Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๓. นาควิมานวณฺณนา

    3. Nāgavimānavaṇṇanā

    อลงฺกตา มณิกญฺจนาจิตนฺติ นาควิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ เตน สมเยน พาราณสิวาสินี เอกา อุปาสิกา สทฺธา ปสนฺนา สีลาจารสมฺปนฺนา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วตฺถยุคํ วายาเปตฺวา สุปริโธตํ การาเปตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาทมูเล ฐเปตฺวา เอวมาห ‘‘ปฎิคฺคณฺหาตุ, ภเนฺต ภควา, อิมํ วตฺถยุคํ อนุกมฺปํ อุปาทาย ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ภควา ตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตสฺสา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เคหํ อคมาสิฯ สา น จิรเสฺสว กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ อุปฺปนฺนา สกฺกสฺส เทวราชสฺส ปิยา อโหสิ วลฺลภา ยสุตฺตรา นาม นาเมนฯ ตสฺสา ปุญฺญานุภาเวน เหมชาลสญฺฉโนฺน กุญฺชรวโร นิพฺพตฺติ, ตสฺส จ ขเนฺธ มณิมโย มณฺฑโป, มเชฺฌ สุปญฺญตฺตรตนปลฺลโงฺก นิพฺพตฺติ, ทฺวีสุ ทเนฺตสุ จสฺส กมลกุวลยุชฺชลา รมณียา เทฺว โปกฺขรณิโย ปาตุรเหสุํฯ ตตฺถ ปทุมกณฺณิกาสุ ฐิตา เทวธีตา ปคฺคหิตปญฺจงฺคิกตูริยา นจฺจนฺติ เจว คายนฺติ จฯ

    Alaṅkatā maṇikañcanācitanti nāgavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā bārāṇasiyaṃ viharati isipatane migadāye. Tena samayena bārāṇasivāsinī ekā upāsikā saddhā pasannā sīlācārasampannā bhagavantaṃ uddissa vatthayugaṃ vāyāpetvā suparidhotaṃ kārāpetvā upasaṅkamitvā bhagavato pādamūle ṭhapetvā evamāha ‘‘paṭiggaṇhātu, bhante bhagavā, imaṃ vatthayugaṃ anukampaṃ upādāya yaṃ mama assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Bhagavā taṃ paṭiggahetvā tassā upanissayasampattiṃ disvā dhammaṃ desesi, sā desanāvasāne sotāpattiphale patiṭṭhahitvā bhagavantaṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā gehaṃ agamāsi. Sā na cirasseva kālaṃ katvā tāvatiṃsesu uppannā sakkassa devarājassa piyā ahosi vallabhā yasuttarā nāma nāmena. Tassā puññānubhāvena hemajālasañchanno kuñjaravaro nibbatti, tassa ca khandhe maṇimayo maṇḍapo, majjhe supaññattaratanapallaṅko nibbatti, dvīsu dantesu cassa kamalakuvalayujjalā ramaṇīyā dve pokkharaṇiyo pāturahesuṃ. Tattha padumakaṇṇikāsu ṭhitā devadhītā paggahitapañcaṅgikatūriyā naccanti ceva gāyanti ca.

    สตฺถา พาราณสิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ ปตฺวา ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ สา เทวตา อตฺตนา อนุภุยฺยมานํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ โอโลเกตฺวา ตสฺสา การณํ อุปธาเรนฺตี ‘‘สตฺถุ วตฺถยุคทานการณ’’นฺติ ญตฺวา สญฺชาตโสมนสฺสา ภควติ ปสาทพหุมานา วนฺทิตุกามา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา หตฺถิกฺขนฺธวรคตา อากาเสน อาคนฺตฺวา ตโต โอตริตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตํ อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต อนุญฺญาย อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

    Satthā bārāṇasiyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena sāvatthiṃ patvā tatra sudaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha sā devatā attanā anubhuyyamānaṃ dibbasampattiṃ oloketvā tassā kāraṇaṃ upadhārentī ‘‘satthu vatthayugadānakāraṇa’’nti ñatvā sañjātasomanassā bhagavati pasādabahumānā vanditukāmā abhikkantāya rattiyā hatthikkhandhavaragatā ākāsena āgantvā tato otaritvā bhagavantaṃ vanditvā añjaliṃ paggayha ekamantaṃ aṭṭhāsi. Taṃ āyasmā vaṅgīso bhagavato anuññāya imāhi gāthāhi pucchi –

    ๗๐๕.

    705.

