Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā

    ๒. นทีกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา

    2. Nadīkassapattheraapadānavaṇṇanā

    ทุติยาปทาเน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิกํ อายสฺมโต นทีกสฺสปเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตนา โรปิตสฺส อมฺพรุกฺขสฺส ปฐมุปฺปนฺนํ มโนสิลาวณฺณํ เอกํ อมฺพผลํ อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท มคธรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล อุรุเวลกสฺสปสฺส ภาตา หุตฺวา นิพฺพโตฺต วยปฺปโตฺต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ อนิจฺฉโนฺต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตีหิ ตาปสสเตหิ สทฺธิํ เนรญฺชราย นทิยา ตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา วิหรติฯ นทีตีเร วสนโต กสฺสปโคตฺตตาย จ นทีกสฺสโปติ สมญฺญา อโหสิฯ ตสฺส ภควา สปริสสฺส เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิฯ โส ภควโต คยาสีเส อาทิตฺตปริยาย เทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ

    Dutiyāpadāne padumuttarassa bhagavatotiādikaṃ āyasmato nadīkassapattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ satthāraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pasannamānaso attanā ropitassa ambarukkhassa paṭhamuppannaṃ manosilāvaṇṇaṃ ekaṃ ambaphalaṃ adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde magadharaṭṭhe brāhmaṇakule uruvelakassapassa bhātā hutvā nibbatto vayappatto nissaraṇajjhāsayatāya gharāvāsaṃ anicchanto tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā tīhi tāpasasatehi saddhiṃ nerañjarāya nadiyā tīre assamaṃ māpetvā viharati. Nadītīre vasanato kassapagottatāya ca nadīkassapoti samaññā ahosi. Tassa bhagavā saparisassa ehibhikkhubhāvena upasampadaṃ adāsi. So bhagavato gayāsīse ādittapariyāya desanāya (mahāva. 54; saṃ. ni. 4.28) arahatte patiṭṭhāsi.

    ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สตฺถา ยสํ กุลปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา อุรุเวลายํ ตโย ภาติกชฎิเล ทเมตุํ เยน อุรุเวลา ตทวสริฯ เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ ตโย ชฎิลา ปฎิวสนฺติ อุรุเวลกสฺสโป นทีกสฺสโป คยากสฺสโปติ, เตสุ อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ปญฺจนฺนํ ชฎิลสตานํ นายโก โหติ วินายโก อโคฺค ปมุโข ปาโมโกฺข, นทีกสฺสโป ชฎิโล ติณฺณํ ชฎิลสตานํ นายโก โหติ วินายโก อโคฺค ปมุโข ปาโมโกฺข, คยากสฺสโป ชฎิโล ทฺวินฺนํ ชฎิลสตานํ นายโก โหติ วินายโก อโคฺค ปมุโข ปาโมโกฺขฯ อถ โข ภควา เยน อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ เต, กสฺสป, อครุ, วเสยฺยาม เอกรตฺตํ อคฺยาคาเร’’ติฯ น โข เม, มหาสมณ, ครุ, จเณฺฑตฺถ นาคราชา อิทฺธิมา อาสิวิโส โฆรวิโส, โส ตํ มา วิเหเฐสีติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ…เป.… ตติยมฺปิ…เป.… โส ตํ มา วิเหเฐสีติฯ อเปฺปว มํ น วิเหเฐยฺย, อิงฺฆ ตฺวํ, กสฺสป, อนุชานาหิ อคฺยาคารนฺติ ฯ วิหร, มหาสมณ, ยถาสุขนฺติฯ อถ โข ภควา อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถารกํ ปญฺญเปตฺวา นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ

    Tatrāyaṃ anupubbikathā – satthā yasaṃ kulaputtaṃ pabbājetvā uruvelāyaṃ tayo bhātikajaṭile dametuṃ yena uruvelā tadavasari. Tena kho pana samayena uruvelāyaṃ tayo jaṭilā paṭivasanti uruvelakassapo nadīkassapo gayākassapoti, tesu uruvelakassapo jaṭilo pañcannaṃ jaṭilasatānaṃ nāyako hoti vināyako aggo pamukho pāmokkho, nadīkassapo jaṭilo tiṇṇaṃ jaṭilasatānaṃ nāyako hoti vināyako aggo pamukho pāmokkho, gayākassapo jaṭilo dvinnaṃ jaṭilasatānaṃ nāyako hoti vināyako aggo pamukho pāmokkho. Atha kho bhagavā yena uruvelakassapassa jaṭilassa assamo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘sace te, kassapa, agaru, vaseyyāma ekarattaṃ agyāgāre’’ti. Na kho me, mahāsamaṇa, garu, caṇḍettha nāgarājā iddhimā āsiviso ghoraviso, so taṃ mā viheṭhesīti. Dutiyampi kho bhagavā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca…pe… tatiyampi…pe… so taṃ mā viheṭhesīti. Appeva maṃ na viheṭheyya, iṅgha tvaṃ, kassapa, anujānāhi agyāgāranti . Vihara, mahāsamaṇa, yathāsukhanti. Atha kho bhagavā agyāgāraṃ pavisitvā tiṇasanthārakaṃ paññapetvā nisīdi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā.

    อทฺทสา โข โส นาโค ภควนฺตํ ปวิฎฺฐํ, ทิสฺวา ทุมฺมโน ปธูปายิฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ อิมสฺส นาคสฺส อนุปหจฺจ ฉวิญฺจ จมฺมญฺจ มํสญฺจ นฺหารุญฺจ อฎฺฐิญฺจ อฎฺฐิมิญฺชญฺจ เตชสา เตชํ ปริยาทิเยยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา ปธูปายิฯ อถ โข โส นาโค มกฺขํ อสหมาโน ปชฺชลิฯ ภควาปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปชฺชลิฯ อุภินฺนํ สโชติภูตานํ อคฺยาคารํ อาทิตฺตํ วิย โหติ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํฯ อถ โข เต ชฎิลา อคฺยาคารํ ปริวาเรตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘อภิรูโป วต, โภ, มหาสมโณ นาเคน วิเหฐิยตี’’ติฯ อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ตสฺส นาคสฺส อนุปหจฺจ ฉวิญฺจ จมฺมญฺจ มํสญฺจ นฺหารุญฺจ อฎฺฐิญฺจ อฎฺฐิมิญฺชญฺจ เตชสา เตชํ ปริยาทิยิตฺวา ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ทเสฺสสิ – ‘‘อยํ เต, กสฺสป, นาโค ปริยาทิโนฺน อสฺส เตชสา เตโช’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จณฺฑสฺส นาคราชสฺส อิทฺธิมโต อาสิวิสสฺส โฆรวิสสฺส เตชสา เตชํ ปริยาทิยิสฺสติ, น เตฺวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Addasā kho so nāgo bhagavantaṃ paviṭṭhaṃ, disvā dummano padhūpāyi. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ imassa nāgassa anupahacca chaviñca cammañca maṃsañca nhāruñca aṭṭhiñca aṭṭhimiñjañca tejasā tejaṃ pariyādiyeyya’’nti. Atha kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkharitvā padhūpāyi. Atha kho so nāgo makkhaṃ asahamāno pajjali. Bhagavāpi tejodhātuṃ samāpajjitvā pajjali. Ubhinnaṃ sajotibhūtānaṃ agyāgāraṃ ādittaṃ viya hoti sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ. Atha kho te jaṭilā agyāgāraṃ parivāretvā evamāhaṃsu – ‘‘abhirūpo vata, bho, mahāsamaṇo nāgena viheṭhiyatī’’ti. Atha kho bhagavā tassā rattiyā accayena tassa nāgassa anupahacca chaviñca cammañca maṃsañca nhāruñca aṭṭhiñca aṭṭhimiñjañca tejasā tejaṃ pariyādiyitvā patte pakkhipitvā uruvelakassapassa jaṭilassa dassesi – ‘‘ayaṃ te, kassapa, nāgo pariyādinno assa tejasā tejo’’ti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma caṇḍassa nāgarājassa iddhimato āsivisassa ghoravisassa tejasā tejaṃ pariyādiyissati, na tveva kho arahā yathā aha’’nti.

    ‘‘เนรญฺชรายํ ภควา, อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ อโวจ;

    ‘‘Nerañjarāyaṃ bhagavā, uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ avoca;

    สเจ เต กสฺสป อครุ, วิหเรมุ อชฺชโณฺห อคฺคิสาลมฺหี’’ติฯ

    Sace te kassapa agaru, viharemu ajjaṇho aggisālamhī’’ti.

    ‘‘น โข เม มหาสมณ ครุ, ผาสุกาโมว ตํ นิวาเรมิ;

    ‘‘Na kho me mahāsamaṇa garu, phāsukāmova taṃ nivāremi;

    จเณฺฑตฺถ นาคราชา, อิทฺธิมา อาสิวิโส โฆรวิโส;

    Caṇḍettha nāgarājā, iddhimā āsiviso ghoraviso;

    โส ตํ มา วิเหเฐสี’’ติฯ

    So taṃ mā viheṭhesī’’ti.

    ‘‘อเปฺปว มํ น วิเหเฐยฺย, อิงฺฆ ตฺวํ กสฺสป อนุชานาหิ อคฺยาคารนฺติ;

    ‘‘Appeva maṃ na viheṭheyya, iṅgha tvaṃ kassapa anujānāhi agyāgāranti;

    ทินฺนนฺติ นํ วิทิตฺวา, อภีโต ปาวิสิ ภยมตีโตฯ

    Dinnanti naṃ viditvā, abhīto pāvisi bhayamatīto.

    ‘‘ทิสฺวา อิสิํ ปวิฎฺฐํ, อหินาโค ทุมฺมโน ปธูปายิ;

    ‘‘Disvā isiṃ paviṭṭhaṃ, ahināgo dummano padhūpāyi;

    สุมนมนโส อธิมโน, มนุสฺสนาโคปิ ตตฺถ ปธูปายิฯ

    Sumanamanaso adhimano, manussanāgopi tattha padhūpāyi.

    ‘‘มกฺขญฺจ อสหมาโน, อหินาโค ปาวโกว ปชฺชลิ;

    ‘‘Makkhañca asahamāno, ahināgo pāvakova pajjali;

    เตโชธาตุสุกุสโล, มนุสฺสนาโคปิ ตตฺถ ปชฺชลิฯ

    Tejodhātusukusalo, manussanāgopi tattha pajjali.

    ‘‘อุภินฺนํ สโชติภูตานํ,

    ‘‘Ubhinnaṃ sajotibhūtānaṃ,

    อคฺยาคารํ อาทิตฺตํ โหติ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ;

    Agyāgāraṃ ādittaṃ hoti sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ;

    อุทิจฺฉเร ชฎิลา, อภิรูโป วต โภ มหาสมโณ;

    Udicchare jaṭilā, abhirūpo vata bho mahāsamaṇo;

    นาเคน วิเหฐิยตีติ ภณนฺติฯ

    Nāgena viheṭhiyatīti bhaṇanti.

    ‘‘อถ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน, หตา นาคสฺส อจฺจิโย โหนฺติ;

    ‘‘Atha tassā rattiyā accayena, hatā nāgassa acciyo honti;

    อิทฺธิมโต ปน ฐิตา, อเนกวณฺณา อจฺจิโย โหนฺติฯ

    Iddhimato pana ṭhitā, anekavaṇṇā acciyo honti.

    ‘‘นีลา อถ โลหิติกา, มญฺชิฎฺฐา ปีตกา ผลิกวณฺณาโย;

    ‘‘Nīlā atha lohitikā, mañjiṭṭhā pītakā phalikavaṇṇāyo;

    องฺคีรสสฺส กาเย, อเนกวณฺณา อจฺจิโย โหนฺติฯ

    Aṅgīrasassa kāye, anekavaṇṇā acciyo honti.

    ‘‘ปตฺตมฺหิ โอทหิตฺวา, อหินาคํ พฺราหฺมณสฺส ทเสฺสสิ;

    ‘‘Pattamhi odahitvā, ahināgaṃ brāhmaṇassa dassesi;

    อยํ เต กสฺสป นาโค, ปริยาทิโนฺน อสฺส เตชสา เตโช’’ติฯ

    Ayaṃ te kassapa nāgo, pariyādinno assa tejasā tejo’’ti.

    อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ภควโต อิมินา อิทฺธิปาฎิหาริเยน อภิปฺปสโนฺน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิเธว, มหาสมณ, วิหร, อหํ เต ธุวภเตฺตนา’’ติฯ

    Atha kho uruvelakassapo jaṭilo bhagavato iminā iddhipāṭihāriyena abhippasanno bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idheva, mahāsamaṇa, vihara, ahaṃ te dhuvabhattenā’’ti.

    ปฐมํ ปาฎิหาริยํฯ

    Paṭhamaṃ pāṭihāriyaṃ.

    อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส อสฺสมสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑ วิหาสิฯ อถ โข จตฺตาโร มหาราชาโน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา จตุทฺทิสา อฎฺฐํสุ เสยฺยถาปิ มหนฺตา อคฺคิกฺขนฺธาฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺตํ, เต นุ โข เต, มหาสมณ, อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตฺวํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา จตุทฺทิสา อฎฺฐํสุ เสยฺยถาปิ มหนฺตา อคฺคิกฺขนฺธา’’ติฯ เอเต โข, กสฺสป, จตฺตาโร มหาราชาโน เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ ธมฺมสฺสวนายาติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จตฺตาโรปิ มหาราชาโน อุปสงฺกมิสฺสนฺติ ธมฺมสฺสวนาย, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติ ฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa assamassa avidūre aññatarasmiṃ vanasaṇḍe vihāsi. Atha kho cattāro mahārājāno abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā catuddisā aṭṭhaṃsu seyyathāpi mahantā aggikkhandhā. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhattaṃ, te nu kho te, mahāsamaṇa, abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena tvaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā taṃ abhivādetvā catuddisā aṭṭhaṃsu seyyathāpi mahantā aggikkhandhā’’ti. Ete kho, kassapa, cattāro mahārājāno yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu dhammassavanāyāti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma cattāropi mahārājāno upasaṅkamissanti dhammassavanāya, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti . Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    ทุติยํ ปาฎิหาริยํฯ

    Dutiyaṃ pāṭihāriyaṃ.

    อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิ เสยฺยถาปิ มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปุริมาหิ วณฺณนิภาหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺตํ, โก นุ โข โส, มหาสมณ, อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตฺวํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิ เสยฺยถาปิ มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปุริมาหิ วณฺณนิภาหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ เอโส โข, กสฺสป, สโกฺก เทวานมิโนฺท เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ ธมฺมสฺสวนายาติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม สโกฺกปิ เทวานมิโนฺท อุปสงฺกมิสฺสติ ธมฺมสฺสวนาย, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติ ฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Atha kho sakko devānamindo abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi seyyathāpi mahāaggikkhandho purimāhi vaṇṇanibhāhi abhikkantataro ca paṇītataro ca. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhattaṃ, ko nu kho so, mahāsamaṇa, abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena tvaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi seyyathāpi mahāaggikkhandho purimāhi vaṇṇanibhāhi abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti. Eso kho, kassapa, sakko devānamindo yenāhaṃ tenupasaṅkami dhammassavanāyāti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma sakkopi devānamindo upasaṅkamissati dhammassavanāya, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti . Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    ตติยํ ปาฎิหาริยํฯ

    Tatiyaṃ pāṭihāriyaṃ.

    อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิ เสยฺยถาปิ มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปุริมาหิ วณฺณนิภาหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺตํ, โก นุ โข โส, มหาสมณ, อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ วนสณฺฑํ โอภาเสตฺวา เยน ตฺวํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิ เสยฺยถาปิ มหาอคฺคิกฺขโนฺธ ปุริมาหิ วณฺณนิภาหิ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติฯ เอโส โข, กสฺสป, พฺรหฺมา สหมฺปติ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ ธมฺมสฺสวนายาติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม พฺรหฺมาปิ สหมฺปติ อุปสงฺกมิสฺสติ ธมฺมสฺสวนาย, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Atha kho brahmā sahampati abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi seyyathāpi mahāaggikkhandho purimāhi vaṇṇanibhāhi abhikkantataro ca paṇītataro ca. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhattaṃ, ko nu kho so, mahāsamaṇa, abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ vanasaṇḍaṃ obhāsetvā yena tvaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi seyyathāpi mahāaggikkhandho purimāhi vaṇṇanibhāhi abhikkantataro ca paṇītataro cā’’ti. Eso kho, kassapa, brahmā sahampati yenāhaṃ tenupasaṅkami dhammassavanāyāti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma brahmāpi sahampati upasaṅkamissati dhammassavanāya, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    จตุตฺถํ ปาฎิหาริยํฯ

    Catutthaṃ pāṭihāriyaṃ.

    เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต โหติ, เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อภิกฺกมิตุกามา โหนฺติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข เม มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต, เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อภิกฺกมิสฺสนฺติ, สเจ มหาสมโณ มหาชนกาเย อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, มหาสมณสฺส ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒิสฺสติ, มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ, อโห นูน มหาสมโณ สฺวาตนาย นาคเจฺฉยฺยา’’ติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อโนตตฺตทเห ปริภุญฺชิตฺวา ตเตฺถว ทิวาวิหารํ อกาสิฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺตํ, กิํ นุ โข, มหาสมณ, หิโยฺย นาคมาสิ, อปิจ มยํ ตํ สราม, ‘กิํ นุ โข มหาสมโณ นาคจฺฉตี’ติ, ขาทนียสฺส จ โภชนียสฺส จ เต ปฎิวีโส ฐปิโต’’ติฯ นนุ เต, กสฺสป, เอตทโหสิ – ‘‘เอตรหิ โข เม มหายโญฺญ ปจฺจุปฎฺฐิโต เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อภิกฺกมิสฺสนฺติ, สเจ มหาสมโณ มหาชนกาเย อิทฺธิปาฎิหาริยํ กริสฺสติ, มหาสมณสฺส ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒิสฺสติ, มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ, อโห นูน มหาสมโณ สฺวาตนาย นาคเจฺฉยฺยา’’ติ, โส โข อหํ, กสฺสป, ตว เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อโนตตฺตทเห ปริภุญฺชิตฺวา ตเตฺถว ทิวาวิหารํ อกาสินฺติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานิสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Tena kho pana samayena uruvelakassapassa jaṭilassa mahāyañño paccupaṭṭhito hoti, kevalakappā ca aṅgamagadhā pahūtaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya abhikkamitukāmā honti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘etarahi kho me mahāyañño paccupaṭṭhito, kevalakappā ca aṅgamagadhā pahūtaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya abhikkamissanti, sace mahāsamaṇo mahājanakāye iddhipāṭihāriyaṃ karissati, mahāsamaṇassa lābhasakkāro abhivaḍḍhissati, mama lābhasakkāro parihāyissati, aho nūna mahāsamaṇo svātanāya nāgaccheyyā’’ti. Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa cetasā cetoparivitakkamaññāya uttarakuruṃ gantvā tato piṇḍapātaṃ āharitvā anotattadahe paribhuñjitvā tattheva divāvihāraṃ akāsi. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhattaṃ, kiṃ nu kho, mahāsamaṇa, hiyyo nāgamāsi, apica mayaṃ taṃ sarāma, ‘kiṃ nu kho mahāsamaṇo nāgacchatī’ti, khādanīyassa ca bhojanīyassa ca te paṭivīso ṭhapito’’ti. Nanu te, kassapa, etadahosi – ‘‘etarahi kho me mahāyañño paccupaṭṭhito kevalakappā ca aṅgamagadhā pahūtaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya abhikkamissanti, sace mahāsamaṇo mahājanakāye iddhipāṭihāriyaṃ karissati, mahāsamaṇassa lābhasakkāro abhivaḍḍhissati, mama lābhasakkāro parihāyissati, aho nūna mahāsamaṇo svātanāya nāgaccheyyā’’ti, so kho ahaṃ, kassapa, tava cetasā cetoparivitakkamaññāya uttarakuruṃ gantvā tato piṇḍapātaṃ āharitvā anotattadahe paribhuñjitvā tattheva divāvihāraṃ akāsinti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma cetasāpi cittaṃ pajānissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    ปญฺจมํ ปาฎิหาริยํฯ

    Pañcamaṃ pāṭihāriyaṃ.

    เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนํ โหติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ โธเวยฺย’’นฺติ? อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย ปาณินา โปกฺขรณิํ ขณิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ โธวตู’’ติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ ปริมเทฺทยฺย’’นฺติ? อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย มหติํ สิลํ อุปนิกฺขิปิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ ปริมทฺทตู’’ติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ อาลมฺพิตฺวา อุตฺตเรยฺย’’นฺติ? อถ โข กกุเธ อธิวตฺถา เทวตา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย สาขํ โอนาเมสิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, อาลมฺพิตฺวา อุตฺตรตู’’ติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติ? อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย มหติํ สิลํ อุปนิกฺขิปิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ วิสฺสเชฺชตู’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺตํ, กิํ นุ โข, มหาสมณ, นายํ ปุเพฺพ อิธ โปกฺขรณี สายํ อิธ โปกฺขรณี, นยิมา สิลา ปุเพฺพ อุปนิกฺขิตฺตา, เกนิมา สิลา อุปนิกฺขิตฺตา, นยิมสฺส กกุธสฺส ปุเพฺพ สาขา โอนตา, สายํ สาขา โอนตา’’ติ? อิธ เม, กสฺสป, ปํสุกูลํ อุปฺปนฺนํ อโหสิ, ตสฺส มยฺหํ, กสฺสป, เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ โธเวยฺย’’นฺติ? อถ โข, กสฺสป, สโกฺก เทวานมิโนฺท มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย ปาณินา โปกฺขรณิํ ขณิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ โธวตู’’ติฯ สายํ, กสฺสป, อมนุเสฺสน ปาณินา ขณิตา โปกฺขรณีฯ ตสฺส มยฺหํ, กสฺสป, เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ ปริมเทฺทยฺย’’นฺติ? อถ โข, กสฺสป, สโกฺก เทวานมิโนฺท มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย มหติํ สิลํ อุปนิกฺขิปิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ ปริมทฺทตู’’ติ? สายํ, กสฺสป, อมนุเสฺสน อุปนิกฺขิตฺตา สิลาฯ ตสฺส มยฺหํ, กสฺสป, เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ อาลมฺพิตฺวา อุตฺตเรยฺย’’นฺติ? อถ โข, กสฺสป, กกุเธ อธิวตฺถา เทวตา มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย สาขํ โอนาเมสิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, อาลมฺพิตฺวา อุตฺตรตู’’ติ? สฺวายํ อาหรหโตฺถ กกุโธฯ ตสฺส มยฺหํ, กสฺสป, เอตทโหสิ – ‘‘กิมฺหิ นุ โข อหํ ปํสุกูลํ วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติ? อถ โข, กสฺสป, สโกฺก เทวานมิโนฺท มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย มหติํ สิลํ อุปนิกฺขิปิ – ‘‘อิธ, ภเนฺต ภควา, ปํสุกูลํ วิสฺสเชฺชตู’’ติ? สายํ, กสฺสป, อมนุเสฺสน อุปนิกฺขิตฺตา สิลาติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก มหาสมโณ มหานุภาโว , ยตฺร หิ นาม สโกฺกปิ เทวานมิโนฺท เวยฺยาวจฺจํ กริสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Tena kho pana samayena bhagavato paṃsukūlaṃ uppannaṃ hoti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘kattha nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ dhoveyya’’nti? Atha kho sakko devānamindo bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya pāṇinā pokkharaṇiṃ khaṇitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ dhovatū’’ti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ parimaddeyya’’nti? Atha kho sakko devānamindo bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya mahatiṃ silaṃ upanikkhipi – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ parimaddatū’’ti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ ālambitvā uttareyya’’nti? Atha kho kakudhe adhivatthā devatā bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya sākhaṃ onāmesi – ‘‘idha, bhante bhagavā, ālambitvā uttaratū’’ti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ vissajjeyya’’nti? Atha kho sakko devānamindo bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya mahatiṃ silaṃ upanikkhipi – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ vissajjetū’’ti. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhattaṃ, kiṃ nu kho, mahāsamaṇa, nāyaṃ pubbe idha pokkharaṇī sāyaṃ idha pokkharaṇī, nayimā silā pubbe upanikkhittā, kenimā silā upanikkhittā, nayimassa kakudhassa pubbe sākhā onatā, sāyaṃ sākhā onatā’’ti? Idha me, kassapa, paṃsukūlaṃ uppannaṃ ahosi, tassa mayhaṃ, kassapa, etadahosi – ‘‘kattha nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ dhoveyya’’nti? Atha kho, kassapa, sakko devānamindo mama cetasā cetoparivitakkamaññāya pāṇinā pokkharaṇiṃ khaṇitvā maṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ dhovatū’’ti. Sāyaṃ, kassapa, amanussena pāṇinā khaṇitā pokkharaṇī. Tassa mayhaṃ, kassapa, etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ parimaddeyya’’nti? Atha kho, kassapa, sakko devānamindo mama cetasā cetoparivitakkamaññāya mahatiṃ silaṃ upanikkhipi – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ parimaddatū’’ti? Sāyaṃ, kassapa, amanussena upanikkhittā silā. Tassa mayhaṃ, kassapa, etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ ālambitvā uttareyya’’nti? Atha kho, kassapa, kakudhe adhivatthā devatā mama cetasā cetoparivitakkamaññāya sākhaṃ onāmesi – ‘‘idha, bhante bhagavā, ālambitvā uttaratū’’ti? Svāyaṃ āharahattho kakudho. Tassa mayhaṃ, kassapa, etadahosi – ‘‘kimhi nu kho ahaṃ paṃsukūlaṃ vissajjeyya’’nti? Atha kho, kassapa, sakko devānamindo mama cetasā cetoparivitakkamaññāya mahatiṃ silaṃ upanikkhipi – ‘‘idha, bhante bhagavā, paṃsukūlaṃ vissajjetū’’ti? Sāyaṃ, kassapa, amanussena upanikkhittā silāti. Atha kho uruvelakassapassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko mahāsamaṇo mahānubhāvo , yatra hi nāma sakkopi devānamindo veyyāvaccaṃ karissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, กสฺสป, อายามห’’นฺติ อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ อุโยฺยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปญฺญายติ, ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสีทิฯ อทฺทสา โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ภควนฺตํ อคฺยาคาเร นิสินฺนํ, ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กตเมน ตฺวํ, มหาสมณ, มเคฺคน อาคโต, อหํ ตยา ปฐมตรํ ปกฺกโนฺต, โส ตฺวํ ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสิโนฺน’’ติ? ‘‘อิธาหํ, กสฺสป, ตํ อุโยฺยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปญฺญายติ, ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสิโนฺนฯ อิทํ โข, กสฺสป, ชมฺพุผลํ วณฺณสมฺปนฺนํ คนฺธสมฺปนฺนํ รสสมฺปนฺนํ, สเจ อากงฺขสิ ปริภุญฺชา’’ติฯ ‘‘อลํ, มหาสมณ, ตฺวํเยว ตํ อรหสิ, ตฺวํเยว ตํ ปริภุญฺชา’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม มํ ปฐมตรํ อุโยฺยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปญฺญายติ, ตโต ผลํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสีทิสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ วิหาสิฯ

    Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavato kālaṃ ārocesi – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. ‘‘Gaccha tvaṃ, kassapa, āyāmaha’’nti uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ uyyojetvā yāya jambuyā jambudīpo paññāyati, tato phalaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisīdi. Addasā kho uruvelakassapo jaṭilo bhagavantaṃ agyāgāre nisinnaṃ, disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘katamena tvaṃ, mahāsamaṇa, maggena āgato, ahaṃ tayā paṭhamataraṃ pakkanto, so tvaṃ paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisinno’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, kassapa, taṃ uyyojetvā yāya jambuyā jambudīpo paññāyati, tato phalaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisinno. Idaṃ kho, kassapa, jambuphalaṃ vaṇṇasampannaṃ gandhasampannaṃ rasasampannaṃ, sace ākaṅkhasi paribhuñjā’’ti. ‘‘Alaṃ, mahāsamaṇa, tvaṃyeva taṃ arahasi, tvaṃyeva taṃ paribhuñjā’’ti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma maṃ paṭhamataraṃ uyyojetvā yāya jambuyā jambudīpo paññāyati, tato phalaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisīdissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapassa jaṭilassa bhattaṃ bhuñjitvā tasmiṃyeva vanasaṇḍe vihāsi.

    อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, มหาสมณ, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, กสฺสป, อายามห’’นฺติ อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ อุโยฺยเชตฺวา ยาย ชมฺพุยา ชมฺพุทีโป ปญฺญายติ, ตสฺสา อวิทูเร อโมฺพ…เป.… ตสฺสา อวิทูเร อามลกี…เป.… ตสฺสา อวิทูเร หรีตกี…เป.… ตาวติํสํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสีทิฯ อทฺทสา โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ภควนฺตํ อคฺยาคาเร นิสินฺนํ, ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กตเมน ตฺวํ, มหาสมณ, มเคฺคน อาคโต, อหํ ตยา ปฐมตรํ ปกฺกโนฺต, โส ตฺวํ ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสิโนฺน’’ติ? ‘‘อิธาหํ, กสฺสป, ตํ อุโยฺยเชตฺวา ตาวติํสํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสิโนฺนฯ อิทํ โข, กสฺสป, ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ วณฺณสมฺปนฺนํ คนฺธสมฺปนฺนํ, สเจ อากงฺขสิ คณฺหา’’ติ ฯ ‘‘อลํ, มหาสมณ, ตฺวํเยว ตํ อรหสิ, ตฺวํเยว ตํ คณฺหา’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม มํ ปฐมตรํ อุโยฺยเชตฺวา ตาวติํสํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกปุปฺผํ คเหตฺวา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อคฺยาคาเร นิสีทิสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Atha kho uruvelakassapo jaṭilo tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavato kālaṃ ārocesi – ‘‘kālo, mahāsamaṇa, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. ‘‘Gaccha tvaṃ, kassapa, āyāmaha’’nti uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ uyyojetvā yāya jambuyā jambudīpo paññāyati, tassā avidūre ambo…pe… tassā avidūre āmalakī…pe… tassā avidūre harītakī…pe… tāvatiṃsaṃ gantvā pāricchattakapupphaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisīdi. Addasā kho uruvelakassapo jaṭilo bhagavantaṃ agyāgāre nisinnaṃ, disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘katamena tvaṃ, mahāsamaṇa, maggena āgato, ahaṃ tayā paṭhamataraṃ pakkanto, so tvaṃ paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisinno’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, kassapa, taṃ uyyojetvā tāvatiṃsaṃ gantvā pāricchattakapupphaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisinno. Idaṃ kho, kassapa, pāricchattakapupphaṃ vaṇṇasampannaṃ gandhasampannaṃ, sace ākaṅkhasi gaṇhā’’ti . ‘‘Alaṃ, mahāsamaṇa, tvaṃyeva taṃ arahasi, tvaṃyeva taṃ gaṇhā’’ti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma maṃ paṭhamataraṃ uyyojetvā tāvatiṃsaṃ gantvā pāricchattakapupphaṃ gahetvā paṭhamataraṃ āgantvā agyāgāre nisīdissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน เต ชฎิลา อคฺคิํ ปริจริตุกามา น สโกฺกนฺติ กฎฺฐานิ ผาเลตุํฯ อถ โข เตสํ ชฎิลานํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถา มยํ น สโกฺกม กฎฺฐานิ ผาเลตุ’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘ผาลิยนฺตุ, กสฺสป, กฎฺฐานี’’ติฯ ‘‘ผาลิยนฺตุ, มหาสมณา’’ติฯ สกิเทว ปญฺจ กฎฺฐสตานิ ผาลิยิํสุฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม กฎฺฐานิปิ ผาลิยิสฺสนฺติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena te jaṭilā aggiṃ paricaritukāmā na sakkonti kaṭṭhāni phāletuṃ. Atha kho tesaṃ jaṭilānaṃ etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho mahāsamaṇassa iddhānubhāvo yathā mayaṃ na sakkoma kaṭṭhāni phāletu’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘phāliyantu, kassapa, kaṭṭhānī’’ti. ‘‘Phāliyantu, mahāsamaṇā’’ti. Sakideva pañca kaṭṭhasatāni phāliyiṃsu. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma kaṭṭhānipi phāliyissanti, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน เต ชฎิลา อคฺคิํ ปริจริตุกามา น สโกฺกนฺติ อคฺคิํ อุชฺชเลตุํฯ อถ โข เตสํ ชฎิลานํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถา มยํ น สโกฺกม อคฺคิํ อุชฺชเลตุ’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘อุชฺชลิยนฺตุ, กสฺสป, อคฺคี’’ติฯ ‘‘อุชฺชลิยนฺตุ, มหาสมณา’’ติฯ สกิเทว ปญฺจ อคฺคิสตานิ อุชฺชลิยิํสุฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม อคฺคีปิ อุชฺชลิยิสฺสนฺติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena te jaṭilā aggiṃ paricaritukāmā na sakkonti aggiṃ ujjaletuṃ. Atha kho tesaṃ jaṭilānaṃ etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho mahāsamaṇassa iddhānubhāvo yathā mayaṃ na sakkoma aggiṃ ujjaletu’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘ujjaliyantu, kassapa, aggī’’ti. ‘‘Ujjaliyantu, mahāsamaṇā’’ti. Sakideva pañca aggisatāni ujjaliyiṃsu. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma aggīpi ujjaliyissanti, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน เต ชฎิลา อคฺคิํ ปริจริตฺวา น สโกฺกนฺติ อคฺคิํ วิชฺฌาเปตุํฯ อถ โข เตสํ ชฎิลานํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถา มยํ น สโกฺกม อคฺคิํ วิชฺฌาเปตุ’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘วิชฺฌายนฺตุ, กสฺสป, อคฺคี’’ติฯ ‘‘วิชฺฌายนฺตุ, มหาสมณา’’ติฯ สกิเทว ปญฺจ อคฺคิสตานิ วิชฺฌายิํสุฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม อคฺคีปิ วิชฺฌายิสฺสนฺติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena te jaṭilā aggiṃ paricaritvā na sakkonti aggiṃ vijjhāpetuṃ. Atha kho tesaṃ jaṭilānaṃ etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho mahāsamaṇassa iddhānubhāvo yathā mayaṃ na sakkoma aggiṃ vijjhāpetu’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘vijjhāyantu, kassapa, aggī’’ti. ‘‘Vijjhāyantu, mahāsamaṇā’’ti. Sakideva pañca aggisatāni vijjhāyiṃsu. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma aggīpi vijjhāyissanti, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน เต ชฎิลา สีตาสุ เหมนฺติกาสุ รตฺตีสุ อนฺตรฎฺฐกาสุ หิมปาตสมเย นชฺชา เนรญฺชราย อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนมฺปิ กโรนฺติฯ อถ โข ภควา ปญฺจมตฺตานิ มนฺทามุขิสตานิ อภินิมฺมินิ ยตฺถ เต ชฎิลา อุตฺตริตฺวา วิสิเพฺพสุํฯ อถ โข เตสํ ชฎิลานํ เอตทโหสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ โข มหาสมณสฺส อิทฺธานุภาโว ยถยิมา มนฺทามุขิโย นิมฺมิตา’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, ยตฺร หิ นาม ตาว พหู มนฺทามุขิโยปิ อภินิมฺมินิสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena te jaṭilā sītāsu hemantikāsu rattīsu antaraṭṭhakāsu himapātasamaye najjā nerañjarāya ummujjantipi nimujjantipi ummujjananimujjanampi karonti. Atha kho bhagavā pañcamattāni mandāmukhisatāni abhinimmini yattha te jaṭilā uttaritvā visibbesuṃ. Atha kho tesaṃ jaṭilānaṃ etadahosi – ‘‘nissaṃsayaṃ kho mahāsamaṇassa iddhānubhāvo yathayimā mandāmukhiyo nimmitā’’ti. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, yatra hi nāma tāva bahū mandāmukhiyopi abhinimminissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน มหา อกาลเมโฆ ปาวสฺสิ, มหา อุทกวาหโก สญฺชายิ, ยสฺมิํ ปเทเส ภควา วิหรติ โส ปเทโส อุทเกน น โอตฺถโฎ โหติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สมนฺตา อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา มเชฺฌ เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกเมยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา สมนฺตา อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา มเชฺฌ เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกมิฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ‘‘มาเหว โข มหาสมโณ อุทเกน วูโฬฺห อโหสี’’ติ นาวาย สมฺพหุเลหิ ชฎิเลหิ สทฺธิํ ยสฺมิํ ปเทเส ภควา วิหรติ, ตํ ปเทสํ อคมาสิฯ อทฺทสา โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ภควนฺตํ สมนฺตา อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา มเชฺฌ เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกมนฺตํ, ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ นุ ตฺวํ, มหาสมณา’’ติฯ ‘‘อยมหมสฺมิ, กสฺสปา’’ติ ภควา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นาวาย ปจฺจุฎฺฐาสิฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสปสฺส ชฎิลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว , ยตฺร หิ นาม อุทกมฺปิ น ปวาหิสฺสติ, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena mahā akālamegho pāvassi, mahā udakavāhako sañjāyi, yasmiṃ padese bhagavā viharati so padeso udakena na otthaṭo hoti. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘yaṃnūnāhaṃ samantā udakaṃ ussāretvā majjhe reṇuhatāya bhūmiyā caṅkameyya’’nti. Atha kho bhagavā samantā udakaṃ ussāretvā majjhe reṇuhatāya bhūmiyā caṅkami. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo ‘‘māheva kho mahāsamaṇo udakena vūḷho ahosī’’ti nāvāya sambahulehi jaṭilehi saddhiṃ yasmiṃ padese bhagavā viharati, taṃ padesaṃ agamāsi. Addasā kho uruvelakassapo jaṭilo bhagavantaṃ samantā udakaṃ ussāretvā majjhe reṇuhatāya bhūmiyā caṅkamantaṃ, disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ nu tvaṃ, mahāsamaṇā’’ti. ‘‘Ayamahamasmi, kassapā’’ti bhagavā vehāsaṃ abbhuggantvā nāvāya paccuṭṭhāsi. Atha kho uruvelakassapassa jaṭilassa etadahosi – ‘‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo , yatra hi nāma udakampi na pavāhissati, na tveva ca kho arahā yathā aha’’nti.

    อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘จิรมฺปิ โข อิมสฺส โมฆปุริสสฺส เอวํ ภวิสฺสติ ‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว, น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อห’นฺติ, ยํนูนาหํ อิมํ ชฎิลํ สํเวเชยฺย’’นฺติฯ อถ โข ภควา อุรุเวลกสฺสปํ ชฎิลํ เอตทโวจ – ‘‘เนว จ โข ตฺวํ, กสฺสป, อรหา, นาปิ อรหตฺตมคฺคสมาปโนฺน, สาปิ เต ปฎิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺสสิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺน’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘ตฺวํ โขสิ, กสฺสป, ปญฺจนฺนํ ชฎิลสตานํ นายโก วินายโก อโคฺค ปมุโข ปาโมโกฺข, เตปิ ตาว อปโลเกหิ, ยถา เต มญฺญิสฺสนฺติ, ตถา เต กริสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข อุรุเวลกสฺสโป ชฎิโล เยน เต ชฎิลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ชฎิเล เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, โภ, มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, ยถา ภวโนฺต มญฺญนฺติ ตถา กโรนฺตู’’ติฯ ‘‘จิรปฎิกา มยํ, โภ, มหาสมเณ อภิปฺปสนฺนา, สเจ ภวํ มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสติ, สเพฺพว มยํ มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามา’’ติฯ อถ โข เต ชฎิลา เกสมิสฺสํ ชฎามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตมิสฺสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติฯ สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ อุปสมฺปทา อโหสิฯ

    Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘cirampi kho imassa moghapurisassa evaṃ bhavissati ‘mahiddhiko kho mahāsamaṇo mahānubhāvo, na tveva ca kho arahā yathā aha’nti, yaṃnūnāhaṃ imaṃ jaṭilaṃ saṃvejeyya’’nti. Atha kho bhagavā uruvelakassapaṃ jaṭilaṃ etadavoca – ‘‘neva ca kho tvaṃ, kassapa, arahā, nāpi arahattamaggasamāpanno, sāpi te paṭipadā natthi, yāya tvaṃ arahā vā assasi arahattamaggaṃ vā samāpanno’’ti. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. ‘‘Tvaṃ khosi, kassapa, pañcannaṃ jaṭilasatānaṃ nāyako vināyako aggo pamukho pāmokkho, tepi tāva apalokehi, yathā te maññissanti, tathā te karissantī’’ti. Atha kho uruvelakassapo jaṭilo yena te jaṭilā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te jaṭile etadavoca – ‘‘icchāmahaṃ, bho, mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carituṃ, yathā bhavanto maññanti tathā karontū’’ti. ‘‘Cirapaṭikā mayaṃ, bho, mahāsamaṇe abhippasannā, sace bhavaṃ mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carissati, sabbeva mayaṃ mahāsamaṇe brahmacariyaṃ carissāmā’’ti. Atha kho te jaṭilā kesamissaṃ jaṭāmissaṃ khārikājamissaṃ aggihutamissaṃ udake pavāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’’nti. ‘‘Etha, bhikkhavo’’ti bhagavā avoca – ‘‘svākkhāto dhammo, caratha brahmacariyaṃ sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti. Sāva tesaṃ āyasmantānaṃ upasampadā ahosi.

    อทฺทสา โข นทีกสฺสโป ชฎิโล เกสมิสฺสํ ชฎามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตมิสฺสํ อุทเก วุยฺหมาเน, ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มาเหว เม ภาตุโน อุปสโคฺค อโหสี’’ติ, ชฎิเล ปาเหสิ – ‘‘คจฺฉถ เม ภาตรํ ชานาถา’’ติ, สามญฺจ ตีหิ ชฎิลสเตหิ สทฺธิํ เยนายสฺมา อุรุเวลกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุรุเวลกสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ นุ โข, กสฺสป, เสโยฺย’’ติ? ‘‘อามาวุโส, อิทํ เสโยฺย’’ติฯ อถ โข เต ชฎิลา เกสมิสฺสํ ชฎามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตมิสฺสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติฯ สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ อุปสมฺปทา อโหสิฯ

    Addasā kho nadīkassapo jaṭilo kesamissaṃ jaṭāmissaṃ khārikājamissaṃ aggihutamissaṃ udake vuyhamāne, disvānassa etadahosi – ‘‘māheva me bhātuno upasaggo ahosī’’ti, jaṭile pāhesi – ‘‘gacchatha me bhātaraṃ jānāthā’’ti, sāmañca tīhi jaṭilasatehi saddhiṃ yenāyasmā uruvelakassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ uruvelakassapaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ nu kho, kassapa, seyyo’’ti? ‘‘Āmāvuso, idaṃ seyyo’’ti. Atha kho te jaṭilā kesamissaṃ jaṭāmissaṃ khārikājamissaṃ aggihutamissaṃ udake pavāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’’nti. ‘‘Etha, bhikkhavo’’ti bhagavā avoca – ‘‘svākkhāto dhammo, caratha brahmacariyaṃ sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti. Sāva tesaṃ āyasmantānaṃ upasampadā ahosi.

    อทฺทสา โข คยากสฺสโป ชฎิโล เกสมิสฺสํ ชฎามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตมิสฺสํ อุทเก วุยฺหมาเน, ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มาเหว เม ภาตูนํ อุปสโคฺค อโหสี’’ติ, ชฎิเล ปาเหสิ – ‘‘คจฺฉถ เม ภาตโร ชานาถา’’ติ, สามญฺจ ทฺวีหิ ชฎิลสเตหิ สทฺธิํ เยนายสฺมา อุรุเวลกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุรุเวลกสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ นุ โข, กสฺสป, เสโยฺย’’ติ? ‘‘อามาวุโส, อิทํ เสโยฺย’’ติฯ อถ โข เต ชฎิลา เกสมิสฺสํ ชฎามิสฺสํ ขาริกาชมิสฺสํ อคฺคิหุตมิสฺสํ อุทเก ปวาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติฯ ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ, ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธโมฺม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติฯ สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ อุปสมฺปทา อโหสิฯ

    Addasā kho gayākassapo jaṭilo kesamissaṃ jaṭāmissaṃ khārikājamissaṃ aggihutamissaṃ udake vuyhamāne, disvānassa etadahosi – ‘‘māheva me bhātūnaṃ upasaggo ahosī’’ti, jaṭile pāhesi – ‘‘gacchatha me bhātaro jānāthā’’ti, sāmañca dvīhi jaṭilasatehi saddhiṃ yenāyasmā uruvelakassapo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ uruvelakassapaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ nu kho, kassapa, seyyo’’ti? ‘‘Āmāvuso, idaṃ seyyo’’ti. Atha kho te jaṭilā kesamissaṃ jaṭāmissaṃ khārikājamissaṃ aggihutamissaṃ udake pavāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘labheyyāma mayaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyāma upasampada’’nti. ‘‘Etha, bhikkhavo’’ti, bhagavā avoca – ‘‘svākkhāto dhammo, caratha brahmacariyaṃ sammā dukkhassa antakiriyāyā’’ti. Sāva tesaṃ āyasmantānaṃ upasampadā ahosi.

    ‘‘ภควโต อธิฎฺฐาเนน ปญฺจ กฎฺฐสตานิ น ผาลิยิํสุ, ผาลิยิํสุ, อคฺคี น อุชฺชลิยิํสุ, อุชฺชลิยิํสุ, น วิชฺฌายิํสุ, วิชฺฌายิํสุ, ปญฺจ มนฺทามุขิสตานิ อภินิมฺมินิ, เอเตน นเยน อฑฺฒุฑฺฒปาฎิหาริยสหสฺสานิ โหนฺติฯ

    ‘‘Bhagavato adhiṭṭhānena pañca kaṭṭhasatāni na phāliyiṃsu, phāliyiṃsu, aggī na ujjaliyiṃsu, ujjaliyiṃsu, na vijjhāyiṃsu, vijjhāyiṃsu, pañca mandāmukhisatāni abhinimmini, etena nayena aḍḍhuḍḍhapāṭihāriyasahassāni honti.

    ‘‘อถ โข ภควา อุรุเวลายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน คยาสีสํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ สหเสฺสน สเพฺพเหว ปุราณชฎิเลหิฯ ตตฺร สุทํ ภควา คยายํ วิหรติ คยาสีเส สทฺธิํ ภิกฺขุสหเสฺสนฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขุ อามเนฺตสิ (สํ. นิ. ๔.๒๘) – ‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, กิญฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อาทิตฺตํ, จกฺขุ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, รูปา อาทิตฺตา, จกฺขุวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ, จกฺขุสมฺผโสฺส อาทิโตฺต, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อาทิตฺตํฯ เกน อาทิตฺตํ, ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ, ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺตนฺติ วทามิ? โสตํ อาทิตฺตํ, สทฺทา อาทิตฺตา…เป.… ฆานํ อาทิตฺตํ, คนฺธา อาทิตฺตา…เป.… ชิวฺหา อาทิตฺตา, รสา อาทิตฺตา…เป.… กาโย อาทิโตฺต, โผฎฺฐพฺพา อาทิตฺตา…เป.… มโน อาทิโตฺต, ธมฺมา อาทิตฺตา, มโนวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ, มโนสมฺผโสฺส อาทิโตฺต, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อาทิตฺตํฯ เกน อาทิตฺตํ, ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ, ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺต’’’นฺติ วทามิฯ

    ‘‘Atha kho bhagavā uruvelāyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena gayāsīsaṃ tena cārikaṃ pakkāmi mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ sahassena sabbeheva purāṇajaṭilehi. Tatra sudaṃ bhagavā gayāyaṃ viharati gayāsīse saddhiṃ bhikkhusahassena. Tatra kho bhagavā bhikkhu āmantesi (saṃ. ni. 4.28) – ‘sabbaṃ, bhikkhave, ādittaṃ, kiñca, bhikkhave, sabbaṃ ādittaṃ, cakkhu, bhikkhave, ādittaṃ, rūpā ādittā, cakkhuviññāṇaṃ ādittaṃ, cakkhusamphasso āditto, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi ādittaṃ. Kena ādittaṃ, rāgagginā dosagginā mohagginā ādittaṃ, jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi ādittanti vadāmi? Sotaṃ ādittaṃ, saddā ādittā…pe… ghānaṃ ādittaṃ, gandhā ādittā…pe… jivhā ādittā, rasā ādittā…pe… kāyo āditto, phoṭṭhabbā ādittā…pe… mano āditto, dhammā ādittā, manoviññāṇaṃ ādittaṃ, manosamphasso āditto, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tampi ādittaṃ. Kena ādittaṃ, rāgagginā dosagginā mohagginā ādittaṃ, jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi āditta’’’nti vadāmi.

    ‘‘เอวํ ปสฺสํ, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก จกฺขุสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, รูเปสุปิ นิพฺพินฺทติ, จกฺขุวิญฺญาเณปิ นิพฺพินฺทติ, จกฺขุสมฺผเสฺสปิ นิพฺพินฺทติ, ยมิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติฯ โสตสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, สเทฺทสุปิ นิพฺพินฺทติ…เป.… ฆานสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, คเนฺธสุปิ นิพฺพินฺทติ…เป.… ชิวฺหายปิ นิพฺพินฺทติ, รเสสุปิ นิพฺพินฺทติ…เป.… กายสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, โผฎฺฐเพฺพสุปิ นิพฺพินฺทติ…เป.… มนสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติ, ธเมฺมสุปิ นิพฺพินฺทติ, มโนวิญฺญาเณปิ นิพฺพินฺทติ, มโนสมฺผเสฺสปิ นิพฺพินฺทติ, ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺมิมฺปิ นิพฺพินฺทติฯ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ , วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Evaṃ passaṃ, bhikkhave, sutavā ariyasāvako cakkhusmimpi nibbindati, rūpesupi nibbindati, cakkhuviññāṇepi nibbindati, cakkhusamphassepi nibbindati, yamidaṃ cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi nibbindati. Sotasmimpi nibbindati, saddesupi nibbindati…pe… ghānasmimpi nibbindati, gandhesupi nibbindati…pe… jivhāyapi nibbindati, rasesupi nibbindati…pe… kāyasmimpi nibbindati, phoṭṭhabbesupi nibbindati…pe… manasmimpi nibbindati, dhammesupi nibbindati, manoviññāṇepi nibbindati, manosamphassepi nibbindati, yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā tasmimpi nibbindati. Nibbindaṃ virajjati , virāgā vimuccati, vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ hoti, ‘khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānātī’’ti.

    อิมสฺมิญฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมิํ ภญฺญมาเน ตสฺส ภิกฺขุสหสฺสสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ

    Imasmiñca pana veyyākaraṇasmiṃ bhaññamāne tassa bhikkhusahassassa anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu.

    ๒๙. เอวํ อาทิตฺตปริยายเทสนํ สุตฺวา สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ สมฺปโตฺต นทีกสฺสโป เถโร โสมนสฺสชาโต อตฺตโน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ อคฺคผลนฺติ อุตฺตมผลํ, อตฺตนา โรปิตอมฺพรุกฺขสฺส อาทิมฺหิ คหิตผลํ วาฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    29. Evaṃ ādittapariyāyadesanaṃ sutvā saha paṭisambhidāhi arahattaṃ sampatto nadīkassapo thero somanassajāto attano pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttarassa bhagavatotiādimāha. Tattha aggaphalanti uttamaphalaṃ, attanā ropitaambarukkhassa ādimhi gahitaphalaṃ vā. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    นทีกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ

    Nadīkassapattheraapadānavaṇṇanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๒. นทีกสฺสปเตฺถรอปทานํ • 2. Nadīkassapattheraapadānaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact