Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๑. มูลยมกํ
1. Mūlayamakaṃ
อุเทฺทสวารวณฺณนา
Uddesavāravaṇṇanā
๑. ยมกานํ วเสน เทสิตตฺตาติ อิมินา ทสสุ เอเกกสฺส ยมกสมูหสฺส ตํสมูหสฺส จ สกลสฺส ปกรณสฺส ยมกานํ วเสน ลทฺธโวหารตํ ทเสฺสติฯ
1. Yamakānaṃ vasena desitattāti iminā dasasu ekekassa yamakasamūhassa taṃsamūhassa ca sakalassa pakaraṇassa yamakānaṃ vasena laddhavohārataṃ dasseti.
กุสลากุสลมูลสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ อตฺถานํ วเสน อตฺถยมกนฺติ เอเตน ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สเพฺพ เต กุสลมูลา’’ติ เอตเสฺสว ยมกภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ ญาตุํ อิจฺฉิตานํ ทุติยปฐมปุจฺฉาสุ วุตฺตานํ กุสลกุสลมูลวิเสสานํ, กุสลมูลกุสลวิเสเสหิ วา ญาตุํ อิจฺฉิตานํ ปฐมทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฎฺฐานปทสงฺคหิตานํ กุสลกุสลมูลานํ วเสน อตฺถยมกภาวสฺส วุตฺตตฺตาฯ ญาตุํ อิจฺฉิตานญฺหิ วิเสสานํ วิเสสวนฺตาเปกฺขานํ, ตํวิเสสวตํ วา ธมฺมานญฺจ วิเสสาเปกฺขานํ เอตฺถ ปธานภาโวติ เอเกกาย ปุจฺฉาย เอเกโก เอว อโตฺถ สงฺคหิโต โหตีติฯ อตฺถสโทฺท เจตฺถ น ธมฺมวาจโก เหตุผลาทิวาจโก วา, อถ โข ปาฬิอตฺถวาจโกฯ เตเนวาห ‘‘เตสเญฺญว อตฺถาน’’นฺติอาทิฯ
Kusalākusalamūlasaṅkhātānaṃdvinnaṃ atthānaṃ vasena atthayamakanti etena ‘‘ye keci kusalā dhammā, sabbe te kusalamūlā’’ti etasseva yamakabhāvo āpajjatīti ce? Nāpajjati ñātuṃ icchitānaṃ dutiyapaṭhamapucchāsu vuttānaṃ kusalakusalamūlavisesānaṃ, kusalamūlakusalavisesehi vā ñātuṃ icchitānaṃ paṭhamadutiyapucchāsu sanniṭṭhānapadasaṅgahitānaṃ kusalakusalamūlānaṃ vasena atthayamakabhāvassa vuttattā. Ñātuṃ icchitānañhi visesānaṃ visesavantāpekkhānaṃ, taṃvisesavataṃ vā dhammānañca visesāpekkhānaṃ ettha padhānabhāvoti ekekāya pucchāya ekeko eva attho saṅgahito hotīti. Atthasaddo cettha na dhammavācako hetuphalādivācako vā, atha kho pāḷiatthavācako. Tenevāha ‘‘tesaññeva atthāna’’ntiādi.
ตีณิปิ ปทานิ เอกโต กตฺวาติ อิทํ นามปทสฺส กุสลาทีนํ สงฺคาหกตฺตมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น นิรวเสสสงฺคาหกตฺตํฯ สพฺพกุสลาทิสงฺคณฺหนตฺถเมว จ นามปทสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘กุสลตฺติกมาติกาย จตูสุ ปเทสู’’ติ วุตฺตํฯ
Tīṇipi padāni ekato katvāti idaṃ nāmapadassa kusalādīnaṃ saṅgāhakattamattameva sandhāya vuttaṃ, na niravasesasaṅgāhakattaṃ. Sabbakusalādisaṅgaṇhanatthameva ca nāmapadassa vuttattā ‘‘kusalattikamātikāya catūsu padesū’’ti vuttaṃ.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นิเทฺทสวารวณฺณนา
Niddesavāravaṇṇanā