    ‘‘อลงฺกตา มณิกญฺจนาจิตํ, โสวณฺณชาลจิตํ มหนฺตํ;

    ‘‘Alaṅkatā maṇikañcanācitaṃ, sovaṇṇajālacitaṃ mahantaṃ;

    อภิรุยฺห คชวรํ สุกปฺปิตํ, อิธาคมา เวหายสํ อนฺตลิเกฺขฯ

    Abhiruyha gajavaraṃ sukappitaṃ, idhāgamā vehāyasaṃ antalikkhe.

    ๗๐๖.

    706.

    ‘‘นาคสฺส ทเนฺตสุ ทุเวสุ นิมฺมิตา, อโจฺฉทกา ปทุมินิโย สุผุลฺลา;

    ‘‘Nāgassa dantesu duvesu nimmitā, acchodakā paduminiyo suphullā;

    ปทุเมสุ จ ตูริยคณา ปภิชฺชเร, อิมา จ นจฺจนฺติ มโนหราโยฯ

    Padumesu ca tūriyagaṇā pabhijjare, imā ca naccanti manoharāyo.

    ๗๐๗.

    707.

    ‘‘เทวิทฺธิปตฺตาสิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;

    ‘‘Deviddhipattāsi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.

    ๗๐๕. ตตฺถ อลงฺกตาติ สพฺพาภรณวิภูสิตาฯ มณิกญฺจนาจิตนฺติ เตหิ ทิพฺพมาเนหิ มณิสุวเณฺณหิ อาจิตํฯ โสวณฺณชาลจิตนฺติ เหมชาลสญฺฉนฺนํฯ มหนฺตนฺติ วิปุลํฯ สุกปฺปิตนฺติ คมนสนฺนาหวเสน สุฎฺฐุ สนฺนทฺธํฯ เวหายสนฺติ เวหายสภูเต หตฺถิปิเฎฺฐฯ อนฺตลิเกฺขติ อากาเส, ‘‘อลงฺกตมณิกญฺจนาจิต’’นฺติปิ ปาโฐฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – เทวเต, ตฺวํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา อลงฺกตมณิกญฺจนาจิตํ, อติวิย ทิพฺพมาเนหิ มณีหิ กญฺจเนหิ จ อลงฺกรณวเสน ขจิตํ, เหมชาเลหิ กุมฺภาลงฺการาทิเภเทหิ หตฺถาลงฺกาเรหิ จิตํ อามุตฺตํ มหนฺตํ อติวิย พฺรหนฺตํ อุตฺตมํ คชํ อารุยฺห หตฺถิปิฎฺฐิยา นิสินฺนา อากาเสเนว อิธ อมฺหากํ สนฺติกํ อาคตาติฯ

    705. Tattha alaṅkatāti sabbābharaṇavibhūsitā. Maṇikañcanācitanti tehi dibbamānehi maṇisuvaṇṇehi ācitaṃ. Sovaṇṇajālacitanti hemajālasañchannaṃ. Mahantanti vipulaṃ. Sukappitanti gamanasannāhavasena suṭṭhu sannaddhaṃ. Vehāyasanti vehāyasabhūte hatthipiṭṭhe. Antalikkheti ākāse, ‘‘alaṅkatamaṇikañcanācita’’ntipi pāṭho. Ayañhettha saṅkhepattho – devate, tvaṃ sabbālaṅkārehi alaṅkatā alaṅkatamaṇikañcanācitaṃ, ativiya dibbamānehi maṇīhi kañcanehi ca alaṅkaraṇavasena khacitaṃ, hemajālehi kumbhālaṅkārādibhedehi hatthālaṅkārehi citaṃ āmuttaṃ mahantaṃ ativiya brahantaṃ uttamaṃ gajaṃ āruyha hatthipiṭṭhiyā nisinnā ākāseneva idha amhākaṃ santikaṃ āgatāti.

    ๗๐๖. นาคสฺส ทเนฺตสุ ทุเวสุ นิมฺมิตาติ เอราวณสฺส วิย นาคราชสฺส อิมสฺส ทฺวีสุ ทเนฺตสุ เทฺว โปกฺขรณิโย สุจริตสิปฺปินา สุฎฺฐุ วิรจิตาฯ ตูริยคณาติ ปญฺจงฺคิกตูริยสมูหาฯ ปภิชฺชเรติ ทฺวาทสนฺนํ ลยเภทานํ วเสน ปเภทํ คจฺฉนฺติฯ ‘‘ปวชฺชเร’’ติ จ ปฐนฺติ, ปกาเรหิ วาทียนฺตีติ อโตฺถฯ

    706.Nāgassa dantesu duvesu nimmitāti erāvaṇassa viya nāgarājassa imassa dvīsu dantesu dve pokkharaṇiyo sucaritasippinā suṭṭhu viracitā. Tūriyagaṇāti pañcaṅgikatūriyasamūhā. Pabhijjareti dvādasannaṃ layabhedānaṃ vasena pabhedaṃ gacchanti. ‘‘Pavajjare’’ti ca paṭhanti, pakārehi vādīyantīti attho.

    เอวํ เถเรน ปุฎฺฐา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสเชฺชสิ –

    Evaṃ therena puṭṭhā devatā imāhi gāthāhi vissajjesi –

    ๗๐๘.

    708.

    ‘‘พาราณสิยํ อุปสงฺกมิตฺวา, พุทฺธสฺสหํ วตฺถยุคํ อทาสิํ;

    ‘‘Bārāṇasiyaṃ upasaṅkamitvā, buddhassahaṃ vatthayugaṃ adāsiṃ;

    ปาทานิ วนฺทิตฺวา ฉมา นิสีทิํ, วิตฺตา จหํ อญฺชลิกํ อกาสิํฯ

    Pādāni vanditvā chamā nisīdiṃ, vittā cahaṃ añjalikaṃ akāsiṃ.

    ๗๐๙.

    709.

    ‘‘พุโทฺธ จ เม กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ, อเทสยิ สมุทยทุกฺขนิจฺจตํ;

    ‘‘Buddho ca me kañcanasannibhattaco, adesayi samudayadukkhaniccataṃ;

    อสงฺขตํ ทุกฺขนิโรธสสฺสตํ, มคฺคํ อเทสยิ ยโต วิชานิสํฯ

    Asaṅkhataṃ dukkhanirodhasassataṃ, maggaṃ adesayi yato vijānisaṃ.

    ๗๑๐.

    710.

    ‘‘อปฺปายุกี กาลกตา ตโต จุตา, อุปปนฺนา ติทสคณํ ยสสฺสินี;

    ‘‘Appāyukī kālakatā tato cutā, upapannā tidasagaṇaṃ yasassinī;

    สกฺกสฺสหํ อญฺญตรา ปชาปติ, ยสุตฺตรา นาม ทิสาสุ วิสฺสุตา’’ติฯ

    Sakkassahaṃ aññatarā pajāpati, yasuttarā nāma disāsu vissutā’’ti.

    ๗๐๘-๙. ตตฺถ ฉมาติ ภูมิยํฯ ภุมฺมเตฺถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํฯ วิตฺตาติ ตุฎฺฐาฯ ยโตติ ยโต สตฺถุ สามุกฺกํสิกธมฺมเทสนโตฯ วิชานิสนฺติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌิํฯ

    708-9. Tattha chamāti bhūmiyaṃ. Bhummatthe hi idaṃ paccattavacanaṃ. Vittāti tuṭṭhā. Yatoti yato satthu sāmukkaṃsikadhammadesanato. Vijānisanti cattāri ariyasaccāni paṭivijjhiṃ.

    ๗๑๐. อปฺปายุกีติ ‘‘อีทิสํ นาม อุฬารํ ปุญฺญํ กตฺวา น ตยา เอตสฺมิํ ทุกฺขพหุเล มนุสฺสตฺตภาเว เอวํ ฐาตพฺพ’’นฺติ สญฺชาตาภิสนฺธินา วิย ปริกฺขยํ คเตน กมฺมุนา อปฺปายุกา สมานาฯ อญฺญตรา ปชาปตีติ โสฬสสหสฺสานํ มเหสีนํ อญฺญตราฯ ทิสาสุ วิสฺสุตาติ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ สพฺพทิสาสุ ปากฎา ปญฺญาตาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    710.Appāyukīti ‘‘īdisaṃ nāma uḷāraṃ puññaṃ katvā na tayā etasmiṃ dukkhabahule manussattabhāve evaṃ ṭhātabba’’nti sañjātābhisandhinā viya parikkhayaṃ gatena kammunā appāyukā samānā. Aññatarā pajāpatīti soḷasasahassānaṃ mahesīnaṃ aññatarā. Disāsu vissutāti dvīsu devalokesu sabbadisāsu pākaṭā paññātā. Sesaṃ vuttanayameva.

    นาควิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nāgavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๓. นาควิมานวตฺถุ • 3. Nāgavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact