Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๑๑. นาคเปตวตฺถุวณฺณนา

    11. Nāgapetavatthuvaṇṇanā

    ปุรโตว เสเตน ปเลติ หตฺถินาติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรเนฺต เทฺว พฺราหฺมณเปเต อารมฺภ วุตฺตํฯ อายสฺมา กิร สํกิโจฺจ สตฺตวสฺสิโก ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปตฺวา สามเณรภูมิยํ ฐิโต ติํสมเตฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ อรญฺญายตเน วสโนฺต เตสํ ภิกฺขูนํ ปญฺจนฺนํ โจรสตานํ หตฺถโต อาคตํ มรณมฺปิ พาหิตฺวา เต จ โจเร ทเมตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิฯ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ อถายสฺมา สํกิโจฺจ ปริปุณฺณวโสฺส ลทฺธูปสมฺปโท เตหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ พาราณสิํ คนฺตฺวา อิสิปตเน วิหาสิฯ มนุสฺสา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา วีถิปฎิปาฎิยา วคฺควคฺคา หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุฯ ตตฺถ อญฺญตโร อุปาสโก มนุเสฺส นิจฺจภเตฺต สมาทเปสิ, เต ยถาพลํ นิจฺจภตฺตํ ปฎฺฐเปสุํฯ

    Puratovasetena paleti hatthināti idaṃ satthari jetavane viharante dve brāhmaṇapete ārambha vuttaṃ. Āyasmā kira saṃkicco sattavassiko khuraggeyeva arahattaṃ patvā sāmaṇerabhūmiyaṃ ṭhito tiṃsamattehi bhikkhūhi saddhiṃ araññāyatane vasanto tesaṃ bhikkhūnaṃ pañcannaṃ corasatānaṃ hatthato āgataṃ maraṇampi bāhitvā te ca core dametvā pabbājetvā satthu santikaṃ agamāsi. Satthā tesaṃ bhikkhūnaṃ dhammaṃ desesi, desanāvasāne te bhikkhū arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Athāyasmā saṃkicco paripuṇṇavasso laddhūpasampado tehi pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ bārāṇasiṃ gantvā isipatane vihāsi. Manussā therassa santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā pasannamānasā vīthipaṭipāṭiyā vaggavaggā hutvā āgantukadānaṃ adaṃsu. Tattha aññataro upāsako manusse niccabhatte samādapesi, te yathābalaṃ niccabhattaṃ paṭṭhapesuṃ.

    เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อญฺญตรสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิกสฺส พฺราหฺมณสฺส เทฺว ปุตฺตา เอกา จ ธีตา อเหสุํฯ เตสุ เชฎฺฐปุโตฺต ตสฺส อุปาสกสฺส มิโตฺต อโหสิฯ โส ตํ คเหตฺวา อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ อายสฺมา สํกิโจฺจ ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ โส มุทุจิโตฺต อโหสิฯ อถ นํ โส อุปาสโก อาห – ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิจฺจภตฺตํ เทหี’’ติ ฯ ‘‘อนาจิณฺณํ อมฺหากํ พฺราหฺมณานํ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ นิจฺจภตฺตทานํ, ตสฺมา นาหํ ทสฺสามี’’ติฯ ‘‘กิํ มยฺหมฺปิ ภตฺตํ น ทสฺสสี’’ติ? ‘‘กถํ น ทสฺสามี’’ติ อาหฯ ‘‘ยทิ เอวํ ยํ มยฺหํ เทสิ, ตํ เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เทหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ทุติยทิวเส ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อาเนตฺวา โภเชสิฯ

    Tena ca samayena bārāṇasiyaṃ aññatarassa micchādiṭṭhikassa brāhmaṇassa dve puttā ekā ca dhītā ahesuṃ. Tesu jeṭṭhaputto tassa upāsakassa mitto ahosi. So taṃ gahetvā āyasmato saṃkiccassa santikaṃ agamāsi. Āyasmā saṃkicco tassa dhammaṃ desesi. So muducitto ahosi. Atha naṃ so upāsako āha – ‘‘tvaṃ ekassa bhikkhuno niccabhattaṃ dehī’’ti . ‘‘Anāciṇṇaṃ amhākaṃ brāhmaṇānaṃ samaṇānaṃ sakyaputtiyānaṃ niccabhattadānaṃ, tasmā nāhaṃ dassāmī’’ti. ‘‘Kiṃ mayhampi bhattaṃ na dassasī’’ti? ‘‘Kathaṃ na dassāmī’’ti āha. ‘‘Yadi evaṃ yaṃ mayhaṃ desi, taṃ ekassa bhikkhussa dehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā dutiyadivase pātova vihāraṃ gantvā ekaṃ bhikkhuṃ ānetvā bhojesi.

