Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๑๐. นทีโสตสุตฺตวณฺณนา

    10. Nadīsotasuttavaṇṇanā

    ๑๐๙. ทสเม เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนเตฺถ นิปาโต, ยถา นามาติ อโตฺถฯ นทิยา โสเตน โอวุเยฺหยฺยาติ สีฆโสตาย หารหารินิยา นทิยา อุทกเวเคน เหฎฺฐโต วุเยฺหยฺย อโธ หริเยถฯ ปิยรูปสาตรูเปนาติ ปิยสภาเวน สาตสภาเวน จ การณภูเตน, ตสฺสํ นทิยํ ตสฺสา วา ปรตีเร มณิสุวณฺณาทิ อญฺญํ วา ปิยวตฺถุ วิตฺตูปกรณํ อตฺถิ, ตํ คเหสฺสามีติ นทิยํ ปติตฺวา โสเตน อวกเฑฺฒยฺยฯ กิญฺจาปีติ อนุชานนอสมฺภาวนเตฺถ นิปาโตฯ กิํ อนุชานาติ, กิํ น สมฺภาเวติ? เตน ปุริเสน อธิเปฺปตสฺส ปิยวตฺถุสฺส ตตฺถ อตฺถิภาวํ อนุชานาติ, ตถาคมนํ ปน อาทีนววนฺตตาย น สมฺภาเวติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโมฺภ, ปุริส , ยทิปิ ตยา อธิเปฺปตํ ปิยวตฺถุ ตตฺถ อุปลพฺภติ, เอวํ คมเน ปน อยมาทีนโว, ยํ ตฺวํ เหฎฺฐา รหทํ ปตฺวา มรณํ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุเณยฺยาสีติฯ

    109. Dasame seyyathāpīti opammadassanatthe nipāto, yathā nāmāti attho. Nadiyā sotena ovuyheyyāti sīghasotāya hārahāriniyā nadiyā udakavegena heṭṭhato vuyheyya adho hariyetha. Piyarūpasātarūpenāti piyasabhāvena sātasabhāvena ca kāraṇabhūtena, tassaṃ nadiyaṃ tassā vā paratīre maṇisuvaṇṇādi aññaṃ vā piyavatthu vittūpakaraṇaṃ atthi, taṃ gahessāmīti nadiyaṃ patitvā sotena avakaḍḍheyya. Kiñcāpīti anujānanaasambhāvanatthe nipāto. Kiṃ anujānāti, kiṃ na sambhāveti? Tena purisena adhippetassa piyavatthussa tattha atthibhāvaṃ anujānāti, tathāgamanaṃ pana ādīnavavantatāya na sambhāveti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ambho, purisa , yadipi tayā adhippetaṃ piyavatthu tattha upalabbhati, evaṃ gamane pana ayamādīnavo, yaṃ tvaṃ heṭṭhā rahadaṃ patvā maraṇaṃ maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ pāpuṇeyyāsīti.

    อตฺถิ เจตฺถ เหฎฺฐา รหโทติ เอติสฺสา นทิยา เหฎฺฐา อนุโสตภาเค อติวิย คมฺภีรวิตฺถโต เอโก มหาสโร อตฺถิฯ โส จ สมนฺตโต วาตาภิฆาตสมุฎฺฐิตาหิ มณิมยปพฺพตกูฎสนฺนิภาหิ มหตีหิ อูมีหิ วีจีหิ สอูมิ, วิสเมสุ ภูมิปฺปเทเสสุ สเวคํ อนุปกฺขนฺทเนฺตน อิมิสฺสา ตาว นทิยา มโหเฆน ตหิํ ตหิํ อาวฎฺฎมานวิปุลชลตาย พลวามุขสทิเสหิ สห อาวเฎฺฎหีติ สาวโฎฺฎฯ ตํ รหทํ โอติณฺณสเตฺตเยว อตฺตโน นิพทฺธามิสโคจเร กตฺวา อชฺฌาวสเนฺตน อติวิย ภยานกทสฺสเนน โฆรเจตสา ทกรกฺขเสน สคโห สรกฺขโส, จณฺฑมจฺฉมกราทินา วา สคโห, ยถาวุตฺตรกฺขเสน สรกฺขโส

    Atthi cettha heṭṭhā rahadoti etissā nadiyā heṭṭhā anusotabhāge ativiya gambhīravitthato eko mahāsaro atthi. So ca samantato vātābhighātasamuṭṭhitāhi maṇimayapabbatakūṭasannibhāhi mahatīhi ūmīhi vīcīhi saūmi, visamesu bhūmippadesesu savegaṃ anupakkhandantena imissā tāva nadiyā mahoghena tahiṃ tahiṃ āvaṭṭamānavipulajalatāya balavāmukhasadisehi saha āvaṭṭehīti sāvaṭṭo. Taṃ rahadaṃ otiṇṇasatteyeva attano nibaddhāmisagocare katvā ajjhāvasantena ativiya bhayānakadassanena ghoracetasā dakarakkhasena sagaho sarakkhaso, caṇḍamacchamakarādinā vā sagaho, yathāvuttarakkhasena sarakkhaso.

    นฺติ เอวํ สปฺปฎิภยํ ยํ รหทํฯ อโมฺภ ปุริสาติ อาลปนํฯ มรณํ วา นิคจฺฉสีติ ตาหิ วา อูมีหิ อโชฺฌตฺถโฎ, เตสุ วา อาวเฎฺฎสุ นิปติโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสโกฺกโนฺต เตสํ วา จณฺฑมจฺฉมกราทีนํ มุเข นิปติโตฯ ตสฺส วา ทกรกฺขสสฺส หตฺถํ คโต มรณํ วา คมิสฺสสิ, อถ วา ปน อายุเสเส สติ ตโต มุจฺจิตฺวา อปคจฺฉโนฺต เตหิ อูมิอาทีหิ ชนิตฆฎฺฎิตวเสน มรณมตฺตํ มรณปฺปมาณํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสิฯ ปฎิโสตํ วายเมยฺยาติ โส ปุเพฺพ อนุโสตํ วุยฺหมาโน ตสฺส ปุริสสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อนโตฺถ กิร เม อุปฎฺฐิโต, มจฺจุมุเข กิราหํ ปริวตฺตามี’’ติ อุปฺปนฺนพลวภโย สมฺภมโนฺต ทิคุณํ กตฺวา อุสฺสาหํ หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายเมยฺย ตเรยฺย, น จิเรเนว ตีรํ สมฺปาปุเณยฺยฯ

    Yanti evaṃ sappaṭibhayaṃ yaṃ rahadaṃ. Ambho purisāti ālapanaṃ. Maraṇaṃ vā nigacchasīti tāhi vā ūmīhi ajjhotthaṭo, tesu vā āvaṭṭesu nipatito sīsaṃ ukkhipituṃ asakkonto tesaṃ vā caṇḍamacchamakarādīnaṃ mukhe nipatito. Tassa vā dakarakkhasassa hatthaṃ gato maraṇaṃ vā gamissasi, atha vā pana āyusese sati tato muccitvā apagacchanto tehi ūmiādīhi janitaghaṭṭitavasena maraṇamattaṃ maraṇappamāṇaṃ dukkhaṃ nigacchasi. Paṭisotaṃ vāyameyyāti so pubbe anusotaṃ vuyhamāno tassa purisassa vacanaṃ sutvā ‘‘anattho kira me upaṭṭhito, maccumukhe kirāhaṃ parivattāmī’’ti uppannabalavabhayo sambhamanto diguṇaṃ katvā ussāhaṃ hatthehi ca pādehi ca vāyameyya tareyya, na cireneva tīraṃ sampāpuṇeyya.

    อตฺถสฺส วิญฺญาปนายาติ จตุสจฺจปฎิเวธานุกูลสฺส อตฺถสฺส สโมฺพธนาย อุปมา กตาฯ อยเญฺจตฺถ อโตฺถติ อยเมว อิทานิ วุจฺจมาโน อิธ มยา อธิเปฺปโต อุปเมยฺยโตฺถ, ยสฺส วิญฺญาปนาย อุปมา อาหฎาฯ

    Atthassaviññāpanāyāti catusaccapaṭivedhānukūlassa atthassa sambodhanāya upamā katā. Ayañcettha atthoti ayameva idāni vuccamāno idha mayā adhippeto upameyyattho, yassa viññāpanāya upamā āhaṭā.

    ตณฺหาเยตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย โสตสทิสตา เวทิตพฺพา อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโต จฯ ยถา หิ อุปริ มหาเมเฆ อภิปฺปวุเฎฺฐ อุทกํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาโย ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุสุเพฺภ ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุนฺนทิโย ปูเรตฺวา ตโต มหานทิโย ปกฺขนฺทิตฺวา เอโกฆํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ ‘‘นทีโสโต’’ติ วุจฺจติ, เอวเมว อชฺฌตฺติกพาหิราทิวเสน อเนกเภเทสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ โลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน ปริวุฑฺฒิํ คจฺฉโนฺต ‘‘ตณฺหาโสโต’’ติ วุจฺจติ, ยถา จ นทีโสโต อาคมนโต ยาว สมุทฺทปฺปตฺติ, ตาว สติ วิเจฺฉทปจฺจยาภาเว อวิจฺฉิชฺชมาโน อนุปฺปพเนฺธน ปวตฺตติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อาคมนโต ปฎฺฐาย อสติ วิเจฺฉทปจฺจเย อวิจฺฉิชฺชมาโน อปายสมุทฺทาภิมุโข อนุปฺปพเนฺธน ปวตฺตติฯ ยถา ปน นทีโสโต ตทโนฺตคเธ สเตฺต โอสีทาเปติ, สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อตฺตโน โสตโนฺตคเต สเตฺต โอสีทาเปติ, ปญฺญาสีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, กุสลมูลเจฺฉทเนน สํกิเลสธมฺมสมาปชฺชเนน จ มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติฯ

    Taṇhāyetaṃ adhivacananti ettha catūhi ākārehi taṇhāya sotasadisatā veditabbā anukkamaparivuḍḍhito anuppabandhato osīdāpanato duruttaraṇato ca. Yathā hi upari mahāmeghe abhippavuṭṭhe udakaṃ pabbatakandarapadarasākhāyo pūretvā tato bhassitvā kusubbhe pūretvā tato bhassitvā kunnadiyo pūretvā tato mahānadiyo pakkhanditvā ekoghaṃ hutvā pavattamānaṃ ‘‘nadīsoto’’ti vuccati, evameva ajjhattikabāhirādivasena anekabhedesu rūpādīsu ārammaṇesu lobho uppajjitvā anukkamena parivuḍḍhiṃ gacchanto ‘‘taṇhāsoto’’ti vuccati, yathā ca nadīsoto āgamanato yāva samuddappatti, tāva sati vicchedapaccayābhāve avicchijjamāno anuppabandhena pavattati, evaṃ taṇhāsotopi āgamanato paṭṭhāya asati vicchedapaccaye avicchijjamāno apāyasamuddābhimukho anuppabandhena pavattati. Yathā pana nadīsoto tadantogadhe satte osīdāpeti, sīsaṃ ukkhipituṃ na deti, maraṇaṃ vā maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ pāpeti, evaṃ taṇhāsotopi attano sotantogate satte osīdāpeti, paññāsīsaṃ ukkhipituṃ na deti, kusalamūlacchedanena saṃkilesadhammasamāpajjanena ca maraṇaṃ vā maraṇamattaṃ vā dukkhaṃ pāpeti.

    ยถา จ นทิยา โสโต มโหฆภาเวน ปวตฺตมาโน อุฬุมฺปํ วา นาวํ วา พนฺธิตุํ เนตุญฺจ เฉกํ ปุริสํ นิสฺสาย ปรตีรํ คนฺตุํ อชฺฌาสยํ กตฺวา ตชฺชํ วายามํ กโรเนฺตน ตริตโพฺพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโร, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ กาโมฆภโวฆภูโต สีลสํวรํ ปูเรตุํ สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กาตุํ ‘‘นิปเกน อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กลฺยาณมิเตฺต นิสฺสาย สมถวิปสฺสนานาวํ อภิรุหิตฺวา สมฺมาวายามํ กโรเนฺตน ตริตโพฺพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโรฯ เอวํ อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโตติ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย นทีโสตสทิสตา เวทิตพฺพาฯ

    Yathā ca nadiyā soto mahoghabhāvena pavattamāno uḷumpaṃ vā nāvaṃ vā bandhituṃ netuñca chekaṃ purisaṃ nissāya paratīraṃ gantuṃ ajjhāsayaṃ katvā tajjaṃ vāyāmaṃ karontena taritabbo, na yena vā tena vāti duruttaro, evaṃ taṇhāsotopi kāmoghabhavoghabhūto sīlasaṃvaraṃ pūretuṃ samathavipassanāsu kammaṃ kātuṃ ‘‘nipakena arahattaṃ pāpuṇissāmī’’ti ajjhāsayaṃ samuṭṭhāpetvā kalyāṇamitte nissāya samathavipassanānāvaṃ abhiruhitvā sammāvāyāmaṃ karontena taritabbo, na yena vā tena vāti duruttaro. Evaṃ anukkamaparivuḍḍhito anuppabandhato osīdāpanato duruttaraṇatoti catūhi ākārehi taṇhāya nadīsotasadisatā veditabbā.

    ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ปิยชาติกํ ปิยสภาวํ ปิยรูปํ, มธุรชาติกํ มธุรสภาวํ สาตรูปํ, อิฎฺฐสภาวนฺติ อโตฺถฯ ฉเนฺนตนฺติ ฉนฺนํ เอตํฯ อชฺฌตฺติกานนฺติ เอตฺถ ‘‘เอวํ มยํ อตฺตาติ คหณํ คมิสฺสามา’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิการํ กตฺวา ปวตฺตานีติ อชฺฌตฺติกานิฯ ตตฺถ โคจรชฺฌตฺตํ, นิยกชฺฌตฺตํ, วิสยชฺฌตฺตํ, อชฺฌตฺตชฺฌตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ อชฺฌตฺตํฯ เตสุ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๓๖๒) วุตฺตํ อิทํ โคจรชฺฌตฺตํ นามฯ ‘‘อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ธ. ส. ๑๖๑) อาคตํ อิทํ นิยกชฺฌตฺตํ นามฯ ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สุญฺญตํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๘๗) เอวมาคตํ อิทํ วิสยชฺฌตฺตํ นามฯ ‘‘อชฺฌตฺติกา ธมฺมา, พาหิรา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๐) เอตฺถ วุตฺตํ อชฺฌตฺตํ อชฺฌตฺตชฺฌตฺตํ นามฯ อิธาปิ เอตเทว อธิเปฺปตํ, ตสฺมา อชฺฌตฺตานิเยว อชฺฌตฺติกานิฯ อถ วา ยถาวุเตฺตเนว อเตฺถน ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา, พหิทฺธา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย เตสุ อชฺฌเตฺตสุ ภวานิ อชฺฌตฺติกานิ, จกฺขาทีนิฯ เตสํ อชฺฌตฺติกานํฯ

    Piyarūpaṃsātarūpanti piyajātikaṃ piyasabhāvaṃ piyarūpaṃ, madhurajātikaṃ madhurasabhāvaṃ sātarūpaṃ, iṭṭhasabhāvanti attho. Channetanti channaṃ etaṃ. Ajjhattikānanti ettha ‘‘evaṃ mayaṃ attāti gahaṇaṃ gamissāmā’’ti iminā viya adhippāyena attānaṃ adhikāraṃ katvā pavattānīti ajjhattikāni. Tattha gocarajjhattaṃ, niyakajjhattaṃ, visayajjhattaṃ, ajjhattajjhattanti catubbidhaṃ ajjhattaṃ. Tesu ‘‘ajjhattarato samāhito’’ti evamādīsu (dha. pa. 362) vuttaṃ idaṃ gocarajjhattaṃ nāma. ‘‘Ajjhattaṃ sampasādana’’nti (dī. ni. 1.228; dha. sa. 161) āgataṃ idaṃ niyakajjhattaṃ nāma. ‘‘Sabbanimittānaṃ amanasikārā ajjhattaṃ suññataṃ upasampajja viharatī’’ti (ma. ni. 3.187) evamāgataṃ idaṃ visayajjhattaṃ nāma. ‘‘Ajjhattikā dhammā, bāhirā dhammā’’ti (dha. sa. tikamātikā 20) ettha vuttaṃ ajjhattaṃ ajjhattajjhattaṃ nāma. Idhāpi etadeva adhippetaṃ, tasmā ajjhattāniyeva ajjhattikāni. Atha vā yathāvutteneva atthena ‘‘ajjhattā dhammā, bahiddhā dhammā’’tiādīsu viya tesu ajjhattesu bhavāni ajjhattikāni, cakkhādīni. Tesaṃ ajjhattikānaṃ.

    อายตนานนฺติ เอตฺถ อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ ฯ จกฺขาทีสุ หิ ตํตํทฺวารวตฺถุกา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา สเกน สเกน อนุภวนาทินา กิเจฺจน อายตนฺติ อุฎฺฐหนฺติ ฆฎนฺติ วายมนฺติ, เต จ อายภูเต ธเมฺม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺติ , ยญฺจ อนมตเคฺค สํสาเร ปวตฺตํ อติวิย อายตํ วฎฺฎทุกฺขํ, ตํ นยนฺติ ปวเตฺตนฺติฯ อิติ สพฺพถาปิเม ธมฺมา อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ วุจฺจนฺติฯ อปิจ นิวาสฎฺฐานเฎฺฐน, อากรเฎฺฐน, สโมสรณฎฺฐานเฎฺฐน, สญฺชาติเทสเฎฺฐน, การณเฎฺฐน จ อายตนํ เวทิตพฺพํฯ ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ เทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฎฺฐานํ อายตนนฺติ วุจฺจติฯ ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโรฯ สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ สโมสรณฎฺฐานํฯ ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สญฺชาติเทโสฯ ‘‘ตตฺร ตเตฺรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒) การณํ อายตนนฺติ วุจฺจติฯ จกฺขาทีสุ จ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย เตสํ นิวาสฎฺฐานํฯ ตตฺถ จ เต อากิณฺณา ตนฺนิสฺสิตตฺตาติ เต เนสํ อากโร, สโมสรณฎฺฐานญฺจ ตตฺถ วตฺถุทฺวารภาเวน สโมสรณโต, สญฺชาติเทโส จ ตนฺนิสฺสยภาเวน เตสํ ตเตฺถว อุปฺปตฺติโต, การณญฺจ ตทภาเว เตสํ อภาวโตติฯ อิติ นิวาสฎฺฐานเฎฺฐน, อากรเฎฺฐน, สโมสรณฎฺฐานเฎฺฐน, สญฺชาติเทสเฎฺฐน, การณเฎฺฐนาติ อิเมหิ การเณหิ จกฺขาทีนิ อายตนานีติ วุจฺจนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนาน’’นฺติฯ

    Āyatanānanti ettha āyatanato, āyānaṃ tananato, āyatassa ca nayanato āyatanānīti . Cakkhādīsu hi taṃtaṃdvāravatthukā cittacetasikā dhammā sakena sakena anubhavanādinā kiccena āyatanti uṭṭhahanti ghaṭanti vāyamanti, te ca āyabhūte dhamme etāni tanonti vitthārenti , yañca anamatagge saṃsāre pavattaṃ ativiya āyataṃ vaṭṭadukkhaṃ, taṃ nayanti pavattenti. Iti sabbathāpime dhammā āyatanato, āyānaṃ tananato, āyatassa ca nayanato āyatanānīti vuccanti. Apica nivāsaṭṭhānaṭṭhena, ākaraṭṭhena, samosaraṇaṭṭhānaṭṭhena, sañjātidesaṭṭhena, kāraṇaṭṭhena ca āyatanaṃ veditabbaṃ. Tathā hi loke ‘‘issarāyatanaṃ devāyatana’’ntiādīsu nivāsaṭṭhānaṃ āyatananti vuccati. ‘‘Suvaṇṇāyatanaṃ rajatāyatana’’ntiādīsu ākaro. Sāsane pana ‘‘manorame āyatane, sevanti naṃ vihaṅgamā’’tiādīsu samosaraṇaṭṭhānaṃ. ‘‘Dakkhiṇāpatho gunnaṃ āyatana’’ntiādīsu sañjātideso. ‘‘Tatra tatreva sakkhibhabbataṃ pāpuṇāti sati satiāyatane’’tiādīsu (ma. ni. 3.158; a. ni. 3.102) kāraṇaṃ āyatananti vuccati. Cakkhādīsu ca te te cittacetasikā dhammā nivasanti tadāyattavuttitāyāti cakkhādayo tesaṃ nivāsaṭṭhānaṃ. Tattha ca te ākiṇṇā tannissitattāti te nesaṃ ākaro, samosaraṇaṭṭhānañca tattha vatthudvārabhāvena samosaraṇato, sañjātideso ca tannissayabhāvena tesaṃ tattheva uppattito, kāraṇañca tadabhāve tesaṃ abhāvatoti. Iti nivāsaṭṭhānaṭṭhena, ākaraṭṭhena, samosaraṇaṭṭhānaṭṭhena, sañjātidesaṭṭhena, kāraṇaṭṭhenāti imehi kāraṇehi cakkhādīni āyatanānīti vuccanti. Tena vuttaṃ ‘‘channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanāna’’nti.

    ยทิปิ รูปาทโยปิ ธมฺมา ‘‘รูปํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ตณฺหาวตฺถุภาวโต ปิยรูปสาตรูปภาเวน วุตฺตาฯ จกฺขาทิเก ปน มุญฺจิตฺวา อตฺตภาวปญฺญตฺติยา อภาวโต ‘‘มม จกฺขุ มม โสต’’นฺติอาทินา อธิกสิเนหวตฺถุภาเวน จกฺขาทโย สาติสยํ ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ นิเทฺทสํ อรหนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Yadipi rūpādayopi dhammā ‘‘rūpaṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjatī’’ti taṇhāvatthubhāvato piyarūpasātarūpabhāvena vuttā. Cakkhādike pana muñcitvā attabhāvapaññattiyā abhāvato ‘‘mama cakkhu mama sota’’ntiādinā adhikasinehavatthubhāvena cakkhādayo sātisayaṃ piyarūpaṃ sātarūpanti niddesaṃ arahantīti dassetuṃ ‘‘piyarūpaṃ sātarūpanti kho, bhikkhave, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacana’’nti vuttaṃ.

    โอรมฺภาคิยานนฺติ เอตฺถ โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ตปฺปริยาปนฺนา โอรมฺภาคา, ปจฺจยภาเวน เตสํ หิตาติ โอรมฺภาคิยาฯ ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ ปุคฺคลํ วฎฺฎสฺมิํ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิฯ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคพฺยาปาทานํ เอตํ อธิวจนํฯ เต หิ กามภวูปคานํ สงฺขารานํ ปจฺจยา หุตฺวา รูปารูปธาตุโต เหฎฺฐาภาเวน นิหีนภาเวน โอรมฺภาคภูเตน กามภเวน สเตฺต สํโยเชนฺติฯ เอเตเนว เตสํ เหฎฺฐารหทสทิสตา ทีปิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, อูมิ เอว ภยนฺติ อูมิภยํฯ กุชฺฌนเฎฺฐน โกโธ, เสฺวว จิตฺตสฺส สรีรสฺส จ อภิปฺปมทฺทนปเวธนุปฺปาทเนน ทฬฺหํ อายาสนเฎฺฐน อุปายาโสฯ

    Orambhāgiyānanti ettha oraṃ vuccati kāmadhātu, tappariyāpannā orambhāgā, paccayabhāvena tesaṃ hitāti orambhāgiyā. Yassa saṃvijjanti, taṃ puggalaṃ vaṭṭasmiṃ saṃyojenti bandhantīti saṃyojanāni. Sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsakāmarāgabyāpādānaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Te hi kāmabhavūpagānaṃ saṅkhārānaṃ paccayā hutvā rūpārūpadhātuto heṭṭhābhāvena nihīnabhāvena orambhāgabhūtena kāmabhavena satte saṃyojenti. Eteneva tesaṃ heṭṭhārahadasadisatā dīpitāti daṭṭhabbā. Ūmibhayantikho, bhikkhave, kodhupāyāsassetaṃ adhivacananti bhāyati etasmāti bhayaṃ, ūmi eva bhayanti ūmibhayaṃ. Kujjhanaṭṭhena kodho, sveva cittassa sarīrassa ca abhippamaddanapavedhanuppādanena daḷhaṃ āyāsanaṭṭhena upāyāso.

    เอตฺถ จ อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนาปาทเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ ตถา กามคุณานํ กิเลสาภิภูเต สเตฺต อิโต จ เอโตฺต, เอโตฺต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อตฺตนิ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขเมฺม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ เอวํ อาวเฎฺฎตฺวา พฺยสนาปาทเนน อาวฎฺฎสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ ยถา ปน คหรกฺขโสปิ อารกฺขรหิตํ อตฺตโน โคจรภูมิคตํ ปุริสํ อภิภุยฺย คเหตฺวา อโคจเร ฐิตมฺปิ รกฺขสมายาย โคจรํ เนตฺวา เภรวรูปทสฺสนาทินา อวสํ อตฺตโน อุปการํ กาตุํ อสมตฺถํ กตฺวา อนฺวาวิสิตฺวา วณฺณพลโภคยสสุเขหิปิ วิโยเชโนฺต มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคาโมปิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อวีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา วีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อิตฺถิมายาย อนฺวาวิสิตฺวา อวสํ อตฺตโน อุปการธเมฺม สีลาทโย สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรโนฺต คุณวณฺณาทีหิ วิโยเชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคามสฺส คหรกฺขสสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาวฎฺฎนฺติ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ, คหรกฺขโสติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ

    Ettha ca anekavāraṃ pavattitvā attanā samavetaṃ sattaṃ ajjhottharitvā sīsaṃ ukkhipituṃ adatvā anayabyasanāpādanena kodhupāyāsassa ūmisadisatā daṭṭhabbā. Tathā kāmaguṇānaṃ kilesābhibhūte satte ito ca etto, etto ca itoti evaṃ manāpiyarūpādivisayasaṅkhāte attani saṃsāretvā yathā tato bahibhūte nekkhamme cittampi na uppajjati evaṃ āvaṭṭetvā byasanāpādanena āvaṭṭasadisatā daṭṭhabbā. Yathā pana gaharakkhasopi ārakkharahitaṃ attano gocarabhūmigataṃ purisaṃ abhibhuyya gahetvā agocare ṭhitampi rakkhasamāyāya gocaraṃ netvā bheravarūpadassanādinā avasaṃ attano upakāraṃ kātuṃ asamatthaṃ katvā anvāvisitvā vaṇṇabalabhogayasasukhehipi viyojento mahantaṃ anayabyasanaṃ āpādeti, evaṃ mātugāmopi yonisomanasikārarahitaṃ avīrapurisaṃ itthikuttabhūtehi attano hāvabhāvavilāsehi abhibhuyya gahetvā vīrajātiyampi attano rūpādīhi palobhanavasena itthimāyāya anvāvisitvā avasaṃ attano upakāradhamme sīlādayo sampādetuṃ asamatthaṃ karonto guṇavaṇṇādīhi viyojetvā mahantaṃ anayabyasanaṃ āpādeti, evaṃ mātugāmassa gaharakkhasasadisatā daṭṭhabbā. Tena vuttaṃ ‘‘āvaṭṭanti kho, bhikkhave, pañcannetaṃ kāmaguṇānaṃ adhivacanaṃ, gaharakkhasoti kho, bhikkhave, mātugāmassetaṃ adhivacana’’nti.

    ปฎิโสโตติ โข ภิกฺขเว เนกฺขมฺมเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา สห อุปจาเรน ปฐมชฺฌานํ วิปสฺสนาปญฺญา จ นิพฺพานญฺจ เนกฺขมฺมํ นามฯ สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมํ นามฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Paṭisototi kho bhikkhave nekkhammassetaṃ adhivacananti ettha pabbajjā saha upacārena paṭhamajjhānaṃ vipassanāpaññā ca nibbānañca nekkhammaṃ nāma. Sabbepi kusalā dhammā nekkhammaṃ nāma. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปพฺพชฺชา ปฐมํ ฌานํ, นิพฺพานญฺจ วิปสฺสนา;

    ‘‘Pabbajjā paṭhamaṃ jhānaṃ, nibbānañca vipassanā;

    สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติฯ

    Sabbepi kusalā dhammā, nekkhammanti pavuccare’’ti.

    อิเมสํ ปน ปพฺพชฺชาทีนํ ตณฺหาโสตสฺส ปฎิโลมโต ปฎิโสตสทิสตา เวทิตพฺพาฯ อวิเสเสน หิ ธมฺมวินโย เนกฺขมฺมํ, ตสฺส อธิฎฺฐานํ ปพฺพชฺชา จ, ธมฺมวินโย จ ตณฺหาโสตสฺส ปฎิโสตํ วุจฺจติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Imesaṃ pana pabbajjādīnaṃ taṇhāsotassa paṭilomato paṭisotasadisatā veditabbā. Avisesena hi dhammavinayo nekkhammaṃ, tassa adhiṭṭhānaṃ pabbajjā ca, dhammavinayo ca taṇhāsotassa paṭisotaṃ vuccati. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ปฎิโสตคามิํ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

    ‘‘Paṭisotagāmiṃ nipuṇaṃ, gambhīraṃ duddasaṃ aṇuṃ;

    ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขเนฺธน อาวุตา’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒);

    Rāgarattā na dakkhanti, tamokhandhena āvutā’’ti. (dī. ni. 2.65; ma. ni. 1.281; saṃ. ni. 1.172);

    วีริยารมฺภสฺสาติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺสฯ ตสฺส กาโมฆาทิเภทตณฺหาโสตสนฺตรณสฺส หเตฺถหิ ปาเทหิ จตุรงฺคนทีโสตสนฺตรณวายามสฺส สทิสตา ปากฎาเยวฯ ตถา นทีโสตสฺส ตีเร ฐิตสฺส จกฺขุมโต ปุริสสฺส กามาทิํ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตริตฺวา ตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ฐิตสฺส ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต ภควโต สทิสภาโวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จกฺขุมา ปุริโส…เป.… สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติฯ

    Vīriyārambhassāti catubbidhasammappadhānavīriyassa. Tassa kāmoghādibhedataṇhāsotasantaraṇassa hatthehi pādehi caturaṅganadīsotasantaraṇavāyāmassa sadisatā pākaṭāyeva. Tathā nadīsotassa tīre ṭhitassa cakkhumato purisassa kāmādiṃ catubbidhampi oghaṃ taritvā tassa paratīrabhūte nibbānathale ṭhitassa pañcahi cakkhūhi cakkhumato bhagavato sadisabhāvo. Tena vuttaṃ ‘‘cakkhumā puriso…pe… sammāsambuddhassā’’ti.

    ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – นทีโสโต วิย อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตมาโน ตณฺหาโสโต, เตน วุยฺหมาโน ปุริโส วิย อนมตเคฺค สํสารวเฎฺฎ ปริพฺภมนโต ตณฺหาโสเตน วุยฺหมาโน สโตฺต, ตสฺส ตตฺถ ปิยรูปสาตรูปวตฺถุสฺมิํ อภินิเวโส วิย อิมสฺส จกฺขาทีสุ อภินิเวโส, สอูมิสาวฎฺฎสคหรกฺขโส เหฎฺฐารหโท วิย โกธุปายาสปญฺจกามคุณมาตุคามสมากุโล ปโญฺจรมฺภาคิยสํโยชนสมูโห, ตมตฺถํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตสฺส นทีโสตสฺส ปรตีเร ฐิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย สกลํ สํสาราทีนวํ สพฺพญฺจ เญยฺยธมฺมํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ฐิโต สมนฺตจกฺขุ ภควา, ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมิํ นทิยา โสเตน วุยฺหมาเน ปุริเส อนุกมฺปาย รหทสฺส รหทาทีนวสฺส จ อาจิกฺขนํ วิย ตณฺหาโสเตน วุยฺหมานสฺส สตฺตสฺส มหากรุณาย ภควโต ตณฺหาทีนํ ตทาทีนวสฺส จ วิภาวนา, ตสฺส วจนํ อสทฺทหิตฺวา อนุโสตคามิโน ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมิํ รหเท มรณปฺปตฺติมรณมตฺตทุกฺขปฺปตฺติโย วิย ภควโต วจนํ อสมฺปฎิจฺฉนฺตสฺส อปายุปฺปตฺติ, สุคติยํ ทุกฺขุปฺปตฺติ จ, ตสฺส ปน วจนํ สทฺทหิตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายามกรณํ วิย เตน จ วายาเมน ปรตีรํ ปตฺวา สุเขน ยถิจฺฉิตฎฺฐานคมนํ วิย ภควโต วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตณฺหาทีสุ อาทีนวํ ปสฺสิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปฎิโสตปพฺพชฺชาทิเนกฺขมฺมวเสน วีริยารโมฺภ, อารทฺธวีริยสฺส จ เตเนว วีริยารเมฺภน ตณฺหาโสตาติกฺกมนํ นิพฺพานตีรํ ปตฺวา อรหตฺตผลสมาปตฺติวเสน ยถารุจิ สุขวิหาโรติฯ

    Tatridaṃ opammasaṃsandanaṃ – nadīsoto viya anuppabandhavasena pavattamāno taṇhāsoto, tena vuyhamāno puriso viya anamatagge saṃsāravaṭṭe paribbhamanato taṇhāsotena vuyhamāno satto, tassa tattha piyarūpasātarūpavatthusmiṃ abhiniveso viya imassa cakkhādīsu abhiniveso, saūmisāvaṭṭasagaharakkhaso heṭṭhārahado viya kodhupāyāsapañcakāmaguṇamātugāmasamākulo pañcorambhāgiyasaṃyojanasamūho, tamatthaṃ yathābhūtaṃ viditvā tassa nadīsotassa paratīre ṭhito cakkhumā puriso viya sakalaṃ saṃsārādīnavaṃ sabbañca ñeyyadhammaṃ yathābhūtaṃ viditvā taṇhāsotassa paratīrabhūte nibbānathale ṭhito samantacakkhu bhagavā, tassa purisassa tasmiṃ nadiyā sotena vuyhamāne purise anukampāya rahadassa rahadādīnavassa ca ācikkhanaṃ viya taṇhāsotena vuyhamānassa sattassa mahākaruṇāya bhagavato taṇhādīnaṃ tadādīnavassa ca vibhāvanā, tassa vacanaṃ asaddahitvā anusotagāmino tassa purisassa tasmiṃ rahade maraṇappattimaraṇamattadukkhappattiyo viya bhagavato vacanaṃ asampaṭicchantassa apāyuppatti, sugatiyaṃ dukkhuppatti ca, tassa pana vacanaṃ saddahitvā hatthehi ca pādehi ca vāyāmakaraṇaṃ viya tena ca vāyāmena paratīraṃ patvā sukhena yathicchitaṭṭhānagamanaṃ viya bhagavato vacanaṃ sampaṭicchitvā taṇhādīsu ādīnavaṃ passitvā taṇhāsotassa paṭisotapabbajjādinekkhammavasena vīriyārambho, āraddhavīriyassa ca teneva vīriyārambhena taṇhāsotātikkamanaṃ nibbānatīraṃ patvā arahattaphalasamāpattivasena yathāruci sukhavihāroti.

    คาถาสุ สหาปิ ทุเกฺขน ชเหยฺย กาเมติ ฌานมคฺคาธิคมตฺถํ สมถวิปสฺสนานุโยคํ กโรโนฺต ภิกฺขุ ยทิปิ เตสํ ปุพฺพภาคปฎิปทา กิเจฺฉน กสิเรน สมฺปชฺชติ, น สุเขน วีถิํ โอตรติ ปุพฺพภาคภาวนาย กิเลสานํ พลวภาวโต, อินฺทฺริยานํ วา อติกฺขภาวโตฯ ตถา สติ สหาปิ ทุเกฺขน ชเหยฺย กาเม, ปฐมชฺฌาเนน วิกฺขเมฺภโนฺต ตติยมเคฺคน สมุจฺฉินฺทโนฺต กิเลสกาเม ปชเหยฺยฯ เอเตน ทุกฺขปฎิปเท ฌานมเคฺค ทเสฺสติฯ

    Gāthāsu sahāpi dukkhena jaheyya kāmeti jhānamaggādhigamatthaṃ samathavipassanānuyogaṃ karonto bhikkhu yadipi tesaṃ pubbabhāgapaṭipadā kicchena kasirena sampajjati, na sukhena vīthiṃ otarati pubbabhāgabhāvanāya kilesānaṃ balavabhāvato, indriyānaṃ vā atikkhabhāvato. Tathā sati sahāpi dukkhena jaheyya kāme, paṭhamajjhānena vikkhambhento tatiyamaggena samucchindanto kilesakāme pajaheyya. Etena dukkhapaṭipade jhānamagge dasseti.

    โยคเกฺขมํ อายติํ ปตฺถยาโนติ อนาคามิตํ อรหตฺตํ อิจฺฉโนฺต อากงฺขมาโนฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิปิ เอตรหิ กิเจฺฉน กสิเรน ฌานปุริมมเคฺค อธิคจฺฉามิ, อิเม ปน นิสฺสาย อุปริ อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา กตกิโจฺจ ปหีนสพฺพทุโกฺข ภวิสฺสามีติ สหาปิ ทุเกฺขน ฌานาทีหิ กาเม ปชเหยฺยาติฯ อถ วา โย กามวิตกฺกพหุโล ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺตสฺส วเสน ปพฺพชฺชํ สีลวิโสธนํ ฌานาทีนํ ปุพฺพภาคปฎิปตฺติํ วา ปฎิปชฺชโนฺต กิเจฺฉน กสิเรน อสฺสุมุโข โรทมาโน ตํ วิตกฺกํ วิกฺขเมฺภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สหาปิ ทุเกฺขน ชเหยฺย กาเม’’ติฯ โส หิ กิเจฺฉนปิ กาเม ปชหโนฺต ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสโนฺต อนุกฺกเมน อรหเตฺต ปติฎฺฐเหยฺยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โยคเกฺขมํ อายติํ ปตฺถยาโน’’ติฯ

    Yogakkhemaṃ āyatiṃ patthayānoti anāgāmitaṃ arahattaṃ icchanto ākaṅkhamāno. Ayañhettha adhippāyo – yadipi etarahi kicchena kasirena jhānapurimamagge adhigacchāmi, ime pana nissāya upari arahattaṃ adhigantvā katakicco pahīnasabbadukkho bhavissāmīti sahāpi dukkhena jhānādīhi kāme pajaheyyāti. Atha vā yo kāmavitakkabahulo puggalo kalyāṇamittassa vasena pabbajjaṃ sīlavisodhanaṃ jhānādīnaṃ pubbabhāgapaṭipattiṃ vā paṭipajjanto kicchena kasirena assumukho rodamāno taṃ vitakkaṃ vikkhambheti, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘sahāpi dukkhena jaheyya kāme’’ti. So hi kicchenapi kāme pajahanto jhānaṃ nibbattetvā taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanto anukkamena arahatte patiṭṭhaheyya. Tena vuttaṃ ‘‘yogakkhemaṃ āyatiṃ patthayāno’’ti.

    สมฺมปฺปชาโนติ วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปญฺญาย สมฺมเทว ปชานโนฺตฯ สุวิมุตฺตจิโตฺตติ ตสฺส อริยมคฺคาธิคมสฺส อนนฺตรํ ผลวิมุตฺติยา สุฎฺฐุ วิมุตฺตจิโตฺตฯ วิมุตฺติยา ผสฺสเย ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ มคฺคผลาธิคมนกาเล วิมุตฺติํ นิพฺพานํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย อธิคเจฺฉยฺย สจฺฉิกเรยฺยฯ อุปโยคเตฺถ หิ ‘‘วิมุตฺติยา’’ติ อิทํ สามิวจนํฯ วิมุตฺติยา วา อารมฺมณภูตาย ตตฺถ ตตฺถ ตํตํผลสมาปตฺติกาเล อตฺตโน ผลจิตฺตํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย, นิพฺพาโนคธาย ผลสมาปตฺติยา วิหเรยฺยาติ อโตฺถฯ ส เวทคูติ โส เวทสงฺขาเตน มคฺคญาเณน จตุนฺนํ สจฺจานํ คตตฺตา ปฎิวิทฺธตฺตา เวทคูฯ โลกนฺตคูติ ขนฺธโลกสฺส ปริยนฺตํ คโตฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Sammappajānoti vipassanāsahitāya maggapaññāya sammadeva pajānanto. Suvimuttacittoti tassa ariyamaggādhigamassa anantaraṃ phalavimuttiyā suṭṭhu vimuttacitto. Vimuttiyā phassaye tattha tatthāti tasmiṃ tasmiṃ maggaphalādhigamanakāle vimuttiṃ nibbānaṃ phassaye phuseyya pāpuṇeyya adhigaccheyya sacchikareyya. Upayogatthe hi ‘‘vimuttiyā’’ti idaṃ sāmivacanaṃ. Vimuttiyā vā ārammaṇabhūtāya tattha tattha taṃtaṃphalasamāpattikāle attano phalacittaṃ phassaye phuseyya pāpuṇeyya, nibbānogadhāya phalasamāpattiyā vihareyyāti attho. Sa vedagūti so vedasaṅkhātena maggañāṇena catunnaṃ saccānaṃ gatattā paṭividdhattā vedagū. Lokantagūti khandhalokassa pariyantaṃ gato. Sesaṃ suviññeyyameva.

    ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๐. นทีโสตสุตฺตํ • 10. Nadīsotasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact