Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๕. ธมฺมิกวโคฺค
5. Dhammikavaggo
๑. นาคสุตฺตวณฺณนา
1. Nāgasuttavaṇṇanā
๔๓. ปญฺจมสฺส ปฐเม ปริสิญฺจิตุนฺติ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๗๒) โย จุณฺณมตฺติกาทีหิ คตฺตานิ อุพฺพเฎฺฎโนฺต มลฺลกมุฎฺฐาทีหิ วา ฆํสโนฺต นหายติ, โส ‘‘นหายตี’’ติ วุจฺจติฯ โย ตถา อกตฺวา ปกติยาว นหายติ, โส ‘‘ปริสิญฺจตี’’ติ วุจฺจติ ฯ ภควโต จ สรีเร ตถา หริตพฺพํ รโชชลฺลํ นาม นุปลิมฺปติ อจฺฉฉวิภาวโต, อุตุคฺคหณตฺถํ ปน ภควา เกวลํ อุทเก โอตรติฯ เตนาห ‘‘คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุ’’นฺติฯ
43. Pañcamassa paṭhame parisiñcitunti (ma. ni. aṭṭha. 1.272) yo cuṇṇamattikādīhi gattāni ubbaṭṭento mallakamuṭṭhādīhi vā ghaṃsanto nahāyati, so ‘‘nahāyatī’’ti vuccati. Yo tathā akatvā pakatiyāva nahāyati, so ‘‘parisiñcatī’’ti vuccati . Bhagavato ca sarīre tathā haritabbaṃ rajojallaṃ nāma nupalimpati acchachavibhāvato, utuggahaṇatthaṃ pana bhagavā kevalaṃ udake otarati. Tenāha ‘‘gattāni parisiñcitu’’nti.
ปุพฺพโกฎฺฐโกติ ปาจีนโกฎฺฐโกฯ สาวตฺถิยํ กิร เชตวนวิหาโร กทาจิ มหา, กทาจิ ขุทฺทโกฯ ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล โยชนิโก อโหสิ, สิขิสฺส ติคาวุโต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชนิโก, กกุสนฺธสฺส คาวุตปฺปมาโณ, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุตปฺปมาโณ, กสฺสปสฺส วีสติอุสภปฺปมาโณ, อมฺหากํ ภควโต กาเล อฎฺฐกรีสปฺปมาโณ ชาโตฯ ตมฺปิ นครํ ตสฺส วิหารสฺส กทาจิ ปาจีนโต โหติ, กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ ปจฺฉิมโต, กทาจิ อุตฺตรโตฯ เชตวนคนฺธกุฎิยํ ปน จตุนฺนํ มญฺจปาทานํ ปติฎฺฐิตฎฺฐานํ อจลเมวฯ จตฺตาริ หิ อจลเจติยฎฺฐานานิ นาม มหาโพธิปลฺลงฺกฎฺฐานํ, อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฎฺฐานํ, สงฺกสฺสนคเร เทโวโรหนกาเล โสปานสฺส ปติฎฺฐานฎฺฐานํ, มญฺจปาทฎฺฐานนฺติฯ อยํ ปน ปุพฺพโกฎฺฐโก กสฺสปทสพลสฺส วีสติอุสภวิหารกาเล ปาจีนทฺวารโกฎฺฐโก อโหสิฯ โส อิทานิ ‘‘ปุพฺพโกฎฺฐโก’’เตฺวว ปญฺญายติฯ
Pubbakoṭṭhakoti pācīnakoṭṭhako. Sāvatthiyaṃ kira jetavanavihāro kadāci mahā, kadāci khuddako. Tathā hi so vipassissa bhagavato kāle yojaniko ahosi, sikhissa tigāvuto, vessabhussa aḍḍhayojaniko, kakusandhassa gāvutappamāṇo, koṇāgamanassa aḍḍhagāvutappamāṇo, kassapassa vīsatiusabhappamāṇo, amhākaṃ bhagavato kāle aṭṭhakarīsappamāṇo jāto. Tampi nagaraṃ tassa vihārassa kadāci pācīnato hoti, kadāci dakkhiṇato, kadāci pacchimato, kadāci uttarato. Jetavanagandhakuṭiyaṃ pana catunnaṃ mañcapādānaṃ patiṭṭhitaṭṭhānaṃ acalameva. Cattāri hi acalacetiyaṭṭhānāni nāma mahābodhipallaṅkaṭṭhānaṃ, isipatane dhammacakkappavattanaṭṭhānaṃ, saṅkassanagare devorohanakāle sopānassa patiṭṭhānaṭṭhānaṃ, mañcapādaṭṭhānanti. Ayaṃ pana pubbakoṭṭhako kassapadasabalassa vīsatiusabhavihārakāle pācīnadvārakoṭṭhako ahosi. So idāni ‘‘pubbakoṭṭhako’’tveva paññāyati.
กสฺสปทสพลสฺส กาเล อจิรวตี นครํ ปริกฺขิปิตฺวา สนฺทมานา ปุพฺพโกฎฺฐกํ ปตฺวา อุทเกน ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ อุทกรหทํ มาเปสิ สมติตฺติกํ อนุปุพฺพคมฺภีรํฯ ตตฺถ เอกํ รโญฺญ นฺหานติตฺถํ, เอกํ นาครานํ, เอกํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, เอกํ พุทฺธานนฺติ เอวํ ปาฎิเอกฺกานิ นฺหานติตฺถานิ โหนฺติ รมณียานิวิปฺปกิณฺณรชตปฎฺฎสทิสวาลุกานิฯ อิติ ภควตา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ เยน อยํ เอวรูโป ปุพฺพโกฎฺฐโก, เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ อถายสฺมา อานโนฺท อุทกสาฎิกํ อุปนาเมสิฯ ภควา สุรตฺตทุปฎฺฎํ อปเนตฺวา อุทกสาฎิกํ นิวาเสสิฯ เถโร ทุปเฎฺฎน สทฺธิํ มหาจีวรํ อตฺตโน หตฺถคตํ อกาสิฯ ภควา อุทกํ โอตริ, สโหตรเณเนวสฺส อุทเก มจฺฉกจฺฉปา สเพฺพ สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ, ยนฺตนาฬิกาหิ สุวณฺณรสธารานิ สิญฺจนกาโล วิย สุวณฺณปฎปฺปสารณกาโล วิย จ อโหสิฯ อถ ภควโต นหานวตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปจฺจุตฺติณฺณสฺส เถโร สุรตฺตทุปฎฺฎํ อุปนาเมสิฯ ภควา ตํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลฺลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา มหาจีวรํ อนฺตเนฺตน สํหริตฺวา ปทุมคพฺภสทิสํ กตฺวา อุปนีตํ ทฺวีสุ กเณฺณสุ คเหตฺวา อฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพโกฎฺฐเก คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสี’’ติฯ
Kassapadasabalassa kāle aciravatī nagaraṃ parikkhipitvā sandamānā pubbakoṭṭhakaṃ patvā udakena bhinditvā mahantaṃ udakarahadaṃ māpesi samatittikaṃ anupubbagambhīraṃ. Tattha ekaṃ rañño nhānatitthaṃ, ekaṃ nāgarānaṃ, ekaṃ bhikkhusaṅghassa, ekaṃ buddhānanti evaṃ pāṭiekkāni nhānatitthāni honti ramaṇīyānivippakiṇṇarajatapaṭṭasadisavālukāni. Iti bhagavatā āyasmatā ānandena saddhiṃ yena ayaṃ evarūpo pubbakoṭṭhako, tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ. Athāyasmā ānando udakasāṭikaṃ upanāmesi. Bhagavā surattadupaṭṭaṃ apanetvā udakasāṭikaṃ nivāsesi. Thero dupaṭṭena saddhiṃ mahācīvaraṃ attano hatthagataṃ akāsi. Bhagavā udakaṃ otari, sahotaraṇenevassa udake macchakacchapā sabbe suvaṇṇavaṇṇā ahesuṃ, yantanāḷikāhi suvaṇṇarasadhārāni siñcanakālo viya suvaṇṇapaṭappasāraṇakālo viya ca ahosi. Atha bhagavato nahānavattaṃ dassetvā paccuttiṇṇassa thero surattadupaṭṭaṃ upanāmesi. Bhagavā taṃ nivāsetvā vijjullatāsadisaṃ kāyabandhanaṃ bandhitvā mahācīvaraṃ antantena saṃharitvā padumagabbhasadisaṃ katvā upanītaṃ dvīsu kaṇṇesu gahetvā aṭṭhāsi. Tena vuttaṃ ‘‘pubbakoṭṭhake gattāni parisiñcitvā ekacīvaro aṭṭhāsī’’ti.
เอวํ ฐิตสฺส ปน ภควโต สรีรํ วิกสิตปทุมปุปฺผสทิสํ สพฺพปาลิผุลฺลํ ปาริจฺฉตฺตกํ, ตารามรีจิวิกสิตญฺจ คคนตลํ สิริยา อวหสมานํ วิย วิโรจิตฺถ, พฺยามปฺปภาปริเกฺขปวิลาสินี จสฺส ทฺวตฺติํสวรลกฺขณมาลา คนฺถิตฺวา ฐปิตา ทฺวตฺติํส จนฺทิมา วิย, ทฺวตฺติํส สูริยา วิย, ปฎิปาฎิยา ฐปิตทฺวตฺติํสจกฺกวตฺติทฺวตฺติํสเทวราชทฺวตฺติํสมหาพฺรหฺมาโน วิย จ อติวิย วิโรจิตฺถฯ ยสฺมา จ ภควโต สรีรํ สุธนฺตจามีกรสมานวณฺณํ, สุปริโสธิตปวาฬรุจิรโตรณํ, สุวิสุทฺธนีลรตนาวลิสทิสเกสตนุรุหํ, ตสฺมา ตหํ ตหํ วินิคฺคตสุชาตชาติหิงฺคุลกรสูปโสภิตํ อุปริ สตเมฆรตนาวลิสุจฺฉาทิตํ ชงฺคมมิว กนกคิริสิขรํ วิโรจิตฺถฯ ตสฺมิญฺจ สมเย ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปมาเณ ปเทเส อาธาวนฺตี วิธาวนฺตี รตนาวลิรตนทามรตนจุณฺณวิปฺปกิณฺณํ วิย ปสาริตรตนจิตฺตกญฺจนปฎฺฎมิว อาสิญฺจมานลาขารสธาราจิตฺตมิว อุกฺกาสตนิปาตสมากุลมิว นิรนฺตรวิปฺปกิณฺณกณิการกิงฺกิณิกปุปฺผมิว วายุเวคสมุทฺธตจินปิฎฺฐจุณฺณรญฺชิตมิว อินฺทธนุวิชฺชุลฺลตาวิตานสนฺถตมิว จ คคนตลํ, ตํ ฐานํ ปวนญฺจ สมฺมา ผรนฺติฯ วณฺณภูมิ นาเมสาฯ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ พุทฺธานํ สรีรวณฺณํ วา คุณวณฺณํ วา จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาหิ วา อตฺถญฺจ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ปฎิพเลน ธมฺมกถิเกน ปูเรตฺวา กเถตุํ วฎฺฎติฯ เอวรูเปสุ หิ ฐาเนสุ ธมฺมกถิกสฺส ถาโม เวทิตโพฺพฯ ปุพฺพสทิสานิ กุรุมาโนติ นิรุทกานิ กุรุมาโน, สุกฺขาปยมาโนติ อโตฺถฯ โสทเก คเตฺต จีวรํ ปารุปนฺตสฺส หิ จีวเร กณฺณิกานิ อุฎฺฐหนฺติ, ปริกฺขารภณฺฑํ ทุสฺสติ, พุทฺธานํ ปน สรีเร รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, ปทุมปเตฺต อุกฺขิตฺตอุทกพินฺทุ วิย อุทกํ วินิวเฎฺฎตฺวา คจฺฉติฯ เอวํ สเนฺตปิ สิกฺขาคารวตาย ภควา ‘‘ปพฺพชิตวตฺตํ นาเมต’’นฺติ มหาจีวรํ อุโภสุ กเณฺณสุ คเหตฺวา ปุรโต กายํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อฎฺฐาสิฯ
Evaṃ ṭhitassa pana bhagavato sarīraṃ vikasitapadumapupphasadisaṃ sabbapāliphullaṃ pāricchattakaṃ, tārāmarīcivikasitañca gaganatalaṃ siriyā avahasamānaṃ viya virocittha, byāmappabhāparikkhepavilāsinī cassa dvattiṃsavaralakkhaṇamālā ganthitvā ṭhapitā dvattiṃsa candimā viya, dvattiṃsa sūriyā viya, paṭipāṭiyā ṭhapitadvattiṃsacakkavattidvattiṃsadevarājadvattiṃsamahābrahmāno viya ca ativiya virocittha. Yasmā ca bhagavato sarīraṃ sudhantacāmīkarasamānavaṇṇaṃ, suparisodhitapavāḷaruciratoraṇaṃ, suvisuddhanīlaratanāvalisadisakesatanuruhaṃ, tasmā tahaṃ tahaṃ viniggatasujātajātihiṅgulakarasūpasobhitaṃ upari satamegharatanāvalisucchāditaṃ jaṅgamamiva kanakagirisikharaṃ virocittha. Tasmiñca samaye dasabalassa sarīrato nikkhamitvā chabbaṇṇarasmiyo samantato asītihatthappamāṇe padese ādhāvantī vidhāvantī ratanāvaliratanadāmaratanacuṇṇavippakiṇṇaṃ viya pasāritaratanacittakañcanapaṭṭamiva āsiñcamānalākhārasadhārācittamiva ukkāsatanipātasamākulamiva nirantaravippakiṇṇakaṇikārakiṅkiṇikapupphamiva vāyuvegasamuddhatacinapiṭṭhacuṇṇarañjitamiva indadhanuvijjullatāvitānasanthatamiva ca gaganatalaṃ, taṃ ṭhānaṃ pavanañca sammā pharanti. Vaṇṇabhūmi nāmesā. Evarūpesu ṭhānesu buddhānaṃ sarīravaṇṇaṃ vā guṇavaṇṇaṃ vā cuṇṇiyapadehi vā gāthāhi vā atthañca upamāyo ca kāraṇāni ca āharitvā paṭibalena dhammakathikena pūretvā kathetuṃ vaṭṭati. Evarūpesu hi ṭhānesu dhammakathikassa thāmo veditabbo. Pubbasadisāni kurumānoti nirudakāni kurumāno, sukkhāpayamānoti attho. Sodake gatte cīvaraṃ pārupantassa hi cīvare kaṇṇikāni uṭṭhahanti, parikkhārabhaṇḍaṃ dussati, buddhānaṃ pana sarīre rajojallaṃ na upalimpati, padumapatte ukkhittaudakabindu viya udakaṃ vinivaṭṭetvā gacchati. Evaṃ santepi sikkhāgāravatāya bhagavā ‘‘pabbajitavattaṃ nāmeta’’nti mahācīvaraṃ ubhosu kaṇṇesu gahetvā purato kāyaṃ paṭicchādetvā aṭṭhāsi.
ตาฬิตญฺจ วาทิตญฺจ ตาฬิตวาทิตํ, ตูริยานํ ตาฬิตวาทิตํ ตูริยตาฬิตวาทิตํฯ มหนฺตญฺจ ตํ ตูริยตาฬิตวาทิตญฺจาติ มหาตูริยตาฬิตวาทิตํฯ เตนาห ‘‘มหเนฺตนา’’ติอาทิฯ อถ วา เภริมุทิงฺคปณวาทิตูริยานํ ตาฬิตํ วีณาเวฬุโคมุขิอาทีนํ วาทิตญฺจ ตูริยตาฬิตวาทิตนฺติ วา เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Tāḷitañca vāditañca tāḷitavāditaṃ, tūriyānaṃ tāḷitavāditaṃ tūriyatāḷitavāditaṃ. Mahantañca taṃ tūriyatāḷitavāditañcāti mahātūriyatāḷitavāditaṃ. Tenāha ‘‘mahantenā’’tiādi. Atha vā bherimudiṅgapaṇavāditūriyānaṃ tāḷitaṃ vīṇāveḷugomukhiādīnaṃ vāditañca tūriyatāḷitavāditanti vā evamettha attho daṭṭhabbo.
อภิญฺญาปารํ คโตติ อภิญฺญาปารคูฯ เอวํ เสเสสุปิฯ โส หิ ภควา สพฺพธเมฺม อภิชานโนฺต คโตติ อภิญฺญาปารคูฯ เตสุ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ ปริชานโนฺต คโตติ ปริญฺญาปารคูฯ สพฺพกิเลเส ปชหโนฺต คโตติ ปหานปารคูฯ จตฺตาโร มเคฺค ภาเวโนฺต คโตติ ภาวนาปารคูฯ นิโรธํ สจฺฉิกโรโนฺต คโตติ สจฺฉิกิริยาปารคูฯ สพฺพสมาปตฺติํ สมาปชฺชโนฺต คโตติ สมาปตฺติปารคูฯ สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโยติ เอตฺถ โส กิร เทวปุโตฺต อจฺฉราสงฺฆปริวุโต นนฺทนกีฬิตํ กตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ ตํ ปญฺจสตา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา , ปญฺจสตา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา มธุรสฺสเรน คายิตฺวา ปุปฺผานิ ปาเตนฺติฯ ตานิ คเหตฺวา อิตรา เอกโตวณฺฎิกมาลาว คเนฺถนฺติฯ อถ รุกฺขํ อภิรุฬฺหา อุปเจฺฉทกวเสน เอกปฺปหาเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติฯ อถ กาเล คจฺฉเนฺต เทวปุโตฺต ‘‘อิมาสํ เนว สโทฺท สุยฺยติ , น ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ อาวเชฺชโนฺต นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ปิยวตฺถุกโสเกน รุปฺปมาโน จิเนฺตสิ – ‘‘เอตา ตาว ยถากเมฺมน คตา, มยฺหํ อายุสงฺขาโร กิตฺตโก’’ติฯ โส ‘‘สตฺตเม ทิวเส มยาปิ อวเสสาหิ ปญฺจสตาหิ สทฺธิํ กาลํ กตฺวา ตเตฺถว นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ ทิสฺวา พลวตเรน โสเกน สมปฺปิโตฯ ‘‘อิมํ มยฺหํ โสกํ สเทวเก โลเก อญฺญตฺร ตถาคตา นิพฺพาเปตุํ สมโตฺถ นตฺถี’’ติ จิเนฺตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต –
Abhiññāpāraṃ gatoti abhiññāpāragū. Evaṃ sesesupi. So hi bhagavā sabbadhamme abhijānanto gatoti abhiññāpāragū. Tesu pañcupādānakkhandhe parijānanto gatoti pariññāpāragū. Sabbakilese pajahanto gatoti pahānapāragū. Cattāro magge bhāvento gatoti bhāvanāpāragū. Nirodhaṃ sacchikaronto gatoti sacchikiriyāpāragū. Sabbasamāpattiṃ samāpajjanto gatoti samāpattipāragū. Subrahmadevaputtādayoti ettha so kira devaputto accharāsaṅghaparivuto nandanakīḷitaṃ katvā pāricchattakamūle paññattāsane nisīdi. Taṃ pañcasatā parivāretvā nisinnā , pañcasatā rukkhaṃ abhiruhitvā madhurassarena gāyitvā pupphāni pātenti. Tāni gahetvā itarā ekatovaṇṭikamālāva ganthenti. Atha rukkhaṃ abhiruḷhā upacchedakavasena ekappahāreneva kālaṃ katvā avīcimhi nibbattā mahādukkhaṃ anubhavanti. Atha kāle gacchante devaputto ‘‘imāsaṃ neva saddo suyyati , na pupphāni pātenti, kahaṃ nu kho gatā’’ti āvajjento niraye nibbattabhāvaṃ disvā piyavatthukasokena ruppamāno cintesi – ‘‘etā tāva yathākammena gatā, mayhaṃ āyusaṅkhāro kittako’’ti. So ‘‘sattame divase mayāpi avasesāhi pañcasatāhi saddhiṃ kālaṃ katvā tattheva nibbattitabba’’nti disvā balavatarena sokena samappito. ‘‘Imaṃ mayhaṃ sokaṃ sadevake loke aññatra tathāgatā nibbāpetuṃ samattho natthī’’ti cintetvā satthu santikaṃ gantvā vanditvā ekamantaṃ ṭhito –
‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมิทํ มโน;
‘‘Niccaṃ utrastamidaṃ cittaṃ, niccaṃ ubbiggamidaṃ mano;
อนุปฺปเนฺนสุ กิเจฺฉสุ, อโถ อุปฺปติเตสุ จ;
Anuppannesu kicchesu, atho uppatitesu ca;
สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๙๘) –
Sace atthi anutrastaṃ, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti. (saṃ. ni. 1.98) –
อิมํ คาถมภาสิฯ ภควาปิสฺส –
Imaṃ gāthamabhāsi. Bhagavāpissa –
‘‘นาญฺญตฺร โพชฺฌา ตปสา, นาญฺญตฺรินฺทฺริยสํวรา;
‘‘Nāññatra bojjhā tapasā, nāññatrindriyasaṃvarā;
นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถิํ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๙๘) –
Nāññatra sabbanissaggā, sotthiṃ passāmi pāṇina’’nti. (saṃ. ni. 1.98) –
ธมฺมํ เทเสสิฯ โส เทสนาปริโยสาเน วิคตโสโก ปญฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย ภควนฺตํ นมสฺสมาโน อฎฺฐาสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขปฺปตฺตา สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโย’’ติฯ อาทิ-สเทฺทน จนฺทสูริยเทวปุตฺตาทโย สงฺคณฺหาติฯ จตูหิ การเณหีติ อารกตฺตา, อรีนํ อรานญฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิฯ
Dhammaṃ desesi. So desanāpariyosāne vigatasoko pañcahi accharāsatehi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāya bhagavantaṃ namassamāno aṭṭhāsi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ ‘‘dukkhappattā subrahmadevaputtādayo’’ti. Ādi-saddena candasūriyadevaputtādayo saṅgaṇhāti. Catūhi kāraṇehīti ārakattā, arīnaṃ arānañca hatattā, paccayādīnaṃ arahattā, pāpakaraṇe rahābhāvāti imehi catūhi kāraṇehi.
ทสวิธสํโยชนานีติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยเภทโต ทสวิธสํโยชนานิฯ สเพฺพ อจฺจรุจีติ สพฺพสเตฺต อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิฯ อฎฺฐมกนฺติ โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐํ สนฺธาย วทติฯ โสตาปโนฺนติ ผลโฎฺฐ คหิโตฯ
Dasavidhasaṃyojanānīti orambhāgiyuddhambhāgiyabhedato dasavidhasaṃyojanāni. Sabbe accarucīti sabbasatte atikkamitvā pavattaruci. Aṭṭhamakanti sotāpattimaggaṭṭhaṃ sandhāya vadati. Sotāpannoti phalaṭṭho gahito.
โสรจฺจนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สพฺพาปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๔๙) วจนโต สุจิสีลํ ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํฯ กรูณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาหฯ กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคํ อุปจารชฺฌานํ วทติฯ
Soraccanti ‘‘tattha katamaṃ soraccaṃ? Yo kāyiko avītikkamo, vācasiko avītikkamo, kāyikavācasiko avītikkamo, idaṃ vuccati soraccaṃ, sabbāpi sīlasaṃvaro soracca’’nti (dha. sa. 1349) vacanato sucisīlaṃ ‘‘soracca’’nti vuttaṃ. Karūṇāti karuṇābrahmavihāramāha. Karuṇāpubbabhāgoti tassa pubbabhāgaṃ upacārajjhānaṃ vadati.
ทุวิเธน ฌาเนนาติ อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขณูปนิชฺฌานเภทโต ทุวิเธน ฌานมเนนฯ ปญฺจวิธมิจฺฉาชีววเสนาติ กุหนาลปนาเนมิตฺติกตานิเปฺปสิกตาลาเภนลาภํนิชิคีสนตาสงฺขาต- ปญฺจวิธมิจฺฉาชีววเสนฯ น ลิปฺปตีติ น อลฺลียติ อนุสยโต อารมฺมณกรณโต วา ตณฺหาทิฎฺฐิอภินิเวสาภาวโตฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Duvidhenajhānenāti ārammaṇūpanijjhānalakkhaṇūpanijjhānabhedato duvidhena jhānamanena. Pañcavidhamicchājīvavasenāti kuhanālapanānemittikatānippesikatālābhenalābhaṃnijigīsanatāsaṅkhāta- pañcavidhamicchājīvavasena. Na lippatīti na allīyati anusayato ārammaṇakaraṇato vā taṇhādiṭṭhiabhinivesābhāvato. Sesamettha uttānameva.
นาคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. นาคสุตฺตํ • 1. Nāgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. นาคสุตฺตวณฺณนา • 1. Nāgasuttavaṇṇanā