    เอวํ คจฺฉเนฺต กาเล ภิกฺขูนํ ปฎิปตฺติํ ทิสฺวา ธมฺมญฺจ สุณิตฺวา ตสฺส กนิฎฺฐภาตา จ ภคินี จ สาสเน อภิปฺปสนฺนา ปุญฺญกมฺมรตา จ อเหสุํฯ เอวํ เต ตโย ชนา ยถาวิภวํ ทานานิ เทนฺตา สมณพฺราหฺมเณ สกฺกริํสุ ครุํ กริํสุ มาเนสุํ ปูเชสุํฯ มาตาปิตโร ปน เนสํ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา สมณพฺราหฺมเณสุ อคารวา ปุญฺญกิริยาย อนาทรา อจฺฉนฺทิกา อเหสุํฯ เตสํ ธีตรํ ทาริกํ มาตุลปุตฺตสฺสตฺถาย ญาตกา วาเรสุํฯ โส จ อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน มาตุ-เคหํ ภุญฺชิตุํ คจฺฉติฯ ตํ มาตา อตฺตโน ภาตุ-ธีตาย ทาริกาย ปโลเภติฯ เตน โส อุกฺกณฺฐิโต หุตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺคมิตฺวา อาห – ‘‘อุปฺปพฺพชิสฺสามหํ, ภเนฺต, อนุชานาถ ม’’นฺติฯ อุปชฺฌาโย ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา อาห – ‘‘สามเณร, มาสมตฺตํ อาคเมหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา มาเส อติกฺกเนฺต ตเถว อาโรเจสิฯ อุปชฺฌาโย ปุน ‘‘อฑฺฒมาสํ อาคเมหี’’ติ อาหฯ อฑฺฒมาเส อติกฺกเนฺต ตเถว วุเตฺต ปุน ‘‘สตฺตาหํ อาคเมหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิฯ อถ ตสฺมิํ อโนฺตสตฺตาเห สามเณรสฺส มาตุลานิยา เคหํ วินฎฺฐจฺฉทนํ ชิณฺณํ ทุพฺพลกุฎฺฎํ วาตวสฺสาภิหตํ ปริปติฯ ตตฺถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี เทฺว ปุตฺตา ฆีตา จ เคเหน อโชฺฌตฺถฎา กาลมกํสุฯ เตสุ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี จ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติํสุ, เทฺว ปุตฺตา ธีตา จ ภุมฺมเทเวสุฯ เตสุ เชฎฺฐปุตฺตสฺส หตฺถิยานํ นิพฺพตฺติ, กนิฎฺฐสฺส อสฺสตรีรโถ, ธีตาย สุวณฺณสิวิกาฯ พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ มหเนฺต มหเนฺต อโยมุคฺคเร คเหตฺวา อญฺญมญฺญํ อาโกเฎนฺติ, อภิหตฎฺฐาเนสุ มหนฺตา มหนฺตา ฆฎปฺปมาณา คณฺฑา อุฎฺฐหิตฺวา มุหุเตฺตเนว ปจิตฺวา ปริเภทปฺปตฺตา โหนฺติฯ เต อญฺญมญฺญสฺส คเณฺฑ ผาเลตฺวา โกธาภิภูตา นิกฺกรุณา ผรุสวจเนหิ ตเชฺชนฺตา ปุพฺพโลหิตํ ปิวนฺติ, น จ ติตฺติํ ปฎิลภนฺติฯ

    Evaṃ gacchante kāle bhikkhūnaṃ paṭipattiṃ disvā dhammañca suṇitvā tassa kaniṭṭhabhātā ca bhaginī ca sāsane abhippasannā puññakammaratā ca ahesuṃ. Evaṃ te tayo janā yathāvibhavaṃ dānāni dentā samaṇabrāhmaṇe sakkariṃsu garuṃ kariṃsu mānesuṃ pūjesuṃ. Mātāpitaro pana nesaṃ assaddhā appasannā samaṇabrāhmaṇesu agāravā puññakiriyāya anādarā acchandikā ahesuṃ. Tesaṃ dhītaraṃ dārikaṃ mātulaputtassatthāya ñātakā vāresuṃ. So ca āyasmato saṃkiccassa santike dhammaṃ sutvā saṃvegajāto pabbajitvā niccaṃ attano mātu-gehaṃ bhuñjituṃ gacchati. Taṃ mātā attano bhātu-dhītāya dārikāya palobheti. Tena so ukkaṇṭhito hutvā upajjhāyaṃ upasaṅgamitvā āha – ‘‘uppabbajissāmahaṃ, bhante, anujānātha ma’’nti. Upajjhāyo tassa upanissayasampattiṃ disvā āha – ‘‘sāmaṇera, māsamattaṃ āgamehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā māse atikkante tatheva ārocesi. Upajjhāyo puna ‘‘aḍḍhamāsaṃ āgamehī’’ti āha. Aḍḍhamāse atikkante tatheva vutte puna ‘‘sattāhaṃ āgamehī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇi. Atha tasmiṃ antosattāhe sāmaṇerassa mātulāniyā gehaṃ vinaṭṭhacchadanaṃ jiṇṇaṃ dubbalakuṭṭaṃ vātavassābhihataṃ paripati. Tattha brāhmaṇo brāhmaṇī dve puttā ghītā ca gehena ajjhotthaṭā kālamakaṃsu. Tesu brāhmaṇo brāhmaṇī ca petayoniyaṃ nibbattiṃsu, dve puttā dhītā ca bhummadevesu. Tesu jeṭṭhaputtassa hatthiyānaṃ nibbatti, kaniṭṭhassa assatarīratho, dhītāya suvaṇṇasivikā. Brāhmaṇo ca brāhmaṇī ca mahante mahante ayomuggare gahetvā aññamaññaṃ ākoṭenti, abhihataṭṭhānesu mahantā mahantā ghaṭappamāṇā gaṇḍā uṭṭhahitvā muhutteneva pacitvā paribhedappattā honti. Te aññamaññassa gaṇḍe phāletvā kodhābhibhūtā nikkaruṇā pharusavacanehi tajjentā pubbalohitaṃ pivanti, na ca tittiṃ paṭilabhanti.

