวา อาตเป ขิตฺตนโฬ วิยฯ
Tattha nettiṃsabandhāti khaggabandhā. Rājarakkhāti rājānaṃ rakkhitā. Nappajappāmīti na patthemi. Haritoti haritavaṇṇo. Lutoti luñcitvā ātape khittanaḷo viya.
อถ ราชา ‘‘อิเธว นํ อภิสิญฺจิตฺวา อาทาย คมิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา รเชฺชน นิมเนฺตโนฺต อาห –
Atha rājā ‘‘idheva naṃ abhisiñcitvā ādāya gamissāmī’’ti cintetvā rajjena nimantento āha –
๙๒.
92.
‘‘หตฺถานีกํ รถานีกํ, อเสฺส ปตฺตี จ วมฺมิโน;
‘‘Hatthānīkaṃ rathānīkaṃ, asse pattī ca vammino;
นิเวสนานิ รมฺมานิ, อหํ ปุตฺต ททามิ เตฯ
Nivesanāni rammāni, ahaṃ putta dadāmi te.
๙๓.
93.
‘‘อิตฺถาคารมฺปิ เต ทมฺมิ, สพฺพาลงฺการภูสิตํ;
‘‘Itthāgārampi te dammi, sabbālaṅkārabhūsitaṃ;
ตา ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, ตฺวํ โน ราชา ภวิสฺสสิฯ
Tā putta paṭipajjassu, tvaṃ no rājā bhavissasi.
๙๔.
94.
‘‘กุสลา นจฺจคีตสฺส, สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย;
‘‘Kusalā naccagītassa, sikkhitā cāturitthiyo;
กาเม ตํ รมยิสฺสนฺติ, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสิฯ
Kāme taṃ ramayissanti, kiṃ araññe karissasi.
๙๕.
95.
‘‘ปฎิราชูหิ เต กญฺญา, อานยิสฺสํ อลงฺกตา;
‘‘Paṭirājūhi te kaññā, ānayissaṃ alaṅkatā;
ตาสุ ปุเตฺต ชเนตฺวาน, อถ ปจฺฉา ปพฺพชิสฺสสิฯ
Tāsu putte janetvāna, atha pacchā pabbajissasi.
๙๖.
96.
‘‘ยุวา จ ทหโร จาสิ, ปฐมุปฺปตฺติโก สุสุ;
‘‘Yuvā ca daharo cāsi, paṭhamuppattiko susu;
รชฺชํ กาเรหิ ภทฺทเนฺต, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสี’’ติฯ
Rajjaṃ kārehi bhaddante, kiṃ araññe karissasī’’ti.
ตตฺถ หตฺถานีกนฺติ ทสหตฺถิโต ปฎฺฐาย หตฺถานีกํ นาม, ตถา รถานีกํฯ วมฺมิโนติ วมฺมพทฺธสูรโยเธฯ กุสลาติ เฉกาฯ สิกฺขิตาติ อเญฺญสุปิ อิตฺถิกิเจฺจสุ สิกฺขิตาฯ จาตุริตฺถิโยติ จตุรา วิลาสา อิตฺถิโย, อถ วา จตุรา นาครา อิตฺถิโย, อถ วา จตุรา นาม นาฎกิตฺถิโยฯ ปฎิราชูหิ เต กญฺญาติ อเญฺญหิ ราชูหิ ตว ราชกญฺญาโย อานยิสฺสามิฯ ยุวาติ โยพฺพนปฺปโตฺตฯ ทหโรติ ตรุโณฯ ปฐมุปฺปตฺติโกติ ปฐมวเยน อุปฺปตฺติโต สมุคฺคโตฯ สุสูติ อติตรุโณฯ
Tattha hatthānīkanti dasahatthito paṭṭhāya hatthānīkaṃ nāma, tathā rathānīkaṃ. Vamminoti vammabaddhasūrayodhe. Kusalāti chekā. Sikkhitāti aññesupi itthikiccesu sikkhitā. Cāturitthiyoti caturā vilāsā itthiyo, atha vā caturā nāgarā itthiyo, atha vā caturā nāma nāṭakitthiyo. Paṭirājūhi te kaññāti aññehi rājūhi tava rājakaññāyo ānayissāmi. Yuvāti yobbanappatto. Daharoti taruṇo. Paṭhamuppattikoti paṭhamavayena uppattito samuggato. Susūti atitaruṇo.
อิโต ปฎฺฐาย โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถา โหติ –
Ito paṭṭhāya bodhisattassa dhammakathā hoti –
๙๗.
97.
‘‘ยุวา จเร พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมจารี ยุวา สิยา;
‘‘Yuvā care brahmacariyaṃ, brahmacārī yuvā siyā;
ทหรสฺส หิ ปพฺพชฺชา, เอตํ อิสีหิ วณฺณิตํฯ
Daharassa hi pabbajjā, etaṃ isīhi vaṇṇitaṃ.
๙๘.
98.
‘‘ยุวา จเร พฺรหฺมจริยํ, พฺรหฺมจารี ยุวา สิยา;
‘‘Yuvā care brahmacariyaṃ, brahmacārī yuvā siyā;
พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ, นาหํ รเชฺชน มตฺถิโกฯ
Brahmacariyaṃ carissāmi, nāhaṃ rajjena matthiko.
๙๙.
99.
‘‘ปสฺสามิ โวหํ ทหรํ, อมฺม ตาต วทนฺตรํ;
‘‘Passāmi vohaṃ daharaṃ, amma tāta vadantaraṃ;
กิจฺฉาลทฺธํ ปิยํ ปุตฺตํ, อปฺปตฺวาว ชรํ มตํฯ
Kicchāladdhaṃ piyaṃ puttaṃ, appatvāva jaraṃ mataṃ.
๑๐๐.
100.
‘‘ปสฺสามิ โวหํ ทหริํ, กุมาริํ จารุทสฺสนิํ;
‘‘Passāmi vohaṃ dahariṃ, kumāriṃ cārudassaniṃ;
นววํสกฬีรํว, ปลุคฺคํ ชีวิตกฺขยํฯ
Navavaṃsakaḷīraṃva, paluggaṃ jīvitakkhayaṃ.
๑๐๑.
101.
‘‘ทหราปิ หิ มียนฺติ, นรา จ อถ นาริโย;
‘‘Daharāpi hi mīyanti, narā ca atha nāriyo;
ตตฺถ โก วิสฺสเส โปโส, ‘ทหโรมฺหี’ติ ชีวิเตฯ
Tattha ko vissase poso, ‘daharomhī’ti jīvite.
๑๐๒.
102.
‘‘ยสฺส รตฺยา วิวสาเน, อายุ อปฺปตรํ สิยา;
‘‘Yassa ratyā vivasāne, āyu appataraṃ siyā;
อโปฺปทเกว มจฺฉานํ, กิํ นุ โกมารกํ ตหิํฯ
Appodakeva macchānaṃ, kiṃ nu komārakaṃ tahiṃ.
๑๐๓.
103.
‘‘นิจฺจมพฺภาหโต โลโก, นิจฺจญฺจ ปริวาริโต;
‘‘Niccamabbhāhato loko, niccañca parivārito;
อโมฆาสุ วชนฺตีสุ, กิํ มํ รเชฺชภิสิญฺจสี’’ติฯ
Amoghāsu vajantīsu, kiṃ maṃ rajjebhisiñcasī’’ti.
กาสิราชา อาห –
Kāsirājā āha –
๑๐๔.
104.
‘‘เกน มพฺภาหโต โลโก, เกน จ ปริวาริโต;
‘‘Kena mabbhāhato loko, kena ca parivārito;
กาโย อโมฆา คจฺฉนฺติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ
Kāyo amoghā gacchanti, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.
โพธิสโตฺต อาห –
Bodhisatto āha –
๑๐๕.
105.
‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;
‘‘Maccunābbhāhato loko, jarāya parivārito;
รโตฺย อโมฆา คจฺฉนฺติ, เอวํ ชานาหิ ขตฺติยฯ
Ratyo amoghā gacchanti, evaṃ jānāhi khattiya.
๑๐๖.
106.
‘‘ยถาปิ ตเนฺต วิตเต, ยํ ยเทวูปวียติ;
‘‘Yathāpi tante vitate, yaṃ yadevūpavīyati;
อปฺปกํ โหติ เวตพฺพํ, เอวํ มจฺจาน ชีวิตํฯ
Appakaṃ hoti vetabbaṃ, evaṃ maccāna jīvitaṃ.
๑๐๗.
107.
‘‘ยถา วาริวโห ปูโร, คจฺฉํ นุปนิวตฺตติ;
‘‘Yathā vārivaho pūro, gacchaṃ nupanivattati;
เอวมายุ มนุสฺสานํ, คจฺฉํ นุปนิวตฺตติฯ
Evamāyu manussānaṃ, gacchaṃ nupanivattati.
๑๐๘.
108.
‘‘ยถา วาริวโห ปูโร, วเห รุเกฺขปกูลเช;
‘‘Yathā vārivaho pūro, vahe rukkhepakūlaje;
เอวํ ชรามรเณน, วุยฺหเนฺต สพฺพปาณิโน’’ติฯ
Evaṃ jarāmaraṇena, vuyhante sabbapāṇino’’ti.
ตตฺถ พฺรหฺมจารี ยุวา สิยาติ พฺรหฺมจริยํ จรโนฺต ยุวา ภเวยฺยฯ อิสีหิ วณฺณิตนฺติ พุทฺธาทีหิ อิสีหิ โถมิตํ ปสตฺถํฯ นาหํ รเชฺชน มตฺถิโกติ อหํ รเชฺชน อตฺถิโก น โหมิฯ อมฺม ตาต วทนฺตรนฺติ ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติ วทนฺตํฯ ปลุคฺคนฺติ มจฺจุนา ลุญฺจิตฺวา คหิตํฯ ยสฺส รตฺยา วิวสาเนติ มหาราช, ยสฺส มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฎฺฐาย รตฺติทิวาติกฺกเมน อปฺปตรํ อายุ โหติฯ โกมารกํ ตหินฺติ ตสฺมิํ วเย ตรุณภาโว กิํ กริสฺสติฯ
Tattha brahmacārī yuvā siyāti brahmacariyaṃ caranto yuvā bhaveyya. Isīhi vaṇṇitanti buddhādīhi isīhi thomitaṃ pasatthaṃ. Nāhaṃ rajjena matthikoti ahaṃ rajjena atthiko na homi. Amma tāta vadantaranti ‘‘amma, tātā’’ti vadantaṃ. Palugganti maccunā luñcitvā gahitaṃ. Yassa ratyā vivasāneti mahārāja, yassa mātukucchimhi paṭisandhiggahaṇakālato paṭṭhāya rattidivātikkamena appataraṃ āyu hoti. Komārakaṃ tahinti tasmiṃ vaye taruṇabhāvo kiṃ karissati.
เกน มพฺภาหโตติ เกน อพฺภาหโตฯ อิทํ ราชา สํขิเตฺตน ภาสิตสฺส อตฺถํ อชานโนฺตว ปุจฺฉติฯ รโตฺยติ รตฺติโยฯ ตา หิ อิเมสํ สตฺตานํ อายุญฺจ วณฺณญฺจ พลญฺจ เขเปนฺติโย เอว คจฺฉนฺตีติ อโมฆา คจฺฉนฺติ นามาติ เวทิตพฺพํ ฯ ยํ ยเทวูปวียตีติ ยํ ยํ ตนฺตํ อุปวียติฯ เวตพฺพนฺติ ตนฺตสฺมิํ วีเต เสสํ เวตพฺพํ ยถา อปฺปกํ โหติ, เอวํ สตฺตานํ ชีวิตํฯ นุปนิวตฺตตีติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ขเณ คตํ คตเมว โหติ, น อุปนิวตฺตติฯ วเห รุเกฺขปกูลเชติ อุปกูลเช รุเกฺข วเหยฺยฯ
Kena mabbhāhatoti kena abbhāhato. Idaṃ rājā saṃkhittena bhāsitassa atthaṃ ajānantova pucchati. Ratyoti rattiyo. Tā hi imesaṃ sattānaṃ āyuñca vaṇṇañca balañca khepentiyo eva gacchantīti amoghā gacchanti nāmāti veditabbaṃ . Yaṃ yadevūpavīyatīti yaṃ yaṃ tantaṃ upavīyati. Vetabbanti tantasmiṃ vīte sesaṃ vetabbaṃ yathā appakaṃ hoti, evaṃ sattānaṃ jīvitaṃ. Nupanivattatīti tasmiṃ tasmiṃ khaṇe gataṃ gatameva hoti, na upanivattati. Vahe rukkhepakūlajeti upakūlaje rukkhe vaheyya.
ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘กิํ เม ฆราวาเสนา’’ติ อติวิย อุกฺกณฺฐิโต ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘นาหํ ตาว ปุน นครํ คมิสฺสามิ, อิเธว ปพฺพชิสฺสามิฯ สเจ ปน เม ปุโตฺต นครํ คเจฺฉยฺย, เสตจฺฉตฺตมสฺส ทเทยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตํ วีมํสิตุํ ปุน รเชฺชน นิมเนฺตโนฺต อาห –
Rājā mahāsattassa dhammakathaṃ sutvā ‘‘kiṃ me gharāvāsenā’’ti ativiya ukkaṇṭhito pabbajitukāmo hutvā ‘‘nāhaṃ tāva puna nagaraṃ gamissāmi, idheva pabbajissāmi. Sace pana me putto nagaraṃ gaccheyya, setacchattamassa dadeyya’’nti cintetvā taṃ vīmaṃsituṃ puna rajjena nimantento āha –
๑๐๙.
109.
‘‘หตฺถานีกํ รถานีกํ, อเสฺส ปตฺตี จ วมฺมิโน;
‘‘Hatthānīkaṃ rathānīkaṃ, asse pattī ca vammino;
นิเวสนานิ รมฺมานิ, อหํ ปุตฺต ททามิ เตฯ
Nivesanāni rammāni, ahaṃ putta dadāmi te.
๑๑๐.
110.
‘‘อิตฺถาคารมฺปิ เต ทมฺมิ, สพฺพาลงฺการภูสิตํ;
‘‘Itthāgārampi te dammi, sabbālaṅkārabhūsitaṃ;
ตา ปุตฺต ปฎิปชฺชสฺสุ, ตฺวํ โน ราชา ภวิสฺสสิฯ
Tā putta paṭipajjassu, tvaṃ no rājā bhavissasi.
๑๑๑.
111.
‘‘กุสลา นจฺจคีตสฺส, สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย;
‘‘Kusalā naccagītassa, sikkhitā cāturitthiyo;
กาเม ตํ รมยิสฺสนฺติ, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสิฯ
Kāme taṃ ramayissanti, kiṃ araññe karissasi.
๑๑๒.
112.
‘‘ปฎิราชูหิ เต กญฺญา, อานยิสฺสํ อลงฺกตา;
‘‘Paṭirājūhi te kaññā, ānayissaṃ alaṅkatā;
ตาสุ ปุเตฺต ชเนตฺวาน, อถ ปจฺฉา ปพฺพชิสฺสสิฯ
Tāsu putte janetvāna, atha pacchā pabbajissasi.
๑๑๓.
113.
‘‘ยุวา จ ทหโร จาสิ, ปฐมุปฺปตฺติโก สุสุ;
‘‘Yuvā ca daharo cāsi, paṭhamuppattiko susu;
รชฺชํ กาเรหิ ภทฺทเนฺต, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสิฯ
Rajjaṃ kārehi bhaddante, kiṃ araññe karissasi.
๑๑๔.
114.
‘‘โกฎฺฐาคารญฺจ โกสญฺจ, วาหนานิ พลานิ จ;
‘‘Koṭṭhāgārañca kosañca, vāhanāni balāni ca;
นิเวสนานิ รมฺมานิ, อหํ ปุตฺต ททามิ เตฯ
Nivesanāni rammāni, ahaṃ putta dadāmi te.
๑๑๕.
115.
‘‘โคมณฺฑลปริพฺยูโฬฺห, ทาสิสงฺฆปุรกฺขโต;
‘‘Gomaṇḍalaparibyūḷho, dāsisaṅghapurakkhato;
รชฺชํ กาเรหิ ภทฺทเนฺต, กิํ อรเญฺญ กริสฺสสี’’ติฯ
Rajjaṃ kārehi bhaddante, kiṃ araññe karissasī’’ti.
ตตฺถ โคมณฺฑลปริพฺยูโฬฺหติ สุภงฺคีนํ ราชกญฺญานํ มณฺฑเลน ปุรกฺขโตฯ
Tattha gomaṇḍalaparibyūḷhoti subhaṅgīnaṃ rājakaññānaṃ maṇḍalena purakkhato.
อถ มหาสโตฺต รเชฺชน อนตฺถิกภาวํ ปกาเสโนฺต อาห –
Atha mahāsatto rajjena anatthikabhāvaṃ pakāsento āha –
๑๑๖.
116.
‘‘กิํ ธเนน ยํ ขีเยถ, กิํ ภริยาย มริสฺสติ;
‘‘Kiṃ dhanena yaṃ khīyetha, kiṃ bhariyāya marissati;
กิํ โยพฺพเนน ชิเณฺณน, ยํ ชรายาภิภุยฺยติฯ
Kiṃ yobbanena jiṇṇena, yaṃ jarāyābhibhuyyati.
๑๑๗.
117.
‘‘ตตฺถ กา นนฺทิ กา ขิฑฺฑา, กา รตี กา ธเนสนา;
‘‘Tattha kā nandi kā khiḍḍā, kā ratī kā dhanesanā;
กิํ เม ปุเตฺตหิ ทาเรหิ, ราช มุโตฺตสฺมิ พนฺธนาฯ
Kiṃ me puttehi dārehi, rāja muttosmi bandhanā.
๑๑๘.
118.
‘‘โยหํ เอวํ ปชานามิ, มจฺจุ เม นปฺปมชฺชติ;
‘‘Yohaṃ evaṃ pajānāmi, maccu me nappamajjati;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, กา รตี กา ธเนสนาฯ
Antakenādhipannassa, kā ratī kā dhanesanā.
๑๑๙.
119.
‘‘ผลานมิว ปกฺกานํ, นิจฺจํ ปตนโต ภยํ;
‘‘Phalānamiva pakkānaṃ, niccaṃ patanato bhayaṃ;
เอวํ ชาตาน มจฺจานํ, นิจฺจํ มรณโต ภยํฯ
Evaṃ jātāna maccānaṃ, niccaṃ maraṇato bhayaṃ.
๑๒๐.
120.
‘‘สายเมเก น ทิสฺสนฺติ, ปาโต ทิฎฺฐา พหู ชนา;
‘‘Sāyameke na dissanti, pāto diṭṭhā bahū janā;
ปาโต เอเต น ทิสฺสนฺติ, สายํ ทิฎฺฐา พหู ชนาฯ
Pāto ete na dissanti, sāyaṃ diṭṭhā bahū janā.
๑๒๑.
121.
‘‘อเชฺชว กิจฺจํ อาตปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว;
‘‘Ajjeva kiccaṃ ātapaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนาฯ
Na hi no saṅgaraṃ tena, mahāsenena maccunā.
๑๒๒.
122.
‘‘โจรา ธนสฺส ปเตฺถนฺติ, ราช มุโตฺตสฺมิ พนฺธนา;
‘‘Corā dhanassa patthenti, rāja muttosmi bandhanā;
เอหิ ราช นิวตฺตสฺสุ, นาหํ รเชฺชน มตฺถิโก’’ติฯ
Ehi rāja nivattassu, nāhaṃ rajjena matthiko’’ti.
ตตฺถ ยํ ขีเยถาติ มหาราช, กิํ ตฺวํ มํ ธเนน นิมเนฺตสิ, ยํ ขีเยถ ขยํ คเจฺฉยฺยฯ ธนํ วา หิ ปุริสํ จชติ, ปุริโส วา ตํ ธนํ จชิตฺวา คจฺฉตีติ สพฺพถาปิ ขยคามีเยว โหติ, กิํ ตฺวํ มํ เตน ธเนน นิมเนฺตสิฯ กิํ ภริยายาติ ภริยาย กิํ กริสฺสามิ, ยา มยิ ฐิเตเยว มริสฺสติฯ ชิเณฺณนาติ ชราย อนุปริเตน อนุภูเตนฯ อภิภุยฺยตีติ อภิภวิยฺยติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ เอวํ ชรามรณธเมฺม โลกสนฺนิวาเสฯ กา นนฺทีติ กา นาม ตุฎฺฐิฯ ขิฑฺฑาติ กีฬาฯ รตีติ ปญฺจกามคุณรติฯ พนฺธนาติ กามพนฺธนา มุโตฺต อสฺมิ, มหาราชาติ ฌาเนน วิกฺขมฺภิตตฺตา เอวมาหฯ มจฺจุ เมติ มม มจฺจุ นปฺปมชฺชติ, นิจฺจํ มม วธาย อปฺปมโตเยวาติฯ โย อหํ เอวํ ปชานามิ, ตสฺส มม อนฺตเกน อธิปนฺนสฺส วธิตสฺส กา นาม รติ, กา ธเนสนาติฯ นิจฺจนฺติ ชาตกาลโต ปฎฺฐาย สทา ชรามรณโต ภยเมว อุปฺปชฺชติฯ
Tattha yaṃ khīyethāti mahārāja, kiṃ tvaṃ maṃ dhanena nimantesi, yaṃ khīyetha khayaṃ gaccheyya. Dhanaṃ vā hi purisaṃ cajati, puriso vā taṃ dhanaṃ cajitvā gacchatīti sabbathāpi khayagāmīyeva hoti, kiṃ tvaṃ maṃ tena dhanena nimantesi. Kiṃ bhariyāyāti bhariyāya kiṃ karissāmi, yā mayi ṭhiteyeva marissati. Jiṇṇenāti jarāya anuparitena anubhūtena. Abhibhuyyatīti abhibhaviyyati. Tatthāti tasmiṃ evaṃ jarāmaraṇadhamme lokasannivāse. Kā nandīti kā nāma tuṭṭhi. Khiḍḍāti kīḷā. Ratīti pañcakāmaguṇarati. Bandhanāti kāmabandhanā mutto asmi, mahārājāti jhānena vikkhambhitattā evamāha. Maccu meti mama maccu nappamajjati, niccaṃ mama vadhāya appamatoyevāti. Yo ahaṃ evaṃ pajānāmi, tassa mama antakena adhipannassa vadhitassa kā nāma rati, kā dhanesanāti. Niccanti jātakālato paṭṭhāya sadā jarāmaraṇato bhayameva uppajjati.
อาตปนฺติ กุสลกมฺมวีริยํฯ กิจฺจนฺติ กตฺตพฺพํฯ โก ชญฺญา มรณํ สุเวติ สุเว วา ปรสุเว วา มรณํ วา ชีวิตํ วา โก ชาเนยฺยฯ สงฺครนฺติ สเงฺกตํฯ มหาเสเนนาติ ปญฺจวีสติภยพาตฺติํสกมฺมกรณฉนฺนวุติโรคปฺปมุขาทิวเสน ปุถุเสเนนฯ โจรา ธนสฺสาติ ธนตฺถาย ชีวิตํ จชนฺตา โจรา ธนสฺส ปเตฺถนฺติ นาม, อหํ ปน ธนปตฺถนาสงฺขาตา พนฺธนา มุโตฺต อสฺมิ, น เม ธเนนโตฺถติ อโตฺถฯ นิวตฺตสฺสูติ มม วจเนน สมฺมา นิวตฺตสฺสุ, รชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมํ ปฎิสรณํ กตฺวา ปพฺพชสฺสุฯ ยํ ปน จิเนฺตสิ ‘‘อิมํ รเชฺช ปติฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ, ตํ มา จินฺตยิ, นาหํ รเชฺชน อตฺถิโกติฯ อิติ มหาสตฺตสฺส ธมฺมเทสนา สหานุสนฺธินา มตฺถกํ ปตฺตาฯ
Ātapanti kusalakammavīriyaṃ. Kiccanti kattabbaṃ. Ko jaññā maraṇaṃ suveti suve vā parasuve vā maraṇaṃ vā jīvitaṃ vā ko jāneyya. Saṅgaranti saṅketaṃ. Mahāsenenāti pañcavīsatibhayabāttiṃsakammakaraṇachannavutirogappamukhādivasena puthusenena. Corā dhanassāti dhanatthāya jīvitaṃ cajantā corā dhanassa patthenti nāma, ahaṃ pana dhanapatthanāsaṅkhātā bandhanā mutto asmi, na me dhanenatthoti attho. Nivattassūti mama vacanena sammā nivattassu, rajjaṃ pahāya nekkhammaṃ paṭisaraṇaṃ katvā pabbajassu. Yaṃ pana cintesi ‘‘imaṃ rajje patiṭṭhāpessāmī’’ti, taṃ mā cintayi, nāhaṃ rajjena atthikoti. Iti mahāsattassa dhammadesanā sahānusandhinā matthakaṃ pattā.
ตํ สุตฺวา ราชานญฺจ จนฺทาเทวิญฺจ อาทิํ กตฺวา โสฬสสหสฺสา โอโรธา จ อมจฺจาทโย จ สเพฺพ ปพฺพชิตุกามา อเหสุํฯ ราชาปิ นคเร เภริํ จราเปสิ ‘‘เย มม ปุตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อิจฺฉนฺติ, เต ปพฺพชนฺตู’’ติ ฯ สเพฺพสญฺจ สุวณฺณโกฎฺฐาคาราทีนํ ทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ‘‘อสุกฎฺฐาเน จ มหานิธิกุมฺภิโย อตฺถิ, อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ สุวณฺณปเฎฺฎ อกฺขรานิ ลิขาเปตฺวา มหาถเมฺภ พนฺธาเปสิฯ เต นาครา ยถาปสาริเต อาปเณ จ วิวฎทฺวารานิ เคหานิ จ ปหาย นครโต นิกฺขมิตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ อาคมิํสุฯ ราชา มหาชเนน สทฺธิํ มหาสตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิฯ สกฺกทตฺติยํ ติโยชนิกํ อสฺสมปทํ ปริปุณฺณํ อโหสิฯ มหาสโตฺต ปณฺณสาลาโย วิจาเรสิ, มเชฺฌ ฐิตา ปณฺณสาลาโย อิตฺถีนํ ทาเปสิฯ กิํการณา? ภีรุกชาติกา เอตาติฯ ปุริสานํ ปน พหิปณฺณสาลาโย ทาเปสิฯ ตา สพฺพาปิ ปณฺณสาลาโย วิสฺสกมฺมเทวปุโตฺตว มาเปสิฯ เต จ ผลธรรุเกฺข วิสฺสกมฺมเทวปุโตฺตเยว อตฺตโน อิทฺธิยา มาเปสิฯ เต สเพฺพ วิสฺสกเมฺมน นิมฺมิเตสุ ผลธรรุเกฺขสุ อุโปสถทิวเส ภูมิยํ ปติตปติตานิ ผลานิ คเหตฺวา ปริภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺติฯ เตสุ โย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหิํสาวิตกฺกํ วา วิตเกฺกติ, ตสฺส มนํ ชานิตฺวา มหาสโตฺต อากาเส นิสีทิตฺวา มธุรธมฺมํ กเถสิฯ เต ชนา โพธิสตฺตสฺส มธุรธมฺมํ สุตฺวา เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา ขิปฺปเมว อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตสุํฯ
Taṃ sutvā rājānañca candādeviñca ādiṃ katvā soḷasasahassā orodhā ca amaccādayo ca sabbe pabbajitukāmā ahesuṃ. Rājāpi nagare bheriṃ carāpesi ‘‘ye mama puttassa santike pabbajituṃ icchanti, te pabbajantū’’ti . Sabbesañca suvaṇṇakoṭṭhāgārādīnaṃ dvārāni vivarāpetvā ‘‘asukaṭṭhāne ca mahānidhikumbhiyo atthi, atthikā gaṇhantū’’ti suvaṇṇapaṭṭe akkharāni likhāpetvā mahāthambhe bandhāpesi. Te nāgarā yathāpasārite āpaṇe ca vivaṭadvārāni gehāni ca pahāya nagarato nikkhamitvā rañño santikaṃ āgamiṃsu. Rājā mahājanena saddhiṃ mahāsattassa santike pabbaji. Sakkadattiyaṃ tiyojanikaṃ assamapadaṃ paripuṇṇaṃ ahosi. Mahāsatto paṇṇasālāyo vicāresi, majjhe ṭhitā paṇṇasālāyo itthīnaṃ dāpesi. Kiṃkāraṇā? Bhīrukajātikā etāti. Purisānaṃ pana bahipaṇṇasālāyo dāpesi. Tā sabbāpi paṇṇasālāyo vissakammadevaputtova māpesi. Te ca phaladhararukkhe vissakammadevaputtoyeva attano iddhiyā māpesi. Te sabbe vissakammena nimmitesu phaladhararukkhesu uposathadivase bhūmiyaṃ patitapatitāni phalāni gahetvā paribhuñjitvā samaṇadhammaṃ karonti. Tesu yo kāmavitakkaṃ vā byāpādavitakkaṃ vā vihiṃsāvitakkaṃ vā vitakketi, tassa manaṃ jānitvā mahāsatto ākāse nisīditvā madhuradhammaṃ kathesi. Te janā bodhisattassa madhuradhammaṃ sutvā ekaggacittā hutvā khippameva abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattesuṃ.
ตทา เอโก สามนฺตราชา ‘‘กาสิราชา กิร พาราณสินครโต นิกฺขมิตฺวา วนํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘พาราณสิํ คณฺหิสฺสามี’’ติ นครา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิํ ปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา อลงฺกตนครํ ทิสฺวา ราชนิเวสนํ อารุยฺห สตฺตวิธํ วรรตนํ โอโลเกตฺวา ‘‘กาสิรโญฺญ อิมํ ธนํ นิสฺสาย เอเกน ภเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ จิเนฺตโนฺต สุราโสเณฺฑ ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘ตุมฺหากํ รโญฺญ อิธ นคเร ภยํ อุปฺปนฺนํ อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติฯ ‘‘กิํ การณา’’ติฯ ‘‘อมฺหากํ รโญฺญ ปุโตฺต เตมิยกุมาโร ‘พาราณสิํ รชฺชํ น กริสฺสามี’ติ อมูโคปิ มูโค วิย หุตฺวา อิมมฺหา นครา นิกฺขมิตฺวา วนํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ, เตน การเณน อมฺหากํ ราชา มหาชเนน สทฺธิํ อิมมฺหา นครา นิกฺขมิตฺวา เตมิยกุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ อาโรเจสุํฯ สามนฺตราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา ‘‘อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, ตุมฺหากํ ราชา กตรทฺวาเรน นิกฺขโนฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว, ปาจีนทฺวาเรนา’’ติ วุเตฺต อตฺตโน ปริสาย สทฺธิํ เตเนว ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา นทีตีเรน ปายาสิฯ
Tadā eko sāmantarājā ‘‘kāsirājā kira bārāṇasinagarato nikkhamitvā vanaṃ pavisitvā pabbajito’’ti sutvā ‘‘bārāṇasiṃ gaṇhissāmī’’ti nagarā nikkhamitvā bārāṇasiṃ patvā nagaraṃ pavisitvā alaṅkatanagaraṃ disvā rājanivesanaṃ āruyha sattavidhaṃ vararatanaṃ oloketvā ‘‘kāsirañño imaṃ dhanaṃ nissāya ekena bhayena bhavitabba’’nti cintento surāsoṇḍe pakkosāpetvā pucchi ‘‘tumhākaṃ rañño idha nagare bhayaṃ uppannaṃ atthī’’ti? ‘‘Natthi, devā’’ti. ‘‘Kiṃ kāraṇā’’ti. ‘‘Amhākaṃ rañño putto temiyakumāro ‘bārāṇasiṃ rajjaṃ na karissāmī’ti amūgopi mūgo viya hutvā imamhā nagarā nikkhamitvā vanaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbaji, tena kāraṇena amhākaṃ rājā mahājanena saddhiṃ imamhā nagarā nikkhamitvā temiyakumārassa santikaṃ gantvā pabbajito’’ti ārocesuṃ. Sāmantarājā tesaṃ vacanaṃ sutvā tussitvā ‘‘ahampi pabbajissāmī’’ti cintetvā ‘‘tāta, tumhākaṃ rājā kataradvārena nikkhanto’’ti pucchi. ‘‘Deva, pācīnadvārenā’’ti vutte attano parisāya saddhiṃ teneva pācīnadvārena nikkhamitvā nadītīrena pāyāsi.
มหาสโตฺตปิ ตสฺส อาคมนํ ญตฺวา วนนฺตรํ อาคนฺตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา มธุรธมฺมํ เทเสสิฯ โส ปริสาย สทฺธิํ ตสฺส สนฺติเกเยว ปพฺพชิฯ เอวํ อปเรปิ สตฺต ราชาโน ‘‘พาราณสินครํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคตาฯ เตปิ ราชาโน สตฺต รชฺชานิ ฉเฑฺฑตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเกเยว ปพฺพชิํสุฯ หตฺถีปิ อรญฺญหตฺถี ชาตา, อสฺสาปิ อรญฺญอสฺสา ชาตา, รถาปิ อรเญฺญเยว วินฎฺฐา, ภณฺฑาคาเรสุ กหาปเณ อสฺสมปเท วาลุกํ กตฺวา วิกิริํสุฯ สเพฺพปิ อภิญฺญาสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํฯ ติรจฺฉานคตา หตฺถิอสฺสาปิ อิสิคเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฉกามาวจรโลเกสุ นิพฺพตฺติํสุฯ
Mahāsattopi tassa āgamanaṃ ñatvā vanantaraṃ āgantvā ākāse nisīditvā madhuradhammaṃ desesi. So parisāya saddhiṃ tassa santikeyeva pabbaji. Evaṃ aparepi satta rājāno ‘‘bārāṇasinagaraṃ gaṇhissāmī’’ti āgatā. Tepi rājāno satta rajjāni chaḍḍetvā bodhisattassa santikeyeva pabbajiṃsu. Hatthīpi araññahatthī jātā, assāpi araññaassā jātā, rathāpi araññeyeva vinaṭṭhā, bhaṇḍāgāresu kahāpaṇe assamapade vālukaṃ katvā vikiriṃsu. Sabbepi abhiññāsamāpattiyo nibbattetvā jīvitapariyosāne brahmalokaparāyaṇā ahesuṃ. Tiracchānagatā hatthiassāpi isigaṇe cittaṃ pasādetvā chakāmāvacaralokesu nibbattiṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ รชฺชํ ปหาย นิกฺขโนฺตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ฉเตฺต อธิวตฺถา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, สุนโนฺท สารถิ สาริปุโตฺต, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มูคปกฺขปณฺฑิโต ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุโทฺธ อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi rajjaṃ pahāya nikkhantoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā chatte adhivatthā devadhītā uppalavaṇṇā ahosi, sunando sārathi sāriputto, mātāpitaro mahārājakulāni, sesaparisā buddhaparisā, mūgapakkhapaṇḍito pana ahameva sammāsambuddho ahosi’’nti.
มูคปกฺขชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Mūgapakkhajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓๘. มูคปกฺขชาตกํ • 538. Mūgapakkhajātakaṃ