Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi

    ๕. นาคสุตฺตํ

    5. Nāgasuttaṃ

    ๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม ฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา อากิโณฺณ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรติฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข เอตรหิ อากิโณฺณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิฯ อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรามิฯ ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหเรยฺย’’นฺติฯ

    35. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme . Tena kho pana samayena bhagavā ākiṇṇo viharati bhikkhūhi bhikkhūnīhi upāsakehi upāsikāhi rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu viharati. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘ahaṃ kho etarahi ākiṇṇo viharāmi bhikkhūhi bhikkhūnīhi upāsakehi upāsikāhi rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi. Ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu viharāmi. Yaṃnūnāhaṃ eko gaṇasmā vūpakaṭṭho vihareyya’’nti.

    อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามเนฺตตฺวา อุปฎฺฐากํ อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ เอโก อทุติโย เยน ปาลิเลยฺยกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ปาลิเลยฺยกํ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสเณฺฑ ภทฺทสาลมูเลฯ

    Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kosambiṃ piṇḍāya pāvisi. Kosambiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto sāmaṃ senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya anāmantetvā upaṭṭhākaṃ anapaloketvā bhikkhusaṅghaṃ eko adutiyo yena pālileyyakaṃ tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena pālileyyakaṃ tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā pālileyyake viharati rakkhitavanasaṇḍe bhaddasālamūle.

    อญฺญตโรปิ โข หตฺถินาโค อากิโณฺณ วิหรติ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิฯ ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทติ, โอภโคฺคภคฺคญฺจสฺส สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวติ, โอคาหา จสฺส อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติฯ อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรติฯ อถ โข ตสฺส หตฺถินาคสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข เอตรหิ อากิโณฺณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหรามิฯ ยํนูนาหํ เอโก คณสฺมา วูปกโฎฺฐ วิหเรยฺย’’นฺติฯ

    Aññataropi kho hatthināgo ākiṇṇo viharati hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi. Chinnaggāni ceva tiṇāni khādati, obhaggobhaggañcassa sākhābhaṅgaṃ khādanti, āvilāni ca pānīyāni pivati, ogāhā cassa uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti. Ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu viharati. Atha kho tassa hatthināgassa etadahosi – ‘‘ahaṃ kho etarahi ākiṇṇo viharāmi hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi, chinnaggāni ceva tiṇāni khādāmi, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ khādanti, āvilāni ca pānīyāni pivāmi, ogāhā ca me uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti, ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu viharāmi. Yaṃnūnāhaṃ eko gaṇasmā vūpakaṭṭho vihareyya’’nti.

    อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสโณฺฑ ภทฺทสาลมูลํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ ตตฺร สุทํ 1 โส หตฺถินาโค ยสฺมิํ ปเทเส ภควา วิหรติ ตํ ปเทสํ 2 อปฺปหริตํ กโรติ, โสณฺฑาย จ 3 ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปติ 4

    Atha kho so hatthināgo yūthā apakkamma yena pālileyyakaṃ rakkhitavanasaṇḍo bhaddasālamūlaṃ yena bhagavā tenupasaṅkami. Tatra sudaṃ 5 so hatthināgo yasmiṃ padese bhagavā viharati taṃ padesaṃ 6 appaharitaṃ karoti, soṇḍāya ca 7 bhagavato pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpeti 8.

    อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ วิหาสิํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขูนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ, อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหาสิํฯ โสมฺหิ เอตรหิ อนากิโณฺณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามเตฺตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ, อนากิโณฺณ สุขํ ผาสุ วิหรามี’’ติฯ

    Atha kho bhagavato rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo vihāsiṃ bhikkhūhi bhikkhūnīhi upāsakehi upāsikāhi rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi, ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu vihāsiṃ. Somhi etarahi anākiṇṇo viharāmi bhikkhūhi bhikkhunīhi upāsakehi upāsikāhi rājūhi rājamahāmattehi titthiyehi titthiyasāvakehi, anākiṇṇo sukhaṃ phāsu viharāmī’’ti.

    ตสฺสปิ โข หตฺถินาคสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ วิหาสิํ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทิํ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทิํสุ, อาวิลานิ จ ปานียานิ อปายิํ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย อคมํสุ, อากิโณฺณ ทุกฺขํ น ผาสุ วิหาสิํฯ โสมฺหิ เอตรหิ อนากิโณฺณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, อจฺฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภโคฺคภคฺคญฺจ เม สาขาภงฺคํ น ขาทนฺติ, อนาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย น กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, อนากิโณฺณ สุขํ ผาสุ วิหรามี’’ติฯ

    Tassapi kho hatthināgassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo vihāsiṃ hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi, chinnaggāni ceva tiṇāni khādiṃ, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ khādiṃsu, āvilāni ca pānīyāni apāyiṃ, ogāhā ca me uttiṇṇassa hatthiniyo kāyaṃ upanighaṃsantiyo agamaṃsu, ākiṇṇo dukkhaṃ na phāsu vihāsiṃ. Somhi etarahi anākiṇṇo viharāmi hatthīhi hatthinīhi hatthikalabhehi hatthicchāpehi, acchinnaggāni ceva tiṇāni khādāmi, obhaggobhaggañca me sākhābhaṅgaṃ na khādanti, anāvilāni ca pānīyāni pivāmi, ogāhā ca me uttiṇṇassa hatthiniyo na kāyaṃ upanighaṃsantiyo gacchanti, anākiṇṇo sukhaṃ phāsu viharāmī’’ti.

    อถ โข ภควา อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวา ตสฺส จ หตฺถินาคสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Atha kho bhagavā attano ca pavivekaṃ viditvā tassa ca hatthināgassa cetasā cetoparivitakkamaññāya tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘เอตํ 9 นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน;

    ‘‘Etaṃ 10 nāgassa nāgena, īsādantassa hatthino;

    สเมติ จิตฺตํ จิเตฺตน, ยเทโก รมตี มโน’’ติฯ ปญฺจมํ;

    Sameti cittaṃ cittena, yadeko ramatī mano’’ti. pañcamaṃ;







    Footnotes:
    1. อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺร สุทํ (สฺยา. ปี. ก.)
    2. อปฺปหริตญฺจ กโรติ, โสณฺฑาย (พหูสุ)
    3. อปฺปหริตญฺจ กโรติ, โสณฺฑาย (พหูสุ)
    4. อุปฎฺฐเปติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    5. upasaṅkamitvā tatra sudaṃ (syā. pī. ka.)
    6. appaharitañca karoti, soṇḍāya (bahūsu)
    7. appaharitañca karoti, soṇḍāya (bahūsu)
    8. upaṭṭhapeti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. เอวํ (ก.)
    10. evaṃ (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๕. นาคสุตฺตวณฺณนา • 5. Nāgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact