Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๕. นครสุตฺตํ
5. Nagarasuttaṃ
๖๕. สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป.… ‘‘ปุเพฺพ เม, ภิกฺขเว, สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ – ‘กิจฺฉา วตายํ โลโก อาปโนฺน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จฯ อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺสฯ กุทาสฺสุ นาม อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ ปญฺญายิสฺสติ ชรามรณสฺสา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กิํปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’’นฺติฯ
65. Sāvatthiyaṃ viharati…pe… ‘‘pubbe me, bhikkhave, sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato etadahosi – ‘kicchā vatāyaṃ loko āpanno jāyati ca jīyati ca mīyati ca cavati ca upapajjati ca. Atha ca panimassa dukkhassa nissaraṇaṃ nappajānāti jarāmaraṇassa. Kudāssu nāma imassa dukkhassa nissaraṇaṃ paññāyissati jarāmaraṇassā’ti? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, kiṃpaccayā jarāmaraṇa’nti ? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘jātiyā kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, jātipaccayā jarāmaraṇa’’’nti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหติ…เป.… ภโว โหติ… อุปาทานํ โหติ… ตณฺหา โหติ… เวทนา โหติ… ผโสฺส โหติ… สฬายตนํ โหติ… นามรูปํ โหติ… กิํปจฺจยา นามรูป’นฺติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘วิญฺญาเณ โข สติ นามรูปํ โหติ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข สติ วิญฺญาณํ โหติ, กิํปจฺจยา วิญฺญาณ’นฺติ ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข สติ วิญฺญาณํ โหติ, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’’’นฺติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho sati jāti hoti…pe… bhavo hoti… upādānaṃ hoti… taṇhā hoti… vedanā hoti… phasso hoti… saḷāyatanaṃ hoti… nāmarūpaṃ hoti… kiṃpaccayā nāmarūpa’nti? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘viññāṇe kho sati nāmarūpaṃ hoti, viññāṇapaccayā nāmarūpa’nti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho sati viññāṇaṃ hoti, kiṃpaccayā viññāṇa’nti ? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho sati viññāṇaṃ hoti, nāmarūpapaccayā viññāṇa’’’nti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ปจฺจุทาวตฺตติ โข อิทํ วิญฺญาณํ นามรูปมฺหา น ปรํ คจฺฉติฯ เอตฺตาวตา ชาเยถ วา ชีเยถ วา มีเยถ วา จเวถ วา อุปปเชฺชถ วา, ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ; วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ; นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ; สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ ‘สมุทโย, สมุทโย’ติ โข เม, ภิกฺขเว, ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ ญาณํ อุทปาทิ ปญฺญา อุทปาทิ วิชฺชา อุทปาทิ อาโลโก อุทปาทิฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – paccudāvattati kho idaṃ viññāṇaṃ nāmarūpamhā na paraṃ gacchati. Ettāvatā jāyetha vā jīyetha vā mīyetha vā cavetha vā upapajjetha vā, yadidaṃ nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ; viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ; nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ; saḷāyatanapaccayā phasso…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. ‘Samudayo, samudayo’ti kho me, bhikkhave, pubbe ananussutesu dhammesu cakkhuṃ udapādi ñāṇaṃ udapādi paññā udapādi vijjā udapādi āloko udapādi.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ, ชรามรณํ น โหติ; กิสฺส นิโรธา ชรามรณนิโรโธ’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘ชาติยา โข อสติ, ชรามรณํ น โหติ; ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ ชาติ น โหติ…เป.… ภโว น โหติ… อุปาทานํ น โหติ… ตณฺหา น โหติ… เวทนา น โหติ… ผโสฺส น โหติ… สฬายตนํ น โหติ… นามรูปํ น โหติฯ กิสฺส นิโรธา นามรูปนิโรโธ’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘วิญฺญาเณ โข อสติ, นามรูปํ น โหติ; วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ’’’ติ ฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho asati, jarāmaraṇaṃ na hoti; kissa nirodhā jarāmaraṇanirodho’ti? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘jātiyā kho asati, jarāmaraṇaṃ na hoti; jātinirodhā jarāmaraṇanirodho’ti. Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho asati jāti na hoti…pe… bhavo na hoti… upādānaṃ na hoti… taṇhā na hoti… vedanā na hoti… phasso na hoti… saḷāyatanaṃ na hoti… nāmarūpaṃ na hoti. Kissa nirodhā nāmarūpanirodho’ti? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘viññāṇe kho asati, nāmarūpaṃ na hoti; viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho’’’ti .
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กิมฺหิ นุ โข อสติ วิญฺญาณํ น โหติ; กิสฺส นิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปญฺญาย อภิสมโย – ‘นามรูเป โข อสติ, วิญฺญาณํ น โหติ; นามรูปนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ’’’ติฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – ‘kimhi nu kho asati viññāṇaṃ na hoti; kissa nirodhā viññāṇanirodho’ti? Tassa mayhaṃ, bhikkhave, yoniso manasikārā ahu paññāya abhisamayo – ‘nāmarūpe kho asati, viññāṇaṃ na hoti; nāmarūpanirodhā viññāṇanirodho’’’ti.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – อธิคโต โข มฺยายํ มโคฺค โพธาย ยทิทํ – นามรูปนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ; วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ; นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ; สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติฯ ‘นิโรโธ, นิโรโธ’ติ โข เม, ภิกฺขเว, ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ ญาณํ อุทปาทิ ปญฺญา อุทปาทิ วิชฺชา อุทปาทิ อาโลโก อุทปาทิฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhikkhave, etadahosi – adhigato kho myāyaṃ maggo bodhāya yadidaṃ – nāmarūpanirodhā viññāṇanirodho; viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho; nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho; saḷāyatananirodhā phassanirodho…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti. ‘Nirodho, nirodho’ti kho me, bhikkhave, pubbe ananussutesu dhammesu cakkhuṃ udapādi ñāṇaṃ udapādi paññā udapādi vijjā udapādi āloko udapādi.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อรเญฺญ ปวเน จรมาโน ปเสฺสยฺย ปุราณํ มคฺคํ ปุราณญฺชสํ ปุพฺพเกหิ มนุเสฺสหิ อนุยาตํฯ โส ตมนุคเจฺฉยฺย ฯ ตมนุคจฺฉโนฺต ปเสฺสยฺย ปุราณํ นครํ ปุราณํ ราชธานิํ ปุพฺพเกหิ มนุเสฺสหิ อชฺฌาวุฎฺฐํ 1 อารามสมฺปนฺนํ วนสมฺปนฺนํ โปกฺขรณีสมฺปนฺนํ อุทฺธาปวนฺตํ 2 รมณียํฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส รโญฺญ วา ราชมหามตฺตสฺส วา อาโรเจยฺย – ‘ยเคฺฆ, ภเนฺต, ชาเนยฺยาสิ – อหํ อทฺทสํ อรเญฺญ ปวเน จรมาโน ปุราณํ มคฺคํ ปุราณญฺชสํ ปุพฺพเกหิ มนุเสฺสหิ อนุยาตํ ตมนุคจฺฉิํฯ ตมนุคจฺฉโนฺต อทฺทสํ ปุราณํ นครํ ปุราณํ ราชธานิํ ปุพฺพเกหิ มนุเสฺสหิ อชฺฌาวุฎฺฐํ อารามสมฺปนฺนํ วนสมฺปนฺนํ โปกฺขรณีสมฺปนฺนํ อุทฺธาปวนฺตํ รมณียํฯ ตํ, ภเนฺต, นครํ มาเปหี’ติฯ อถ โข โส, ภิกฺขเว, ราชา วา ราชมหามโตฺต วา ตํ นครํ มาเปยฺยฯ ตทสฺส นครํ อปเรน สมเยน อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พาหุชญฺญํ อากิณฺณมนุสฺสํ วุทฺธิเวปุลฺลปฺปตฺตํฯ เอวเมว ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อทฺทสํ ปุราณํ มคฺคํ ปุราณญฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาตํฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso araññe pavane caramāno passeyya purāṇaṃ maggaṃ purāṇañjasaṃ pubbakehi manussehi anuyātaṃ. So tamanugaccheyya . Tamanugacchanto passeyya purāṇaṃ nagaraṃ purāṇaṃ rājadhāniṃ pubbakehi manussehi ajjhāvuṭṭhaṃ 3 ārāmasampannaṃ vanasampannaṃ pokkharaṇīsampannaṃ uddhāpavantaṃ 4 ramaṇīyaṃ. Atha kho so, bhikkhave, puriso rañño vā rājamahāmattassa vā āroceyya – ‘yagghe, bhante, jāneyyāsi – ahaṃ addasaṃ araññe pavane caramāno purāṇaṃ maggaṃ purāṇañjasaṃ pubbakehi manussehi anuyātaṃ tamanugacchiṃ. Tamanugacchanto addasaṃ purāṇaṃ nagaraṃ purāṇaṃ rājadhāniṃ pubbakehi manussehi ajjhāvuṭṭhaṃ ārāmasampannaṃ vanasampannaṃ pokkharaṇīsampannaṃ uddhāpavantaṃ ramaṇīyaṃ. Taṃ, bhante, nagaraṃ māpehī’ti. Atha kho so, bhikkhave, rājā vā rājamahāmatto vā taṃ nagaraṃ māpeyya. Tadassa nagaraṃ aparena samayena iddhañceva phītañca bāhujaññaṃ ākiṇṇamanussaṃ vuddhivepullappattaṃ. Evameva khvāhaṃ, bhikkhave, addasaṃ purāṇaṃ maggaṃ purāṇañjasaṃ pubbakehi sammāsambuddhehi anuyātaṃ.
‘‘กตโม จ โส, ภิกฺขเว, ปุราณมโคฺค ปุราณญฺชโส ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาโต ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ…เป.… สมฺมาสมาธิฯ อยํ โข โส, ภิกฺขเว, ปุราณมโคฺค ปุราณญฺชโส ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธหิ อนุยาโต, ตมนุคจฺฉิํ; ตมนุคจฺฉโนฺต ชรามรณํ อพฺภญฺญาสิํ; ชรามรณสมุทยํ อพฺภญฺญาสิํ; ชรามรณนิโรธํ อพฺภญฺญาสิํ; ชรามรณนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตมนุคจฺฉิํ; ตมนุคจฺฉโนฺต ชาติํ อพฺภญฺญาสิํ…เป.… ภวํ อพฺภญฺญาสิํ… อุปาทานํ อพฺภญฺญาสิํ… ตณฺหํ อพฺภญฺญาสิํ… เวทนํ อพฺภญฺญาสิํ… ผสฺสํ อพฺภญฺญาสิํ… สฬายตนํ อพฺภญฺญาสิํ… นามรูปํ อพฺภญฺญาสิํ… วิญฺญาณํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตมนุคจฺฉิํ; ตมนุคจฺฉโนฺต สงฺขาเร อพฺภญฺญาสิํ; สงฺขารสมุทยํ อพฺภญฺญาสิํ; สงฺขารนิโรธํ อพฺภญฺญาสิํ; สงฺขารนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตทภิญฺญา อาจิกฺขิํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว , พฺรหฺมจริยํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชญฺญํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุเสฺสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติฯ ปญฺจมํฯ
‘‘Katamo ca so, bhikkhave, purāṇamaggo purāṇañjaso pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāto ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi…pe… sammāsamādhi. Ayaṃ kho so, bhikkhave, purāṇamaggo purāṇañjaso pubbakehi sammāsambuddhehi anuyāto, tamanugacchiṃ; tamanugacchanto jarāmaraṇaṃ abbhaññāsiṃ; jarāmaraṇasamudayaṃ abbhaññāsiṃ; jarāmaraṇanirodhaṃ abbhaññāsiṃ; jarāmaraṇanirodhagāminiṃ paṭipadaṃ abbhaññāsiṃ. Tamanugacchiṃ; tamanugacchanto jātiṃ abbhaññāsiṃ…pe… bhavaṃ abbhaññāsiṃ… upādānaṃ abbhaññāsiṃ… taṇhaṃ abbhaññāsiṃ… vedanaṃ abbhaññāsiṃ… phassaṃ abbhaññāsiṃ… saḷāyatanaṃ abbhaññāsiṃ… nāmarūpaṃ abbhaññāsiṃ… viññāṇaṃ abbhaññāsiṃ. Tamanugacchiṃ; tamanugacchanto saṅkhāre abbhaññāsiṃ; saṅkhārasamudayaṃ abbhaññāsiṃ; saṅkhāranirodhaṃ abbhaññāsiṃ; saṅkhāranirodhagāminiṃ paṭipadaṃ abbhaññāsiṃ. Tadabhiññā ācikkhiṃ bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Tayidaṃ, bhikkhave , brahmacariyaṃ iddhañceva phītañca vitthārikaṃ bāhujaññaṃ puthubhūtaṃ yāva devamanussehi suppakāsita’’nti. Pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. นครสุตฺตวณฺณนา • 5. Nagarasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๕. นครสุตฺตวณฺณนา • 5. Nagarasuttavaṇṇanā