Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๓. ติกนิปาโต
3. Tikanipāto
๑. ปฐมวโคฺค
1. Paṭhamavaggo
๑. มูลสุตฺตวณฺณนา
1. Mūlasuttavaṇṇanā
๕๐. ติกนิปาตสฺส ปฐเม ตีณีติ คณนปริเจฺฉโทฯ อิมานีติ อภิมุขีกรณํฯ อกุสลมูลานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํฯ ตตฺถ อกุสลานิ จ ตานิ มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิฯ อถ วา อกุสลานํ เหตุปจฺจยปภวชนกสมุฎฺฐาปกนิพฺพตฺตกเฎฺฐน มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิ, อกุสลธมฺมานํ การณานีติ อโตฺถฯ การณญฺหิ ยถา หิโนติ เอตสฺมา ผลํ ปวตฺตตีติ เหตุ, ปฎิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย, ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, อตฺตโน ผลํ ชเนตีติ ชนกํ, สมุฎฺฐาเปตีติ สมุฎฺฐาปกํ, นิพฺพเตฺตตีติ นิพฺพตฺตกนฺติ จ วุจฺจติฯ เอวํ ปติฎฺฐเฎฺฐน มูลนฺติ, ตสฺมา อกุสลมูลานีติ อกุสลานํ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนานิ, การณานีติ วุตฺตํ โหติฯ
50. Tikanipātassa paṭhame tīṇīti gaṇanaparicchedo. Imānīti abhimukhīkaraṇaṃ. Akusalamūlānīti paricchinnadhammanidassanaṃ. Tattha akusalāni ca tāni mūlāni cāti akusalamūlāni. Atha vā akusalānaṃ hetupaccayapabhavajanakasamuṭṭhāpakanibbattakaṭṭhena mūlāni cāti akusalamūlāni, akusaladhammānaṃ kāraṇānīti attho. Kāraṇañhi yathā hinoti etasmā phalaṃ pavattatīti hetu, paṭicca etasmā etīti paccayo, pabhavati etasmāti pabhavo, attano phalaṃ janetīti janakaṃ, samuṭṭhāpetīti samuṭṭhāpakaṃ, nibbattetīti nibbattakanti ca vuccati. Evaṃ patiṭṭhaṭṭhena mūlanti, tasmā akusalamūlānīti akusalānaṃ suppatiṭṭhitabhāvasādhanāni, kāraṇānīti vuttaṃ hoti.
เกจิ ปน ‘‘สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย มณิปฺปภาทีนํ มณิวณฺณาทโย วิย จ อกุสลานํ อกุสลภาวสาธโก โลภาทีนํ มูลโฎฺฐ’’ติ วทนฺติฯ เอวํ สเนฺต อกุสลจิตฺตสมุฎฺฐานรูเปสุ เตสํ เหตุปจฺจยภาโว น สิยาฯ น หิ ตานิ เตสํ อกุสลภาวํ สาเธนฺติ, น จ ปจฺจยา น โหนฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Keci pana ‘‘sāliādīnaṃ sālibījādīni viya maṇippabhādīnaṃ maṇivaṇṇādayo viya ca akusalānaṃ akusalabhāvasādhako lobhādīnaṃ mūlaṭṭho’’ti vadanti. Evaṃ sante akusalacittasamuṭṭhānarūpesu tesaṃ hetupaccayabhāvo na siyā. Na hi tāni tesaṃ akusalabhāvaṃ sādhenti, na ca paccayā na honti. Vuttañhetaṃ –
‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.ปจฺจยนิเทฺทส.๑)ฯ
‘‘Hetū hetusampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ hetupaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.paccayaniddesa.1).
อเหตุกสฺส จ โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา อกุสลภาวสาธกสฺส มูลนฺตรสฺส อภาวโตฯ อถาปิ สิยา โลภาทีนํ สภาวสิโทฺธ อกุสลาทิภาโว, ตํสมฺปยุตฺตานํ ปน โลภาทิปฎิพโทฺธติฯ เอวมฺปิ ยถา โลภาทีนํ, เอวํ อโลภาทีนมฺปิ สภาวสิโทฺธ กุสลาทิภาโวติ อโลภาทโย กุสลา เอว สิยุํ, น อพฺยากตา, น จ โหนฺติฯ ตสฺมา ยถา สมฺปยุเตฺตสุ, เอวํ มูเลสุปิ กุสลาทิภาโว ปริเยสิตโพฺพฯ โยนิโสมนสิการาทิโก วิย หิ กุสลภาวสฺส, อโยนิโสมนสิการาทิโก อกุสลภาวสฺส การณนฺติ คเหตพฺพํฯ เอวํ อกุสลภาวสาธนวเสน โลภาทีนํ มูลฎฺฐํ อคฺคเหตฺวา สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น โกจิ โทโสฯ ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรูฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฎฺฐิตา, เหตุรหิตา ปน ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฎฺฐิตาติ เหตุอาทิอเตฺถน อกุสลานํ อุปการกตฺตา มูลานีติ อกุสลมูลานิฯ ยสฺมา ปน มูเลน มุโตฺต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ตีหิ มูเลหิ สโพฺพ อกุสลราสิ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Ahetukassa ca mohassa akusalabhāvo na siyā akusalabhāvasādhakassa mūlantarassa abhāvato. Athāpi siyā lobhādīnaṃ sabhāvasiddho akusalādibhāvo, taṃsampayuttānaṃ pana lobhādipaṭibaddhoti. Evampi yathā lobhādīnaṃ, evaṃ alobhādīnampi sabhāvasiddho kusalādibhāvoti alobhādayo kusalā eva siyuṃ, na abyākatā, na ca honti. Tasmā yathā sampayuttesu, evaṃ mūlesupi kusalādibhāvo pariyesitabbo. Yonisomanasikārādiko viya hi kusalabhāvassa, ayonisomanasikārādiko akusalabhāvassa kāraṇanti gahetabbaṃ. Evaṃ akusalabhāvasādhanavasena lobhādīnaṃ mūlaṭṭhaṃ aggahetvā suppatiṭṭhitabhāvasādhanavasena gayhamāne na koci doso. Laddhahetupaccayā hi dhammā virūḷhamūlā viya pādapā thirā honti suppatiṭṭhitā, heturahitā pana tilabījakādisevālā viya na suppatiṭṭhitāti hetuādiatthena akusalānaṃ upakārakattā mūlānīti akusalamūlāni. Yasmā pana mūlena mutto akusalacittuppādo natthi, tasmā tīhi mūlehi sabbo akusalarāsi pariyādiyitvā dassitoti daṭṭhabbaṃ.
ตานิ อกุสลมูลานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โลภาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ ตตฺถ ปน ตติยมคฺควชฺฌา โลภาทโย อาคตา, อิธ ปน อนวเสสาติ อยเมว วิเสโสฯ
Tāni akusalamūlāni sarūpato dassetuṃ ‘‘lobho akusalamūla’’ntiādi vuttaṃ. Tattha lobhādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Tattha pana tatiyamaggavajjhā lobhādayo āgatā, idha pana anavasesāti ayameva viseso.
คาถายํ ปาปเจตสนฺติ อกุสลธมฺมสมาโยคโต ลามกจิตฺตํฯ หิํสนฺตีติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ อายติํ วิปากกฺขเณ จ วิพาเธนฺติฯ อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ ชาตาฯ ตจสารนฺติ คณฺฐิตํ, เวฬุนฺติ อโตฺถฯ สมฺผลนฺติ อตฺตโน ผลํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขทิรสีสปาทโย วิย อโนฺตสาโร อหุตฺวา พหิสารตาย ตจสารนฺติ ลทฺธนามํ เวฬุอาทิํ ยถา อตฺตสมฺภูตเมว ผลํ หิํสติ วินาเสติ, เอวเมว อโนฺต สีลาทิสารรหิตํ ลามกจิตฺตํ ปุคฺคลํ อตฺตสมฺภูตาเยว โลภาทโย วินาเสนฺตีติฯ
Gāthāyaṃ pāpacetasanti akusaladhammasamāyogato lāmakacittaṃ. Hiṃsantīti attano pavattikkhaṇe āyatiṃ vipākakkhaṇe ca vibādhenti. Attasambhūtāti attani jātā. Tacasāranti gaṇṭhitaṃ, veḷunti attho. Samphalanti attano phalaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – khadirasīsapādayo viya antosāro ahutvā bahisāratāya tacasāranti laddhanāmaṃ veḷuādiṃ yathā attasambhūtameva phalaṃ hiṃsati vināseti, evameva anto sīlādisārarahitaṃ lāmakacittaṃ puggalaṃ attasambhūtāyeva lobhādayo vināsentīti.
ปฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑. มูลสุตฺตํ • 1. Mūlasuttaṃ