Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๗๓] ๓. มูสิกชาตกวณฺณนา

    [373] 3. Mūsikajātakavaṇṇanā

    กุหิํ คตา กตฺถ คตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา ถุสชาตเก (ชา. ๑.๔.๑๔๙ อาทโย) วิตฺถาริตเมวฯ อิธาปิ สตฺถา ตเถว ราชานํ สกิํ ปุเตฺตน สทฺธิํ กีฬมานํ สกิํ ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย รโญฺญ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ ‘อมฺหากํ ธูมกาเล รชฺชํ กาเรตู’ติ เอกมเนฺต อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Kuhiṃ gatā kattha gatāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto ajātasattuṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā thusajātake (jā. 1.4.149 ādayo) vitthāritameva. Idhāpi satthā tatheva rājānaṃ sakiṃ puttena saddhiṃ kīḷamānaṃ sakiṃ dhammaṃ suṇantaṃ disvā ‘‘taṃ nissāya rañño bhayaṃ uppajjissatī’’ti ñatvā ‘‘mahārāja, porāṇakarājāno āsaṅkitabbaṃ āsaṅkitvā attano puttaṃ ‘amhākaṃ dhūmakāle rajjaṃ kāretū’ti ekamante akaṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตกฺกสิลายํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริโย อโหสิฯ ตสฺส สนฺติเก พาราณสิรโญฺญ ปุโตฺต ยวกุมาโร นาม สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อนุโยคํ ทตฺวา คนฺตุกาโม ตํ อาปุจฺฉิฯ อาจริโย ‘‘ปุตฺตํ นิสฺสาย ตสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ องฺควิชฺชาวเสน ญตฺวา ‘‘เอตมสฺส หริสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรตุํ อารภิฯ ตทา ปนสฺส เอโก อโสฺส อโหสิ, ตสฺส ปาเท วโณ อุฎฺฐหิ, ตํ วณานุรกฺขณตฺถํ เคเหเยว กริํสุฯ ตสฺสาวิทูเร เอโก อุทปาโน อตฺถิฯ อเถกา มูสิกา เคหา นิกฺขมิตฺวา อสฺสสฺส ปาเท วณํ ขาทติ, อโสฺส วาเรตุํ น สโกฺกติฯ โส เอกทิวสํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต มูสิกํ ขาทิตุํ อาคตํ ปาเทน ปหริตฺวา มาเรตฺวา อุทปาเน ปาเตสิฯ อสฺสโคปกา มูสิกํ อปสฺสนฺตา ‘‘อเญฺญสุ ทิวเสสุ มูสิกา อาคนฺตฺวา วณํ ขาทติ, อิทานิ น ปญฺญายติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ วทิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto takkasilāyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā disāpāmokkhācariyo ahosi. Tassa santike bārāṇasirañño putto yavakumāro nāma sabbasippāni uggaṇhitvā anuyogaṃ datvā gantukāmo taṃ āpucchi. Ācariyo ‘‘puttaṃ nissāya tassa antarāyo bhavissatī’’ti aṅgavijjāvasena ñatvā ‘‘etamassa harissāmī’’ti ekaṃ upamaṃ upadhāretuṃ ārabhi. Tadā panassa eko asso ahosi, tassa pāde vaṇo uṭṭhahi, taṃ vaṇānurakkhaṇatthaṃ geheyeva kariṃsu. Tassāvidūre eko udapāno atthi. Athekā mūsikā gehā nikkhamitvā assassa pāde vaṇaṃ khādati, asso vāretuṃ na sakkoti. So ekadivasaṃ vedanaṃ adhivāsetuṃ asakkonto mūsikaṃ khādituṃ āgataṃ pādena paharitvā māretvā udapāne pātesi. Assagopakā mūsikaṃ apassantā ‘‘aññesu divasesu mūsikā āgantvā vaṇaṃ khādati, idāni na paññāyati, kahaṃ nu kho gatā’’ti vadiṃsu.

    โพธิสโตฺต ตํ การณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘‘อเญฺญ อชานนฺตา ‘กหํ มูสิกา คตา’ติ วทนฺติ, มูสิกาย ปน มาเรตฺวา อุทปาเน ขิตฺตภาวํ อหเมว ชานามี’’ติ อิทเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ปฐมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิฯ โส อปรํ อุปมํ อุปธาเรโนฺต ตเมว อสฺสํ ปรุฬฺหวณํ นิกฺขมิตฺวา เอกํ ยววตฺถุํ คนฺตฺวา ‘‘ยวํ ขาทิสฺสามี’’ติ วติจฺฉิเทฺทน มุขํ ปเวเสนฺตํ ทิสฺวา ตเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ทุติยํ คาถํ พนฺธิตฺวา ตสฺส อทาสิฯ ตติยคาถํ ปน อตฺตโน ปญฺญาพเลเนว พนฺธิตฺวา ตมฺปิ ตสฺส ทตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รเชฺช ปติฎฺฐาย สายํ นฺหานโปกฺขรณิํ คจฺฉโนฺต ยาว ธุรโสปานา ปฐมํ คาถํ สชฺฌายโนฺต คเจฺฉยฺยาสิ, ตว นิวสนปาสาทํ ปวิสโนฺต ยาว โสปานปาทมูลา ทุติยํ คาถํ สชฺฌายโนฺต คเจฺฉยฺยาสิ, ตโต ยาว โสปานมตฺถกา ตติยํ คาถํ สชฺฌายโนฺต คเจฺฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา เปเสสิฯ

    Bodhisatto taṃ kāraṇaṃ paccakkhaṃ katvā ‘‘aññe ajānantā ‘kahaṃ mūsikā gatā’ti vadanti, mūsikāya pana māretvā udapāne khittabhāvaṃ ahameva jānāmī’’ti idameva kāraṇaṃ upamaṃ katvā paṭhamaṃ gāthaṃ bandhitvā rājakumārassa adāsi. So aparaṃ upamaṃ upadhārento tameva assaṃ paruḷhavaṇaṃ nikkhamitvā ekaṃ yavavatthuṃ gantvā ‘‘yavaṃ khādissāmī’’ti vaticchiddena mukhaṃ pavesentaṃ disvā tameva kāraṇaṃ upamaṃ katvā dutiyaṃ gāthaṃ bandhitvā tassa adāsi. Tatiyagāthaṃ pana attano paññābaleneva bandhitvā tampi tassa datvā ‘‘tāta, tvaṃ rajje patiṭṭhāya sāyaṃ nhānapokkharaṇiṃ gacchanto yāva dhurasopānā paṭhamaṃ gāthaṃ sajjhāyanto gaccheyyāsi, tava nivasanapāsādaṃ pavisanto yāva sopānapādamūlā dutiyaṃ gāthaṃ sajjhāyanto gaccheyyāsi, tato yāva sopānamatthakā tatiyaṃ gāthaṃ sajjhāyanto gaccheyyāsī’’ti vatvā pesesi.

    โส กุมาโร คนฺตฺวา อุปราชา หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, ตเสฺสโก ปุโตฺต ชายิฯ โส โสฬสวสฺสกาเล รชฺชโลเภน ‘‘ปิตรํ มาเรสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อุปฎฺฐาเก อาห ‘‘มยฺหํ ปิตา ตรุโณ, อหํ เอตสฺส ธูมกาลํ โอโลเกโนฺต มหลฺลโก ภวิสฺสามิ ชราชิโณฺณ, ตาทิเส กาเล ลเทฺธนปิ รเชฺชน โก อโตฺถ’’ติฯ เต อาหํสุ ‘‘เทว, น สกฺกา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจรตฺตํ กาตุํ, ตว ปิตรํ เกนจิ อุปาเยน มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหา’’ติ ฯ โส ‘‘สาธู’’ติ อโนฺตนิเวสเน รโญฺญ สายํ นฺหานโปกฺขรณีสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ นํ มาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ ราชา สายํ มูสิกํ นาม ทาสิํ ‘‘คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฎฺฐิํ โสเธตฺวา เอหิ, นฺหายิสฺสามี’’ติ เปเสสิฯ สา คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฎฺฐิํ โสเธนฺตี กุมารํ ปสฺสิฯ กุมาโร อตฺตโน กมฺมสฺส ปากฎภาวภเยน ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา โปกฺขรณิยํ ปาเตสิฯ ราชา นฺหายิตุํ อคมาสิ ฯ เสสชโน ‘‘อชฺชาปิ มูสิกา ทาสี น ปุนาคจฺฉติ, กุหิํ คตา กตฺถ คตา’’ติ อาหฯ ราชา –

    So kumāro gantvā uparājā hutvā pitu accayena rajjaṃ kāresi, tasseko putto jāyi. So soḷasavassakāle rajjalobhena ‘‘pitaraṃ māressāmī’’ti cintetvā upaṭṭhāke āha ‘‘mayhaṃ pitā taruṇo, ahaṃ etassa dhūmakālaṃ olokento mahallako bhavissāmi jarājiṇṇo, tādise kāle laddhenapi rajjena ko attho’’ti. Te āhaṃsu ‘‘deva, na sakkā paccantaṃ gantvā corattaṃ kātuṃ, tava pitaraṃ kenaci upāyena māretvā rajjaṃ gaṇhā’’ti . So ‘‘sādhū’’ti antonivesane rañño sāyaṃ nhānapokkharaṇīsamīpaṃ gantvā ‘‘ettha naṃ māressāmī’’ti khaggaṃ gahetvā aṭṭhāsi. Rājā sāyaṃ mūsikaṃ nāma dāsiṃ ‘‘gantvā pokkharaṇīpiṭṭhiṃ sodhetvā ehi, nhāyissāmī’’ti pesesi. Sā gantvā pokkharaṇīpiṭṭhiṃ sodhentī kumāraṃ passi. Kumāro attano kammassa pākaṭabhāvabhayena taṃ dvidhā chinditvā pokkharaṇiyaṃ pātesi. Rājā nhāyituṃ agamāsi . Sesajano ‘‘ajjāpi mūsikā dāsī na punāgacchati, kuhiṃ gatā kattha gatā’’ti āha. Rājā –

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘กุหิํ คตา กตฺถ คตา, อิติ ลาลปฺปตี ชโน;

    ‘‘Kuhiṃ gatā kattha gatā, iti lālappatī jano;

    อหเมเวโก ชานามิ, อุทปาเน มูสิกา หตา’’ติฯ –

    Ahameveko jānāmi, udapāne mūsikā hatā’’ti. –

    ปฐมํ คาถํ ภณโนฺต โปกฺขรณีตีรํ อคมาสิฯ

    Paṭhamaṃ gāthaṃ bhaṇanto pokkharaṇītīraṃ agamāsi.

    ตตฺถ กุหิํ คตา กตฺถ คตาติ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อิติ ลาลปฺปตีติ เอวํ วิปฺปลปติฯ อิติ อยํ คาถา ‘‘อชานโนฺต ชโน มูสิกา ทาสี กุหิํ คตาติ วิปฺปลปติ, ราชกุมาเรน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มูสิกาย โปกฺขรณิยํ ปาติตภาวํ อหเมว เอโก ชานามี’’ติ รโญฺญ อชานนฺตเสฺสว อิมมตฺถํ ทีเปติฯ

    Tattha kuhiṃ gatā kattha gatāti aññamaññavevacanāni. Iti lālappatīti evaṃ vippalapati. Iti ayaṃ gāthā ‘‘ajānanto jano mūsikā dāsī kuhiṃ gatāti vippalapati, rājakumārena dvidhā chinditvā mūsikāya pokkharaṇiyaṃ pātitabhāvaṃ ahameva eko jānāmī’’ti rañño ajānantasseva imamatthaṃ dīpeti.

    กุมาโร ‘‘มยา กตกมฺมํ มยฺหํ ปิตรา ญาต’’นฺติ ภีโต ปลายิตฺวา ตมตฺถํ อุปฎฺฐากานํ อาโรเจสิฯ เต สตฺตฎฺฐทิวสจฺจเยน ปุน ตํ อาหํสุ ‘‘เทว, สเจ ราชา ชาเนยฺย, น ตุณฺหี ภเวยฺย, ตกฺกคาเหน ปน เตน ตํ วุตฺตํ ภวิสฺสติ, มาเรหิ น’’นฺติฯ โส ปุเนกทิวสํ ขคฺคหโตฺถ โสปานปาทมูเล ฐตฺวา รโญฺญ อาคมนกาเล อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกสิฯ ราชา –

    Kumāro ‘‘mayā katakammaṃ mayhaṃ pitarā ñāta’’nti bhīto palāyitvā tamatthaṃ upaṭṭhākānaṃ ārocesi. Te sattaṭṭhadivasaccayena puna taṃ āhaṃsu ‘‘deva, sace rājā jāneyya, na tuṇhī bhaveyya, takkagāhena pana tena taṃ vuttaṃ bhavissati, mārehi na’’nti. So punekadivasaṃ khaggahattho sopānapādamūle ṭhatvā rañño āgamanakāle ito cito ca paharaṇokāsaṃ olokesi. Rājā –

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘ยเญฺจตํ อิติ จีติ จ, คทฺรโภว นิวตฺตสิ;

    ‘‘Yañcetaṃ iti cīti ca, gadrabhova nivattasi;

    อุทปาเน มูสิกํ หนฺตฺวา, ยวํ ภเกฺขตุมิจฺฉสี’’ติฯ –

    Udapāne mūsikaṃ hantvā, yavaṃ bhakkhetumicchasī’’ti. –

    ทุติยํ คาถํ สชฺฌายโนฺต อคมาสิฯ อยมฺปิ คาถา ‘‘ยสฺมา ตฺวํ อิติ จีติ จ อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกโนฺต คทฺรโภว นิวตฺตสิ, ตสฺมา ตํ ชานามิ ‘ปุริมทิวเส โปกฺขรณิยํ มูสิกํ ทาสิํ หนฺตฺวา อชฺช มํ ยวราชานํ ภเกฺขตุํ มาเรตุํ อิจฺฉสี’’’ติ รโญฺญ อชานนฺตเสฺสว อิมมตฺถํ ทีเปติฯ

    Dutiyaṃ gāthaṃ sajjhāyanto agamāsi. Ayampi gāthā ‘‘yasmā tvaṃ iti cīti ca ito cito ca paharaṇokāsaṃ olokento gadrabhova nivattasi, tasmā taṃ jānāmi ‘purimadivase pokkharaṇiyaṃ mūsikaṃ dāsiṃ hantvā ajja maṃ yavarājānaṃ bhakkhetuṃ māretuṃ icchasī’’’ti rañño ajānantasseva imamatthaṃ dīpeti.

    กุมาโร ‘‘ทิโฎฺฐมฺหิ ปิตรา’’ติ อุตฺรโสฺต ปลายิฯ โส ปุน อฑฺฒมาสมตฺตํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘ราชานํ ทพฺพิยา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ เอกํ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ คเหตฺวา โอลุมฺพิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ราชา –

    Kumāro ‘‘diṭṭhomhi pitarā’’ti utrasto palāyi. So puna aḍḍhamāsamattaṃ atikkamitvā ‘‘rājānaṃ dabbiyā paharitvā māressāmī’’ti ekaṃ dīghadaṇḍakaṃ dabbipaharaṇaṃ gahetvā olumbitvā aṭṭhāsi. Rājā –

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘ทหโร จาสิ ทุเมฺมธ, ปฐมุปฺปตฺติโก สุสุ;

    ‘‘Daharo cāsi dummedha, paṭhamuppattiko susu;

    ทีฆเญฺจตํ สมาสชฺช, น เต ทสฺสามิ ชีวิต’’นฺติฯ –

    Dīghañcetaṃ samāsajja, na te dassāmi jīvita’’nti. –

    ตติยํ คาถํ สชฺฌายโนฺต โสปานปาทมตฺถกํ อภิรุหิฯ

    Tatiyaṃ gāthaṃ sajjhāyanto sopānapādamatthakaṃ abhiruhi.

    ตตฺถ ปฐมุปฺปตฺติโกติ ปฐมวเยน อุปฺปตฺติโต อุเปโต, ปฐมวเย ฐิโตติ อโตฺถฯ สุสูติ ตรุโณฯ ทีฆนฺติ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํฯ สมาสชฺชาติ คเหตฺวา, โอลุมฺพิตฺวา ฐิโตสีติ อโตฺถฯ อยมฺปิ คาถา ‘‘ทุเมฺมธ, อตฺตโน วยํ ปริภุญฺชิตุํ น ลภิสฺสสิ, น เต ทานิ นิลฺลชฺชสฺส ชีวิตํ ทสฺสามิ, มาเรตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา สูเลเยว อาวุณาเปสฺสามี’’ติ รโญฺญ อชานนฺตเสฺสว กุมารํ สนฺตชฺชยมานา อิมมตฺถํ ทีเปติฯ

    Tattha paṭhamuppattikoti paṭhamavayena uppattito upeto, paṭhamavaye ṭhitoti attho. Susūti taruṇo. Dīghanti dīghadaṇḍakaṃ dabbipaharaṇaṃ. Samāsajjāti gahetvā, olumbitvā ṭhitosīti attho. Ayampi gāthā ‘‘dummedha, attano vayaṃ paribhuñjituṃ na labhissasi, na te dāni nillajjassa jīvitaṃ dassāmi, māretvā khaṇḍākhaṇḍaṃ chinditvā sūleyeva āvuṇāpessāmī’’ti rañño ajānantasseva kumāraṃ santajjayamānā imamatthaṃ dīpeti.

    โส ตํ ทิวสํ ปลายิตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘ชีวิตํ เม เทหิ, เทวา’’ติ รโญฺญ ปาทมูเล นิปชฺชิฯ ราชา ตํ ตเชฺชตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร กาเรตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฎฺฐา อลงฺกตราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิสาปาโมโกฺข พฺราหฺมโณ อิมํ มยฺหํ อนฺตรายํ ทิสฺวา อิมา ติโสฺส คาถา อภาสี’’ติ หฎฺฐตุโฎฺฐ อุทานํ อุทาเนโนฺต เสสคาถา อภาสิ –

    So taṃ divasaṃ palāyituṃ asakkonto ‘‘jīvitaṃ me dehi, devā’’ti rañño pādamūle nipajji. Rājā taṃ tajjetvā saṅkhalikāhi bandhāpetvā bandhanāgāre kāretvā setacchattassa heṭṭhā alaṅkatarājāsane nisīditvā ‘‘amhākaṃ ācariyo disāpāmokkho brāhmaṇo imaṃ mayhaṃ antarāyaṃ disvā imā tisso gāthā abhāsī’’ti haṭṭhatuṭṭho udānaṃ udānento sesagāthā abhāsi –

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘นานฺตลิกฺขภวเนน, นางฺคปุตฺตปิเนน วา;

    ‘‘Nāntalikkhabhavanena, nāṅgaputtapinena vā;

    ปุเตฺตน หิ ปตฺถยิโต, สิโลเกหิ ปโมจิโตฯ

    Puttena hi patthayito, silokehi pamocito.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘สพฺพํ สุตมธีเยถ, หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิมํ;

    ‘‘Sabbaṃ sutamadhīyetha, hīnamukkaṭṭhamajjhimaṃ;

    สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย, น จ สพฺพํ ปโยชเย;

    Sabbassa atthaṃ jāneyya, na ca sabbaṃ payojaye;

    โหติ ตาทิสโก กาโล, ยตฺถ อตฺถาวหํ สุต’’นฺติฯ

    Hoti tādisako kālo, yattha atthāvahaṃ suta’’nti.

    ตตฺถ นานฺตลิกฺขภวเนนาติ อนฺตลิกฺขภวนํ วุจฺจติ ทิพฺพวิมานํ, อหํ อชฺช อนฺตลิกฺขภวนมฺปิ น อารุโฬฺห, ตสฺมา อนฺตลิกฺขภวเนนาปิ อชฺช มรณโต น ปโมจิโตมฺหิฯ นางฺคปุตฺตปิเนน วาติ องฺคสริกฺขเกน วา ปุตฺตปิเนนปิ น ปโมจิโตฯ ปุเตฺตน หิ ปตฺถยิโตติ อหํ ปน อตฺตโน ปุเตฺตเนว อชฺช มาเรตุํ ปตฺถิโตฯ สิโลเกหิ ปโมจิโตติ โสหํ อาจริเยน พนฺธิตฺวา ทินฺนาหิ คาถาหิ ปโมจิโตฯ

    Tattha nāntalikkhabhavanenāti antalikkhabhavanaṃ vuccati dibbavimānaṃ, ahaṃ ajja antalikkhabhavanampi na āruḷho, tasmā antalikkhabhavanenāpi ajja maraṇato na pamocitomhi. Nāṅgaputtapinena vāti aṅgasarikkhakena vā puttapinenapi na pamocito. Puttena hi patthayitoti ahaṃ pana attano putteneva ajja māretuṃ patthito. Silokehi pamocitoti sohaṃ ācariyena bandhitvā dinnāhi gāthāhi pamocito.

    สุตนฺติ ปริยตฺติํฯ อธีเยถาติ คเณฺหยฺย สิเกฺขยฺยฯ หีนมุกฺกฎฺฐมชฺฌิมนฺติ หีนํ วา โหตุ อุตฺตมํ วา มชฺฌิมํ วา, สพฺพํ อธียิตพฺพเมวาติ ทีเปติฯ น จ สพฺพํ ปโยชเยติ หีนํ มนฺตํ วา สิปฺปํ วา มชฺฌิมํ วา น ปโยชเย, อุตฺตมเมว ปโยชเยยฺยาติ อโตฺถฯ ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตนฺติ ยสฺมิํ กาเล มโหสธปณฺฑิตสฺส กุมฺภการกมฺมกรณํ วิย ยํกิญฺจิ สิกฺขิตสิปฺปํ อตฺถาวหํ โหติ, ตาทิโสปิ กาโล โหติเยวาติ อโตฺถฯ อปรภาเค รโญฺญ อจฺจเยน กุมาโร รเชฺช ปติฎฺฐาสิฯ

    Sutanti pariyattiṃ. Adhīyethāti gaṇheyya sikkheyya. Hīnamukkaṭṭhamajjhimanti hīnaṃ vā hotu uttamaṃ vā majjhimaṃ vā, sabbaṃ adhīyitabbamevāti dīpeti. Na ca sabbaṃ payojayeti hīnaṃ mantaṃ vā sippaṃ vā majjhimaṃ vā na payojaye, uttamameva payojayeyyāti attho. Yattha atthāvahaṃ sutanti yasmiṃ kāle mahosadhapaṇḍitassa kumbhakārakammakaraṇaṃ viya yaṃkiñci sikkhitasippaṃ atthāvahaṃ hoti, tādisopi kālo hotiyevāti attho. Aparabhāge rañño accayena kumāro rajje patiṭṭhāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā disāpāmokkho ācariyo ahameva ahosi’’nti.

    มูสิกชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Mūsikajātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗๓. มูสิกชาตกํ • 373. Mūsikajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact