Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๒. มุตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา
2. Muttātherīgāthāvaṇṇanā
๒.
2.
‘‘มุเตฺต มุจฺจสฺสุ โยเคหิ, จโนฺท ราหุคฺคหา อิว;
‘‘Mutte muccassu yogehi, cando rāhuggahā iva;
วิปฺปมุเตฺตน จิเตฺตน, อนณา ภุญฺช ปิณฺฑก’’นฺติฯ –
Vippamuttena cittena, anaṇā bhuñja piṇḍaka’’nti. –
อยํ มุตฺตาย นาม สิกฺขมานาย คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ รถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปีติเวเคน สตฺถุ ปาทมูเล อวกุชฺชา นิปชฺชิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, มุตฺตาติสฺสา นามํ อโหสิฯ สา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย วีสติวสฺสกาเล มหาปชาปติโคตมิยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สิกฺขมานาว หุตฺวา กมฺมฎฺฐานํ กถาเปตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติฯ สา เอกทิวสํ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา เถรีนํ ภิกฺขุนีนํ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา ทิวาฎฺฐานํ คนฺตฺวา รโห นิสินฺนา วิปสฺสนาย มนสิการํ อารภิฯ สตฺถา สุรภิคนฺธกุฎิยา นิสิโนฺนว โอภาสํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตสฺสา ปุรโต นิสิโนฺน วิย อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘มุเตฺต มุจฺจสฺสุ โยเคหี’’ติ อิมํ คาถมาหฯ
Ayaṃ muttāya nāma sikkhamānāya gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthāraṃ rathiyaṃ gacchantaṃ disvā pasannamānasā pañcapatiṭṭhitena vanditvā pītivegena satthu pādamūle avakujjā nipajji. Sā tena puññakammena devaloke nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇamahāsālakule nibbatti, muttātissā nāmaṃ ahosi. Sā upanissayasampannatāya vīsativassakāle mahāpajāpatigotamiyā santike pabbajitvā sikkhamānāva hutvā kammaṭṭhānaṃ kathāpetvā vipassanāya kammaṃ karoti. Sā ekadivasaṃ bhattakiccaṃ katvā piṇḍapātapaṭikkantā therīnaṃ bhikkhunīnaṃ vattaṃ dassetvā divāṭṭhānaṃ gantvā raho nisinnā vipassanāya manasikāraṃ ārabhi. Satthā surabhigandhakuṭiyā nisinnova obhāsaṃ vissajjetvā tassā purato nisinno viya attānaṃ dassetvā ‘‘mutte muccassu yogehī’’ti imaṃ gāthamāha.
ตตฺถ มุเตฺตติ ตสฺสา อาลปนํฯ มุจฺจสฺสุ โยเคหีติ มคฺคปฎิปาฎิยา กามโยคาทีหิ จตูหิ โยเคหิ มุจฺจ, เตหิ วิมุตฺตจิตฺตา โหหิฯ ยถา กิํ? จโนฺท ราหุคฺคหา อิวาติ ราหุสงฺขาโต คหโต จโนฺท วิย อุปกฺกิเลสโต มุจฺจสฺสุฯ วิปฺปมุเตฺตน จิเตฺตนาติ อริยมเคฺคน สมุเจฺฉทวิมุตฺติยา สุฎฺฐุ วิมุเตฺตน จิเตฺตน, อิตฺถํ ภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํฯ อนณา ภุญฺช ปิณฺฑกนฺติ กิเลสอิณํ ปหาย อนณา หุตฺวา รฎฺฐปิณฺฑํ ภุเญฺชยฺยาสิฯ โย หิ กิเลเส อปฺปหาย สตฺถารา อนุญฺญาตปจฺจเย ปริภุญฺชติ, โส สาโณ ปริภุญฺชติ นามฯ ยถาห อายสฺมา พากุโล – ‘‘สตฺตาหเมว โข อหํ, อาวุโส, สาโณ รฎฺฐปิณฺฑํ ภุญฺชิ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๒๑๑)ฯ ตสฺมา สาสเน ปพฺพชิเตน กามจฺฉนฺทาทิอิณํ ปหานาย อนเณน หุตฺวา สทฺธาเทยฺยํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ปิณฺฑกนฺติ เทสนาสีสเมว, จตฺตาโรปิ ปจฺจเยติ อโตฺถฯ อภิณฺหํ โอวทตีติ อริยมคฺคปฺปตฺติยา อุปกฺกิเลเส วิโสเธโนฺต พหุโส โอวาทํ เทติฯ
Tattha mutteti tassā ālapanaṃ. Muccassu yogehīti maggapaṭipāṭiyā kāmayogādīhi catūhi yogehi mucca, tehi vimuttacittā hohi. Yathā kiṃ? Cando rāhuggahā ivāti rāhusaṅkhāto gahato cando viya upakkilesato muccassu. Vippamuttena cittenāti ariyamaggena samucchedavimuttiyā suṭṭhu vimuttena cittena, itthaṃ bhūtalakkhaṇe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Anaṇā bhuñja piṇḍakanti kilesaiṇaṃ pahāya anaṇā hutvā raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñjeyyāsi. Yo hi kilese appahāya satthārā anuññātapaccaye paribhuñjati, so sāṇo paribhuñjati nāma. Yathāha āyasmā bākulo – ‘‘sattāhameva kho ahaṃ, āvuso, sāṇo raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñji’’nti (ma. ni. 3.211). Tasmā sāsane pabbajitena kāmacchandādiiṇaṃ pahānāya anaṇena hutvā saddhādeyyaṃ paribhuñjitabbaṃ. Piṇḍakanti desanāsīsameva, cattāropi paccayeti attho. Abhiṇhaṃ ovadatīti ariyamaggappattiyā upakkilese visodhento bahuso ovādaṃ deti.
สา ตสฺมิํ โอวาเท ฐตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๑.๓๑-๓๖) –
Sā tasmiṃ ovāde ṭhatvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.1.31-36) –
‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;
‘‘Vipassissa bhagavato, lokajeṭṭhassa tādino;
รถิยํ ปฎิปนฺนสฺส, ตารยนฺตสฺส ปาณิโนฯ
Rathiyaṃ paṭipannassa, tārayantassa pāṇino.
‘‘ฆรโต นิกฺขมิตฺวาน, อวกุชฺชา นิปชฺชหํ;
‘‘Gharato nikkhamitvāna, avakujjā nipajjahaṃ;
อนุกมฺปโก โลกนาโถ, สิรสิ อกฺกมี มมฯ
Anukampako lokanātho, sirasi akkamī mama.
‘‘อกฺกมิตฺวาน สิรสิ, อคมา โลกนายโก;
‘‘Akkamitvāna sirasi, agamā lokanāyako;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตุสิตํ อคมาสหํฯ
Tena cittappasādena, tusitaṃ agamāsahaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สา ตเมว คาถํ อุทาเนสิฯ ปริปุณฺณสิกฺขา อุปสมฺปชฺชิตฺวา อปรภาเค ปรินิพฺพานกาเลปิ ตเมว คาถํ ปจฺจภาสีติฯ
Arahattaṃ pana patvā sā tameva gāthaṃ udānesi. Paripuṇṇasikkhā upasampajjitvā aparabhāge parinibbānakālepi tameva gāthaṃ paccabhāsīti.
มุตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Muttātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๒. มุตฺตาเถรีคาถา • 2. Muttātherīgāthā