Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๙. นาคสุตฺตํ

    9. Nāgasuttaṃ

    ๔๐. ‘‘ยสฺมิํ , ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส โคจรปสุตสฺส หตฺถีปิ หตฺถินิโยปิ หตฺถิกลภาปิ หตฺถิจฺฉาปาปิ ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ติณคฺคานิ ฉินฺทนฺติ, เตน, ภิกฺขเว, อารญฺญิโก นาโค อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ ยสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส โคจรปสุตสฺส หตฺถีปิ หตฺถินิโยปิ หตฺถิกลภาปิ หตฺถิจฺฉาปาปิ โอภโคฺคภคฺคํ สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, เตน, ภิกฺขเว, อารญฺญิโก นาโค อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ ยสฺมิํ , ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส โอคาหํ โอติณฺณสฺส หตฺถีปิ หตฺถินิโยปิ หตฺถิกลภาปิ หตฺถิจฺฉาปาปิ ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา โสณฺฑาย อุทกํ อาโลเฬนฺติ, เตน, ภิกฺขเว, อารญฺญิโก นาโค อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ ยสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส โอคาหา อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, เตน, ภิกฺขเว, อารญฺญิโก นาโค อฎฺฎียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ

    40. ‘‘Yasmiṃ , bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa gocarapasutassa hatthīpi hatthiniyopi hatthikalabhāpi hatthicchāpāpi purato purato gantvā tiṇaggāni chindanti, tena, bhikkhave, āraññiko nāgo aṭṭīyati harāyati jigucchati. Yasmiṃ, bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa gocarapasutassa hatthīpi hatthiniyopi hatthikalabhāpi hatthicchāpāpi obhaggobhaggaṃ sākhābhaṅgaṃ khādanti, tena, bhikkhave, āraññiko nāgo aṭṭīyati harāyati jigucchati. Yasmiṃ , bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa ogāhaṃ otiṇṇassa hatthīpi hatthiniyopi hatthikalabhāpi hatthicchāpāpi purato purato gantvā soṇḍāya udakaṃ āloḷenti, tena, bhikkhave, āraññiko nāgo aṭṭīyati harāyati jigucchati. Yasmiṃ, bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa ogāhā uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti, tena, bhikkhave, āraññiko nāgo aṭṭīyati harāyati jigucchati.

    ‘‘ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข เอตรหิ อากิโณฺณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ ฯ ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ 1, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ 2 เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติฯ ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหเรยฺย’นฺติฯ โส อปเรน สมเยน เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหรติ, อจฺฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทติ, โอภโคฺคภคฺคญฺจสฺส สาขาภงฺคํ น ขาทนฺติ 3, อนาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวติ, โอคาหา จสฺส อุตฺติณฺณสฺส น หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติฯ

    ‘‘Tasmiṃ, bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho etarahi ākiṇṇo viharāmi hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi . Chinnaggāni ceva tiṇāni khādāmi, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ khādanti 4, āvilāni ca pānīyāni pivāmi, ogāhā ca 5 me uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti. Yaṃnūnāhaṃ eko gaṇasmā vūpakaṭṭho vihareyya’nti. So aparena samayena eko gaṇasmā vūpakaṭṭho viharati, acchinnaggāni ceva tiṇāni khādati, obhaggobhaggañcassa sākhābhaṅgaṃ na khādanti 6, anāvilāni ca pānīyāni pivati, ogāhā cassa uttiṇṇassa na hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti.

    ‘‘ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย อารญฺญิกสฺส นาคสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ วิหาสิํ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทิํ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทิํสุ, อาวิลานิ จ ปานียานิ อปายิํ, โอคาหา 7 จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย อคมํสุฯ โสหํ เอตรหิ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหรามิ, อจฺฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ น ขาทนฺติ, อนาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส น หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺตี’ติฯ โส โสณฺฑาย สาขาภงฺคํ ภญฺชิตฺวา สาขาภเงฺคน กายํ ปริมชฺชิตฺวา อตฺตมโน โสณฺฑํ สํหรติ 8,ฯ

    ‘‘Tasmiṃ, bhikkhave, samaye āraññikassa nāgassa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo vihāsiṃ hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi, chinnaggāni ceva tiṇāni khādiṃ, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ khādiṃsu, āvilāni ca pānīyāni apāyiṃ, ogāhā 9 ca me uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo agamaṃsu. Sohaṃ etarahi eko gaṇasmā vūpakaṭṭho viharāmi, acchinnaggāni ceva tiṇāni khādāmi, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ na khādanti, anāvilāni ca pānīyāni pivāmi, ogāhā ca me uttiṇṇassa na hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchantī’ti. So soṇḍāya sākhābhaṅgaṃ bhañjitvā sākhābhaṅgena kāyaṃ parimajjitvā attamano soṇḍaṃ saṃharati 10,.

    ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ สมเย ภิกฺขุ อากิโณฺณ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ, ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย ภิกฺขุสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โข เอตรหิ อากิโณฺณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รญฺญา ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหเรยฺย’นฺติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํ ฯ โส อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ

    ‘‘Evamevaṃ kho, bhikkhave, yasmiṃ samaye bhikkhu ākiṇṇo viharati bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi, tasmiṃ, bhikkhave, samaye bhikkhussa evaṃ hoti – ‘ahaṃ kho etarahi ākiṇṇo viharāmi bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi raññā rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Yaṃnūnāhaṃ eko gaṇasmā vūpakaṭṭho vihareyya’nti. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ . So araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā.

    ‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อตฺตมโน โสณฺฑํ สํหรติ 11ฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อตฺตมโน โสณฺฑํ สํหรติฯ

    ‘‘So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharati, abhijjhāya cittaṃ parisodheti; byāpādapadosaṃ pahāya abyāpannacitto viharati sabbapāṇabhūtahitānukampī, byāpādapadosā cittaṃ parisodheti; thinamiddhaṃ pahāya vigatathinamiddho viharati ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodheti; uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato viharati ajjhattaṃ vūpasantacitto, uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodheti; vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho viharati akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodheti. So ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So attamano soṇḍaṃ saṃharati 12. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. So attamano soṇḍaṃ saṃharati.

    ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา ‘อนโนฺต อากาโส’ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส อตฺตมโน โสณฺฑํ สํหรติฯ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิญฺจี’ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ โส อตฺตมโน โสณฺฑํ สํหรตี’’ติฯ นวมํฯ

    ‘‘Sabbaso rūpasaññānaṃ samatikkamā paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā ‘ananto ākāso’ti ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. So attamano soṇḍaṃ saṃharati. Sabbaso ākāsānañcāyatanaṃ samatikkamma ‘anantaṃ viññāṇa’nti viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja viharati… sabbaso viññāṇañcāyatanaṃ samatikkamma ‘natthi kiñcī’ti ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja viharati… sabbaso ākiñcaññāyatanaṃ samatikkamma nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja viharati… sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. So attamano soṇḍaṃ saṃharatī’’ti. Navamaṃ.







    Footnotes:
    1. ขาทิตํ (สฺยา. ก.) มหาว. ๔๖๗ ปสฺสิตพฺพํ
    2. โอคาหาปิ จ (สฺยา. ก.) มหาว. ๔๖๗ ปสฺสิตพฺพํ
    3. น โอภโคฺคภคฺคญฺจ สาขาภงฺค ขาทติ (สฺยา. ก.)
    4. khāditaṃ (syā. ka.) mahāva. 467 passitabbaṃ
    5. ogāhāpi ca (syā. ka.) mahāva. 467 passitabbaṃ
    6. na obhaggobhaggañca sākhābhaṅga khādati (syā. ka.)
    7. เอตฺถ ปิสโทฺท สพฺพตฺถปิ นตฺถิ
    8. กณฺฑุํ สํหนฺติ (สี. ปี.) กณฺฑุํ สํหนติ (สฺยา.), เอตฺถ กณฺฑุวนทุกฺขํ วิเนตีติ อโตฺถ
    9. ettha pisaddo sabbatthapi natthi
    10. kaṇḍuṃ saṃhanti (sī. pī.) kaṇḍuṃ saṃhanati (syā.), ettha kaṇḍuvanadukkhaṃ vinetīti attho
    11. กณฺฑุํ สํหนฺติ (สี. ปี.), กณฺฑุํ สํหนติ (สฺยา.), เอตฺถ กณฺฑุวนสทิสํ ฌานปฎิปกฺขํ กิเลสทุกฺขํ วิเนตีติ อโตฺถ
    12. kaṇḍuṃ saṃhanti (sī. pī.), kaṇḍuṃ saṃhanati (syā.), ettha kaṇḍuvanasadisaṃ jhānapaṭipakkhaṃ kilesadukkhaṃ vinetīti attho



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. นาคสุตฺตวณฺณนา • 9. Nāgasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘-๙. เทวาสุรสงฺคามสุตฺตาทิวณฺณนา • 8-9. Devāsurasaṅgāmasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact