Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. ธมฺมิกวโคฺค

    5. Dhammikavaggo

    ๑. นาคสุตฺตวณฺณนา

    1. Nāgasuttavaṇṇanā

    ๔๓. ปญฺจมสฺส ปฐเม อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธินฺติ อิทํ ‘‘อายามานนฺทา’’ติ เถรํ อามเนฺตตฺวา คตตฺตา วุตฺตํ, สตฺถา ปน อนูเนหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ตตฺถ อคมาสีติ เวทิตโพฺพฯ เตนุปสงฺกมีติ เตเหว ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อุปสงฺกมิฯ ปริสิญฺจิตฺวาติ โวหารวจนเมตํ, นฺหายิตฺวาติ อโตฺถฯ ปุพฺพาปยมาโนติ รตฺตทุปฎฺฎํ นิวาเสตฺวา อุตฺตราสงฺคจีวรํ ทฺวีหิ หเตฺถหิ คเหตฺวา ปจฺฉิมโลกธาตุํ ปิฎฺฐิโต กตฺวา ปุรตฺถิมโลกธาตุํ อภิมุโข โวทกภาเวน คตฺตานิ ปุพฺพสทิสานิ กุรุมาโน อฎฺฐาสีติ อโตฺถฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ เตน เตน ฐาเนน โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สตฺถารํเยว ปริวาเรตฺวา อฎฺฐาสิฯ อิติ ตสฺมิํ สมเย อากาสโต ปตมานํ รตฺตสุวณฺณกุณฺฑลํ วิย สูริโย ปจฺฉิมโลกธาตุํ ปฎิปชฺชิ, ปริสุทฺธรชตมณฺฑโล วิย ปาจีนโลกธาตุโต จโนฺท อพฺภุคฺคญฺฉิ, มชฺฌฎฺฐาเนปิ ปญฺจภิกฺขุสตปริวาโร สมฺมาสมฺพุโทฺธ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชตฺวา ปุพฺพโกฎฺฐกนทีตีเร โลกํ อลงฺกุรุมาโน อฎฺฐาสิฯ

    43. Pañcamassa paṭhame āyasmatā ānandena saddhinti idaṃ ‘‘āyāmānandā’’ti theraṃ āmantetvā gatattā vuttaṃ, satthā pana anūnehi pañcahi bhikkhusatehi parivuto tattha agamāsīti veditabbo. Tenupasaṅkamīti teheva pañcahi bhikkhusatehi parivuto upasaṅkami. Parisiñcitvāti vohāravacanametaṃ, nhāyitvāti attho. Pubbāpayamānoti rattadupaṭṭaṃ nivāsetvā uttarāsaṅgacīvaraṃ dvīhi hatthehi gahetvā pacchimalokadhātuṃ piṭṭhito katvā puratthimalokadhātuṃ abhimukho vodakabhāvena gattāni pubbasadisāni kurumāno aṭṭhāsīti attho. Bhikkhusaṅghopi tena tena ṭhānena otaritvā nhatvā paccuttaritvā satthāraṃyeva parivāretvā aṭṭhāsi. Iti tasmiṃ samaye ākāsato patamānaṃ rattasuvaṇṇakuṇḍalaṃ viya sūriyo pacchimalokadhātuṃ paṭipajji, parisuddharajatamaṇḍalo viya pācīnalokadhātuto cando abbhuggañchi, majjhaṭṭhānepi pañcabhikkhusataparivāro sammāsambuddho chabbaṇṇabuddharasmiyo vissajjetvā pubbakoṭṭhakanadītīre lokaṃ alaṅkurumāno aṭṭhāsi.

    เตน โข ปน สมเยน…เป.… เสโต นาม นาโคติ เสตวณฺณตาย เอวํ ลทฺธนาโม หตฺถินาโคฯ มหาตูริยตาฬิตวาทิเตนาติ มหเนฺตน ตูริยตาฬิตวาทิเตนฯ ตตฺถ ปฐมํ สงฺฆฎฺฎนํ ตาฬิตํ นาม โหติ, ตโต ปรํ วาทิตํฯ ชโนติ หตฺถิทสฺสนตฺถํ สนฺนิปติตมหาชโนฯ ทิสฺวา เอวมาหาติ องฺคปจฺจงฺคานิ ฆํสิตฺวา นฺหาเปตฺวา อุตฺตาเรตฺวา พหิตีเร ฐเปตฺวา คตฺตานิ โวทกานิ กตฺวา หตฺถาลงฺกาเรน อลงฺกตํ ตํ มหานาคํ ทิสฺวา อิทํ ‘‘อภิรูโป วต, โภ’’ติ ปสํสาวจนมาหฯ กายุปปโนฺนติ สรีรสมฺปตฺติยา อุปปโนฺน, ปริปุณฺณงฺคปจฺจโงฺคติ อโตฺถฯ อายสฺมา อุทายีติ ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต กาฬุทายิเตฺถโรฯ เอตทโวจาติ ตํ มหาชนํ หตฺถิสฺส วณฺณํ ภณนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ชโน อเหตุกปฎิสนฺธิยํ นิพฺพตฺตหตฺถิโน วณฺณํ กเถติ, น พุทฺธหตฺถิสฺสฯ อหํ ทานิ อิมินา หตฺถินาเคน อุปมํ กตฺวา พุทฺธนาคสฺส วณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา เอตํ ‘‘หตฺถิเมว นุ โข, ภเนฺต’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ มหนฺตนฺติ อาโรหสมฺปนฺนํฯ พฺรหนฺตนฺติ ปริณาหสมฺปนฺนํฯ เอวมาหาติ เอวํ วทติฯ อถ ภควา ยสฺมา อยํ นาคสโทฺท หตฺถิมฺหิเจว อสฺสโคณอุรครุกฺขมนุเสฺสสุ จาปิ ปวตฺตติ, ตสฺมา หตฺถิมฺปิ โขติอาทิมาหฯ

    Tena kho pana samayena…pe… seto nāma nāgoti setavaṇṇatāya evaṃ laddhanāmo hatthināgo. Mahātūriyatāḷitavāditenāti mahantena tūriyatāḷitavāditena. Tattha paṭhamaṃ saṅghaṭṭanaṃ tāḷitaṃ nāma hoti, tato paraṃ vāditaṃ. Janoti hatthidassanatthaṃ sannipatitamahājano. Disvā evamāhāti aṅgapaccaṅgāni ghaṃsitvā nhāpetvā uttāretvā bahitīre ṭhapetvā gattāni vodakāni katvā hatthālaṅkārena alaṅkataṃ taṃ mahānāgaṃ disvā idaṃ ‘‘abhirūpo vata, bho’’ti pasaṃsāvacanamāha. Kāyupapannoti sarīrasampattiyā upapanno, paripuṇṇaṅgapaccaṅgoti attho. Āyasmā udāyīti paṭisambhidāppatto kāḷudāyitthero. Etadavocāti taṃ mahājanaṃ hatthissa vaṇṇaṃ bhaṇantaṃ disvā ‘‘ayaṃ jano ahetukapaṭisandhiyaṃ nibbattahatthino vaṇṇaṃ katheti, na buddhahatthissa. Ahaṃ dāni iminā hatthināgena upamaṃ katvā buddhanāgassa vaṇṇaṃ kathessāmī’’ti cintetvā etaṃ ‘‘hatthimeva nu kho, bhante’’tiādivacanaṃ avoca. Tattha mahantanti ārohasampannaṃ. Brahantanti pariṇāhasampannaṃ. Evamāhāti evaṃ vadati. Atha bhagavā yasmā ayaṃ nāgasaddo hatthimhiceva assagoṇauragarukkhamanussesu cāpi pavattati, tasmā hatthimpi khotiādimāha.

    อาคุนฺติ ปาปกํ ลามกํ อกุสลธมฺมํฯ ตมหํ นาโคติ พฺรูมีติ ตํ อหํ อิเมหิ ตีหิ ทฺวาเรหิ ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ทฺวาทสนฺนญฺจ อกุสลจิตฺตานํ อกรณโต นาโคติ วทามิฯ อยญฺหิ น อาคุํ กโรตีติ อิมินา อเตฺถน นาโคฯ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทามีติ อิมาหิ จตุสฎฺฐิปทาหิ โสฬสหิ คาถาหิ อนุโมทามิ อภินนฺทามิฯ

    Āgunti pāpakaṃ lāmakaṃ akusaladhammaṃ. Tamahaṃ nāgoti brūmīti taṃ ahaṃ imehi tīhi dvārehi dasannaṃ akusalakammapathānaṃ dvādasannañca akusalacittānaṃ akaraṇato nāgoti vadāmi. Ayañhi na āguṃ karotīti iminā atthena nāgo. Imāhi gāthāhi anumodāmīti imāhi catusaṭṭhipadāhi soḷasahi gāthāhi anumodāmi abhinandāmi.

    มนุสฺสภูตนฺติ เทวาทิภาวํ อนุปคนฺตฺวา มนุสฺสเมว ภูตํฯ อตฺตทนฺตนฺติ อตฺตนาเยว ทนฺตํ, น อเญฺญหิ ทมถํ อุปนีตํฯ ภควา หิ อตฺตนา อุปฺปาทิเตเนว มคฺคทมเถน จกฺขุโตปิ ทโนฺต, โสตโตปิ, ฆานโตปิ, ชิวฺหาโตปิ, กายโตปิ, มนโตปีติ อิเมสุ ฉสุ ฐาเนสุ ทโนฺต สโนฺต นิพฺพุโต ปรินิพฺพุโตฯ เตนาห – ‘‘อตฺตทนฺต’’นฺติฯ สมาหิตนฺติ ทุวิเธนาปิ สมาธินา สมาหิตํฯ อิริยมานนฺติ วิหรมานํฯ พฺรหฺมปเถติ เสฎฺฐปเถ, อมตปเถ, นิพฺพานปเถฯ จิตฺตสฺสูปสเม รตนฺติ ปฐมชฺฌาเนน ปญฺจ นีวรณานิ วูปสเมตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจาเร, ตติยชฺฌาเนน ปีติํ, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ วูปสเมตฺวา ตสฺมิํ จิตฺตสฺสูปสเม รตํ อภิรตํฯ

    Manussabhūtanti devādibhāvaṃ anupagantvā manussameva bhūtaṃ. Attadantanti attanāyeva dantaṃ, na aññehi damathaṃ upanītaṃ. Bhagavā hi attanā uppāditeneva maggadamathena cakkhutopi danto, sotatopi, ghānatopi, jivhātopi, kāyatopi, manatopīti imesu chasu ṭhānesu danto santo nibbuto parinibbuto. Tenāha – ‘‘attadanta’’nti. Samāhitanti duvidhenāpi samādhinā samāhitaṃ. Iriyamānanti viharamānaṃ. Brahmapatheti seṭṭhapathe, amatapathe, nibbānapathe. Cittassūpasame ratanti paṭhamajjhānena pañca nīvaraṇāni vūpasametvā, dutiyajjhānena vitakkavicāre, tatiyajjhānena pītiṃ, catutthajjhānena sukhadukkhaṃ vūpasametvā tasmiṃ cittassūpasame rataṃ abhirataṃ.

    นมสฺสนฺตีติ กาเยน นมสฺสนฺติ, วาจาย นมสฺสนฺติ, มนสา นมสฺสนฺติ, ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติยา นมสฺสนฺติ, สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติฯ สพฺพธมฺมานปารคุนฺติ สเพฺพสํ ขนฺธายตนธาตุธมฺมานํ อภิญฺญาปารคู, ปริญฺญาปารคู, ปหานปารคู, ภาวนาปารคู, สจฺฉิกิริยาปารคู, สมาปตฺติปารคูติ ฉพฺพิเธน ปารคมเนน ปารคตํ ปารปฺปตฺตํ มตฺถกปฺปตฺตํฯ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺตีติ ทุกฺขปฺปตฺตา สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโย สุขปฺปตฺตา จ สเพฺพว ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิโน เทวาปิ ตุเมฺห นมสฺสนฺติฯ อิติ เม อรหโต สุตนฺติ อิติ มยา จตูหิ การเณหิ อรหาติ ลทฺธโวหารานํ ตุมฺหากํเยว สนฺติเก สุตนฺติ ทีเปติฯ

    Namassantīti kāyena namassanti, vācāya namassanti, manasā namassanti, dhammānudhammapaṭipattiyā namassanti, sakkaronti garuṃ karonti. Sabbadhammānapāragunti sabbesaṃ khandhāyatanadhātudhammānaṃ abhiññāpāragū, pariññāpāragū, pahānapāragū, bhāvanāpāragū, sacchikiriyāpāragū, samāpattipāragūti chabbidhena pāragamanena pāragataṃ pārappattaṃ matthakappattaṃ. Devāpi taṃ namassantīti dukkhappattā subrahmadevaputtādayo sukhappattā ca sabbeva dasasahassacakkavāḷavāsino devāpi tumhe namassanti. Iti me arahato sutanti iti mayā catūhi kāraṇehi arahāti laddhavohārānaṃ tumhākaṃyeva santike sutanti dīpeti.

    สพฺพสํโยชนาตีตนฺติ สพฺพานิ ทสวิธสํโยชนานิ อติกฺกนฺตํฯ วนา นิพฺพนมาคตนฺติ กิเลสวนโต นิพฺพนํ กิเลสวนรหิตํ นิพฺพานํ อาคตํ สมฺปตฺตํฯ กาเมหิ เนกฺขมฺมรตนฺติ ทุวิเธหิ กาเมหิ นิกฺขนฺตตฺตา ปพฺพชฺชา อฎฺฐ สมาปตฺติโย จตฺตาโร จ อริยมคฺคา กาเมหิ เนกฺขมฺมํ นาม, ตตฺถ รตํ อภิรตํฯ มุตฺตํ เสลาว กญฺจนนฺติ เสลธาตุโต มุตฺตํ กญฺจนสทิสํฯ

    Sabbasaṃyojanātītanti sabbāni dasavidhasaṃyojanāni atikkantaṃ. Vanā nibbanamāgatanti kilesavanato nibbanaṃ kilesavanarahitaṃ nibbānaṃ āgataṃ sampattaṃ. Kāmehi nekkhammaratanti duvidhehi kāmehi nikkhantattā pabbajjā aṭṭha samāpattiyo cattāro ca ariyamaggā kāmehi nekkhammaṃ nāma, tattha rataṃ abhirataṃ. Muttaṃ selāva kañcananti seladhātuto muttaṃ kañcanasadisaṃ.

    สเพฺพ อจฺจรุจีติ สพฺพสเตฺต อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิฯ อฎฺฐมกญฺหิ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิตาย โสตาปโนฺน อจฺจรุจิ นาม, โสตาปนฺนํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิตาย สกทาคามี…เป.… ขีณาสวํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิตาย ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ, ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิตาย สมฺมาสมฺพุโทฺธ อจฺจรุจิ นามฯ หิมวาวเญฺญ สิลุจฺจเยติ ยถา หิมวา ปพฺพตราชา อเญฺญ ปพฺพเต อติโรจติ, เอวํ อติโรจตีติ อโตฺถฯ สจฺจนาโมติ ตจฺฉนาโม ภูตนาโม อาคุํ อกรเณเนว นาโคติ เอวํ อวิตถนาโมฯ

    Sabbe accarucīti sabbasatte atikkamitvā pavattaruci. Aṭṭhamakañhi atikkamitvā pavattarucitāya sotāpanno accaruci nāma, sotāpannaṃ atikkamitvā pavattarucitāya sakadāgāmī…pe… khīṇāsavaṃ atikkamitvā pavattarucitāya paccekasambuddho, paccekasambuddhaṃ atikkamitvā pavattarucitāya sammāsambuddho accaruci nāma. Himavāvaññe siluccayeti yathā himavā pabbatarājā aññe pabbate atirocati, evaṃ atirocatīti attho. Saccanāmoti tacchanāmo bhūtanāmo āguṃ akaraṇeneva nāgoti evaṃ avitathanāmo.

    โสรจฺจนฺติ สุจิสีลํฯ อวิหิํสาติ กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จฯ ปาทา นาคสฺส เต ทุเวติ เต พุทฺธนาคสฺส ทุเว ปุริมปาทาฯ

    Soraccanti sucisīlaṃ. Avihiṃsāti karuṇā ca karuṇāpubbabhāgo ca. Pādā nāgassa te duveti te buddhanāgassa duve purimapādā.

    ตโปติ ธุตสมาทานํฯ พฺรหฺมจริยนฺติ อริยมคฺคสีลํฯ จรณา นาคสฺส ตฺยาปเรติ เต พุทฺธนาคสฺส อปเร เทฺว ปจฺฉิมปาทาฯ สทฺธาหโตฺถติ สทฺธามยาย โสณฺฑาย สมนฺนาคโตฯ อุเปกฺขาเสตทนฺตวาติ ฉฬงฺคุเปกฺขามเยหิ เสตทเนฺตหิ สมนฺนาคโตฯ

    Tapoti dhutasamādānaṃ. Brahmacariyanti ariyamaggasīlaṃ. Caraṇā nāgassa tyāpareti te buddhanāgassa apare dve pacchimapādā. Saddhāhatthoti saddhāmayāya soṇḍāya samannāgato. Upekkhāsetadantavāti chaḷaṅgupekkhāmayehi setadantehi samannāgato.

    สติ คีวาติ ยถา นาคสฺส องฺคปจฺจงฺคสฺมิํ สิราชาลานํ คีวา ปติฎฺฐา, เอวํ พุทฺธนาคสฺส โสรจฺจาทีนํ ธมฺมานํ สติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สติ คีวา’’ติฯ สิโร ปญฺญาติ ยถา หตฺถินาคสฺส สิโร อุตฺตมโงฺค, เอวํ พุทฺธนาคสฺส สพฺพญฺญุตญาณํฯ เตน หิ โส สพฺพธเมฺม ชานาติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สิโร ปญฺญา’’ติฯ วีมํสา ธมฺมจินฺตนาติ ยถา หตฺถินาคสฺส อคฺคโสโณฺฑ วีมํสา นาม โหติฯ โส ตาย ถทฺธมุทุกํ ขาทิตพฺพาขาทิตพฺพญฺจ วีมํสติ, ตโต ปหาตพฺพํ ปชหติ, อาทาตพฺพํ อาทิยติ, เอวเมว พุทฺธนาคสฺส ธมฺมโกฎฺฐาสปริเจฺฉทกญาณสงฺขาตา ธมฺมจินฺตนา วีมํสาฯ เตน หิ ญาเณน โส ภพฺพาภเพฺพ ชานาติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘วีมํสา ธมฺมจินฺตนา’’ติ ฯ ธมฺมกุจฺฉิสมาตโปติ ธโมฺม วุจฺจติ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ, กุจฺฉิเยว สมาตโป กุจฺฉิสมาตโปฯ สมาตโป นาม สมาตปนฎฺฐานํฯ ธโมฺม กุจฺฉิสมาตโป อสฺสาติ ธมฺมกุจฺฉิสมาตโปฯ จตุตฺถชฺฌานสมาธิสฺมิํ ฐิตสฺส หิ เต เต อิทฺธิวิธาทิธมฺมา อิชฺฌนฺติ, ตสฺมา โส กุจฺฉิสมาตโปติ วุโตฺตฯ วิเวโกติ กายจิตฺตอุปธิวิเวโกฯ ยถา นาคสฺส วาลธิ มกฺขิกา วาเรติ, เอวํ ตถาคตสฺส วิเวโก คหฎฺฐปพฺพชิเต วาเรติฯ ตสฺมา โส วาลธีติ วุโตฺตฯ

    Sati gīvāti yathā nāgassa aṅgapaccaṅgasmiṃ sirājālānaṃ gīvā patiṭṭhā, evaṃ buddhanāgassa soraccādīnaṃ dhammānaṃ sati. Tena vuttaṃ – ‘‘sati gīvā’’ti. Siro paññāti yathā hatthināgassa siro uttamaṅgo, evaṃ buddhanāgassa sabbaññutañāṇaṃ. Tena hi so sabbadhamme jānāti. Tena vuttaṃ – ‘‘siro paññā’’ti. Vīmaṃsā dhammacintanāti yathā hatthināgassa aggasoṇḍo vīmaṃsā nāma hoti. So tāya thaddhamudukaṃ khāditabbākhāditabbañca vīmaṃsati, tato pahātabbaṃ pajahati, ādātabbaṃ ādiyati, evameva buddhanāgassa dhammakoṭṭhāsaparicchedakañāṇasaṅkhātā dhammacintanā vīmaṃsā. Tena hi ñāṇena so bhabbābhabbe jānāti. Tena vuttaṃ – ‘‘vīmaṃsā dhammacintanā’’ti . Dhammakucchisamātapoti dhammo vuccati catutthajjhānasamādhi, kucchiyeva samātapo kucchisamātapo. Samātapo nāma samātapanaṭṭhānaṃ. Dhammo kucchisamātapo assāti dhammakucchisamātapo. Catutthajjhānasamādhismiṃ ṭhitassa hi te te iddhividhādidhammā ijjhanti, tasmā so kucchisamātapoti vutto. Vivekoti kāyacittaupadhiviveko. Yathā nāgassa vāladhi makkhikā vāreti, evaṃ tathāgatassa viveko gahaṭṭhapabbajite vāreti. Tasmā so vāladhīti vutto.

    ฌายีติ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายีฯ อสฺสาสรโตติ นาคสฺส หิ อสฺสาสปสฺสาสา วิย พุทฺธนาคสฺส ผลสมาปตฺติ, ตตฺถ รโต, อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิย ตาย วินา น วตฺตตีติ อโตฺถฯ สพฺพตฺถ สํวุโตติ สพฺพทฺวาเรสุ สํวุโตฯ อนวชฺชานีติ สมฺมาอาชีเวน อุปฺปนฺนโภชนานิฯ สาวชฺชานีติ ปญฺจวิธมิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนโภชนานิฯ

    Jhāyīti duvidhena jhānena jhāyī. Assāsaratoti nāgassa hi assāsapassāsā viya buddhanāgassa phalasamāpatti, tattha rato, assāsapassāsehi viya tāya vinā na vattatīti attho. Sabbattha saṃvutoti sabbadvāresu saṃvuto. Anavajjānīti sammāājīvena uppannabhojanāni. Sāvajjānīti pañcavidhamicchājīvavasena uppannabhojanāni.

    อณุํถูลนฺติ ขุทฺทกญฺจ มหนฺตญฺจฯ สพฺพํ เฉตฺวาน พนฺธนนฺติ สพฺพํ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวานฯ นุปลิปฺปติ โลเกนาติ โลเกน สทฺธิํ ตณฺหามานทิฎฺฐิเลเปหิ น ลิปฺปติฯ มหาคินีติ มหาอคฺคิฯ วิญฺญูหิ เทสิตาติ อิธ ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต กาฬุทายิเตฺถโรว วิญฺญู ปณฺฑิโต, เตน เทสิตาติ อโตฺถฯ วิญฺญสฺสนฺติ มหานาคา, นาคํ นาเคน เทสิตนฺติ อุทายิเตฺถรนาเคน เทสิตํ พุทฺธนาคํ อิตเร ขีณาสวา นาคา วิชานิสฺสนฺติฯ

    Aṇuṃthūlanti khuddakañca mahantañca. Sabbaṃ chetvāna bandhananti sabbaṃ dasavidhampi saṃyojanaṃ chinditvāna. Nupalippati lokenāti lokena saddhiṃ taṇhāmānadiṭṭhilepehi na lippati. Mahāginīti mahāaggi. Viññūhi desitāti idha paṭisambhidāppatto kāḷudāyittherova viññū paṇḍito, tena desitāti attho. Viññassanti mahānāgā, nāgaṃ nāgena desitanti udāyittheranāgena desitaṃ buddhanāgaṃ itare khīṇāsavā nāgā vijānissanti.

    สรีรํ วิชหํ นาโค, ปรินิพฺพิสฺสตีติ โพธิปลฺลเงฺก กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต, ยมกสาลนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสติฯ เอวํ ปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺต อุทายิเตฺถโร โสฬสหิ คาถาหิ จตุสฎฺฐิยา ปเทหิ ทสพลสฺส วณฺณํ กเถโนฺต เทสนํ นิฎฺฐาเปสิ ฯ ภควา อนุโมทิฯ เทสนาวสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวิํสูติฯ

    Sarīraṃvijahaṃ nāgo, parinibbissatīti bodhipallaṅke kilesaparinibbānena parinibbuto, yamakasālantare anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyissati. Evaṃ paṭisambhidāppatto udāyitthero soḷasahi gāthāhi catusaṭṭhiyā padehi dasabalassa vaṇṇaṃ kathento desanaṃ niṭṭhāpesi . Bhagavā anumodi. Desanāvasāne caturāsītipāṇasahassāni amatapānaṃ piviṃsūti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. นาคสุตฺตํ • 1. Nāgasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. นาคสุตฺตวณฺณนา • 1. Nāgasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact