Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
มูลราสิวณฺณนา
Mūlarāsivaṇṇanā
น ลุพฺภนฺติ เอเตน, สยํ วา น ลุพฺภติ, อลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ อโลโภฯ อโทสาโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ เตสุ อโลโภ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อเคธลกฺขโณ, อลคฺคภาวลกฺขโณ วา กมลทเล ชลพินฺทุ วิยฯ อปริคฺคหณรโส มุตฺตภิกฺขุ วิย ฯ อนลฺลีนภาวปจฺจุปฎฺฐาโน อสุจิมฺหิ ปติตปุริโส วิยฯ อโทโส อจณฺฑิกฺกลกฺขโณ, อวิโรธลกฺขโณ วา อนุกูลมิโตฺต วิยฯ อาฆาตวินยรโส ปริฬาหวินยรโส วา จนฺทนํ วิยฯ โสมฺมภาวปจฺจุปฎฺฐาโน ปุณฺณจโนฺท วิยฯ อโมโห ลกฺขณาทีหิ เหฎฺฐา ปญฺญินฺทฺริยปเท วิภาวิโต เอวฯ
Na lubbhanti etena, sayaṃ vā na lubbhati, alubbhanamattameva vā tanti alobho. Adosāmohesupi eseva nayo. Tesu alobho ārammaṇe cittassa agedhalakkhaṇo, alaggabhāvalakkhaṇo vā kamaladale jalabindu viya. Apariggahaṇaraso muttabhikkhu viya . Anallīnabhāvapaccupaṭṭhāno asucimhi patitapuriso viya. Adoso acaṇḍikkalakkhaṇo, avirodhalakkhaṇo vā anukūlamitto viya. Āghātavinayaraso pariḷāhavinayaraso vā candanaṃ viya. Sommabhāvapaccupaṭṭhāno puṇṇacando viya. Amoho lakkhaṇādīhi heṭṭhā paññindriyapade vibhāvito eva.
อิเมสุ ปน ตีสุ อโลโภ มเจฺฉรมลสฺส ปฎิปโกฺข, อโทโส ทุสฺสีลฺยมลสฺส, อโมโห กุสเลสุ ธเมฺมสุ อภาวนาย ปฎิปโกฺขฯ อโลโภ เจตฺถ ทานเหตุ, อโทโส สีลเหตุ, อโมโห ภาวนาเหตุฯ เตสุ จ อโลเภน อนธิกํ คณฺหาติ, ลุทฺธสฺส อธิกคฺคหณโตฯ อโทเสน อนูนํ, ทุฎฺฐสฺส อูนคฺคหณโตฯ อโมเหน อวิปรีตํ, มูฬฺหสฺส วิปรีตคฺคหณโตฯ
Imesu pana tīsu alobho maccheramalassa paṭipakkho, adoso dussīlyamalassa, amoho kusalesu dhammesu abhāvanāya paṭipakkho. Alobho cettha dānahetu, adoso sīlahetu, amoho bhāvanāhetu. Tesu ca alobhena anadhikaṃ gaṇhāti, luddhassa adhikaggahaṇato. Adosena anūnaṃ, duṭṭhassa ūnaggahaṇato. Amohena aviparītaṃ, mūḷhassa viparītaggahaṇato.
อโลเภน เจตฺถ วิชฺชมานํ โทสํ โทสโต ธาเรโนฺต โทเส ปวตฺตติ; ลุโทฺธ หิ โทสํ ปฎิจฺฉาเทติฯ อโทเสน วิชฺชมานํ คุณํ คุณโต ธาเรโนฺต คุเณ ปวตฺตติ; ทุโฎฺฐ หิ คุณํ มเกฺขติฯ อโมเหน ยาถาวสภาวํ ยาถาวสภาวโต ธาเรโนฺต ยาถาวสภาเว ปวตฺตติฯ มูโฬฺห หิ ‘ตจฺฉํ อตจฺฉนฺติ อตจฺฉํ จ ตจฺฉ’นฺติ คณฺหาติฯ อโลเภน จ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ น โหติ, ลุทฺธสฺส ปิยสภาวโต ปิยวิปฺปโยคาสหนโต จฯ อโทเสน อปฺปิยสมฺปโยคทุกฺขํ น โหติ, ทุฎฺฐสฺส หิ อปฺปิยสภาวโต อปฺปิยสมฺปโยคาสหนโต จฯ อโมเหน อิจฺฉิตาลาภทุกฺขํ น โหติ, อมูฬฺหสฺส หิ ‘ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติเอวมาทิปจฺจเวกฺขณสมฺภวโต (ที. นิ. ๓.๓๔; อ. นิ. ๙.๓๐)ฯ
Alobhena cettha vijjamānaṃ dosaṃ dosato dhārento dose pavattati; luddho hi dosaṃ paṭicchādeti. Adosena vijjamānaṃ guṇaṃ guṇato dhārento guṇe pavattati; duṭṭho hi guṇaṃ makkheti. Amohena yāthāvasabhāvaṃ yāthāvasabhāvato dhārento yāthāvasabhāve pavattati. Mūḷho hi ‘tacchaṃ atacchanti atacchaṃ ca taccha’nti gaṇhāti. Alobhena ca piyavippayogadukkhaṃ na hoti, luddhassa piyasabhāvato piyavippayogāsahanato ca. Adosena appiyasampayogadukkhaṃ na hoti, duṭṭhassa hi appiyasabhāvato appiyasampayogāsahanato ca. Amohena icchitālābhadukkhaṃ na hoti, amūḷhassa hi ‘taṃ kutettha labbhā’tievamādipaccavekkhaṇasambhavato (dī. ni. 3.34; a. ni. 9.30).
อโลเภน เจตฺถ ชาติทุกฺขํ น โหติ, อโลภสฺส ตณฺหาปฎิปกฺขโต ตณฺหามูลกตฺตา จ ชาติทุกฺขสฺสฯ อโทเสน ชราทุกฺขํ น โหติ, ติกฺขโทสสฺส ขิปฺปํ ชราสมฺภวโตฯ อโมเหน มรณทุกฺขํ น โหติ, สโมฺมหมรณญฺหิ ทุกฺขํ, น เจตํ อมูฬฺหสฺส โหติฯ อโลเภน จ คหฎฺฐานํ, อโมเหน ปพฺพชิตานํ, อโทเสน ปน สเพฺพสมฺปิ สุขสํวาสตา โหติฯ
Alobhena cettha jātidukkhaṃ na hoti, alobhassa taṇhāpaṭipakkhato taṇhāmūlakattā ca jātidukkhassa. Adosena jarādukkhaṃ na hoti, tikkhadosassa khippaṃ jarāsambhavato. Amohena maraṇadukkhaṃ na hoti, sammohamaraṇañhi dukkhaṃ, na cetaṃ amūḷhassa hoti. Alobhena ca gahaṭṭhānaṃ, amohena pabbajitānaṃ, adosena pana sabbesampi sukhasaṃvāsatā hoti.
วิเสสโต เจตฺถ อโลเภน เปตฺติวิสเย อุปปตฺติ น โหติฯ เยภุเยฺยน หิ สตฺตา ตณฺหาย เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชนฺติ, ตณฺหาย จ ปฎิปโกฺข อโลโภฯ อโทเสน นิรเย อุปปตฺติ น โหติฯ โทเสน หิ จณฺฑชาติตาย โทสสทิสํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติฯ โทสสฺส จ ปฎิปโกฺข อโทโสฯ อโมเหน ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติ น โหติฯ โมเหน หิ นิจฺจสมฺมูฬฺหํ ติรจฺฉานโยนิํ อุปปชฺชนฺติฯ โมหสฺส ปฎิปโกฺข จ อโมโหฯ เอเตสุ จ อโลโภ ราควเสน อุปคมนสฺส อภาวกโร, อโทโส โทสวเสน อปคมนสฺส, อโมโห โมหวเสน อมชฺฌตฺตภาวสฺสฯ
Visesato cettha alobhena pettivisaye upapatti na hoti. Yebhuyyena hi sattā taṇhāya pettivisayaṃ upapajjanti, taṇhāya ca paṭipakkho alobho. Adosena niraye upapatti na hoti. Dosena hi caṇḍajātitāya dosasadisaṃ nirayaṃ upapajjanti. Dosassa ca paṭipakkho adoso. Amohena tiracchānayoniyaṃ nibbatti na hoti. Mohena hi niccasammūḷhaṃ tiracchānayoniṃ upapajjanti. Mohassa paṭipakkho ca amoho. Etesu ca alobho rāgavasena upagamanassa abhāvakaro, adoso dosavasena apagamanassa, amoho mohavasena amajjhattabhāvassa.
ตีหิปิ เจเตหิ ยถาปฎิปาฎิยา เนกฺขมฺมสญฺญา อพฺยาปาทสญฺญา อวิหิํสาสญฺญาติ อิมา ติโสฺสฯ อสุภสญฺญา อปฺปมาณสญฺญา ธาตุสญฺญาติ อิมา จ ติโสฺส สญฺญาโย โหนฺติฯ อโลเภน ปน กามสุขลฺลิกานุโยคอนฺตสฺส, อโทเสน อตฺตกิลมถานุโยคอนฺตสฺส ปริวชฺชนํ โหติ; อโมเหน มชฺฌิมาย ปฎิปตฺติยา ปฎิปชฺชนํฯ ตถา อโลเภน อภิชฺฌากายคนฺถสฺส ปเภทนํ โหติ, อโทเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส, อโมเหน เสสคนฺถทฺวยสฺสฯ ปุริมานิ จ เทฺว สติปฎฺฐานานิ ปุริมานํ ทฺวินฺนํ อานุภาเวน, ปจฺฉิมานิ ปจฺฉิมเสฺสว อานุภาเวน อิชฺฌนฺติฯ
Tīhipi cetehi yathāpaṭipāṭiyā nekkhammasaññā abyāpādasaññā avihiṃsāsaññāti imā tisso. Asubhasaññā appamāṇasaññā dhātusaññāti imā ca tisso saññāyo honti. Alobhena pana kāmasukhallikānuyogaantassa, adosena attakilamathānuyogaantassa parivajjanaṃ hoti; amohena majjhimāya paṭipattiyā paṭipajjanaṃ. Tathā alobhena abhijjhākāyaganthassa pabhedanaṃ hoti, adosena byāpādakāyaganthassa, amohena sesaganthadvayassa. Purimāni ca dve satipaṭṭhānāni purimānaṃ dvinnaṃ ānubhāvena, pacchimāni pacchimasseva ānubhāvena ijjhanti.
อโลโภ เจตฺถ อาโรคฺยสฺส ปจฺจโย โหติ; อลุโทฺธ หิ โลภนียมฺปิ อสปฺปายํ น เสวติ, เตน โข อโรโค โหติฯ อโทโส โยพฺพนสฺส; อทุโฎฺฐ หิ วลิปลิตาวเหน โทสคฺคินา อฑยฺหมาโน ทีฆรตฺตํ ยุวา โหติฯ อโมโห ทีฆายุกตาย; อมูโฬฺห หิ หิตาหิตํ ญตฺวา อหิตํ ปริวชฺชโนฺต หิตญฺจ ปฎิเสวมาโน ทีฆายุโก โหติฯ
Alobho cettha ārogyassa paccayo hoti; aluddho hi lobhanīyampi asappāyaṃ na sevati, tena kho arogo hoti. Adoso yobbanassa; aduṭṭho hi valipalitāvahena dosagginā aḍayhamāno dīgharattaṃ yuvā hoti. Amoho dīghāyukatāya; amūḷho hi hitāhitaṃ ñatvā ahitaṃ parivajjanto hitañca paṭisevamāno dīghāyuko hoti.
อโลโภ เจตฺถ โภคสมฺปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, อลุทฺธสฺส หิ จาเคน โภคปฎิลาโภฯ อโทโส มิตฺตสมฺปตฺติยา, เมตฺตาย มิตฺตานํ ปฎิลาภโต เจว อปริหานโต จฯ อโมโห อตฺตสมฺปตฺติยา , อมูโฬฺห หิ อตฺตโน หิตเมว กโรโนฺต อตฺตานํ สมฺปาเทติ ฯ อโลโภ จ ทิพฺพวิหารสฺส ปจฺจโย โหติ, อโทโส พฺรหฺมวิหารสฺส, อโมโห อริยวิหารสฺสฯ
Alobho cettha bhogasampattiyā paccayo hoti, aluddhassa hi cāgena bhogapaṭilābho. Adoso mittasampattiyā, mettāya mittānaṃ paṭilābhato ceva aparihānato ca. Amoho attasampattiyā , amūḷho hi attano hitameva karonto attānaṃ sampādeti . Alobho ca dibbavihārassa paccayo hoti, adoso brahmavihārassa, amoho ariyavihārassa.
อโลเภน เจตฺถ สกปเกฺขสุ สตฺตสงฺขาเรสุ นิพฺพุโต โหติ, เตสํ วินาเสน อภิสงฺคเหตุกสฺส ทุกฺขสฺส อภาวา; อโทเสน ปรปเกฺขสุ, อทุฎฺฐสฺส หิ เวรีสุปิ เวริสญฺญาย อภาวโต; อโมเหน อุทาสีนปเกฺขสุ, อมูฬฺหสฺส สพฺพาภิสงฺคตาย อภาวโตฯ
Alobhena cettha sakapakkhesu sattasaṅkhāresu nibbuto hoti, tesaṃ vināsena abhisaṅgahetukassa dukkhassa abhāvā; adosena parapakkhesu, aduṭṭhassa hi verīsupi verisaññāya abhāvato; amohena udāsīnapakkhesu, amūḷhassa sabbābhisaṅgatāya abhāvato.
อโลเภน จ อนิจฺจทสฺสนํ โหติ; ลุโทฺธ หิ อุปโภคาสาย อนิเจฺจปิ สงฺขาเร อนิจฺจโต น ปสฺสติฯ อโทเสน ทุกฺขทสฺสนํ; อโทสชฺฌาสโย หิ ปริจฺจตฺตอาฆาตวตฺถุปริคฺคโห สงฺขาเรเยว ทุกฺขโต ปสฺสติฯ อโมเหน อนตฺตทสฺสนํ; อมูโฬฺห หิ ยาถาวคหณกุสโล อปริณายกํ ขนฺธปญฺจกํ อปริณายกโต พุชฺฌติฯ ยถา จ เอเตหิ อนิจฺจทสฺสนาทีนิ เอวเมเตปิ อนิจฺจทสฺสนาทีหิ โหนฺติฯ อนิจฺจทสฺสเนน หิ อโลโภ โหติ, ทุกฺขทสฺสเนน อโทโส, อนตฺตทสฺสเนน อโมโห โหติฯ โก หิ นาม ‘อนิจฺจมิท’นฺติ สมฺมา ญตฺวา ตสฺสตฺถาย ปิหํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺขาเร วา ‘ทุกฺข’นฺติ ชานโนฺต อปรมฺปิ อจฺจนฺตติขิณํ โกธทุกฺขํ อุปฺปาเทยฺย, อตฺตสุญฺญตญฺจ พุชฺฌิตฺวา ปุน สโมฺมหมาปเชฺชยฺยาติ?
Alobhena ca aniccadassanaṃ hoti; luddho hi upabhogāsāya aniccepi saṅkhāre aniccato na passati. Adosena dukkhadassanaṃ; adosajjhāsayo hi pariccattaāghātavatthupariggaho saṅkhāreyeva dukkhato passati. Amohena anattadassanaṃ; amūḷho hi yāthāvagahaṇakusalo apariṇāyakaṃ khandhapañcakaṃ apariṇāyakato bujjhati. Yathā ca etehi aniccadassanādīni evametepi aniccadassanādīhi honti. Aniccadassanena hi alobho hoti, dukkhadassanena adoso, anattadassanena amoho hoti. Ko hi nāma ‘aniccamida’nti sammā ñatvā tassatthāya pihaṃ uppādeyya, saṅkhāre vā ‘dukkha’nti jānanto aparampi accantatikhiṇaṃ kodhadukkhaṃ uppādeyya, attasuññatañca bujjhitvā puna sammohamāpajjeyyāti?