Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
มูลราสิวณฺณนา
Mūlarāsivaṇṇanā
เอวญฺหิ อุปมาย สเมตีติ ยถา อสุจิมฺหิ ปติตปุริสสฺส สติปิ กาเยน อลฺลียเน ภาโว อนลฺลีโน, เอวํ อโลโภปิ อารมฺมณกรณวเสน คหิเตปิ อารมฺมเณ อลคฺคภาเวน อนลฺลีนภาโว อนลฺลีนากาโร เอว ปวตฺตติฯ เอวํสภาโว หิ โส ธโมฺมติฯ กิญฺจิ ทุสฺสีลฺยํ โทสสมุฎฺฐานํ สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ โทสูปนิสฺสยนฺติ ‘‘โทสสมุฎฺฐานตํ โทสูปนิสฺสยตญฺจา’’ติ วุตฺตํฯ เตน อโทโส โทสเสฺสว อุชุวิปจฺจนีโก, ตํมุเขน ทุสฺสีลฺยสฺสาติ ทเสฺสติฯ
Evañhi upamāya sametīti yathā asucimhi patitapurisassa satipi kāyena allīyane bhāvo anallīno, evaṃ alobhopi ārammaṇakaraṇavasena gahitepi ārammaṇe alaggabhāvena anallīnabhāvo anallīnākāro eva pavattati. Evaṃsabhāvo hi so dhammoti. Kiñci dussīlyaṃ dosasamuṭṭhānaṃ sabbampi dussīlyaṃ dosūpanissayanti ‘‘dosasamuṭṭhānataṃ dosūpanissayatañcā’’ti vuttaṃ. Tena adoso dosasseva ujuvipaccanīko, taṃmukhena dussīlyassāti dasseti.
ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ อนติวตฺตนเฎฺฐน…เป.… อาเสวนเฎฺฐน ภาวนาติ โย โส เอกตฺตุปคโต ปฐมชฺฌานาทิอปฺปนาจิตฺตุปฺปาโท อาสนฺนูปจาราหิตวิเสโส นีวรณาทิปริปนฺถวิสุทฺธิยา วิสุโทฺธ, ตทาวรณวิสยวิรเหน จ สมปฺปวตฺตอปฺปนาสมาธิสงฺขาตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปโนฺน, เอวํ ปฎิปนฺนตฺตา เอว ตตฺถุปคมเนน ตตฺถ จ ปกฺขโนฺท, วิโสเธตพฺพสฺส วิเกฺขปสฺส กิเลสสํสคฺคสฺส จ อภาวโต วิโสธนสมาธานเอกตฺตุปฎฺฐานพฺยาปารวิรเหน วิสุทฺธิสมถปฎิปตฺติเอกตฺตุปฎฺฐานากาเร อชฺฌุเปกฺขโนฺต อภิพฺยตฺตรูปาย สหชาตตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหิโต, ตสฺมิํเยว ชาตา สมาธิปญฺญาสงฺขาตา ยุคนทฺธธมฺมาฯ เต ยถา อญฺญํ อนติวตฺตมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, เอวํ ภาวนา พฺรูหนาฯ ตถา ยานิ ตตฺถ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติรเสน เอกรสานิ หุตฺวา ปวตฺตานิฯ ยญฺจ ตตฺถ ตทุปคํ, เตสํ อนติวตฺตนเอกรสภาวานํ อนุจฺฉวิกํ วีริยํ วาหียติ ปวตฺตียติ, ยา จสฺส ตสฺมิํ ขเณ ปวตฺตา ปคุณพลวภาวาปตฺติสงฺขาตา อาเสวนาฯ สเพฺพสํ เอเตสํ อาการานํ ภาวนา อุปฺปาทนา วฑฺฒนา, อยํ ตตฺถ ชาตานํ…เป.… อาเสวนเฎฺฐน ภาวนา นามฯ
Tattha jātānaṃ dhammānaṃ anativattanaṭṭhena…pe… āsevanaṭṭhena bhāvanāti yo so ekattupagato paṭhamajjhānādiappanācittuppādo āsannūpacārāhitaviseso nīvaraṇādiparipanthavisuddhiyā visuddho, tadāvaraṇavisayavirahena ca samappavattaappanāsamādhisaṅkhātaṃ majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipanno, evaṃ paṭipannattā eva tatthupagamanena tattha ca pakkhando, visodhetabbassa vikkhepassa kilesasaṃsaggassa ca abhāvato visodhanasamādhānaekattupaṭṭhānabyāpāravirahena visuddhisamathapaṭipattiekattupaṭṭhānākāre ajjhupekkhanto abhibyattarūpāya sahajātatatramajjhattupekkhāya kiccavasena upekkhānubrūhito, tasmiṃyeva jātā samādhipaññāsaṅkhātā yuganaddhadhammā. Te yathā aññaṃ anativattamānā hutvā pavattanti, evaṃ bhāvanā brūhanā. Tathā yāni tattha saddhādīni indriyāni nānākilesehi vimuttattā vimuttirasena ekarasāni hutvā pavattāni. Yañca tattha tadupagaṃ, tesaṃ anativattanaekarasabhāvānaṃ anucchavikaṃ vīriyaṃ vāhīyati pavattīyati, yā cassa tasmiṃ khaṇe pavattā paguṇabalavabhāvāpattisaṅkhātā āsevanā. Sabbesaṃ etesaṃ ākārānaṃ bhāvanā uppādanā vaḍḍhanā, ayaṃ tattha jātānaṃ…pe… āsevanaṭṭhena bhāvanā nāma.
ยสฺมา ปนายํ ภาวนากาโร ‘‘ปฐมสฺส ฌานสฺส ปฎิปทาวิสุทฺธิ อาที’’ติอาทินาปิ (ปฎิ. ม. ๑.๑๕๘) ปาฬิยํ อาคโต เอว, ญาเณน จ สํกิเลสโวทาเนสุ ตํ ตํ อาทีนวํ อานิสํสญฺจ ทิสฺวา ตถา ตถา นิปฺผาเทตโพฺพ, ตสฺมา ‘‘เอวํ วุตฺตาย ปญฺญาสาธนาย ภาวนายา’’ติ วุตฺตํฯ อปฺปวตฺตีติ ยสฺมิํ ธเมฺม สติ ยถาวุตฺตา ภาวนา นปฺปวตฺตติ, โส ธโมฺม ปฎิปกฺขภาวนาปรามสเนน อภาวนาติ วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ น หิ อภาวมตฺตสฺส อโมโห ปฎิปโกฺขติ ยุชฺชตีติฯ ตปฺปฎิปกฺขภูตา อกุสลา กามจฺฉนฺทาทโย ทฎฺฐพฺพาฯ ปมาทวิเสโส วา อภาวนาฯ โส หิ ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺม’’นฺติอาทินา นิทฺทิโฎฺฐติฯ
Yasmā panāyaṃ bhāvanākāro ‘‘paṭhamassa jhānassa paṭipadāvisuddhi ādī’’tiādināpi (paṭi. ma. 1.158) pāḷiyaṃ āgato eva, ñāṇena ca saṃkilesavodānesu taṃ taṃ ādīnavaṃ ānisaṃsañca disvā tathā tathā nipphādetabbo, tasmā ‘‘evaṃ vuttāya paññāsādhanāya bhāvanāyā’’ti vuttaṃ. Appavattīti yasmiṃ dhamme sati yathāvuttā bhāvanā nappavattati, so dhammo paṭipakkhabhāvanāparāmasanena abhāvanāti vuttoti adhippāyo. Na hi abhāvamattassa amoho paṭipakkhoti yujjatīti. Tappaṭipakkhabhūtā akusalā kāmacchandādayo daṭṭhabbā. Pamādaviseso vā abhāvanā. So hi ‘‘kusalānaṃ vā dhammānaṃ anāsevanā abhāvanā abahulīkamma’’ntiādinā niddiṭṭhoti.
เอกเนฺตน อลพฺภเนยฺยทสฺสนตฺถํ ‘‘ชราธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ชาติธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๓) อิจฺฉิตาลาโภ วิภโตฺตฯ อโลภานุภาเวน กายานุปสฺสนาย, อโมหานุภาเวน จิตฺตธมฺมานุปสฺสนาย สิทฺธิ ปากฎาเยวาติ อปากฎํ อโทสานุภาเวน เวทนานุปสฺสนาสิทฺธิํ วิภาเวโนฺต ‘‘สุขวิปริณาเม’’ติอาทิมาหฯ อยญฺจ โยชนา อโลภาทีนํ วิเสสปจฺจยตํ สนฺธาย กตา, อวิเสเสน ปน สเพฺพ สเพฺพสํ ปจฺจยาฯ สภาวโต สงฺกปฺปโต จ อุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส อสหนวเสเนว อุปฺปชฺชตีติ โทโส ตํทสฺสนสฺส อาสนฺนปฎิปโกฺข, น ราโค วิย ทูรปฎิปโกฺขฯ
Ekantena alabbhaneyyadassanatthaṃ ‘‘jarādhammo’’ti vuttaṃ. Tathā hi pāḷiyaṃ ‘‘jātidhammānaṃ, bhikkhave, sattānaṃ evaṃ icchā uppajjatī’’tiādinā (ma. ni. 3.373) icchitālābho vibhatto. Alobhānubhāvena kāyānupassanāya, amohānubhāvena cittadhammānupassanāya siddhi pākaṭāyevāti apākaṭaṃ adosānubhāvena vedanānupassanāsiddhiṃ vibhāvento ‘‘sukhavipariṇāme’’tiādimāha. Ayañca yojanā alobhādīnaṃ visesapaccayataṃ sandhāya katā, avisesena pana sabbe sabbesaṃ paccayā. Sabhāvato saṅkappato ca uppannassa dukkhassa asahanavaseneva uppajjatīti doso taṃdassanassa āsannapaṭipakkho, na rāgo viya dūrapaṭipakkho.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / มูลราสิวณฺณนา • Mūlarāsivaṇṇanā