๕๒. อญฺญมญฺญยมเก เย เกจิ กุสลาติ อปุจฺฉิตฺวาติ เอตฺถ ยถา ทุติยยมเก ‘‘เย เกจิ กุสลมูลา’’ติ อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กตา, เอวมิธาปิ ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กาตพฺพา สิยา ปุริมยมกวิสิฎฺฐํ อปุพฺพํ คเหตฺวา ปจฺฉิมยมกสฺส อปฺปวตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ปฎิโลมปุจฺฉานุรูปภาวโต’’ติ เกจิฯ ปุริมปุจฺฉาย ปน อตฺถวเสน กตาย ตทนุรูปาย ปจฺฉิมปุจฺฉาย ภวิตพฺพํ อนุโลเม วิคตสํสยสฺส ปฎิโลเม สํสยุปฺปตฺติโตฯ เตน น จ ปจฺฉิมปุจฺฉานุรูปาย ปุริมปุจฺฉาย ภวิตพฺพนฺติ ปุริโมเวตฺถ อธิปฺปาโย ยุโตฺตฯ อิมินาปิ พฺยญฺชเนน ตเสฺสวตฺถสฺส สมฺภวโตติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํฯ น หิ กุสลพฺยญฺชนโตฺถ เอว กุสลมูเลน เอกมูลพฺยญฺชนโตฺถ, เตเนว วิสฺสชฺชนมฺปิ อสมานํ โหติฯ กุสลพฺยญฺชเนน หิ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘อวเสสา’’ติ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘อวเสสา กุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ, อิตรถา อวเสสา กุสลมูลสหชาตา ธมฺมาติ, น จ ตานิ วจนานิ สมานตฺถานิ กุสลกุสลาพฺยากตทีปนโตติฯ อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ อิมินาปิ พฺยญฺชเนน ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ วุตฺตพฺยญฺชนตฺถเสฺสว สมฺภวโต ทุติยยมเก วิย อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา กตาฯ น หิ กุสลมูเลหิ วิย กุสลมูเลน เอกมูเลหิ อเญฺญ กุสลา สนฺติ, กุสเลหิ ปน อเญฺญปิ เต สนฺตีติฯ
52. Aññamaññayamakeye keci kusalāti apucchitvāti ettha yathā dutiyayamake ‘‘ye keci kusalamūlā’’ti apucchitvā ‘‘ye keci kusalā’’ti pucchā katā, evamidhāpi ‘‘ye keci kusalā’’ti pucchā kātabbā siyā purimayamakavisiṭṭhaṃ apubbaṃ gahetvā pacchimayamakassa appavattattāti adhippāyo. ‘‘Paṭilomapucchānurūpabhāvato’’ti keci. Purimapucchāya pana atthavasena katāya tadanurūpāya pacchimapucchāya bhavitabbaṃ anulome vigatasaṃsayassa paṭilome saṃsayuppattito. Tena na ca pacchimapucchānurūpāya purimapucchāya bhavitabbanti purimovettha adhippāyo yutto. Imināpi byañjanena tassevatthassa sambhavatoti idamevaṃ na sakkā vattuṃ. Na hi kusalabyañjanattho eva kusalamūlena ekamūlabyañjanattho, teneva vissajjanampi asamānaṃ hoti. Kusalabyañjanena hi pucchāya katāya ‘‘avasesā’’ti imasmiṃ ṭhāne ‘‘avasesā kusalā dhammā’’ti vattabbaṃ hoti, itarathā avasesā kusalamūlasahajātā dhammāti, na ca tāni vacanāni samānatthāni kusalakusalābyākatadīpanatoti. Ayaṃ panettha adhippāyo siyā – ‘‘ye keci kusalā’’ti imināpi byañjanena ‘‘ye keci kusalamūlena ekamūlā’’ti vuttabyañjanatthasseva sambhavato dutiyayamake viya apucchitvā ‘‘ye keci kusalamūlena ekamūlā’’ti pucchā katā. Na hi kusalamūlehi viya kusalamūlena ekamūlehi aññe kusalā santi, kusalehi pana aññepi te santīti.
ปฎิโลมปุจฺฉาวณฺณนายํ ‘‘กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ หิ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ภเวยฺยาติ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํฯ ‘‘เย วา ปน กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูลา, สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ จ ปุจฺฉิเต ‘‘อามนฺตา’’ อิเจฺจว วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํฯ น หิ กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูเลสุ กิญฺจิ เอกมูลํ น โหติ, เยน อนุโลมปุจฺฉาย วิย วิภาโค กาตโพฺพ ภเวยฺยฯ ยตฺถ ตีณิ กุสลมูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อญฺญมญฺญมูลานิ เอกมูลานิ จ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ เอเกเกน อญฺญมเญฺญกมูลตฺตาฯ ยตฺถ ปน เทฺว อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อญฺญมญฺญมูลาเนว, น เอกมูลานีติ เอตสฺส คหณสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพนฺติ เจ? น, ‘‘อามนฺตา’’ติ อิมินาว วิสฺสชฺชเนน ตํคหณนิวารณโต อนุโลมปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนน จ เอกโต อุปฺปชฺชมานานํ ทฺวินฺนํ ติณฺณญฺจ มูลานํ อญฺญมเญฺญกมูลภาวสฺส นิจฺฉิตตฺตาฯ อญฺญมญฺญมูลานญฺหิ สมานมูลตา เอว เอกมูลวจเนน ปุจฺฉียติ, น อญฺญมญฺญสมานมูลตา, อตฺถิ จ ทฺวินฺนํ มูลานํ สมานมูลตาฯ เตสุ หิ เอเกกํ อิตเรน มูเลน ตํมูเลหิ อเญฺญหิ สมานมูลนฺติฯ
Paṭilomapucchāvaṇṇanāyaṃ ‘‘kusalamūlena ekamūlā’’ti hi pucchāya katāya ‘‘mūlāni yāni ekato uppajjantī’’ti heṭṭhā vuttanayeneva vissajjanaṃ kātabbaṃ bhaveyyāti vuttaṃ, tampi tathā na sakkā vattuṃ. ‘‘Ye vā pana kusalamūlena aññamaññamūlā, sabbe te dhammā kusalamūlena ekamūlā’’ti ca pucchite ‘‘āmantā’’ icceva vissajjanena bhavitabbaṃ. Na hi kusalamūlena aññamaññamūlesu kiñci ekamūlaṃ na hoti, yena anulomapucchāya viya vibhāgo kātabbo bhaveyya. Yattha tīṇi kusalamūlāni uppajjanti, tattha tāni aññamaññamūlāni ekamūlāni ca dvinnaṃ dvinnaṃ ekekena aññamaññekamūlattā. Yattha pana dve uppajjanti, tattha tāni aññamaññamūlāneva, na ekamūlānīti etassa gahaṇassa nivāraṇatthaṃ ‘‘mūlāni yāni ekato uppajjantī’’tiādinā vissajjanaṃ kātabbanti ce? Na, ‘‘āmantā’’ti imināva vissajjanena taṃgahaṇanivāraṇato anulomapucchāvissajjanena ca ekato uppajjamānānaṃ dvinnaṃ tiṇṇañca mūlānaṃ aññamaññekamūlabhāvassa nicchitattā. Aññamaññamūlānañhi samānamūlatā eva ekamūlavacanena pucchīyati, na aññamaññasamānamūlatā, atthi ca dvinnaṃ mūlānaṃ samānamūlatā. Tesu hi ekekaṃ itarena mūlena taṃmūlehi aññehi samānamūlanti.
อญฺญมญฺญมูลเตฺต ปน นิจฺฉิเต เอกมูลตฺตสํสยาภาวโต ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา น กตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘อญฺญมญฺญสฺส มูลา เอเตสนฺติปิ อญฺญมญฺญมูลา, สมานเตฺถน เอกํ มูลํ เอเตสนฺติ เอกมูลา’’ติ อุภยมฺปิ วจนํ มูลยุตฺตตเมว วทติ, เตเนว จ อุภยตฺถาปิ ‘‘กุสลมูเลนา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ มูลโยคสามเญฺญ เอกมูลเตฺต นิจฺฉิเต ตพฺพิเสโส อญฺญมญฺญมูลภาโว น นิจฺฉิโต โหตีติ อนุโลมปุจฺฉา ปวตฺตา, มูลโยควิเสเส ปน อญฺญมญฺญมูลเตฺต นิจฺฉิเต น วินา เอกมูลเตฺตน อญฺญมญฺญมูลตฺตํ อตฺถีติ มูลโยคสามญฺญํ เอกมูลตฺตํ นิจฺฉิตเมว โหติ, ตสฺมา ‘‘เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉํ อกตฺวา ยถา กุสลมูลวจนํ เอกมูลวจนญฺจ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา ปฐมทุติยยมเกสุ ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฎิโลมปุจฺฉา กตา, เอวํ อญฺญมญฺญมูลวจนํ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา กุสลาธิการสฺส จ อนุวตฺตมานตฺตา ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฎิโลมปุจฺฉา กตาติฯ
Aññamaññamūlatte pana nicchite ekamūlattasaṃsayābhāvato ‘‘sabbe te dhammā kusalamūlena ekamūlā’’ti pucchā na katāti daṭṭhabbā. ‘‘Aññamaññassa mūlā etesantipi aññamaññamūlā, samānatthena ekaṃ mūlaṃ etesanti ekamūlā’’ti ubhayampi vacanaṃ mūlayuttatameva vadati, teneva ca ubhayatthāpi ‘‘kusalamūlenā’’ti vuttaṃ. Tattha mūlayogasāmaññe ekamūlatte nicchite tabbiseso aññamaññamūlabhāvo na nicchito hotīti anulomapucchā pavattā, mūlayogavisese pana aññamaññamūlatte nicchite na vinā ekamūlattena aññamaññamūlattaṃ atthīti mūlayogasāmaññaṃ ekamūlattaṃ nicchitameva hoti, tasmā ‘‘ekamūlā’’ti pucchaṃ akatvā yathā kusalamūlavacanaṃ ekamūlavacanañca kusalabhāvadīpakaṃ na hotīti kusalabhāve saṃsayasabbhāvā paṭhamadutiyayamakesu ‘‘sabbe te dhammā kusalā’’ti paṭilomapucchā katā, evaṃ aññamaññamūlavacanaṃ kusalabhāvadīpakaṃ na hotīti kusalabhāve saṃsayasabbhāvā kusalādhikārassa ca anuvattamānattā ‘‘sabbe te dhammā kusalā’’ti paṭilomapucchā katāti.
๕๓-๖๑. มูลนเย วุเตฺต เอว อเตฺถ กุสลมูลภาเวน มูลสฺส วิเสสเนน สมาเนน มูเลน อญฺญมญฺญสฺส จ มูเลน มูลโยคทีปเนน จาติ อิมินา ปริยายนฺตเรน ปกาเสตุํ มูลมูลนโย วุโตฺตฯ อญฺญปทตฺถสมาสเนฺตน ก-กาเรน ตีสุปิ ยมเกสุ มูลโยคเมว ทีเปตุํ มูลกนโย วุโตฺตฯ มูลมูลกนยวจนปริยาโย วุตฺตปฺปกาโรวฯ
53-61. Mūlanaye vutte eva atthe kusalamūlabhāvena mūlassa visesanena samānena mūlena aññamaññassa ca mūlena mūlayogadīpanena cāti iminā pariyāyantarena pakāsetuṃ mūlamūlanayo vutto. Aññapadatthasamāsantena ka-kārena tīsupi yamakesu mūlayogameva dīpetuṃ mūlakanayo vutto. Mūlamūlakanayavacanapariyāyo vuttappakārova.
๗๔-๘๕. อโพฺพหาริกํ กตฺวาติ น เอกมูลภาวํ ลภมาเนหิ เอกโต ลพฺภมานตฺตา สเหตุกโวหารรหิตํ กตฺวาฯ น วา สเหตุกทุเก วิย เอตฺถ เหตุปจฺจยโยคาโยควเสน อโพฺพหาริกํ กตํ, อถ โข สเหตุกโวหารเมว ลภติ, น อเหตุกโวหารนฺติ อโพฺพหาริกํ กตํฯ เอกโต ลพฺภมานกวเสนาติ อเหตุกจิตฺตุปฺปาทนิพฺพาเนหิ เหตุปจฺจยรหิเตหิ สห ลพฺภมานกรูปวเสนาติ อโตฺถฯ
74-85. Abbohārikaṃ katvāti na ekamūlabhāvaṃ labhamānehi ekato labbhamānattā sahetukavohārarahitaṃ katvā. Na vā sahetukaduke viya ettha hetupaccayayogāyogavasena abbohārikaṃ kataṃ, atha kho sahetukavohārameva labhati, na ahetukavohāranti abbohārikaṃ kataṃ. Ekato labbhamānakavasenāti ahetukacittuppādanibbānehi hetupaccayarahitehi saha labbhamānakarūpavasenāti attho.
๘๖-๙๗. ยสฺสํ ปาฬิยํ ‘‘อเหตุกํ นามมูเลน น เอกมูลํ, สเหตุกํ นามมูเลน เอกมูล’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) ปาโฐ อาคโต, ตตฺถ ‘‘เย เกจิ นามา ธมฺมา’’ติ นามานํ นิทฺธาริตตฺตา ‘‘อเหตุกํ สเหตุก’’นฺติ จ วุเตฺต ‘‘นาม’’นฺติ จ อิทํ วิญฺญายมานเมวาติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยตฺถ ปน ‘‘อเหตุกํ นามํ, สเหตุกํ นาม’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) จ ปาโฐ, ตตฺถ สุปากฎภาวตฺถํ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตนฺติฯ
86-97. Yassaṃ pāḷiyaṃ ‘‘ahetukaṃ nāmamūlena na ekamūlaṃ, sahetukaṃ nāmamūlena ekamūla’’nti (yama. 1.mūlayamaka.87) pāṭho āgato, tattha ‘‘ye keci nāmā dhammā’’ti nāmānaṃ niddhāritattā ‘‘ahetukaṃ sahetuka’’nti ca vutte ‘‘nāma’’nti ca idaṃ viññāyamānamevāti na vuttanti veditabbaṃ. Yattha pana ‘‘ahetukaṃ nāmaṃ, sahetukaṃ nāma’’nti (yama. 1.mūlayamaka.87) ca pāṭho, tattha supākaṭabhāvatthaṃ ‘‘nāma’’nti vuttanti.
นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
มูลยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mūlayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