Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๕. นาคสุตฺตวณฺณนา

    5. Nāgasuttavaṇṇanā

    ๓๕. ปญฺจเม โกสมฺพิยนฺติ กุสุเมฺพน นาม อิสินา วสิตฎฺฐาเน มาปิตตฺตา ‘‘โกสมฺพี’’ติ เอวํลทฺธนามเก นคเรฯ โฆสิตาราเมติ โฆสิตเสฎฺฐินา การิเต อาราเมฯ ภควา อากิโณฺณ วิหรตีติ ภควา สมฺพาธปฺปโตฺต วิหรติฯ กิํ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ, สํสโคฺค วาติ? นตฺถิฯ น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สโกฺกติฯ ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควโนฺต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตฺตาฯ หิเตสิตาย ปน สเตฺตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุโตฺต โมเจสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฎฺฐนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยญฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลญฺญู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมติ, อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํ, อยมิธ อากิณฺณวิหาโรติ อธิเปฺปโตฯ

    35. Pañcame kosambiyanti kusumbena nāma isinā vasitaṭṭhāne māpitattā ‘‘kosambī’’ti evaṃladdhanāmake nagare. Ghositārāmeti ghositaseṭṭhinā kārite ārāme. Bhagavā ākiṇṇo viharatīti bhagavā sambādhappatto viharati. Kiṃ pana bhagavato sambādho atthi, saṃsaggo vāti? Natthi. Na hi koci bhagavantaṃ anicchāya upasaṅkamituṃ sakkoti. Durāsadā hi buddhā bhagavanto sabbattha ca anupalittattā. Hitesitāya pana sattesu anukampaṃ upādāya ‘‘mutto mocessāmī’’ti paṭiññānurūpaṃ caturoghanittharaṇatthaṃ aṭṭhannaṃ parisānaṃ attano santikaṃ kālena kālaṃ upasaṅkamanaṃ adhivāseti, sayañca mahākaruṇāsamussāhito kālaññū hutvā tattha upasaṅkamati, idaṃ sabbabuddhānaṃ āciṇṇaṃ, ayamidha ākiṇṇavihāroti adhippeto.

    อิธ ปน โกสมฺพิกานํ ภิกฺขูนํ กลหชาตานํ สตฺถา ทีฆีติสฺส โกสลรโญฺญ วตฺถุํ อาหริตฺวา, ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจน’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๕; ม. นิ. ๓.๒๓๗; มหาว. ๔๖๔) โอวาทํ อทาสิ, ตํ ทิวสํ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตาฯ ทุติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, ตํ ทิวสมฺปิ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตาฯ ตติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, อถญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘อโปฺปสฺสุโกฺก, ภเนฺต ภควา, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารมนุยุโตฺต วิหรตุ, มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปญฺญายิสฺสามา’’ติฯ สตฺถา ‘‘ปริยาทินฺนจิตฺตา โข อิเม โมฆปุริสา น ทานิเม สกฺกา สญฺญาเปตุํ, นตฺถิ เจตฺถ สญฺญาเปตพฺพา, ยํนูนาหํ เอกจาริกวาสํ วเสยฺยํ, เอวํ อิเม ภิกฺขู กลหโต โอรมิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตสิฯ เอวํ เตหิ กลหการเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เอกวิหาเร วาสํ วิเนตพฺพาภาวโต อุปาสกาทีหิ อุปสงฺกมนญฺจ อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อากิโณฺณ วิหรตี’’ติอาทิฯ

    Idha pana kosambikānaṃ bhikkhūnaṃ kalahajātānaṃ satthā dīghītissa kosalarañño vatthuṃ āharitvā, ‘‘na hi verena verāni, sammantīdha kudācana’’ntiādinā (dha. pa. 5; ma. ni. 3.237; mahāva. 464) ovādaṃ adāsi, taṃ divasaṃ tesaṃ kalahaṃ karontānaṃyeva ratti vibhātā. Dutiyadivasepi bhagavā tameva vatthuṃ kathesi, taṃ divasampi tesaṃ kalahaṃ karontānaṃyeva ratti vibhātā. Tatiyadivasepi bhagavā tameva vatthuṃ kathesi, athaññataro bhikkhu bhagavantaṃ evamāha – ‘‘appossukko, bhante bhagavā, diṭṭhadhammasukhavihāramanuyutto viharatu, mayametena bhaṇḍanena kalahena viggahena vivādena paññāyissāmā’’ti. Satthā ‘‘pariyādinnacittā kho ime moghapurisā na dānime sakkā saññāpetuṃ, natthi cettha saññāpetabbā, yaṃnūnāhaṃ ekacārikavāsaṃ vaseyyaṃ, evaṃ ime bhikkhū kalahato oramissantī’’ti cintesi. Evaṃ tehi kalahakārakehi bhikkhūhi saddhiṃ ekavihāre vāsaṃ vinetabbābhāvato upāsakādīhi upasaṅkamanañca ākiṇṇavihāraṃ katvā vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena bhagavā ākiṇṇo viharatī’’tiādi.

    ตตฺถ ทุกฺขนฺติ น สุขํ, อนาราธิตจิตฺตตาย น อิฎฺฐนฺติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘น ผาสุ วิหรามี’’ติฯ วูปกโฎฺฐติ ปวิเวกโฎฺฐ ทูรีภูโตฯ ตถา จิเนฺตตฺวาว ภควา ปาโตว สรีรปฺปฎิชคฺคนํ กตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กญฺจิ อนามเนฺตตฺวา เอโก อทุติโย คนฺตฺวา โกสลรเฎฺฐ ปาลิเลยฺยเก วนสเณฺฑ ภทฺทสาลมูเล วิหาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ…เป.… ภทฺทสาลมูเล’’ติฯ ตตฺถ สามนฺติ สยํฯ สํสาเมตฺวาติ ปฎิสาเมตฺวาฯ ปตฺตจีวรมาทายาติ เอตฺถาปิ สามนฺติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ อุปฎฺฐาเกติ โกสมฺพินครวาสิโน โฆสิตเสฎฺฐิอาทิเก อุปฎฺฐาเก, วิหาเร จ อคฺคุปฎฺฐากํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อนามเนฺตตฺวาฯ

    Tattha dukkhanti na sukhaṃ, anārādhitacittatāya na iṭṭhanti attho. Tenevāha ‘‘na phāsu viharāmī’’ti. Vūpakaṭṭhoti pavivekaṭṭho dūrībhūto. Tathā cintetvāva bhagavā pātova sarīrappaṭijagganaṃ katvā kosambiyaṃ piṇḍāya caritvā kañci anāmantetvā eko adutiyo gantvā kosalaraṭṭhe pālileyyake vanasaṇḍe bhaddasālamūle vihāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ…pe… bhaddasālamūle’’ti. Tattha sāmanti sayaṃ. Saṃsāmetvāti paṭisāmetvā. Pattacīvaramādāyāti etthāpi sāmanti padaṃ ānetvā yojetabbaṃ. Upaṭṭhāketi kosambinagaravāsino ghositaseṭṭhiādike upaṭṭhāke, vihāre ca aggupaṭṭhākaṃ āyasmantaṃ ānandaṃ anāmantetvā.

    เอวํ คเต สตฺถริ ปญฺจสตา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส อานนฺท, สตฺถา เอกโกว คโต, มยํ อนุพนฺธิสฺสามา’’ติฯ ‘‘อาวุโส, ยทา ภควา สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามเนฺตตฺวา อุปฎฺฐาเก จ อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อทุติโย คจฺฉติ, ตทา เอกจารํ จริตุํ ภควโต อชฺฌาสโย, สาวเกน นาม สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ปฎิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา น อิเมสุ ทิวเสสุ ภควา อนุคนฺตโพฺพ’’ติ นิวาเรสิ, สยมฺปิ นานุคจฺฉิฯ

    Evaṃ gate satthari pañcasatā bhikkhū āyasmantaṃ ānandaṃ āhaṃsu – ‘‘āvuso ānanda, satthā ekakova gato, mayaṃ anubandhissāmā’’ti. ‘‘Āvuso, yadā bhagavā sāmaṃ senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya anāmantetvā upaṭṭhāke ca anapaloketvā bhikkhusaṅghaṃ adutiyo gacchati, tadā ekacāraṃ carituṃ bhagavato ajjhāsayo, sāvakena nāma satthu ajjhāsayānurūpaṃ paṭipajjitabbaṃ, tasmā na imesu divasesu bhagavā anugantabbo’’ti nivāresi, sayampi nānugacchi.

    อนุปุเพฺพนาติ อนุกฺกเมน, คามนิคมปฎิปาฎิยา จาริกํ จรมาโน ‘‘เอกจารวาสํ ตาว วสมานํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พาลกโลณการคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุเตฺถรสฺส สกลํ ปจฺฉาภตฺตเญฺจว ติยามญฺจ รตฺติํ เอกจารวาเส อานิสํสํ กเถตฺวา ปุนทิวเส เตน ปจฺฉาสมเณน ปิณฺฑาย จริตฺวา ตํ ตเตฺถว นิวเตฺตตฺวา ‘‘สมคฺควาสํ วสมาเน ตโย กุลปุเตฺต ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาจีนวํสมิคทายํ คนฺตฺวา เตสมฺปิ สกลรตฺติํ สมคฺควาเส อานิสํสํ กเถตฺวา เตปิ ตเตฺถว นิวเตฺตตฺวา เอกโกว ปาลิเลยฺยคามํ สมฺปโตฺตฯ ปาลิเลยฺยคามวาสิโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสโณฺฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยิํสุฯ ภทฺทสาโลติ ปน ตเตฺถโก มนาโป ภทฺทโก สาลรุโกฺข, ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วนสเณฺฑ ปณฺณสาลสมีเป ตสฺมิํ รุกฺขมูเล วิหาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสเณฺฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติฯ

    Anupubbenāti anukkamena, gāmanigamapaṭipāṭiyā cārikaṃ caramāno ‘‘ekacāravāsaṃ tāva vasamānaṃ bhikkhuṃ passissāmī’’ti bālakaloṇakāragāmaṃ gantvā tattha bhaguttherassa sakalaṃ pacchābhattañceva tiyāmañca rattiṃ ekacāravāse ānisaṃsaṃ kathetvā punadivase tena pacchāsamaṇena piṇḍāya caritvā taṃ tattheva nivattetvā ‘‘samaggavāsaṃ vasamāne tayo kulaputte passissāmī’’ti pācīnavaṃsamigadāyaṃ gantvā tesampi sakalarattiṃ samaggavāse ānisaṃsaṃ kathetvā tepi tattheva nivattetvā ekakova pālileyyagāmaṃ sampatto. Pālileyyagāmavāsino paccuggantvā bhagavato dānaṃ datvā pālileyyagāmassa avidūre rakkhitavanasaṇḍo nāma atthi, tattha bhagavato paṇṇasālaṃ katvā ‘‘ettha bhagavā vasatū’’ti yācitvā vāsayiṃsu. Bhaddasāloti pana tattheko manāpo bhaddako sālarukkho, bhagavā taṃ gāmaṃ upanissāya vanasaṇḍe paṇṇasālasamīpe tasmiṃ rukkhamūle vihāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘pālileyyake viharati rakkhitavanasaṇḍe bhaddasālamūle’’ti.

    หตฺถินาโคติ มหาหตฺถี ยูถปติฯ หตฺถิกลเภหีติ หตฺถิโปตเกหิฯ หตฺถิจฺฉาเปหีติ ขีรูปเคหิ ทหรหตฺถิโปตเกหิ, เย ‘‘ภิงฺกา’’ติปิ วุจฺจนฺติฯ ฉินฺนคฺคานีติ ปุรโต ปุรโต คจฺฉเนฺตหิ เตหิ หตฺถิอาทีหิ ฉินฺนคฺคานิ ขาทิตาวเสสานิ ขาณุสทิสานิ ขาทติฯ โอภโคฺคภคฺคนฺติ เตน หตฺถินาเคน อุจฺจฎฺฐานโต ภญฺชิตฺวา ภญฺชิตฺวา ปาติตํฯ อสฺส สาขาภงฺคนฺติ เอตสฺส สนฺตกํ สาขาภงฺคํ เต ขาทนฺติฯ อาวิลานีติ เตหิ ปฐมตรํ โอตริตฺวา ปิวเนฺตหิ อาลุฬิตตฺตา อาวิลานิ กทฺทมมิสฺสานิ ปานียานิ ปิวติฯ โอคาหาติ ติตฺถโตฯ ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิฯ อสฺสาติ หตฺถินาคสฺสฯ อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆเฎฺฎนฺติโย, อุปนิฆํสิยมาโนปิ อตฺตโน อุฬารภาเวน น กุชฺฌติ, เตน ตา ตํ ฆํสนฺติเยวฯ ยูถาติ หตฺถิฆฎาฯ

    Hatthināgoti mahāhatthī yūthapati. Hatthikalabhehīti hatthipotakehi. Hatthicchāpehīti khīrūpagehi daharahatthipotakehi, ye ‘‘bhiṅkā’’tipi vuccanti. Chinnaggānīti purato purato gacchantehi tehi hatthiādīhi chinnaggāni khāditāvasesāni khāṇusadisāni khādati. Obhaggobhagganti tena hatthināgena uccaṭṭhānato bhañjitvā bhañjitvā pātitaṃ. Assa sākhābhaṅganti etassa santakaṃ sākhābhaṅgaṃ te khādanti. Āvilānīti tehi paṭhamataraṃ otaritvā pivantehi āluḷitattā āvilāni kaddamamissāni pānīyāni pivati. Ogāhāti titthato. ‘‘Ogāha’’ntipi pāḷi. Assāti hatthināgassa. Upanighaṃsantiyoti ghaṭṭentiyo, upanighaṃsiyamānopi attano uḷārabhāvena na kujjhati, tena tā taṃ ghaṃsantiyeva. Yūthāti hatthighaṭā.

    เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺฐิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิโฎฺฐ ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฎสหเสฺสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ภควโต สนฺติเก อฎฺฐาสิ, ตโต ปฎฺฐาย วตฺตสีเส ฐตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตกํ กตฺวา สาขาภเงฺคหิ สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นฺหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฎฺฐํ เทติ, อรญฺญโต มธุรานิ ผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติ, สตฺถา ตานิ ปริภุญฺชติ ฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺร สุทํ โส หตฺถินาโค ยสฺมิํ ปเทเส ภควา วิหรติ, ตํ ปเทสํ อปฺปหริตญฺจ กโรติ, โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตี’’ติฯ โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อญฺญมญฺญํ ฆํสิตฺวา อคฺคิํ อุฎฺฐาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ ปวเฎฺฎตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ญตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐติ, ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นฺหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหานกิจฺจํ กโรติ, ปานีเยปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมิํ ปน สีตเล สญฺชาเต อุปสงฺกมติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตี’’ติฯ

    Yena bhagavā tenupasaṅkamīti so kira hatthināgo yūthavāse ukkaṇṭhito taṃ vanasaṇḍaṃ paviṭṭho tattha bhagavantaṃ disvā ghaṭasahassena nibbāpitasantāpo viya nibbuto hutvā pasannacitto bhagavato santike aṭṭhāsi, tato paṭṭhāya vattasīse ṭhatvā bhaddasālassa paṇṇasālāya ca samantato appaharitakaṃ katvā sākhābhaṅgehi sammajjati, bhagavato mukhadhovanaṃ deti, nhānodakaṃ āharati, dantakaṭṭhaṃ deti, araññato madhurāni phalāni āharitvā satthu upaneti, satthā tāni paribhuñjati . Tena vuttaṃ – ‘‘tatra sudaṃ so hatthināgo yasmiṃ padese bhagavā viharati, taṃ padesaṃ appaharitañca karoti, soṇḍāya bhagavato pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetī’’ti. Soṇḍāya dārūni āharitvā aññamaññaṃ ghaṃsitvā aggiṃ uṭṭhāpetvā dārūni jālāpetvā tattha pāsāṇakhaṇḍāni tāpetvā tāni daṇḍakehi pavaṭṭetvā soṇḍiyaṃ khipitvā udakassa tattabhāvaṃ ñatvā bhagavato santikaṃ upagantvā tiṭṭhati, bhagavā ‘‘hatthināgo mama nhānaṃ icchatī’’ti tattha gantvā nhānakiccaṃ karoti, pānīyepi eseva nayo. Tasmiṃ pana sītale sañjāte upasaṅkamati, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘soṇḍāya bhagavato pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetī’’ti.

    อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ อุภินฺนํ มหานาคานํ วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ, ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวา, อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยวฯ

    Atha kho bhagavato rahogatassātiādi ubhinnaṃ mahānāgānaṃ vivekasukhapaccavekkhaṇadassanaṃ, taṃ vuttatthameva. Attano ca pavivekaṃ viditvāti kehici anākiṇṇabhāvaladdhaṃ kāyavivekaṃ jānitvā, itare pana vivekā bhagavato sabbakālaṃ vijjantiyeva.

    อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ ปวิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Imaṃudānanti imaṃ attano hatthināgassa ca pavivekābhiratiyā samānajjhāsayabhāvadīpanaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถายํ สเงฺขปโตฺถ – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิเตฺตน สเมติ สํสนฺทติฯ กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุเพฺพ อากิโณฺณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรเญฺญ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุเพฺพ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ เอโก อสหาโย วเน อรเญฺญ รมติ อภิรมติฯ ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ ตสฺส จิเตฺตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อโตฺถฯ

    Tatthāyaṃ saṅkhepattho – etaṃ īsādantassa rathaīsāsadisadantassa hatthināgassa cittaṃ nāgena buddhanāgassa cittena sameti saṃsandati. Kathaṃ sameti ce? Yadeko ramatī vane yasmā buddhanāgo ‘‘ahaṃ kho pubbe ākiṇṇo vihāsi’’nti purimaṃ ākiṇṇavihāraṃ jigucchitvā vivekaṃ upabrūhayamāno idāni yathā eko adutiyo vane araññe ramati abhiramati, evaṃ ayampi hatthināgo pubbe attano hatthiādīhi ākiṇṇavihāraṃ jigucchitvā vivekaṃ upabrūhayamāno idāni eko asahāyo vane araññe ramati abhiramati. Tasmāssa cittaṃ nāgena sameti tassa cittena sametīti katvā ekībhāvaratiyā ekasadisaṃ hotīti attho.

    ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๕. นาคสุตฺตํ • 5. Nāgasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact