Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๑๑. มุตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา
11. Muttātherīgāthāvaṇṇanā
สุมุตฺตา สาธุมุตฺตามฺหีติอาทิกา มุตฺตาเถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลชนปเท โอฆาตกสฺส นาม ทลิทฺทพฺราหฺมณสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตํ วยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตโร เอกสฺส ขุชฺชพฺราหฺมณสฺส อทํสุฯ สา เตน ฆราวาสํ อโรจนฺตี ตํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติฯ ตสฺสา พหิทฺธารมฺมเณสุ จิตฺตํ วิธาวติ, สา ตํ นิคฺคณฺหนฺตี ‘‘สุมุตฺตา สาธุมุตฺตามฺหี’’ติ คาถํ วทนฺตีเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน –
Sumuttāsādhumuttāmhītiādikā muttātheriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde kosalajanapade oghātakassa nāma daliddabrāhmaṇassa dhītā hutvā nibbatti, taṃ vayappattakāle mātāpitaro ekassa khujjabrāhmaṇassa adaṃsu. Sā tena gharāvāsaṃ arocantī taṃ anujānāpetvā pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karoti. Tassā bahiddhārammaṇesu cittaṃ vidhāvati, sā taṃ niggaṇhantī ‘‘sumuttā sādhumuttāmhī’’ti gāthaṃ vadantīyeva vipassanaṃ ussukkāpetvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธเมฺมสุ จกฺขุมา;
‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammesu cakkhumā;
ปาณิเน อนุคณฺหโนฺต, ปิณฺฑาย ปาวิสี ปุรํฯ
Pāṇine anugaṇhanto, piṇḍāya pāvisī puraṃ.
‘‘ตสฺส อาคจฺฉโต สตฺถุ, สเพฺพ นครวาสิโน;
‘‘Tassa āgacchato satthu, sabbe nagaravāsino;
หฎฺฐตุฎฺฐา สมาคนฺตฺวา, วาลิกา อากิริํสุ เตฯ
Haṭṭhatuṭṭhā samāgantvā, vālikā ākiriṃsu te.
‘‘วีถิสมฺมชฺชนํ กตฺวา, กทลิปุณฺณกทฺธเช;
‘‘Vīthisammajjanaṃ katvā, kadalipuṇṇakaddhaje;
ธูมํ จุณฺณญฺจ มาสญฺจ, สกฺการํ กจฺจ สตฺถุโนฯ
Dhūmaṃ cuṇṇañca māsañca, sakkāraṃ kacca satthuno.
‘‘มณฺฑปํ ปฎิยาเทตฺวา, นิมเนฺตตฺวา วินายกํ;
‘‘Maṇḍapaṃ paṭiyādetvā, nimantetvā vināyakaṃ;
มหาทานํ ททิตฺวาน, สโมฺพธิํ อภิปตฺถยิฯ
Mahādānaṃ daditvāna, sambodhiṃ abhipatthayi.
‘‘ปทุมุตฺตโร มหาวีโร, หารโก สพฺพปาณินํ;
‘‘Padumuttaro mahāvīro, hārako sabbapāṇinaṃ;
อนุโมทนิยํ กตฺวา, พฺยากาสิ อคฺคปุคฺคโลฯ
Anumodaniyaṃ katvā, byākāsi aggapuggalo.
‘‘สตสหเสฺส อติกฺกเนฺต, กโปฺป เหสฺสติ ภทฺทโก;
‘‘Satasahasse atikkante, kappo hessati bhaddako;
ภวาภเว สุขํ ลทฺธา, ปาปุณิสฺสสิ โพธิยํฯ
Bhavābhave sukhaṃ laddhā, pāpuṇissasi bodhiyaṃ.
‘‘หตฺถกมฺมญฺจ เย เกจิ, กตาวี นรนาริโย;
‘‘Hatthakammañca ye keci, katāvī naranāriyo;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, สพฺพา เหสฺสนฺติ สมฺมุขาฯ
Anāgatamhi addhāne, sabbā hessanti sammukhā.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammavipākena, cetanāpaṇidhīhi ca;
อุปฺปนฺนเทวภวเน, ตุยฺหํ ตา ปริจาริกาฯ
Uppannadevabhavane, tuyhaṃ tā paricārikā.
‘‘ทิพฺพํ สุขมสเงฺขฺยยฺยํ, มานุสญฺจ อสงฺขิยํ;
‘‘Dibbaṃ sukhamasaṅkhyeyyaṃ, mānusañca asaṅkhiyaṃ;
อนุโภนฺติ จิรํ กาลํ, สํสริมฺห ภวาภเวฯ
Anubhonti ciraṃ kālaṃ, saṃsarimha bhavābhave.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
สุขุมาลา มนุเสฺสสุ, อโถ เทวปุเรสุ จฯ
Sukhumālā manussesu, atho devapuresu ca.
‘‘รูปํ โภคํ ยสํ อายุํ, อโถ กิตฺติสุขํ ปิยํ;
‘‘Rūpaṃ bhogaṃ yasaṃ āyuṃ, atho kittisukhaṃ piyaṃ;
ลภามิ สตตํ สพฺพํ, สุกตํ กมฺมสมฺปทํฯ
Labhāmi satataṃ sabbaṃ, sukataṃ kammasampadaṃ.
‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปเตฺต, ชาตาหํ พฺราหฺมเณ กุเล;
‘‘Pacchime bhave sampatte, jātāhaṃ brāhmaṇe kule;
สุขุมาลหตฺถปาทา , รมณิเย นิเวสเนฯ
Sukhumālahatthapādā , ramaṇiye nivesane.
‘‘สพฺพกาลมฺปิ ปถวี, น ปสฺสามนลงฺกตํ;
‘‘Sabbakālampi pathavī, na passāmanalaṅkataṃ;
จิกฺขลฺลภูมิํ อสุจิํ, น ปสฺสามิ กุทาจนํฯ
Cikkhallabhūmiṃ asuciṃ, na passāmi kudācanaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อุทาเนนฺตี –
Arahattaṃ pana patvā udānentī –
๑๑.
11.
‘‘สุมุตฺตา สาธุมุตฺตามฺหิ, ตีหิ ขุเชฺชหิ มุตฺติยา;
‘‘Sumuttā sādhumuttāmhi, tīhi khujjehi muttiyā;
อุทุกฺขเลน มุสเลน, ปตินา ขุชฺชเกน จ;
Udukkhalena musalena, patinā khujjakena ca;
มุตฺตามฺหิ ชาติมรณา, ภวเนตฺติ สมูหตา’’ติฯ – อิมํ คาถํ อภาสิ;
Muttāmhi jātimaraṇā, bhavanetti samūhatā’’ti. – imaṃ gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ สุมุตฺตาติ สุฎฺฐุ มุตฺตาฯ สาธุมุตฺตามฺหีติ สาธุ สมฺมเทว มุตฺตา อมฺหิฯ กุโต ปน สุมุตฺตา สาธุมุตฺตาติ อาห ‘‘ตีหิ ขุเชฺชหิ มุตฺติยา’’ติ, ตีหิ วงฺกเกหิ ปริมุตฺติยาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตานิ สรูปโต ทเสฺสนฺตี ‘‘อุทุกฺขเลน มุสเลน, ปตินา ขุชฺชเกน จา’’ติ อาหฯ อุทุกฺขเล หิ ธญฺญํ ปกฺขิปนฺติยา ปริวเตฺตนฺติยา มุสเลน โกเฎฺฎนฺติยา จ ปิฎฺฐิ โอนาเมตพฺพา โหตีติ ขุชฺชกรณเหตุตาย ตทุภยํ ‘‘ขุชฺช’’นฺติ วุตฺตํฯ สามิโก ปนสฺสา ขุโชฺช เอวฯ อิทานิ ยสฺสา มุตฺติยา นิทสฺสนวเสน ตีหิ ขุเชฺชหิ มุตฺติ วุตฺตาฯ ตเมว ทเสฺสนฺตี ‘‘มุตฺตามฺหิ ชาติมรณา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘ภวเนตฺติ สมูหตา’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – น เกวลมหํ ตีหิ ขุเชฺชหิ เอว มุตฺตา, อถ โข สพฺพสฺมา ชาติมรณาปิ, ยสฺมา สพฺพสฺสาปิ ภวสฺส เนตฺติ นายิกา ตณฺหา อคฺคมเคฺคน มยา สมุคฺฆาฎิตาติฯ
Tattha sumuttāti suṭṭhu muttā. Sādhumuttāmhīti sādhu sammadeva muttā amhi. Kuto pana sumuttā sādhumuttāti āha ‘‘tīhi khujjehi muttiyā’’ti, tīhi vaṅkakehi parimuttiyāti attho. Idāni tāni sarūpato dassentī ‘‘udukkhalena musalena, patinā khujjakena cā’’ti āha. Udukkhale hi dhaññaṃ pakkhipantiyā parivattentiyā musalena koṭṭentiyā ca piṭṭhi onāmetabbā hotīti khujjakaraṇahetutāya tadubhayaṃ ‘‘khujja’’nti vuttaṃ. Sāmiko panassā khujjo eva. Idāni yassā muttiyā nidassanavasena tīhi khujjehi mutti vuttā. Tameva dassentī ‘‘muttāmhi jātimaraṇā’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘bhavanetti samūhatā’’ti. Tassattho – na kevalamahaṃ tīhi khujjehi eva muttā, atha kho sabbasmā jātimaraṇāpi, yasmā sabbassāpi bhavassa netti nāyikā taṇhā aggamaggena mayā samugghāṭitāti.
มุตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Muttātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑๑. มุตฺตาเถรีคาถา • 11. Muttātherīgāthā