    อถ สามเณโร อุกฺกณฺฐาภิภูโต อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภเนฺต, มยา ปฎิญฺญาตทิวสา วีติวตฺตา, เคหํ คมิสฺสามิ, อนุชานาถ ม’’นฺติฯ อถ นํ อุปชฺฌาโย ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย กาลปกฺขจาตุทฺทสิยา ปวตฺตมานาย เอหี’’ติ วตฺวา อิสิปตนวิหารสฺส ปิฎฺฐิปเสฺสน โถกํ คนฺตฺวา อฎฺฐาสิฯ เตน จ สมเยน เต เทฺว เทวปุตฺตา สทฺธิํ ภคินิยา เตเนว มเคฺคน ยกฺขสมาคมํ สมฺภาเวตุํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ปน มาตาปิตโร มุคฺครหตฺถา ผรุสวาจา กาฬรูปา อากุลากุลลูขปติตเกสภารา อคฺคิทฑฺฒตาลกฺขนฺธสทิสา วิคลิตปุพฺพโลหิตา วลิตคตฺตา อติวิย เชคุจฺฉพีภจฺฉทสฺสนา เต อนุพนฺธนฺติฯ

    Atha sāmaṇero ukkaṇṭhābhibhūto upajjhāyaṃ upasaṅkamitvā āha – ‘‘bhante, mayā paṭiññātadivasā vītivattā, gehaṃ gamissāmi, anujānātha ma’’nti. Atha naṃ upajjhāyo ‘‘atthaṅgate sūriye kālapakkhacātuddasiyā pavattamānāya ehī’’ti vatvā isipatanavihārassa piṭṭhipassena thokaṃ gantvā aṭṭhāsi. Tena ca samayena te dve devaputtā saddhiṃ bhaginiyā teneva maggena yakkhasamāgamaṃ sambhāvetuṃ gacchanti, tesaṃ pana mātāpitaro muggarahatthā pharusavācā kāḷarūpā ākulākulalūkhapatitakesabhārā aggidaḍḍhatālakkhandhasadisā vigalitapubbalohitā valitagattā ativiya jegucchabībhacchadassanā te anubandhanti.

    อถายสฺมา สํกิโจฺจ ยถา โส สามเณโร เต สเพฺพ คจฺฉเนฺต ปสฺสติ, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สามเณรํ อาห – ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, สามเณร, อิเม คจฺฉเนฺต’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, ปสฺสามี’’ติฯ ‘‘เตน หิ อิเมหิ กตกมฺมํ ปฎิปุจฺฉา’’ติฯ โส หตฺถิยานาทีหิ คจฺฉเนฺต อนุกฺกเมน ปฎิปุจฺฉิฯ เต อาหํสุ – ‘‘เย ปจฺฉโต เปตา อาคจฺฉนฺติ, เต ปฎิปุจฺฉา’’ติฯ สามเณโร เต เปเต คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

    Athāyasmā saṃkicco yathā so sāmaṇero te sabbe gacchante passati, tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkharitvā sāmaṇeraṃ āha – ‘‘passasi tvaṃ, sāmaṇera, ime gacchante’’ti? ‘‘Āma, bhante, passāmī’’ti. ‘‘Tena hi imehi katakammaṃ paṭipucchā’’ti. So hatthiyānādīhi gacchante anukkamena paṭipucchi. Te āhaṃsu – ‘‘ye pacchato petā āgacchanti, te paṭipucchā’’ti. Sāmaṇero te pete gāthāhi ajjhabhāsi –

    ๗๓.

    73.

    ‘‘ปุรโตว เสเตน ปเลติ หตฺถินา, มเชฺฌ ปน อสฺสตรีรเถน;

    ‘‘Puratova setena paleti hatthinā, majjhe pana assatarīrathena;

    ปจฺฉา จ กญฺญา สิวิกาย นียติ, โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสาฯ

    Pacchā ca kaññā sivikāya nīyati, obhāsayantī dasa sabbaso disā.

    ๗๔.

    74.

    ‘‘ตุเมฺห ปน มุคฺครหตฺถปาณิโน, รุทํมุขา ฉินฺนปภินฺนคตฺตา;

    ‘‘Tumhe pana muggarahatthapāṇino, rudaṃmukhā chinnapabhinnagattā;

    มนุสฺสภูตา กิมกตฺถ ปาปํ, เยนญฺญมญฺญสฺส ปิวาถ โลหิต’’นฺติฯ

    Manussabhūtā kimakattha pāpaṃ, yenaññamaññassa pivātha lohita’’nti.

    ตตฺถ ปุรโตติ สพฺพปฐมํฯ เสเตนาติ ปณฺฑเรนฯ ปเลตีติ คจฺฉติฯ มเชฺฌ ปนาติ หตฺถิํ อารุฬฺหสฺส สิวิกํ อารุฬฺหาย จ อนฺตเรฯ อสฺสตรีรเถนาติ อสฺสตรียุเตฺตน รเถน ปเลตีติ โยชนาฯ นียตีติ วหียติฯ โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสาติ สพฺพโต สมนฺตโต สพฺพา ทส ทิสา อตฺตโน สรีรปฺปภาหิ วตฺถาภรณาทิปฺปภาหิ จ วิโชฺชตยมานาฯ มุคฺครหตฺถปาณิโนติ มุคฺครา หตฺถสงฺขาเตสุ ปาณีสุ เยสํ เต มุคฺครหตฺถปาณิโน, ภูมิสณฺหกรณียาทีสุ ปาณิโวหารสฺส ลพฺภมานตฺตา หตฺถสเทฺทน ปาณิ เอว วิเสสิโตฯ ฉินฺนปภินฺนคตฺตาติ มุคฺครปฺปหาเรน ตตฺถ ตตฺถ ฉินฺนปภินฺนสรีราฯ ปิวาถาติ ปิวถฯ

    Tattha puratoti sabbapaṭhamaṃ. Setenāti paṇḍarena. Paletīti gacchati. Majjhe panāti hatthiṃ āruḷhassa sivikaṃ āruḷhāya ca antare. Assatarīrathenāti assatarīyuttena rathena paletīti yojanā. Nīyatīti vahīyati. Obhāsayantī dasa sabbaso disāti sabbato samantato sabbā dasa disā attano sarīrappabhāhi vatthābharaṇādippabhāhi ca vijjotayamānā. Muggarahatthapāṇinoti muggarā hatthasaṅkhātesu pāṇīsu yesaṃ te muggarahatthapāṇino, bhūmisaṇhakaraṇīyādīsu pāṇivohārassa labbhamānattā hatthasaddena pāṇi eva visesito. Chinnapabhinnagattāti muggarappahārena tattha tattha chinnapabhinnasarīrā. Pivāthāti pivatha.

    เอวํ สามเณเรน ปุฎฺฐา เต เปตา สพฺพํ ตํ

    Evaṃ sāmaṇerena puṭṭhā te petā sabbaṃ taṃ

    ปวตฺติํ จตูหิ คาถาหิ ปจฺจภาสิํสุ –

    Pavattiṃ catūhi gāthāhi paccabhāsiṃsu –

    ๗๕.

    75.

    ‘‘ปุรโตว โย คจฺฉติ กุญฺชเรน, เสเตน นาเคน จตุกฺกเมน;

    ‘‘Puratova yo gacchati kuñjarena, setena nāgena catukkamena;

    อมฺหาก ปุโตฺต อหุ เชฎฺฐโก โส, ทานานิ ทตฺวาน สุขี ปโมทติฯ

    Amhāka putto ahu jeṭṭhako so, dānāni datvāna sukhī pamodati.

    ๗๖.

    76.

    ‘‘โย โย มเชฺฌ อสฺสตรีรเถน, จตุพฺภิ ยุเตฺตน สุวคฺคิเตน;

    ‘‘Yo yo majjhe assatarīrathena, catubbhi yuttena suvaggitena;

    อมฺหาก ปุโตฺต อหุ มชฺฌิโม โส, อมจฺฉรี ทานปตี วิโรจติฯ

    Amhāka putto ahu majjhimo so, amaccharī dānapatī virocati.

    ๗๗.

    77.

    ‘‘ยา สา จ ปจฺฉา สิวิกาย นียติ, นารี สปญฺญา มิคมนฺทโลจนา;

    ‘‘Yā sā ca pacchā sivikāya nīyati, nārī sapaññā migamandalocanā;

    อมฺหาก ธีตา อหุ สา กนิฎฺฐิกา, ภาคฑฺฒภาเคน สุขี ปโมทติฯ

    Amhāka dhītā ahu sā kaniṭṭhikā, bhāgaḍḍhabhāgena sukhī pamodati.

    ๗๘.

    78.

    ‘‘เอเต จ ทานานิ อทํสุ ปุเพฺพ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ;

    ‘‘Ete ca dānāni adaṃsu pubbe, pasannacittā samaṇabrāhmaṇānaṃ;

    มยํ ปน มจฺฉรีโน อหุมฺห, ปริภาสกา สมณพฺราหฺมณานํ;

    Mayaṃ pana maccharīno ahumha, paribhāsakā samaṇabrāhmaṇānaṃ;

    เอเต จ ทตฺวา ปริจารยนฺติ, มยญฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉิโนฺน’’ติฯ

    Ete ca datvā paricārayanti, mayañca sussāma naḷova chinno’’ti.

    ๗๕. ตตฺถ ปุรโตว โย คจฺฉตีติ อิเมสํ คจฺฉนฺตานํ โย ปุรโต คจฺฉติฯ ‘‘โยโส ปุรโต คจฺฉตี’’ติ วา ปาโฐ, ตสฺส โย เอโส ปุรโต คจฺฉตีติ อโตฺถฯ กุญฺชเรนาติ กุํ ปถวิํ ชีรยติ, กุเญฺชสุ วา รมติ จรตีติ ‘‘กุญฺชโร’’ติ ลทฺธนาเมน หตฺถินาฯ นาเคนาติ, นาสฺส อคมนียํ อนภิภวนียํ อตฺถีติ นาคา, เตน นาเคนฯ จตุกฺกเมนาติ จตุปฺปเทนฯ เชฎฺฐโกติ ปุพฺพโชฯ

    75. Tattha puratova yo gacchatīti imesaṃ gacchantānaṃ yo purato gacchati. ‘‘Yoso purato gacchatī’’ti vā pāṭho, tassa yo eso purato gacchatīti attho. Kuñjarenāti kuṃ pathaviṃ jīrayati, kuñjesu vā ramati caratīti ‘‘kuñjaro’’ti laddhanāmena hatthinā. Nāgenāti, nāssa agamanīyaṃ anabhibhavanīyaṃ atthīti nāgā, tena nāgena. Catukkamenāti catuppadena. Jeṭṭhakoti pubbajo.

    ๗๖-๗๗. จตุพฺภีติ จตูหิ อสฺสตรีหิฯ สุวคฺคิเตนาติ สุนฺทรคมเนน จาตุรคมเนนฯ มิคมนฺทโลจนาติ มิคี วิย มนฺทกฺขิกาฯ ภาคฑฺฒภาเคนาติ ภาคสฺส อฑฺฒภาเคน, อตฺตนา ลทฺธโกฎฺฐาสโต อฑฺฒภาคทาเนน เหตุภูเตนฯ สุขีติ สุขินีฯ ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํฯ

    76-77.Catubbhīti catūhi assatarīhi. Suvaggitenāti sundaragamanena cāturagamanena. Migamandalocanāti migī viya mandakkhikā. Bhāgaḍḍhabhāgenāti bhāgassa aḍḍhabhāgena, attanā laddhakoṭṭhāsato aḍḍhabhāgadānena hetubhūtena. Sukhīti sukhinī. Liṅgavipallāsena hetaṃ vuttaṃ.

    ๗๘. ปริภาสกาติ อโกฺกสกาฯ ปริจารยนฺตีติ ทิเพฺพสุ กามคุเณสุ อตฺตโน อินฺทฺริยานิ อิโต จิโต จ ยถาสุขํ จาเรนฺติ, ปริชเนหิ วา อตฺตโน ปุญฺญานุภาวนิสฺสเนฺทน ปริจริยํ กาเรนฺติฯ มยญฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉิโนฺนติ มยํ ปน ฉิโนฺน อาตเป ขิโตฺต นโฬ วิย สุสฺสาม, ขุปฺปิปาสาหิ อญฺญมญฺญํ ทณฺฑาภิฆาเตหิ จ สุกฺขา วิสุกฺขา ภวามาติฯ

    78.Paribhāsakāti akkosakā. Paricārayantīti dibbesu kāmaguṇesu attano indriyāni ito cito ca yathāsukhaṃ cārenti, parijanehi vā attano puññānubhāvanissandena paricariyaṃ kārenti. Mayañca sussāma naḷova chinnoti mayaṃ pana chinno ātape khitto naḷo viya sussāma, khuppipāsāhi aññamaññaṃ daṇḍābhighātehi ca sukkhā visukkhā bhavāmāti.

    เอวํ อตฺตโน ปาปํ สมฺปเวเทตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ อาจิกฺขิํสุฯ ตํ สุตฺวา สามเณโร สญฺชาตสํเวโค ‘‘เอวรูปานํ กิพฺพิสการีนํ กถํ นุ โข โภชนานิ สิชฺฌนฺตี’’ติ ปุจฺฉโนฺต –

    Evaṃ attano pāpaṃ sampavedetvā ‘‘mayaṃ tuyhaṃ mātulamātulāniyo’’ti ācikkhiṃsu. Taṃ sutvā sāmaṇero sañjātasaṃvego ‘‘evarūpānaṃ kibbisakārīnaṃ kathaṃ nu kho bhojanāni sijjhantī’’ti pucchanto –

    ๗๙.

    79.

    ‘‘กิํ ตุมฺหากํ โภชนํ กิํ สยานํ, กถญฺจ ยาเปถ สุปาปธมฺมิโน;

    ‘‘Kiṃ tumhākaṃ bhojanaṃ kiṃ sayānaṃ, kathañca yāpetha supāpadhammino;

    ปหูตโภเคสุ อนปฺปเกสุ, สุขํ วิราธาย ทุกฺขชฺช ปตฺตา’’ติฯ –

    Pahūtabhogesu anappakesu, sukhaṃ virādhāya dukkhajja pattā’’ti. –

    อิมํ คาถมาหฯ ตตฺถ กิํ ตุมฺหากํ โภชนนฺติ กีทิสํ ตุมฺหากํ โภชนํ? กิํ สยานนฺติ กีทิสํ สยนํ? ‘‘กิํ สยานา’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, กีทิสา สยนา, กีทิเส สยเน สยถาติ อโตฺถฯ กถญฺจ ยาเปถาติ เกน ปกาเรน ยาเปถ, ‘‘กถํ โว ยาเปถา’’ติปิ ปาโฐ, กถํ ตุเมฺห ยาเปถาติ อโตฺถฯ สุปาปธมฺมิโนติ สุฎฺฐุ อติวิย ปาปธมฺมาฯ ปหูตโภเคสูติ อปริยเนฺตสุ อุฬาเรสุ โภเคสุ สเนฺตสุฯ อนปฺปเกสูติ น อปฺปเกสุ พหูสุฯ สุขํ วิราธายาติ สุขเหตุโน ปุญฺญสฺส อกรเณน สุขํ วิรชฺฌิตฺวา วิราเธตฺวาฯ ‘‘สุขสฺส วิราเธนา’’ติ เกจิ ปฐนฺติฯ ทุกฺขชฺช ปตฺตาติ อชฺช อิทานิ อิทํ เปตโยนิปริยาปนฺนํ ทุกฺขํ อนุปฺปตฺตาติฯ

    Imaṃ gāthamāha. Tattha kiṃ tumhākaṃ bhojananti kīdisaṃ tumhākaṃ bhojanaṃ? Kiṃ sayānanti kīdisaṃ sayanaṃ? ‘‘Kiṃ sayānā’’ti keci paṭhanti, kīdisā sayanā, kīdise sayane sayathāti attho. Kathañca yāpethāti kena pakārena yāpetha, ‘‘kathaṃ vo yāpethā’’tipi pāṭho, kathaṃ tumhe yāpethāti attho. Supāpadhamminoti suṭṭhu ativiya pāpadhammā. Pahūtabhogesūti apariyantesu uḷāresu bhogesu santesu. Anappakesūti na appakesu bahūsu. Sukhaṃ virādhāyāti sukhahetuno puññassa akaraṇena sukhaṃ virajjhitvā virādhetvā. ‘‘Sukhassa virādhenā’’ti keci paṭhanti. Dukkhajja pattāti ajja idāni idaṃ petayonipariyāpannaṃ dukkhaṃ anuppattāti.

    เอวํ สามเณเรน ปุฎฺฐา เปตา เตน ปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสเชฺชนฺตา –

    Evaṃ sāmaṇerena puṭṭhā petā tena pucchitamatthaṃ vissajjentā –

    ๘๐.

    80.

    ‘‘อญฺญมญฺญํ วธิตฺวาน, ปิวาม ปุพฺพโลหิตํ;

    ‘‘Aññamaññaṃ vadhitvāna, pivāma pubbalohitaṃ;

    พหุํ วิตฺวา น ธาตา โหม, นจฺฉาทิมฺหเส มยํฯ

    Bahuṃ vitvā na dhātā homa, nacchādimhase mayaṃ.

    ๘๑.

    81.

    ‘‘อิเจฺจว มจฺจา ปริเทวยนฺติ, อทายกา เปจฺจ ยมสฺส ฐายิโน;

    ‘‘Icceva maccā paridevayanti, adāyakā pecca yamassa ṭhāyino;

    เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺม โภเค, น ภุญฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุญฺญํฯ

    Ye te vidicca adhigamma bhoge, na bhuñjare nāpi karonti puññaṃ.

    ๘๒.

    82.

    ‘‘เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถ, ปจฺฉา จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานา;

    ‘‘Te khuppipāsūpagatā parattha, pacchā ciraṃ jhāyare ḍayhamānā;

    กมฺมานิ กตฺวาน ทุขุทฺรานิ, อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฎุกปฺผลานิฯ

    Kammāni katvāna dukhudrāni, anubhonti dukkhaṃ kaṭukapphalāni.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘อิตฺตรญฺหิ ธนํ ธญฺญํ, อิตฺตรํ อิธ ชีวิตํ;

    ‘‘Ittarañhi dhanaṃ dhaññaṃ, ittaraṃ idha jīvitaṃ;

    อิตฺตรํ อิตฺตรโต ญตฺวา, ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโตฯ

    Ittaraṃ ittarato ñatvā, dīpaṃ kayirātha paṇḍito.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘เย เต เอวํ ปชานนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

    ‘‘Ye te evaṃ pajānanti, narā dhammassa kovidā;

    เต ทาเน นปฺปมชฺชนฺติ, สุตฺวา อรหตํ วโจ’’ติฯ –

    Te dāne nappamajjanti, sutvā arahataṃ vaco’’ti. –

    ปญฺจ คาถา อภาสิํสุฯ

    Pañca gāthā abhāsiṃsu.

    ๘๐-๘๑. ตตฺถ น ธาตา โหมาติ ธาตา สุหิตา ติตฺตา น โหมฯ นจฺฉาทิมฺหเสติ น รุจฺจาม, น รุจิํ อุปฺปาเทม, น ตํ มยํ อตฺตโน รุจิยา ปิวิสฺสามาติ อโตฺถฯ อิเจฺจวาติ เอวเมวฯ มจฺจา ปริเทวยนฺตีติ มยํ วิย อเญฺญปิ มนุสฺสา กตกิพฺพิสา ปริเทวนฺติ กนฺทนฺติฯ อทายกาติ อทานสีลา มจฺฉริโนฯ ยมสฺส ฐายิโนติ ยมโลกสญฺญิเต ยมสฺส ฐาเน เปตฺติวิสเย ฐานสีลา ฯ เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺมโภเคติ เย เต สมฺปติ อายติญฺจ สุขวิเสสวิธายเก โภเค วินฺทิตฺวา ปฎิลภิตฺวาฯ น ภุญฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุญฺญนฺติ อเมฺห วิย สยมฺปิ น ภุญฺชนฺติ, ปเรสํ เทนฺตา ทานมยํ ปุญฺญมฺปิ น กโรนฺติฯ

    80-81. Tattha na dhātā homāti dhātā suhitā tittā na homa. Nacchādimhaseti na ruccāma, na ruciṃ uppādema, na taṃ mayaṃ attano ruciyā pivissāmāti attho. Iccevāti evameva. Maccā paridevayantīti mayaṃ viya aññepi manussā katakibbisā paridevanti kandanti. Adāyakāti adānasīlā maccharino. Yamassa ṭhāyinoti yamalokasaññite yamassa ṭhāne pettivisaye ṭhānasīlā . Ye te vidicca adhigammabhogeti ye te sampati āyatiñca sukhavisesavidhāyake bhoge vinditvā paṭilabhitvā. Na bhuñjare nāpi karonti puññanti amhe viya sayampi na bhuñjanti, paresaṃ dentā dānamayaṃ puññampi na karonti.

    ๘๒. เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถาติ เต สตฺตา ปรตฺถ ปรโลเก เปตฺติวิสเย ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา หุตฺวาฯ จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานาติ ขุทาทิเหตุเกน ทุกฺขคฺคินา ‘‘อกตํ วต อเมฺหหิ กุสลํ, กตํ ปาป’’นฺติอาทินา วตฺตมาเนน วิปฺปฎิสารคฺคินา ปริฑยฺหมานา ฌายนฺติ, อนุตฺถุนนฺตีติ อโตฺถฯ ทุขุทฺรานีติ ทุกฺขวิปากานิฯ อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฎุกปฺผลานีติ อนิฎฺฐผลานิ ปาปกมฺมานิ กตฺวา จิรกาลํ ทุกฺขํ อาปายิกทุกฺขํ อนุภวนฺติฯ

    82.Te khuppipāsūpagatā paratthāti te sattā parattha paraloke pettivisaye jighacchāpipāsābhibhūtā hutvā. Ciraṃ jhāyare ḍayhamānāti khudādihetukena dukkhagginā ‘‘akataṃ vata amhehi kusalaṃ, kataṃ pāpa’’ntiādinā vattamānena vippaṭisāragginā pariḍayhamānā jhāyanti, anutthunantīti attho. Dukhudrānīti dukkhavipākāni. Anubhonti dukkhaṃ kaṭukapphalānīti aniṭṭhaphalāni pāpakammāni katvā cirakālaṃ dukkhaṃ āpāyikadukkhaṃ anubhavanti.

    ๘๓-๘๔. อิตฺตรนฺติ น จิรกาลฎฺฐายี, อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํฯ อิตฺตรํ อิธ ชีวิตนฺติ อิธ มนุสฺสโลเก สตฺตานํ ชีวิตมฺปิ อิตฺตรํ ปริตฺตํ อปฺปกํฯ เตนาห ภควา – ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔)ฯ อิตฺตรํ อิตฺตรโต ญตฺวาติ ธนธญฺญาทิอุปกรณํ มนุสฺสานํ ชีวิตญฺจ อิตฺตรํ ปริตฺตํ ขณิกํ น จิรสฺสนฺติ ปญฺญาย อุปปริกฺขิตฺวาฯ ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโตติ สปโญฺญ ปุริโส ทีปํ อตฺตโน ปติฎฺฐํ ปรโลเก หิตสุขาธิฎฺฐานํ กเรยฺยฯ เย เต เอวํ ปชานนฺตีติ เย เต มนุสฺสา มนุสฺสานํ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อิตฺตรภาวํ ยาถาวโต ชานนฺติ, เต ทาเน สพฺพกาลํ นปฺปมชฺชนฺติฯ สุตฺวา อรหตํ วโจติ อรหตํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ วจนํ สุตฺวา, สุตตฺตาติ อโตฺถฯ เสสํ ปากฎเมวฯ

    83-84.Ittaranti na cirakālaṭṭhāyī, aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ. Ittaraṃ idha jīvitanti idha manussaloke sattānaṃ jīvitampi ittaraṃ parittaṃ appakaṃ. Tenāha bhagavā – ‘‘yo ciraṃ jīvati, so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo’’ti (dī. ni. 2.91; saṃ. ni. 1.145; a. ni. 7.74). Ittaraṃ ittarato ñatvāti dhanadhaññādiupakaraṇaṃ manussānaṃ jīvitañca ittaraṃ parittaṃ khaṇikaṃ na cirassanti paññāya upaparikkhitvā. Dīpaṃ kayirātha paṇḍitoti sapañño puriso dīpaṃ attano patiṭṭhaṃ paraloke hitasukhādhiṭṭhānaṃ kareyya. Ye te evaṃ pajānantīti ye te manussā manussānaṃ bhogānaṃ jīvitassa ca ittarabhāvaṃ yāthāvato jānanti, te dāne sabbakālaṃ nappamajjanti. Sutvā arahataṃ vacoti arahataṃ buddhādīnaṃ ariyānaṃ vacanaṃ sutvā, sutattāti attho. Sesaṃ pākaṭameva.

    เอวํ เต เปตา สามเณเรน ปุฎฺฐา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ ปเวเทสุํฯ ตํ สุตฺวา สามเณโร สญฺชาตสํเวโค อุกฺกณฺฐํ ปฎิวิโนเทตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ, ภเนฺต, อนุกมฺปเกน กรณียํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ตํ เม ตุเมฺหหิ กตํ, มหตา วตมฺหิ อนตฺถปาตโต รกฺขิโต, น ทานิ เม ฆราวาเสน อโตฺถ, อภิรมิสฺสามิ พฺรหฺมจริยวาเส’’ติฯ อถายสฺมา สํกิโจฺจ ตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ กมฺมฎฺฐานํ อาจิกฺขิฯ โส กมฺมฎฺฐานํ อนุยุญฺชโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ อายสฺมา ปน สํกิโจฺจ ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ สตฺถา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Evaṃ te petā sāmaṇerena puṭṭhā tamatthaṃ ācikkhitvā ‘‘mayaṃ tuyhaṃ mātulamātulāniyo’’ti pavedesuṃ. Taṃ sutvā sāmaṇero sañjātasaṃvego ukkaṇṭhaṃ paṭivinodetvā upajjhāyassa pādesu sirasā nipatitvā evamāha – ‘‘yaṃ, bhante, anukampakena karaṇīyaṃ anukampaṃ upādāya, taṃ me tumhehi kataṃ, mahatā vatamhi anatthapātato rakkhito, na dāni me gharāvāsena attho, abhiramissāmi brahmacariyavāse’’ti. Athāyasmā saṃkicco tassa ajjhāsayānurūpaṃ kammaṭṭhānaṃ ācikkhi. So kammaṭṭhānaṃ anuyuñjanto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Āyasmā pana saṃkicco taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Satthā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya vitthārena dhammaṃ desesi, sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    นาคเปตวตฺถุวณณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nāgapetavatthuvaṇaṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๑๑. นาคเปตวตฺถุ • 11. Nāgapetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact