Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๓. นคฺควโคฺค
3. Naggavaggo
๑. นคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Naggasikkhāpadavaṇṇanā
นคฺควคฺคสฺส ปฐเม นคฺคาติ อนิวตฺถา วา อปารุตา วาฯ เอวญฺหิ นหายนฺติยา สพฺพปฺปโยเคสุ ทุกฺกฎํ, นหานปริโยสาเน ปาจิตฺติยํฯ
Naggavaggassa paṭhame naggāti anivatthā vā apārutā vā. Evañhi nahāyantiyā sabbappayogesu dukkaṭaṃ, nahānapariyosāne pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ เอวํ นหานวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อุทกสาฎิกจีวเร อจฺฉิเนฺน วา นเฎฺฐ วา, ‘‘มหคฺฆํ อิทํ ทิสฺวา โจราปิ หเรยฺยุ’’นฺติ เอวรูปาสุ อาปทาสุ วา นหายนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ นคฺคตา, อนุญฺญาตการณาภาโว, นหานปริโยสานนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha evaṃ nahānavatthusmiṃ paññattaṃ, udakasāṭikacīvare acchinne vā naṭṭhe vā, ‘‘mahagghaṃ idaṃ disvā corāpi hareyyu’’nti evarūpāsu āpadāsu vā nahāyantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Naggatā, anuññātakāraṇābhāvo, nahānapariyosānanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānīti.
นคฺคสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Naggasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. อุทกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Udakasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อปฺปมาณิกาโย อุทกสาฎิกาโย ธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ สพฺพํ รตนวเคฺค นิสีทนสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Dutiye sāvatthiyaṃ chabbaggiyā bhikkhuniyo ārabbha appamāṇikāyo udakasāṭikāyo dhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha sabbaṃ ratanavagge nisīdanasikkhāpade vuttanayeneva veditabbanti.
อุทกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Udakasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Cīvarasibbanasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย วิสิเพฺพตฺวาติ ทุสฺสิพฺพิตํ ปุนสิพฺพนตฺถาย วิสิเพฺพตฺวาฯ อนนฺตรายิกินีติ ทสสุ อนฺตราเยสุ เอเกกสฺมิมฺปิ อสติฯ อญฺญตฺร จตูหปญฺจาหาติ วิสิพฺพิตทิวสโต ปญฺจ ทิวเส อติกฺกาเมตฺวา ‘‘เนว สิพฺพิสฺสามิ , น สิพฺพาปนาย อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิตฺตมเตฺต ปาจิตฺติยํฯ
Tatiye visibbetvāti dussibbitaṃ punasibbanatthāya visibbetvā. Anantarāyikinīti dasasu antarāyesu ekekasmimpi asati. Aññatra catūhapañcāhāti visibbitadivasato pañca divase atikkāmetvā ‘‘neva sibbissāmi , na sibbāpanāya ussukkaṃ karissāmī’’ti dhuraṃ nikkhittamatte pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ จีวรํ วิสิเพฺพตฺวา น สิพฺพนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺนาย ติกทุกฺกฎํ, ตถา อุภินฺนมฺปิ อญฺญสฺมิํ ปริกฺขาเรฯ ยา ปน อนฺตรายิกินี วา โหติ, ปริเยสิตฺวา วา กิญฺจิ น ลภติ, กโรนฺตี วา ปญฺจาหํ อติกฺกาเมติ, ตสฺสา จ, คิลานาย จ, อาปทาสุ จ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ นิวาสนปารุปนุปคจีวรตา, อุปสมฺปนฺนาย สนฺตกตา, สิพฺพนตฺถาย วิสิพฺพนํ วา วิสิพฺพาปนํ วา, อญฺญตฺร อนุญฺญาตการณา ปญฺจาหาติกฺกโม, ธุรนิเกฺขโปติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha cīvaraṃ visibbetvā na sibbanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampannāya tikadukkaṭaṃ, tathā ubhinnampi aññasmiṃ parikkhāre. Yā pana antarāyikinī vā hoti, pariyesitvā vā kiñci na labhati, karontī vā pañcāhaṃ atikkāmeti, tassā ca, gilānāya ca, āpadāsu ca, ummattikādīnañca anāpatti. Nivāsanapārupanupagacīvaratā, upasampannāya santakatā, sibbanatthāya visibbanaṃ vā visibbāpanaṃ vā, aññatra anuññātakāraṇā pañcāhātikkamo, dhuranikkhepoti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisānīti.
จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvarasibbanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. สงฺฆาฎิจารสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Saṅghāṭicārasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ ปญฺจ อหานิ ปญฺจาหํ, ปญฺจาหเมว ปญฺจาหิกํฯ สงฺฆาฎีนํ จาโร สงฺฆาฎิจาโร, ปริโภควเสน วา โอตาปนวเสน วา สงฺฆฎิตเฎฺฐน ‘สงฺฆาฎี’ติ ลทฺธนามํ ติจีวรํ, อุทกสาฎิกา, สํกจฺจิกาติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ จีวรานํ ปริวตฺตนนฺติ อโตฺถฯ อติกฺกาเมยฺย ปาจิตฺติยนฺติ ฉเฎฺฐ อรุณุคฺคมเน เอกสฺมิํ จีวเร วุตฺตนเยน อปริวตฺติเต เอกา อาปตฺติ, ปญฺจสุ ปญฺจฯ
Catutthe pañca ahāni pañcāhaṃ, pañcāhameva pañcāhikaṃ. Saṅghāṭīnaṃ cāro saṅghāṭicāro, paribhogavasena vā otāpanavasena vā saṅghaṭitaṭṭhena ‘saṅghāṭī’ti laddhanāmaṃ ticīvaraṃ, udakasāṭikā, saṃkaccikāti imesaṃ pañcannaṃ cīvarānaṃ parivattananti attho. Atikkāmeyya pācittiyanti chaṭṭhe aruṇuggamane ekasmiṃ cīvare vuttanayena aparivattite ekā āpatti, pañcasu pañca.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน ชนปทจาริกํ ปกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปญฺจาหานติกฺกเนฺต ทฺวิกทุกฺกฎํฯ ตสฺมิํ ปน อนติกฺกนฺตสญฺญาย, ปญฺจมํ ทิวสํ ปญฺจ จีวรานิ นิวาเสนฺติยา วา ปารุปนฺติยา วา โอตาเปนฺติยา วา, คิลานาย, ‘‘อิทํ เม จีวรํ มหคฺฆํ อีทิเส โจรภเย น สกฺกา ธาเรตุ’’นฺติ เอวรูปาสุ อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปญฺจนฺนํ จีวรานํ อญฺญตรตา, ปญฺจาหาติกฺกโม, อนุญฺญาตการณาภาโว, อปริวตฺตนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ กถินสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha cīvaraṃ nikkhipitvā santaruttarena janapadacārikaṃ pakkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, pañcāhānatikkante dvikadukkaṭaṃ. Tasmiṃ pana anatikkantasaññāya, pañcamaṃ divasaṃ pañca cīvarāni nivāsentiyā vā pārupantiyā vā otāpentiyā vā, gilānāya, ‘‘idaṃ me cīvaraṃ mahagghaṃ īdise corabhaye na sakkā dhāretu’’nti evarūpāsu āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Pañcannaṃ cīvarānaṃ aññataratā, pañcāhātikkamo, anuññātakāraṇābhāvo, aparivattananti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni kathinasadisānīti.
สงฺฆาฎิจารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghāṭicārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. จีวรสงฺกมนียสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Cīvarasaṅkamanīyasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม จีวรสงฺกมนียนฺติ สงฺกเมตพฺพํ จีวรํ, อญฺญิสฺสา สนฺตกํ อนาปุจฺฉา คหิตํ ปุน ปฎิทาตพฺพํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตรํ จีวรนฺติ อโตฺถฯ ธาเรยฺยาติ สเจ ตํ นิวาเสติ วา ปารุปติ วา ปาจิตฺติยํฯ
Pañcame cīvarasaṅkamanīyanti saṅkametabbaṃ cīvaraṃ, aññissā santakaṃ anāpucchā gahitaṃ puna paṭidātabbaṃ pañcannaṃ aññataraṃ cīvaranti attho. Dhāreyyāti sace taṃ nivāseti vā pārupati vā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ ภิกฺขุนิยา จีวรํ อาทาย อนาปุจฺฉา ปารุปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺนาย ติกทุกฺกฎํฯ ยา ปน ตาย วา ทินฺนํ, ตํ วา อาปุจฺฉา, อจฺฉินฺนนฎฺฐจีวริกา วา หุตฺวา, ‘‘อิทํ เม จีวรํ มหคฺฆํ อีทิเส โจรภเย น สกฺกา ธาเรตุ’’นฺติ เอวรูปาสุ อาปทาสุ วา ธาเรติ, ตสฺสา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ จีวรสงฺกมนียตา, อุปสมฺปนฺนาย สนฺตกตา, อนุญฺญาตการณาภาโว, ธารณนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha bhikkhuniyā cīvaraṃ ādāya anāpucchā pārupanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampannāya tikadukkaṭaṃ. Yā pana tāya vā dinnaṃ, taṃ vā āpucchā, acchinnanaṭṭhacīvarikā vā hutvā, ‘‘idaṃ me cīvaraṃ mahagghaṃ īdise corabhaye na sakkā dhāretu’’nti evarūpāsu āpadāsu vā dhāreti, tassā, ummattikādīnañca anāpatti. Cīvarasaṅkamanīyatā, upasampannāya santakatā, anuññātakāraṇābhāvo, dhāraṇanti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāni, idaṃ pana kiriyākiriyanti.
จีวรสงฺกมนียสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvarasaṅkamanīyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. คณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Gaṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ คณสฺสาติ ภิกฺขุนิสงฺฆสฺสฯ จีวรลาภนฺติ วิกปฺปนุปคมฺปิ ปจฺฉิมํ ลภิตพฺพํ จีวรํฯ อนฺตรายํ กเรยฺยาติ ยถา เต ทาตุกามา น เทนฺติ, เอวํ ปรกฺกเมยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ สเจ ตสฺสา วจเนน เต น เทนฺติ, ภิกฺขุนิยา ปาจิตฺติยํฯ
Chaṭṭhe gaṇassāti bhikkhunisaṅghassa. Cīvaralābhanti vikappanupagampi pacchimaṃ labhitabbaṃ cīvaraṃ. Antarāyaṃ kareyyāti yathā te dātukāmā na denti, evaṃ parakkameyya. Pācittiyanti sace tassā vacanena te na denti, bhikkhuniyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ คณสฺส จีวรลาภนฺตรายกรณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อญฺญสฺมิํ ปริกฺขาเร ทุกฺกฎํ, สมฺพหุลานํ ปน เอกภิกฺขุนิยา วา จีวรลาเภปิ ทุกฺกฎเมวฯ ‘‘สมคฺฆกาเล ทสฺสถา’’ติ เอวํ อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา นิวาเรนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมตา, สงฺฆสฺส ปริณตภาโว, วินา อานิสํสทสฺสเนน อนฺตรายกรณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha gaṇassa cīvaralābhantarāyakaraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, aññasmiṃ parikkhāre dukkaṭaṃ, sambahulānaṃ pana ekabhikkhuniyā vā cīvaralābhepi dukkaṭameva. ‘‘Samagghakāle dassathā’’ti evaṃ ānisaṃsaṃ dassetvā nivārentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Vikappanupagapacchimatā, saṅghassa pariṇatabhāvo, vinā ānisaṃsadassanena antarāyakaraṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisānīti.
คณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gaṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. ปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Paṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม ธมฺมิกํ จีวรวิภงฺคนฺติ สมเคฺคน สเงฺฆน สนฺนิปติตฺวา กรียมานํ จีวรวิภงฺคฯ ปฎิพาเหยฺยาติ ปฎิเสเธยฺย, เอวํ ปฎิเสเธนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Sattame dhammikaṃ cīvaravibhaṅganti samaggena saṅghena sannipatitvā karīyamānaṃ cīvaravibhaṅga. Paṭibāheyyāti paṭisedheyya, evaṃ paṭisedhentiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ ธมฺมิกํ จีวรวิภงฺคํ ปฎิพาหนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ธมฺมิเก เวมติกาย, อธมฺมิเก ธมฺมิกสญฺญาย เจว เวมติกาย จ ทุกฺกฎํฯ อุภยตฺถ อธมฺมิกสญฺญาย, อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา ปฎิพาหนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ จีวรวิภงฺคสฺส ธมฺมิกตา, ธมฺมิกสญฺญิตา, วินา อานิสํเสน ปฎิพาหนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha dhammikaṃ cīvaravibhaṅgaṃ paṭibāhanavatthusmiṃ paññattaṃ, dhammike vematikāya, adhammike dhammikasaññāya ceva vematikāya ca dukkaṭaṃ. Ubhayattha adhammikasaññāya, ānisaṃsaṃ dassetvā paṭibāhantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Cīvaravibhaṅgassa dhammikatā, dhammikasaññitā, vinā ānisaṃsena paṭibāhananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisānevāti.
ปฎิพาหนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭibāhanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Cīvaradānasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม สมณจีวรนฺติ กปฺปกตํ นิวาสนปารุปนุปคํ, เอวรูปํ ฐเปตฺวา ปญฺจ สหธมฺมิเก มาตาปิตโร จ ยสฺส กสฺสจิ คหฎฺฐสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา ปริจฺจชิตฺวา เทนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Aṭṭhame samaṇacīvaranti kappakataṃ nivāsanapārupanupagaṃ, evarūpaṃ ṭhapetvā pañca sahadhammike mātāpitaro ca yassa kassaci gahaṭṭhassa vā pabbajitassa vā pariccajitvā dentiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ อคาริกสฺส สมณจีวรทานวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ภิกฺขุโน ทุกฺกฎํฯ มาตาปิตูนํ ปริจฺจชิตฺวาปิ, อเญฺญสํ ตาวกาลิกเมว เทนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สมณจีวรตา, ฐเปตฺวา สหธมฺมิเก จ มาตาปิตโร จ อเญฺญสํ ทานํ, อตาวกาลิกตาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริตฺตสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha agārikassa samaṇacīvaradānavatthusmiṃ paññattaṃ, bhikkhuno dukkaṭaṃ. Mātāpitūnaṃ pariccajitvāpi, aññesaṃ tāvakālikameva dentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Samaṇacīvaratā, ṭhapetvā sahadhammike ca mātāpitaro ca aññesaṃ dānaṃ, atāvakālikatāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni sañcarittasadisānīti.
จีวรทานสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Cīvaradānasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. กาลอติกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Kālaatikkamanasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม ทุพฺพลจีวรปจฺจาสายาติ ทุพฺพลาย จีวรปจฺจาสาย, ‘‘สเจ สโกฺกม ทสฺสามา’’ติ เอตฺตกมตฺตํ สุตฺวา อุปฺปาทิตาย อาสายาติ อโตฺถ ฯ จีวรกาลสมยํ อติกฺกาเมยฺยาติ วสฺสํวุฎฺฐภิกฺขุนีหิ กาลจีวเร ภาชิยมาเน ‘‘อาคเมยฺยาถ, อเยฺย, อตฺถิ สงฺฆสฺส จีวรปจฺจาสา’’ติ วตฺวา ตํ จีวรวิภงฺคํ จีวรกาลํ อติกฺกาเมยฺย, ตสฺสา อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิมมาสํ, อตฺถเต กถิเน กถินุพฺภารทิวสํ อติกฺกาเมนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Navame dubbalacīvarapaccāsāyāti dubbalāya cīvarapaccāsāya, ‘‘sace sakkoma dassāmā’’ti ettakamattaṃ sutvā uppāditāya āsāyāti attho . Cīvarakālasamayaṃ atikkāmeyyāti vassaṃvuṭṭhabhikkhunīhi kālacīvare bhājiyamāne ‘‘āgameyyātha, ayye, atthi saṅghassa cīvarapaccāsā’’ti vatvā taṃ cīvaravibhaṅgaṃ cīvarakālaṃ atikkāmeyya, tassā anatthate kathine vassānassa pacchimamāsaṃ, atthate kathine kathinubbhāradivasaṃ atikkāmentiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ ทุพฺพลจีวรปจฺจาสาย จีวรกาลสมยํ อติกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ทุพฺพลจีวเร เวมติกาย, อทุพฺพลจีวเร ทุพฺพลจีวรสญฺญาย เจว เวมติกาย จ ทุกฺกฎํฯ อุภยตฺถ อทุพฺพลจีวรสญฺญาย, กิญฺจาปิ ‘น สโกฺกมา’ติ วทนฺติ, ‘‘อิทานิ ปน เตสํ กปฺปาโส วา อุปฺปชฺชิสฺสติ, สโทฺธ วา ปุริโส อาคมิสฺสติ, ตสฺมิํ อาคเต อทฺธา ทสฺสนฺตี’’ติ เอวํ อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา นิวาเรนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ทุพฺพลจีวรตา, ทุพฺพลสญฺญิตา, วินา อานิสํเสน นิวารณนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha dubbalacīvarapaccāsāya cīvarakālasamayaṃ atikkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, dubbalacīvare vematikāya, adubbalacīvare dubbalacīvarasaññāya ceva vematikāya ca dukkaṭaṃ. Ubhayattha adubbalacīvarasaññāya, kiñcāpi ‘na sakkomā’ti vadanti, ‘‘idāni pana tesaṃ kappāso vā uppajjissati, saddho vā puriso āgamissati, tasmiṃ āgate addhā dassantī’’ti evaṃ ānisaṃsaṃ dassetvā nivārentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Dubbalacīvaratā, dubbalasaññitā, vinā ānisaṃsena nivāraṇanti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisānīti.
กาลอติกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kālaatikkamanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. กถินุทฺธารสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Kathinuddhārasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม ธมฺมิกํ กถินุทฺธารนฺติ สพฺพาสํ ภิกฺขุนีนํ อกาลจีวรํ ทาตุกาเมน อุปาสเกน ยตฺตโก อตฺถารมูลิโก อานิสํโส, ตโต อธิกํ วา สมกํ วา ทตฺวา ยาจิเตน สมเคฺคน ภิกฺขุนิสเงฺฆน ยํ กถินํ ญตฺติทุติยกเมฺมน อนฺตรา อุทฺธรียติ, ตสฺส โส อุทฺธาโร ‘ธมฺมิโก’ติ วุจฺจติ, เอวรูปํ กถินุทฺธารนฺติ อโตฺถฯ ปฎิพาเหยฺยาติ นิวาเรยฺย, ตสฺส เอวรูปํ กถินุทฺธารํ นิวาเรนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Dasame dhammikaṃ kathinuddhāranti sabbāsaṃ bhikkhunīnaṃ akālacīvaraṃ dātukāmena upāsakena yattako atthāramūliko ānisaṃso, tato adhikaṃ vā samakaṃ vā datvā yācitena samaggena bhikkhunisaṅghena yaṃ kathinaṃ ñattidutiyakammena antarā uddharīyati, tassa so uddhāro ‘dhammiko’ti vuccati, evarūpaṃ kathinuddhāranti attho. Paṭibāheyyāti nivāreyya, tassa evarūpaṃ kathinuddhāraṃ nivārentiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ กถินุทฺธารํ ปฎิพาหนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ สตฺตเม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha kathinuddhāraṃ paṭibāhanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ sattame vuttanayeneva veditabbanti.
กถินุทฺธารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kathinuddhārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
นคฺควโคฺค ตติโยฯ
Naggavaggo tatiyo.