Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๑. มูลยมกํ

    1. Mūlayamakaṃ

    อุเทฺทสวารวณฺณนา

    Uddesavāravaṇṇanā

    . ยมกสมูหสฺสาติ มูลยมกาทิกสฺส ยมกสมูหสฺสฯ มูลยมกาทโย หิ ปกรณาเปกฺขาย อวยวภูตาปิ นิจฺจาวยวาเปกฺขาย ยมกสมูโหติ วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘ตํสมูหสฺส จ สกลสฺส ปกรณสฺสา’’ติฯ

    1. Yamakasamūhassāti mūlayamakādikassa yamakasamūhassa. Mūlayamakādayo hi pakaraṇāpekkhāya avayavabhūtāpi niccāvayavāpekkhāya yamakasamūhoti vutto. Tenāha ‘‘taṃsamūhassa ca sakalassa pakaraṇassā’’ti.

    กุสลากุสลมูลวิเสสานนฺติ ทุติยปุจฺฉาย วุตฺตานํ สํสยปทสงฺคหิตานํ กุสลสงฺขาตานํ, ตถา ปฐมปุจฺฉาย วุตฺตานํ กุสลมูลสงฺขาตานํ วิเสสานํ อตฺถยมกภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ โยชนาฯ ยถา หิ ปฐมปุจฺฉาย วิเสสวนฺตภาเวน วุตฺตาเยว กุสลธมฺมา ทุติยปุจฺฉายํ วิเสสภาเวน วุตฺตา, เอวํ ปฐมปุจฺฉายํ วิเสสภาเวน วุตฺตาเยว กุสลมูลธมฺมา ทุติยปุจฺฉายํ วิเสสวนฺตภาเวน วุตฺตาฯ วตฺตุวจนิจฺฉาวเสน หิ ธมฺมานํ วิเสสวิเสสวนฺตตาวิภาคา โหนฺตีติฯ กุสลมูลกุสลวิเสเสหิ สํสยิตปทสงฺคหิเตหิ กุสลกุสลมูลานํ วิเสสวนฺตานนฺติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จ วิเสสวนฺตาเปกฺขวิเสสวเสน ปฐโม อตฺถวิกโปฺป วุโตฺต, ทุติโย ปน วิเสสาเปกฺขวิเสสวนฺตวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ เตนาห ‘‘ญาตุํ อิจฺฉิตานํ หี’’ติอาทิฯ

    Kusalākusalamūlavisesānanti dutiyapucchāya vuttānaṃ saṃsayapadasaṅgahitānaṃ kusalasaṅkhātānaṃ, tathā paṭhamapucchāya vuttānaṃ kusalamūlasaṅkhātānaṃ visesānaṃ atthayamakabhāvassa vuttattāti yojanā. Yathā hi paṭhamapucchāya visesavantabhāvena vuttāyeva kusaladhammā dutiyapucchāyaṃ visesabhāvena vuttā, evaṃ paṭhamapucchāyaṃ visesabhāvena vuttāyeva kusalamūladhammā dutiyapucchāyaṃ visesavantabhāvena vuttā. Vattuvacanicchāvasena hi dhammānaṃ visesavisesavantatāvibhāgā hontīti. Kusalamūlakusalavisesehi saṃsayitapadasaṅgahitehi kusalakusalamūlānaṃ visesavantānanti adhippāyo. Ettha ca visesavantāpekkhavisesavasena paṭhamo atthavikappo vutto, dutiyo pana visesāpekkhavisesavantavasenāti ayametesaṃ viseso. Tenāha ‘‘ñātuṃ icchitānaṃ hī’’tiādi.

    ตตฺถ ญาตุํ อิจฺฉิตานนฺติ ปุจฺฉาย วิสยภูตานนฺติ อโตฺถฯ วิเสสานนฺติ กุสลกุสลมูลวิเสสานํฯ วิเสสวนฺตาเปกฺขานนฺติ กุสลมูลกุสลสงฺขาเตหิ วิเสสวเนฺตหิ สาเปกฺขานํฯ วิเสสวตนฺติ กุสลมูลกุสลานํฯ วิเสสาเปกฺขานนฺติ กุสลกุสลมูลวิเสเสหิ สาเปกฺขานํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ มูลยมเกฯ ปธานภาโวติ ปฐมวิกเปฺป ตาว สํสยิตปฺปธานตฺตา ปุจฺฉาย วิเสสานํ ปธานภาโว เวทิตโพฺพฯ เต หิ สํสยิตานํ วิเสสวโนฺตติฯ ทุติยวิกเปฺป ปน วิเสสา นาม วิเสสวนฺตาธีนาติ วิเสสวนฺตานํ ตตฺถ ปธานภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ ทฺวินฺนํ ปน เอกชฺฌํ ปธานภาโว น ยุชฺชติฯ สติ หิ อปฺปธาเน ปธานํ นาม สิยาฯ เตนาห ‘‘เอเกกาย ปุจฺฉาย เอเกโก เอว อโตฺถ สงฺคหิโต โหตี’’ติฯ เอวเญฺจตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ, อญฺญถา วินิจฺฉิตวิเสสิตพฺพภาเวหิ อิธ ปธานภาโว น ยุชฺชเตวาติฯ น ธมฺมวาจโกติ น สภาวธมฺมวาจโกฯ สภาวธโมฺมปิ หิ อโตฺถติ วุจฺจติ ‘‘คมฺภีรปญฺญํ นิปุณตฺถทสฺสิ’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๗๘)ฯ ‘‘เหตุผเล ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) อตฺถ-สทฺทสฺส เหตุผลวาจกตา ทฎฺฐพฺพาฯ อาทิ-สเทฺทนสฺส ‘‘อตฺถาภิสมยา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) อาคตา หิตาทิวาจกตา สงฺคยฺหติฯ เตเนวาติ ปาฬิอตฺถวาจกตฺตา เอวฯ

    Tattha ñātuṃ icchitānanti pucchāya visayabhūtānanti attho. Visesānanti kusalakusalamūlavisesānaṃ. Visesavantāpekkhānanti kusalamūlakusalasaṅkhātehi visesavantehi sāpekkhānaṃ. Visesavatanti kusalamūlakusalānaṃ. Visesāpekkhānanti kusalakusalamūlavisesehi sāpekkhānaṃ. Etthāti etasmiṃ mūlayamake. Padhānabhāvoti paṭhamavikappe tāva saṃsayitappadhānattā pucchāya visesānaṃ padhānabhāvo veditabbo. Te hi saṃsayitānaṃ visesavantoti. Dutiyavikappe pana visesā nāma visesavantādhīnāti visesavantānaṃ tattha padhānabhāvo daṭṭhabbo. Dvinnaṃ pana ekajjhaṃ padhānabhāvo na yujjati. Sati hi appadhāne padhānaṃ nāma siyā. Tenāha ‘‘ekekāya pucchāya ekeko eva attho saṅgahito hotī’’ti. Evañcetaṃ sampaṭicchitabbaṃ, aññathā vinicchitavisesitabbabhāvehi idha padhānabhāvo na yujjatevāti. Na dhammavācakoti na sabhāvadhammavācako. Sabhāvadhammopi hi atthoti vuccati ‘‘gambhīrapaññaṃ nipuṇatthadassi’’ntiādīsu (su. ni. 178). ‘‘Hetuphale ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā’’tiādīsu (vibha. 720) attha-saddassa hetuphalavācakatā daṭṭhabbā. Ādi-saddenassa ‘‘atthābhisamayā’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.129) āgatā hitādivācakatā saṅgayhati. Tenevāti pāḷiatthavācakattā eva.

    ตีณิปิ ปทานีติ เอตฺถ ปิ-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ, สมุจฺจโย จ ตุลฺยโยเค สิยาฯ กิํ นาม-ปเทน อนวเสสโต กุสลาทีนํ สงฺคโหติ อาสงฺกาย ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถมาห ‘‘ตีณิปิ…เป.… สงฺคาหกตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ สงฺคาหกตฺตมตฺตนฺติ มตฺต-สโทฺท วิเสสนิวตฺติอโตฺถติฯ เตน นิวตฺติตํ วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘น นิรวเสสสงฺคาหกตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ น หิ รูปํ นาม-ปเทน สงฺคยฺหติฯ กุสลาทิเยว นามนฺติ นิยโม ทฎฺฐโพฺพ, น นามํเยว กุสลาทีติ อิมเมว จ นิยมํ สนฺธายาห ‘‘กุสลาทีนํ สงฺคาหกตฺตมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ยทิปิ นาม-ปทํ น นิรวเสสกุสลาทิสงฺคาหกํ, กุสลาทิสงฺคาหกํ ปน โหติ, ตทตฺถเมว จ ตํ คหิตนฺติ นามสฺส กุสลตฺติกปริยาปนฺนตา วุตฺตาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘กุสลาทิ…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ

    Tīṇipi padānīti ettha pi-saddo samuccayattho, samuccayo ca tulyayoge siyā. Kiṃ nāma-padena anavasesato kusalādīnaṃ saṅgahoti āsaṅkāya tadāsaṅkānivattanatthamāha ‘‘tīṇipi…pe… saṅgāhakatta’’nti. Tattha saṅgāhakattamattanti matta-saddo visesanivattiatthoti. Tena nivattitaṃ visesaṃ dassetuṃ ‘‘na niravasesasaṅgāhakatta’’nti vuttaṃ. Na hi rūpaṃ nāma-padena saṅgayhati. Kusalādiyeva nāmanti niyamo daṭṭhabbo, na nāmaṃyeva kusalādīti imameva ca niyamaṃ sandhāyāha ‘‘kusalādīnaṃ saṅgāhakattamattameva sandhāya vutta’’nti. Yadipi nāma-padaṃ na niravasesakusalādisaṅgāhakaṃ, kusalādisaṅgāhakaṃ pana hoti, tadatthameva ca taṃ gahitanti nāmassa kusalattikapariyāpannatā vuttāti dassento āha ‘‘kusalādi…pe… vutta’’nti.

    อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิเทฺทสวารวณฺณนา

    Niddesavāravaṇṇanā

    ๕๒. ทุติยยมเกติ เอกมูลยมเกฯ เอวมิธาปีติ ยถา เอกมูลยมเก ‘‘เย เกจิ กุสลา’’อิเจฺจว ปุจฺฉา อารทฺธา, เอวํ อิธาปิ อญฺญมญฺญมูลยมเกปิ ‘‘เย เกจิ กุสลา’’อิเจฺจว ปุจฺฉา อารภิตพฺพา สิยาฯ กสฺมา? ปุริมยมก…เป.… อปฺปวตฺตตฺตาติฯ อิทญฺจ ทุติยยมกสฺส ตถา อปฺปวตฺตตฺตา วุตฺตํ, ตติยยมกํ ปน ตเถว ปวตฺตํฯ เกจีติ ปทการาฯ เต หิ ยถา ปฐมทุติยยมเกสุ ปุริมปุจฺฉา เอว ปริวตฺตนวเสน ปจฺฉิมปุจฺฉา กตาติ ปจฺฉิมปุจฺฉาย ปุริมปุจฺฉา สมานา ฐเปตฺวา ปฎิโลมภาวํ, น ตถา อญฺญมญฺญยมเกฯ ตตฺถ หิ เทฺวปิ ปุจฺฉา อญฺญมญฺญวิสทิสาฯ ยทิ ตตฺถาปิ ทฺวีหิปิ ปุจฺฉาหิ สทิสาหิ ภวิตพฺพํ , ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปฐมปุจฺฉา อารภิตพฺพา, ปจฺฉิมปุจฺฉา วา ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ วตฺตพฺพา สิยาฯ เอวํ ปน อวตฺวา ปฐมทุติยยมเกสุ วิย ปุริมปจฺฉิมปุจฺฉา สทิสา อกตฺวา ตติยยมเก ตาสํ วิสทิสตา ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ อนารทฺธตฺตา, ตสฺมา ปฎิโลมปุจฺฉานุรูปาย อนุโลมปุจฺฉาย ภวิตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘เย เกจิ กุสลาติ อปุจฺฉิตฺวา’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ

    52. Dutiyayamaketi ekamūlayamake. Evamidhāpīti yathā ekamūlayamake ‘‘ye keci kusalā’’icceva pucchā āraddhā, evaṃ idhāpi aññamaññamūlayamakepi ‘‘ye keci kusalā’’icceva pucchā ārabhitabbā siyā. Kasmā? Purimayamaka…pe… appavattattāti. Idañca dutiyayamakassa tathā appavattattā vuttaṃ, tatiyayamakaṃ pana tatheva pavattaṃ. Kecīti padakārā. Te hi yathā paṭhamadutiyayamakesu purimapucchā eva parivattanavasena pacchimapucchā katāti pacchimapucchāya purimapucchā samānā ṭhapetvā paṭilomabhāvaṃ, na tathā aññamaññayamake. Tattha hi dvepi pucchā aññamaññavisadisā. Yadi tatthāpi dvīhipi pucchāhi sadisāhi bhavitabbaṃ , ‘‘ye keci kusalā’’ti paṭhamapucchā ārabhitabbā, pacchimapucchā vā ‘‘sabbe te dhammā kusalamūlena ekamūlā’’ti vattabbā siyā. Evaṃ pana avatvā paṭhamadutiyayamakesu viya purimapacchimapucchā sadisā akatvā tatiyayamake tāsaṃ visadisatā ‘‘ye keci kusalā’’ti anāraddhattā, tasmā paṭilomapucchānurūpāya anulomapucchāya bhavitabbanti imamatthaṃ sandhāya ‘‘ye keci kusalāti apucchitvā’’ti vuttanti vadanti.

    อตฺถวเสนาติ สมฺภวนฺตานํ นิจฺฉิตสํสยิตานํ อตฺถานํ วเสนฯ ตทนุรูปายาติ ตสฺสา ปุริมปุจฺฉาย อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ อนุจฺฉวิกายฯ ปุริมญฺหิ อเปกฺขิตฺวา ปจฺฉิมาย ภวิตพฺพํฯ เตนาติ ตสฺมาฯ ยสฺมา อนุโลเม สํสยเจฺฉเท ชาเตปิ ปฎิโลเม สํสโย อุปฺปชฺชติ, ยทิ น อุปฺปเชฺชยฺย, ปฎิโลมปุจฺฉาย ปโยชนเมว น สิยา, ตสฺมา น ปจฺฉิมปุจฺฉานุรูปา ปุริมปุจฺฉา, อถ โข วุตฺตนเยน ปุริมปุจฺฉานุรูปา ปจฺฉิมปุจฺฉา, ตาย จ อนุรูปตาย อตฺถาทิวเสน ทฺวินฺนํ ปทานํ สมฺพนฺธตฺตา อตฺถาทิยมกตา วุตฺตาฯ เทสนากฺกมโต เจตฺถ อนุโลมปฎิโลมตา เวทิตพฺพา ‘‘กุสลา กุสลมูลา’’ติ วตฺวา ‘‘กุสลมูลา กุสลา’’ติ จ วุตฺตตฺตาฯ เสสยมเกสุปิ เอเสว นโยฯ วิเสสวนฺตวิเสส, วิเสสวิเสสวนฺตคฺคหณโต วา อิธ อนุโลมปฎิโลมตา เวทิตพฺพาฯ ปฐมปุจฺฉายญฺหิ เย ธมฺมา วิเสสวโนฺต, เต นิจฺฉยาธิฎฺฐาเน กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺวา เตสุ ยสฺมิํ วิเสโส สํสยาธิฎฺฐาโน, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘สเพฺพ เต กุสลมูลา’’ติ ปุจฺฉา กตาฯ ทุติยปุจฺฉายํ ปน ตปฺปฎิโลมโต เยน วิเสเสน เต วิเสสวโนฺต, ตํ วิเสสํ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘เย วา ปน กุสลมูลา’’ติ วตฺวา เต วิเสสวเนฺต สํสยาธิฎฺฐานภูเต ทเสฺสตุํ ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กตาฯ อนิยตวตฺถุกา หิ สนฺนิฎฺฐานสํสยา อเนกชฺฌาสยตฺตา สตฺตานํฯ

    Atthavasenāti sambhavantānaṃ nicchitasaṃsayitānaṃ atthānaṃ vasena. Tadanurūpāyāti tassā purimapucchāya atthato byañjanato ca anucchavikāya. Purimañhi apekkhitvā pacchimāya bhavitabbaṃ. Tenāti tasmā. Yasmā anulome saṃsayacchede jātepi paṭilome saṃsayo uppajjati, yadi na uppajjeyya, paṭilomapucchāya payojanameva na siyā, tasmā na pacchimapucchānurūpā purimapucchā, atha kho vuttanayena purimapucchānurūpā pacchimapucchā, tāya ca anurūpatāya atthādivasena dvinnaṃ padānaṃ sambandhattā atthādiyamakatā vuttā. Desanākkamato cettha anulomapaṭilomatā veditabbā ‘‘kusalā kusalamūlā’’ti vatvā ‘‘kusalamūlā kusalā’’ti ca vuttattā. Sesayamakesupi eseva nayo. Visesavantavisesa, visesavisesavantaggahaṇato vā idha anulomapaṭilomatā veditabbā. Paṭhamapucchāyañhi ye dhammā visesavanto, te nicchayādhiṭṭhāne katvā dassento ‘‘ye keci kusalā dhammā’’ti vatvā tesu yasmiṃ viseso saṃsayādhiṭṭhāno, taṃdassanatthaṃ ‘‘sabbe te kusalamūlā’’ti pucchā katā. Dutiyapucchāyaṃ pana tappaṭilomato yena visesena te visesavanto, taṃ visesaṃ sanniṭṭhānaṃ katvā dassento ‘‘ye vā pana kusalamūlā’’ti vatvā te visesavante saṃsayādhiṭṭhānabhūte dassetuṃ ‘‘sabbe te dhammā kusalā’’ti pucchā katā. Aniyatavatthukā hi sanniṭṭhānasaṃsayā anekajjhāsayattā sattānaṃ.

    อิมินาปิ พฺยญฺชเนนาติ ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ อิมินาปิ วาเกฺยนฯ เอวํ น สกฺกา วตฺตุนฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตเมวาธิปฺปายํ วิวรติ ‘‘น หี’’ติอาทินาฯ ตตฺถ เตเนวาติ กุสลพฺยญฺชนตฺถสฺส กุสลมูเลน เอกมูลพฺยญฺชนตฺถสฺส ภินฺนตฺตา เอวฯ วิสฺสชฺชนนฺติ วิภชนํ ฯ อิตรถาติ กุสลมูเลน เอกมูลพฺยญฺชเนน ปุจฺฉาย กตายฯ ตานิ วจนานีติ กุสลวจนํ กุสลมูเลน เอกมูลวจนญฺจฯ กุสลจิตฺตสมุฎฺฐานรูปวเสน จสฺส อพฺยากตทีปนตา ทฎฺฐพฺพาฯ เอตฺถาติ ‘‘อิมินาปิ พฺยญฺชเนน ตเสฺสวตฺถสฺส สมฺภวโต’’ติ เอตสฺมิํ วจเนฯ เย เกจิ กุสลา…เป.… สมฺภวโตติ เอเตน กุสลานํ กุสลมูเลน เอกมูลตาย พฺยภิจาราภาวํ ทเสฺสติฯ เตเนวาห ‘‘น หิ…เป.… สนฺตี’’ติฯ วุตฺตพฺยญฺชนตฺถเสฺสว สมฺภวโตติ หิ อิมินา อวุตฺตพฺยญฺชนตฺถสฺส สมฺภวาภาววจเนน สฺวายมธิปฺปายมโตฺถ วิภาวิโตฯ ยถา หิ กุสลมูเลน เอกมูลพฺยญฺชนโตฺถ กุสลพฺยญฺชนตฺถํ พฺยภิจรติ, น เอวํ ตํ กุสลพฺยญฺชนโตฺถฯ กถํ กตฺวา โจทนา, กถญฺจ กตฺวา ปริหาโร? กุสลมูเลน เอกมูลา กุสลา เอวาติ โจทนา กตา, กุสลมูเลน เอกมูลา เอว กุสลาติ ปน ปริหาโร ปวโตฺตติ เวทิตพฺพํฯ ทุติยยมเก วิย อปุจฺฉิตฺวาติ ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ อปุจฺฉิตฺวาฯ กุสลมูเลหีติ กุสเลหิ มูเลหิฯ เตติ กุสลมูเลน เอกมูลาฯ

    Imināpi byañjanenāti ‘‘ye keci kusalamūlena ekamūlā’’ti imināpi vākyena. Evaṃ na sakkā vattunti yenādhippāyena vuttaṃ, tamevādhippāyaṃ vivarati ‘‘na hī’’tiādinā. Tattha tenevāti kusalabyañjanatthassa kusalamūlena ekamūlabyañjanatthassa bhinnattā eva. Vissajjananti vibhajanaṃ . Itarathāti kusalamūlena ekamūlabyañjanena pucchāya katāya. Tāni vacanānīti kusalavacanaṃ kusalamūlena ekamūlavacanañca. Kusalacittasamuṭṭhānarūpavasena cassa abyākatadīpanatā daṭṭhabbā. Etthāti ‘‘imināpi byañjanena tassevatthassa sambhavato’’ti etasmiṃ vacane. Ye keci kusalā…pe… sambhavatoti etena kusalānaṃ kusalamūlena ekamūlatāya byabhicārābhāvaṃ dasseti. Tenevāha ‘‘na hi…pe… santī’’ti. Vuttabyañjanatthassevasambhavatoti hi iminā avuttabyañjanatthassa sambhavābhāvavacanena svāyamadhippāyamattho vibhāvito. Yathā hi kusalamūlena ekamūlabyañjanattho kusalabyañjanatthaṃ byabhicarati, na evaṃ taṃ kusalabyañjanattho. Kathaṃ katvā codanā, kathañca katvā parihāro? Kusalamūlena ekamūlā kusalā evāti codanā katā, kusalamūlena ekamūlā eva kusalāti pana parihāro pavattoti veditabbaṃ. Dutiyayamake viya apucchitvāti ‘‘ye keci kusalā’’ti apucchitvā. Kusalamūlehīti kusalehi mūlehi. Teti kusalamūlena ekamūlā.

    เอกโต อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ ปการโตฺถ วาฯ เตน ‘‘กุสลมูลานิ เอกมูลานิ เจว อญฺญมญฺญมูลานิ จา’’ติอาทิปาฬิเสสํ ทเสฺสติฯ ยํ สนฺธาย ‘‘เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เหฎฺฐาติ อนุโลมปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ ตมฺปีติ ‘‘กุสลมูเลนา’’ติอาทิ อฎฺฐกถาวจนมฺปิฯ ตถาติ เตน ปกาเรน, อนุโลมปุจฺฉายํ วิย วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ภเวยฺยาติ อิมินา ปกาเรนาติ อโตฺถฯ เยน การเณน ‘‘น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘เย วา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อามนฺตา’’อิเจฺจว วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปุจฺฉายํ วิย ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉิเตปิ ปฎิวจนวิสฺสชฺชนเมว ลพฺภติ, น อนุโลมปุจฺฉายํ วิย สรูปทสฺสนวิสฺสชฺชนํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตพฺพสฺส อภาวโตฯ เย หิ ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา, น เต ธมฺมา กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูลาวฯ เย ปน กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูลา, เต กุสลมูเลน เอกมูลาวฯ เตนาห ‘‘น หิ…เป.… วิภาโค กาตโพฺพ ภเวยฺยา’’ติฯ

    Ekato uppajjantīti ettha iti-saddo ādiattho pakārattho vā. Tena ‘‘kusalamūlāni ekamūlāni ceva aññamaññamūlāni cā’’tiādipāḷisesaṃ dasseti. Yaṃ sandhāya ‘‘heṭṭhā vuttanayeneva vissajjanaṃ kātabbaṃ bhaveyyā’’ti vuttaṃ. Tattha heṭṭhāti anulomapucchāvissajjane. Vuttanayenāti ‘‘mūlāni yāni ekato uppajjantī’’tiādinā vuttanayena. Tampīti ‘‘kusalamūlenā’’tiādi aṭṭhakathāvacanampi. Tathāti tena pakārena, anulomapucchāyaṃ viya vissajjanaṃ kātabbaṃ bhaveyyāti iminā pakārenāti attho. Yena kāraṇena ‘‘na sakkā vattu’’nti vuttaṃ, taṃ kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘ye vā panā’’tiādimāha. Tattha ‘‘āmantā’’icceva vissajjanena bhavitabbanti ‘‘sabbe te dhammā kusalā’’ti pucchāyaṃ viya ‘‘sabbe te dhammā kusalamūlena ekamūlā’’ti pucchitepi paṭivacanavissajjanameva labbhati, na anulomapucchāyaṃ viya sarūpadassanavissajjanaṃ vibhajitvā dassetabbassa abhāvato. Ye hi dhammā kusalamūlena ekamūlā, na te dhammā kusalamūlena aññamaññamūlāva. Ye pana kusalamūlena aññamaññamūlā, te kusalamūlena ekamūlāva. Tenāha ‘‘na hi…pe… vibhāgo kātabbo bhaveyyā’’ti.

    ตตฺถ เยนาติ เยน อญฺญมญฺญมูเลสุ เอกมูลสฺส อภาเวนฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาเทฯ อญฺญมญฺญมูลกตฺตา เอกมูลกตฺตา จาติ อธิปฺปาโยฯ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนญฺหิ เอเกเกน อญฺญมญฺญมูลกเตฺต วุเตฺต เตสํ เอเกเกน เอกมูลกตฺตมฺปิ วุตฺตเมว โหติ สมานโตฺถ เอกสโทฺทติ กตฺวาฯ เตเนวาห ‘‘ยตฺถ ปน…เป.… น เอกมูลานี’’ติฯ ตยิทํ มิจฺฉา, ทฺวีสุปิ เอเกเกน อิตรสฺส เอกมูลกตฺตํ สมฺภวติ เอวาติฯ เตนาห ‘‘เอตสฺส คหณสฺส นิวารณตฺถ’’นฺติอาทิฯ ‘‘เย ธมฺมา กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูลา, เต กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ อิมมตฺถํ วิภาเวเนฺตน อิธ ‘‘อามนฺตา’’ติ ปเทน ยตฺถ เทฺว มูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ เอเกเกน อิตรสฺส เอกมูลกตฺตํ ปกาสิตเมวาติ อาห ‘‘อามนฺตาติ อิมินาว วิสฺสชฺชเนน ตํคหณนิวารณโต’’ติ ฯ นิจฺฉิตตฺตาติ เอตฺถ เอกโต อุปฺปชฺชมานานํ ติณฺณนฺนํ ตาว มูลานํ นิจฺฉิตํ โหตุ อญฺญมเญฺญกมูลกตฺตํ, ทฺวินฺนํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘อญฺญมญฺญมูลานํ หี’’ติอาทิฯ สมานมูลตา เอวาติ อวธารเณน นิวตฺติตตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘น อญฺญมญฺญสมานมูลตา’’ติ วุตฺตํฯ เตน อญฺญมญฺญมูลานํ สมานมูลตามตฺตวจนิจฺฉาย เอกมูลคฺคหณํ, น เตสํ อญฺญมญฺญปจฺจยตาวิสิฎฺฐสมานมูลตาทสฺสนตฺถนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ ทฺวินฺนํ มูลานนฺติ ทฺวินฺนํ เอกมูลานํ เอกโต อุปฺปชฺชมานานํฯ ยถา เตสํ สมานมูลตา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เตสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํมูเลหิ อเญฺญหีติ อิตรมูเลหิ มูลทฺวยโต อเญฺญหิ สหชาตธเมฺมหิฯ

    Tattha yenāti yena aññamaññamūlesu ekamūlassa abhāvena. Yatthāti yasmiṃ ñāṇasampayuttacittuppāde. Aññamaññamūlakattā ekamūlakattā cāti adhippāyo. Dvinnaṃ dvinnañhi ekekena aññamaññamūlakatte vutte tesaṃ ekekena ekamūlakattampi vuttameva hoti samānattho ekasaddoti katvā. Tenevāha ‘‘yattha pana…pe… na ekamūlānī’’ti. Tayidaṃ micchā, dvīsupi ekekena itarassa ekamūlakattaṃ sambhavati evāti. Tenāha ‘‘etassa gahaṇassa nivāraṇattha’’ntiādi. ‘‘Ye dhammā kusalamūlena aññamaññamūlā, te kusalamūlena ekamūlā’’ti imamatthaṃ vibhāventena idha ‘‘āmantā’’ti padena yattha dve mūlāni uppajjanti, tattha ekekena itarassa ekamūlakattaṃ pakāsitamevāti āha ‘‘āmantāti imināva vissajjanena taṃgahaṇanivāraṇato’’ti . Nicchitattāti ettha ekato uppajjamānānaṃ tiṇṇannaṃ tāva mūlānaṃ nicchitaṃ hotu aññamaññekamūlakattaṃ, dvinnaṃ pana kathanti āha ‘‘aññamaññamūlānaṃ hī’’tiādi. Samānamūlatā evāti avadhāraṇena nivattitatthaṃ dassetuṃ ‘‘na aññamaññasamānamūlatā’’ti vuttaṃ. Tena aññamaññamūlānaṃ samānamūlatāmattavacanicchāya ekamūlaggahaṇaṃ, na tesaṃ aññamaññapaccayatāvisiṭṭhasamānamūlatādassanatthanti imamatthaṃ dasseti. Dvinnaṃ mūlānanti dvinnaṃ ekamūlānaṃ ekato uppajjamānānaṃ. Yathā tesaṃ samānamūlatā, taṃ dassetuṃ ‘‘tesu hī’’tiādi vuttaṃ. Taṃmūlehi aññehīti itaramūlehi mūladvayato aññehi sahajātadhammehi.

    อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน ปฎิโลเม ‘‘กุสลา’’อิเจฺจว ปุจฺฉา กตา, น ‘‘กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อญฺญมญฺญมูลเตฺต ปน…เป.… กตาติ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ อาหฯ น หิ กุสลมูเลน อญฺญมญฺญมูเลสุ กิญฺจิ เอกมูลํ น โหตีติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ มูลยุตฺตตเมว วทติ, น มูเลหิ อยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ อญฺญถา ปุเพฺพนาปรํ วิรุเชฺฌยฺยฯ เตเนวาติ มูลยุตฺตตาย เอว วุจฺจมานตฺตาฯ อุภยตฺถาปีติ อญฺญมญฺญมูลา เอกมูลาติ ทฺวีสุปิ ปเทสุฯ ‘‘กุสลมูเลนา’’ติ วุตฺตํ, กุสลมูเลน สมฺปยุเตฺตนาติ หิ อโตฺถฯ ยทิ อุภยมฺปิ วจนํ มูลยุตฺตตเมว วทติ, อถ กสฺมา อนุโลมปุจฺฉายเมว เอกมูลคฺคหณํ กตํ, น ปฎิโลมปุจฺฉายนฺติ อุภยตฺถาปิ ตํ คเหตพฺพํ น วา คเหตพฺพํฯ เอวญฺหิ มูเลกมูลยมกเทสนาหิ อยํ อญฺญมญฺญยมกเทสนา สมานรสา สิยาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ

    Idāni yena adhippāyena paṭilome ‘‘kusalā’’icceva pucchā katā, na ‘‘kusalamūlena ekamūlā’’ti, taṃ dassetuṃ ‘‘aññamaññamūlatte pana…pe… katāti daṭṭhabba’’nti āha. Na hi kusalamūlena aññamaññamūlesu kiñci ekamūlaṃ na hotīti vuttovāyamattho. Mūlayuttatameva vadati, na mūlehi ayuttanti adhippāyo. Aññathā pubbenāparaṃ virujjheyya. Tenevāti mūlayuttatāya eva vuccamānattā. Ubhayatthāpīti aññamaññamūlā ekamūlāti dvīsupi padesu. ‘‘Kusalamūlenā’’ti vuttaṃ, kusalamūlena sampayuttenāti hi attho. Yadi ubhayampi vacanaṃ mūlayuttatameva vadati, atha kasmā anulomapucchāyameva ekamūlaggahaṇaṃ kataṃ, na paṭilomapucchāyanti ubhayatthāpi taṃ gahetabbaṃ na vā gahetabbaṃ. Evañhi mūlekamūlayamakadesanāhi ayaṃ aññamaññayamakadesanā samānarasā siyāti codanaṃ manasi katvā āha ‘‘tatthā’’tiādi.

    ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อญฺญมญฺญยมเกฯ ยทิปิ เอกมูลา อญฺญมญฺญมูลาติ อิทํ ปททฺวยํ วุตฺตนเยน มูลยุตฺตตเมว วทติ, ตถาปิ สามญฺญวิเสสลกฺขเณ อเตฺถว เภโทติ ทเสฺสตุํ ‘‘มูลโยคสามเญฺญ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมูลกานํ สมานมูลตา เอกมูลตฺตนฺติ เอกมูลวจนํ เตสุ อวิเสสโต มูลสพฺภาวมตฺตํ วทติ, น อญฺญมญฺญมูลสโทฺท วิย มูเลสุ ลพฺภมานํ วิเสสํ, น จ สามเญฺญ นิจฺฉโย วิเสเส สํสยํ วิธมตีติ อิมมตฺถมาห ‘‘มูลโยคสามเญฺญ…เป.… ปวตฺตา’’ติ อิมินาฯ วิเสเส ปน นิจฺฉโย สามเญฺญ สํสยํ วิธมโนฺต เอว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘มูลโยควิเสเส ปน…เป.… นิจฺฉิตเมว โหตี’’ติฯ ตสฺมาติ วุตฺตเสฺสว ตสฺส เหตุภาเวน ปรามสนํ, วิเสสนิจฺฉเยเนว อวินาภาวโต, สามญฺญสฺส นิจฺฉิตตฺตา ตตฺถ วา สํสยาภาวโตติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอกมูลาติ ปุจฺฉํ อกตฺวา’’ติฯ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาวเสฺสว ทีปกํ น โหติ ตทญฺญชาติกสฺสปิ ทีปนโตฯ เตนาห ‘‘กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา’’ติฯ อญฺญมญฺญมูลวจนนฺติ เกวลํ อญฺญมญฺญมูลวจนนฺติ อธิปฺปาโยฯ กุสลาธิการสฺส อนุวตฺตมานตฺตาติ อิมินา ‘‘สเพฺพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ กุสลคฺคหเณ การณมาหฯ เอกมูลคฺคหเณ หิ ปโยชนาภาโว ทสฺสิโต, กุสลสฺส วเสน จายํ เทสนาติฯ

    Tattha tatthāti tasmiṃ aññamaññayamake. Yadipi ekamūlā aññamaññamūlāti idaṃ padadvayaṃ vuttanayena mūlayuttatameva vadati, tathāpi sāmaññavisesalakkhaṇe attheva bhedoti dassetuṃ ‘‘mūlayogasāmaññe’’tiādi vuttaṃ. Samūlakānaṃ samānamūlatā ekamūlattanti ekamūlavacanaṃ tesu avisesato mūlasabbhāvamattaṃ vadati, na aññamaññamūlasaddo viya mūlesu labbhamānaṃ visesaṃ, na ca sāmaññe nicchayo visese saṃsayaṃ vidhamatīti imamatthamāha ‘‘mūlayogasāmaññe…pe… pavattā’’ti iminā. Visese pana nicchayo sāmaññe saṃsayaṃ vidhamanto eva pavattatīti āha ‘‘mūlayogavisese pana…pe… nicchitameva hotī’’ti. Tasmāti vuttasseva tassa hetubhāvena parāmasanaṃ, visesanicchayeneva avinābhāvato, sāmaññassa nicchitattā tattha vā saṃsayābhāvatoti attho. Tenāha ‘‘ekamūlāti pucchaṃ akatvā’’ti. Kusalabhāvadīpakaṃ na hotīti kusalabhāvasseva dīpakaṃ na hoti tadaññajātikassapi dīpanato. Tenāha ‘‘kusalabhāve saṃsayasabbhāvā’’ti. Aññamaññamūlavacananti kevalaṃ aññamaññamūlavacananti adhippāyo. Kusalādhikārassa anuvattamānattāti iminā ‘‘sabbe te dhammā kusalā’’ti kusalaggahaṇe kāraṇamāha. Ekamūlaggahaṇe hi payojanābhāvo dassito, kusalassa vasena cāyaṃ desanāti.

    ๕๓-๖๑. มูลนเย วุเตฺต เอว อเตฺถติ มูลนเย วุเตฺต เอว กุสลาทิธเมฺมฯ กุสลาทโย หิ สภาวธมฺมา อิธ ปาฬิอตฺถตาย อโตฺถติ วุโตฺตฯ กุสลมูลภาเวน, มูลสฺส วิเสสเนน, มูลโยคทีปเนน จ ปกาเสตุํฯ กุสลมูลภูตา มูลา กุสลมูลมูลาติ สมาสโยชนาฯ มูลวจนญฺหิ นิวเตฺตตพฺพคเหตพฺพสาธารณํฯ อกุสลาพฺยากตาปิ มูลธมฺมา อตฺถีติ กุสลมูลภาเวน มูลธมฺมา วิเสสิตาฯ มูลคฺคหเณน จ มูลวนฺตานํ มูลโยโค ทีปิโต โหติฯ สมาเนน มูเลน, มูลสฺส วิเสสเนน, มูลโยคทีปเนน จ ปกาเสตุํ ‘‘เอกมูลมูลา’’ติ, อญฺญมญฺญสฺส มูเลน มูลภาเวน, มูลสฺส วิเสสเนน, มูลโยคทีปเนน จ ปกาเสตุํ ‘‘อญฺญมญฺญมูลมูลา’’ติ มูลมูลนโย วุโตฺตติ โยชนาฯ ตีสุปิ ยมเกสุ ยถาวุตฺตวิเสสนเมเวตฺถ ปริยายนฺตรํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    53-61. Mūlanaye vutte eva attheti mūlanaye vutte eva kusalādidhamme. Kusalādayo hi sabhāvadhammā idha pāḷiatthatāya atthoti vutto. Kusalamūlabhāvena, mūlassa visesanena, mūlayogadīpanena ca pakāsetuṃ. Kusalamūlabhūtā mūlā kusalamūlamūlāti samāsayojanā. Mūlavacanañhi nivattetabbagahetabbasādhāraṇaṃ. Akusalābyākatāpi mūladhammā atthīti kusalamūlabhāvena mūladhammā visesitā. Mūlaggahaṇena ca mūlavantānaṃ mūlayogo dīpito hoti. Samānena mūlena, mūlassa visesanena, mūlayogadīpanena ca pakāsetuṃ ‘‘ekamūlamūlā’’ti, aññamaññassa mūlena mūlabhāvena, mūlassa visesanena, mūlayogadīpanena ca pakāsetuṃ ‘‘aññamaññamūlamūlā’’ti mūlamūlanayo vuttoti yojanā. Tīsupi yamakesu yathāvuttavisesanamevettha pariyāyantaraṃ daṭṭhabbaṃ.

    มูลโยคํ ทีเปตุนฺติ มูลโยคเมว ปธานํ สาติสยญฺจ กตฺวา ทีเปตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ ยถา หิ กุสลานิ มูลานิ เอเตสนฺติ กุสลมูลกานีติ พาหิรตฺถสมาเส มูลโยโค ปธานภาเวน วุโตฺต โหติ, น เอวํ ‘‘กุสลสงฺขาตา มูลา กุสลมูลา’’ติ เกวลํ, ‘‘กุสลมูลมูลา’’ติ สวิเสสนํ วา วุเตฺต อุตฺตรปทตฺถปฺปธานสมาเสฯ เตนาห ‘‘อญฺญปทตฺถ…เป.… ทีเปตุ’’นฺติฯ วุตฺตปฺปกาโรวาติ ‘‘กุสลมูลภาเวน มูลสฺส วิเสสเนนา’’ติอาทินา มูลมูลนเย จ, ‘‘อญฺญปทตฺถสมาสเนฺตน ก-กาเรนา’’ติอาทินา มูลกนเย จ วุตฺตปฺปกาโร เอวฯ วจนปริยาโย มูลมูลกนเย เอกชฺฌํ กตฺวา โยเชตโพฺพฯ

    Mūlayogaṃdīpetunti mūlayogameva padhānaṃ sātisayañca katvā dīpetunti adhippāyo. Yathā hi kusalāni mūlāni etesanti kusalamūlakānīti bāhiratthasamāse mūlayogo padhānabhāvena vutto hoti, na evaṃ ‘‘kusalasaṅkhātā mūlā kusalamūlā’’ti kevalaṃ, ‘‘kusalamūlamūlā’’ti savisesanaṃ vā vutte uttarapadatthappadhānasamāse. Tenāha ‘‘aññapadattha…pe… dīpetu’’nti. Vuttappakārovāti ‘‘kusalamūlabhāvena mūlassa visesanenā’’tiādinā mūlamūlanaye ca, ‘‘aññapadatthasamāsantena ka-kārenā’’tiādinā mūlakanaye ca vuttappakāro eva. Vacanapariyāyo mūlamūlakanaye ekajjhaṃ katvā yojetabbo.

    ๗๔-๘๕. น เอกมูลภาวํ ลภมาเนหีติ อพฺยากตมูเลน น เอกมูลกํ ตถาวตฺตพฺพตํ ลภมาเนหิ อฎฺฐารสอเหตุกจิตฺตุปฺปาทาเหตุกสมุฎฺฐานรูปนิพฺพาเนหิ เอกโต อลพฺภมานตฺตาฯ ยถา หิ ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาทาทโย เหตุปจฺจยวิรหิตา อเหตุกโวหารํ ลภนฺติ, น เอวํ สเหตุกสมุฎฺฐานํ รูปํฯ เตนาห ‘‘อเหตุกโวหารรหิตํ กตฺวา’’ติฯ เอตฺถ จ ‘‘สพฺพํ รูปํ น เหตุกเมว, อเหตุกเมวา’’ติ วุตฺตตฺตา กิญฺจาปิ สเหตุกสมุฎฺฐานมฺปิ รูปํ อเหตุกํ, ‘‘อพฺยากโต ธโมฺม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, วิปากาพฺยากตา กิริยาพฺยากตา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๐๓) ปน วจนโต เหตุปจฺจยโยเคน สเหตุกสมุฎฺฐานสฺส รูปสฺส อเหตุกโวหาราภาโว วุโตฺตฯ เกจิ ปน ‘‘อโพฺพหาริกํ กตฺวาติ สเหตุกโวหาเรน อโพฺพหาริกํ กตฺวาติ อตฺถํ วตฺวา อญฺญถา ‘อเหตุกํ อพฺยากตํ อพฺยากตมูเลน เอกมูล’นฺติ น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ วทนฺติฯ ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว อเหตุกโวหาราภาเวน สเหตุกตาปริยายสฺส อตฺถสิทฺธตฺตาฯ อปิจ เหตุปจฺจยสพฺภาวโต ตสฺส สเหตุกตาปริยาโย ลพฺภเตวฯ เตนาห ‘‘น วา สเหตุกทุเก วิย…เป.… อโพฺพหาริกํ กต’’นฺติฯ เอตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ เอกมูลกทุเกฯ เหตุปจฺจยโยคาโยควเสนาติ เหตุปจฺจเยน โยคาโยควเสน, เหตุปจฺจยสฺส สพฺภาวาสพฺภาววเสนาติ อโตฺถฯ สเหตุกโวหารเมว ลภติ ปจฺจยภูตเหตุสพฺภาวโตฯ

    74-85. Na ekamūlabhāvaṃ labhamānehīti abyākatamūlena na ekamūlakaṃ tathāvattabbataṃ labhamānehi aṭṭhārasaahetukacittuppādāhetukasamuṭṭhānarūpanibbānehi ekato alabbhamānattā. Yathā hi yathāvuttacittuppādādayo hetupaccayavirahitā ahetukavohāraṃ labhanti, na evaṃ sahetukasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ. Tenāha ‘‘ahetukavohārarahitaṃ katvā’’ti. Ettha ca ‘‘sabbaṃ rūpaṃ na hetukameva, ahetukamevā’’ti vuttattā kiñcāpi sahetukasamuṭṭhānampi rūpaṃ ahetukaṃ, ‘‘abyākato dhammo abyākatassa dhammassa hetupaccayena paccayo, vipākābyākatā kiriyābyākatā hetū sampayuttakānaṃ khandhānaṃ cittasamuṭṭhānānañca rūpānaṃ hetupaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.403) pana vacanato hetupaccayayogena sahetukasamuṭṭhānassa rūpassa ahetukavohārābhāvo vutto. Keci pana ‘‘abbohārikaṃ katvāti sahetukavohārena abbohārikaṃ katvāti atthaṃ vatvā aññathā ‘ahetukaṃ abyākataṃ abyākatamūlena ekamūla’nti na sakkā vattu’’nti vadanti. Tattha yaṃ vattabbaṃ, taṃ vuttameva ahetukavohārābhāvena sahetukatāpariyāyassa atthasiddhattā. Apica hetupaccayasabbhāvato tassa sahetukatāpariyāyo labbhateva. Tenāha ‘‘na vā sahetukaduke viya…pe… abbohārikaṃ kata’’nti. Ettha etthāti etasmiṃ ekamūlakaduke. Hetupaccayayogāyogavasenāti hetupaccayena yogāyogavasena, hetupaccayassa sabbhāvāsabbhāvavasenāti attho. Sahetukavohārameva labhati paccayabhūtahetusabbhāvato.

    อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘สเหตุกจิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ อเหตุกํ อพฺยากตนฺติ อิมินา วจเนน สงฺคหํ คจฺฉนฺตมฺปิ สมูลกตฺตา ‘อพฺยากตมูเลน น เอกมูล’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ, สติปิ สมูลกเตฺต นิปฺปริยาเยน สเหตุกํ น โหตีติ ‘อพฺยากตมูเลน เอกมูล’นฺติ จ น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา ‘อเหตุกํ อพฺยากตํ อพฺยากตมูเลน น เอกมูลํ, สเหตุกํ อพฺยากตํ อพฺยากตมูเลน เอกมูล’นฺติ ทฺวีสุปิ ปเทสุ อนวโรธโต อโพฺพหาริกํ กตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘สเหตุกอพฺยากตสมุฎฺฐานํ รูปํ อพฺยากตมูเลน เอกมูลํ โหตี’’ติ อฎฺฐกถายํ ตสฺส เอกมูลภาวสฺส นิจฺฉิตตฺตา, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เจตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Apare pana bhaṇanti ‘‘sahetukacittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ ahetukaṃ abyākatanti iminā vacanena saṅgahaṃ gacchantampi samūlakattā ‘abyākatamūlena na ekamūla’nti na sakkā vattuṃ, satipi samūlakatte nippariyāyena sahetukaṃ na hotīti ‘abyākatamūlena ekamūla’nti ca na sakkā vattuṃ, tasmā ‘ahetukaṃ abyākataṃ abyākatamūlena na ekamūlaṃ, sahetukaṃ abyākataṃ abyākatamūlena ekamūla’nti dvīsupi padesu anavarodhato abbohārikaṃ katvāti vutta’’nti, taṃ tesaṃ matimattaṃ ‘‘sahetukaabyākatasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ abyākatamūlena ekamūlaṃ hotī’’ti aṭṭhakathāyaṃ tassa ekamūlabhāvassa nicchitattā, tasmā vuttanayeneva cettha attho veditabbo.

    ๘๖-๙๗. กุสลากุสลาพฺยากตราสิโต นมนนามนสงฺขาเตน วิเสเสน อรูปธมฺมานํ คหณํ นิทฺธารณํ นาม โหตีติ อาห ‘‘นามานํ นิทฺธาริตตฺตา’’ติฯ เตน เตสํ อธิกภาวมาห วิญฺญายมานเมว ปกรเณน อปริจฺฉินฺนตฺตาฯ ยทิ เอวํ ‘‘อเหตุกํ นามํ สเหตุกํ นาม’’นฺติ ปาฐนฺตเร กสฺมา นามคฺคหณํ กตนฺติ อาห ‘‘สุปากฎภาวตฺถ’’นฺติ, ปริพฺยตฺตํ กตฺวา วุเตฺต กิํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    86-97. Kusalākusalābyākatarāsito namananāmanasaṅkhātena visesena arūpadhammānaṃ gahaṇaṃ niddhāraṇaṃ nāma hotīti āha ‘‘nāmānaṃ niddhāritattā’’ti. Tena tesaṃ adhikabhāvamāha viññāyamānameva pakaraṇena aparicchinnattā. Yadi evaṃ ‘‘ahetukaṃ nāmaṃ sahetukaṃ nāma’’nti pāṭhantare kasmā nāmaggahaṇaṃ katanti āha ‘‘supākaṭabhāvattha’’nti, paribyattaṃ katvā vutte kiṃ vattabbanti adhippāyo.

    นิเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Niddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    มูลยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mūlayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑. มูลยมกํ • 1. Mūlayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact