Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa
สํยุตฺตนิกาเย
Saṃyuttanikāye
ขนฺธวคฺค-อฎฺฐกถา
Khandhavagga-aṭṭhakathā
๑. ขนฺธสํยุตฺตํ
1. Khandhasaṃyuttaṃ
๑. นกุลปิตุวโคฺค
1. Nakulapituvaggo
๑. นกุลปิตุสุตฺตวณฺณนา
1. Nakulapitusuttavaṇṇanā
๑. ขนฺธิยวคฺคสฺส ปฐเม ภเคฺคสูติ เอวํนามเก ชนปเทฯ สุสุมารคิเรติ สุสุมารคิรนคเรฯ ตสฺมิํ กิร มาปิยมาเน สุสุมาโร สทฺทมกาสิ, เตนสฺส ‘‘สุสุมารคิร’’เนฺตฺวว นามํ อกํสุฯ เภสกฬาวเนติ เภสกฬาย นาม ยกฺขินิยา อธิวุตฺถตฺตา เอวํลทฺธนาเม วเนฯ ตเทว มิคคณสฺส อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติฯ ภควา ตสฺมิํ ชนปเท ตํ นครํ นิสฺสาย ตสฺมิํ วนสเณฺฑ วิหรติฯ นกุลปิตาติ นกุลสฺส นาม ทารกสฺส ปิตาฯ
1.Khandhiyavaggassa paṭhame bhaggesūti evaṃnāmake janapade. Susumāragireti susumāragiranagare. Tasmiṃ kira māpiyamāne susumāro saddamakāsi, tenassa ‘‘susumāragira’’ntveva nāmaṃ akaṃsu. Bhesakaḷāvaneti bhesakaḷāya nāma yakkhiniyā adhivutthattā evaṃladdhanāme vane. Tadeva migagaṇassa abhayatthāya dinnattā migadāyoti vuccati. Bhagavā tasmiṃ janapade taṃ nagaraṃ nissāya tasmiṃ vanasaṇḍe viharati. Nakulapitāti nakulassa nāma dārakassa pitā.
ชิโณฺณติ ชราชิโณฺณฯ วุโฑฺฒติ วโยวุโฑฺฒฯ มหลฺลโกติ ชาติมหลฺลโกฯ อทฺธคโตติ ติยทฺธคโตฯ วโยอนุปฺปโตฺตติ เตสุ ตีสุ อเทฺธสุ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปโตฺตฯ อาตุรกาโยติ คิลานกาโยฯ อิทญฺหิ สรีรํ สุวณฺณวณฺณมฺปิ นิจฺจปคฺฆรณเฎฺฐน อาตุรํเยว นาม ฯ วิเสเสน ปนสฺส ชราตุรตา พฺยาธาตุรตา มรณาตุรตาติ ติโสฺส อาตุรตา โหนฺติฯ ตาสุ กิญฺจาปิ เอโส มหลฺลกตฺตา ชราตุโรว, อภิณฺหโรคตาย ปนสฺส พฺยาธาตุรตา อิธ อธิเปฺปตาฯ อภิกฺขณาตโงฺกติ อภิณฺหโรโค นิรนฺตรโรโคฯ อนิจฺจทสฺสาวีติ ตาย อาตุรตาย อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อาคนฺตุํ อสโกฺกโนฺต กทาจิเทว ทฎฺฐุํ ลภามิ, น สพฺพกาลนฺติ อโตฺถฯ มโนภาวนียานนฺติ มนวฑฺฒกานํ ฯ เยสุ หิ ทิเฎฺฐสุ กุสลวเสน จิตฺตํ วฑฺฒติ, เต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาเถรา มโนภาวนียา นามฯ อนุสาสตูติ ปุนปฺปุนํ สาสตุฯ ปุริมญฺหิ วจนํ โอวาโท นาม, อปราปรํ อนุสาสนี นามฯ โอติเณฺณ วา วตฺถุสฺมิํ วจนํ โอวาโท นาม, อโนติเณฺณ ตนฺติวเสน วา ปเวณิวเสน วา วุตฺตํ อนุสาสนี นามฯ อปิจ โอวาโทติ วา อนุสาสนีติ วา อตฺถโต เอกเมว, พฺยญฺชนมตฺตเมว นานํฯ
Jiṇṇoti jarājiṇṇo. Vuḍḍhoti vayovuḍḍho. Mahallakoti jātimahallako. Addhagatoti tiyaddhagato. Vayoanuppattoti tesu tīsu addhesu pacchimavayaṃ anuppatto. Āturakāyoti gilānakāyo. Idañhi sarīraṃ suvaṇṇavaṇṇampi niccapaggharaṇaṭṭhena āturaṃyeva nāma . Visesena panassa jarāturatā byādhāturatā maraṇāturatāti tisso āturatā honti. Tāsu kiñcāpi eso mahallakattā jarāturova, abhiṇharogatāya panassa byādhāturatā idha adhippetā. Abhikkhaṇātaṅkoti abhiṇharogo nirantararogo. Aniccadassāvīti tāya āturatāya icchiticchitakkhaṇe āgantuṃ asakkonto kadācideva daṭṭhuṃ labhāmi, na sabbakālanti attho. Manobhāvanīyānanti manavaḍḍhakānaṃ . Yesu hi diṭṭhesu kusalavasena cittaṃ vaḍḍhati, te sāriputtamoggallānādayo mahātherā manobhāvanīyā nāma. Anusāsatūti punappunaṃ sāsatu. Purimañhi vacanaṃ ovādo nāma, aparāparaṃ anusāsanī nāma. Otiṇṇe vā vatthusmiṃ vacanaṃ ovādo nāma, anotiṇṇe tantivasena vā paveṇivasena vā vuttaṃ anusāsanī nāma. Apica ovādoti vā anusāsanīti vā atthato ekameva, byañjanamattameva nānaṃ.
อาตุโร หายนฺติ อาตุโร หิ อยํ, สุวณฺณวโณฺณ ปิยงฺคุสาโมปิ สมาโน นิจฺจปคฺฆรณเฎฺฐน อาตุโรเยวฯ อณฺฑภูโตติ อณฺฑํ วิย ภูโต ทุพฺพโลฯ ยถา กุกฺกุฎณฺฑํ วา มยูรณฺฑํ วา เคณฺฑุกํ วิย คเหตฺวา ขิปเนฺตน วา ปหรเนฺตน วา น สกฺกา กีฬิตุํ, ตาวเทว ภิชฺชติ, เอวมยมฺปิ กาโย กณฺฎเกปิ ขาณุเกปิ ปกฺขลิตสฺส ภิชฺชตีติ อณฺฑํ วิย ภูโตติ อณฺฑภูโตฯ ปริโยนโทฺธติ สุขุเมน ฉวิมเตฺตน ปริโยนโทฺธฯ อณฺฑญฺหิ สารตเจน ปริโยนทฺธํ, เตน ฑํสมกสาทโย นิลียิตฺวาปิ ฉวิํ ฉินฺทิตฺวา ยูสํ ปคฺฆราเปตุํ น สโกฺกนฺติฯ อิมสฺมิํ ปน ฉวิํ ฉินฺทิตฺวา ยํ อิจฺฉนฺติ, ตํ กโรนฺติฯ เอวํ สุขุมาย ฉวิยา ปริโยนโทฺธฯ กิมญฺญตฺร พาลฺยาติ พาลภาวโต อญฺญํ กิมตฺถิ? พาโลเยว อยนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อยํ กาโย เอวรูโป, ตสฺมาฯ
Āturo hāyanti āturo hi ayaṃ, suvaṇṇavaṇṇo piyaṅgusāmopi samāno niccapaggharaṇaṭṭhena āturoyeva. Aṇḍabhūtoti aṇḍaṃ viya bhūto dubbalo. Yathā kukkuṭaṇḍaṃ vā mayūraṇḍaṃ vā geṇḍukaṃ viya gahetvā khipantena vā paharantena vā na sakkā kīḷituṃ, tāvadeva bhijjati, evamayampi kāyo kaṇṭakepi khāṇukepi pakkhalitassa bhijjatīti aṇḍaṃ viya bhūtoti aṇḍabhūto. Pariyonaddhoti sukhumena chavimattena pariyonaddho. Aṇḍañhi sāratacena pariyonaddhaṃ, tena ḍaṃsamakasādayo nilīyitvāpi chaviṃ chinditvā yūsaṃ paggharāpetuṃ na sakkonti. Imasmiṃ pana chaviṃ chinditvā yaṃ icchanti, taṃ karonti. Evaṃ sukhumāya chaviyā pariyonaddho. Kimaññatra bālyāti bālabhāvato aññaṃ kimatthi? Bāloyeva ayanti attho. Tasmāti yasmā ayaṃ kāyo evarūpo, tasmā.
เตนุปสงฺกมีติ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา อนนฺตรํ ปริณายกรตนสฺส อุปฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต ราชปุริโส วิย, สทฺธมฺมจกฺกวตฺติสฺส ภควโต อุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา, อนนฺตรํ ธมฺมเสนาปติสฺส อปจิติํ กาตุกาโม เยนายสฺมา สาริปุโตฺต, เตนุปสงฺกมิฯ วิปฺปสนฺนานีติ สุฎฺฐุ ปสนฺนานิฯ อินฺทฺริยานีติ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิฯ ปริสุโทฺธติ นิโทฺทโสฯ ปริโยทาโตติ ตเสฺสว เววจนํฯ นิรุปกฺกิเลสตาเยว หิ เอส ปริโยทาโตติ วุโตฺต, น เสตภาเวนฯ เอตสฺส จ ปริโยทาตตํ ทิสฺวาว อินฺทฺริยานํ วิปฺปสนฺนตํ อญฺญาสิฯ นยคฺคาหปญฺญา กิเรสา เถรสฺสฯ
Tenupasaṅkamīti rañño cakkavattissa upaṭṭhānaṃ gantvā anantaraṃ pariṇāyakaratanassa upaṭṭhānaṃ gacchanto rājapuriso viya, saddhammacakkavattissa bhagavato upaṭṭhānaṃ gantvā, anantaraṃ dhammasenāpatissa apacitiṃ kātukāmo yenāyasmā sāriputto, tenupasaṅkami. Vippasannānīti suṭṭhu pasannāni. Indriyānīti manacchaṭṭhāni indriyāni. Parisuddhoti niddoso. Pariyodātoti tasseva vevacanaṃ. Nirupakkilesatāyeva hi esa pariyodātoti vutto, na setabhāvena. Etassa ca pariyodātataṃ disvāva indriyānaṃ vippasannataṃ aññāsi. Nayaggāhapaññā kiresā therassa.
กถญฺหิ โน สิยาติ เกน การเณน น ลทฺธา ภวิสฺสติ? ลทฺธาเยวาติ อโตฺถฯ อิมินา กิํ ทีเปติ? สตฺถุวิสฺสาสิกภาวํฯ อยํ กิร สตฺถุ ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย ปิติเปมํ, อุปาสิกา จสฺส มาติเปมํ ปฎิลภติฯ อุโภปิ ‘‘มม ปุโตฺต’’ติ สตฺถารํ วทนฺติฯ ภวนฺตรคโต หิ เนสํ สิเนโหฯ สา กิร อุปาสิกา ปญฺจ ชาติสตานิ ตถาคตสฺส มาตาว, โส จ, คหปติ, ปิตาว อโหสิฯ ปุน ปญฺจ ชาติสตานิ อุปาสิกา มหามาตา, อุปาสโก มหาปิตา, ตถา จูฬามาตา จูฬปิตาติฯ เอวํ สตฺถา ทิยฑฺฒอตฺตภาวสหสฺสํ เตสํเยว หเตฺถ วฑฺฒิโตฯ เตเนว เต ยํ เนว ปุตฺตสฺส, น ปิตุ สนฺติเก กเถตุํ สกฺกา, ตํ สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา กเถนฺติฯ อิมินาเยว จ การเณน ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ อุปาสกานํ วิสฺสาสิกานํ ยทิทํ นกุลปิตา คหปติ, ยทิทํ นกุลมาตา คหปตานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๕๗) เต เอตทเคฺค ฐเปสิฯ อิติ โส อิมํ วิสฺสาสิกภาวํ ปกาเสโนฺต กถญฺหิ โน สิยาติ อาหฯ อมเตน อภิสิโตฺตติ นสฺสิธ อญฺญํ กิญฺจิ ฌานํ วา วิปสฺสนา วา มโคฺค วา ผลํ วา ‘‘อมตาภิเสโก’’ติ ทฎฺฐโพฺพ, มธุรธมฺมเทสนาเยว ปน ‘‘อมตาภิเสโก’’ติ เวทิตโพฺพฯ ทูรโตปีติ ติโรรฎฺฐาปิ ติโรชนปทาปิฯ
Kathañhi no siyāti kena kāraṇena na laddhā bhavissati? Laddhāyevāti attho. Iminā kiṃ dīpeti? Satthuvissāsikabhāvaṃ. Ayaṃ kira satthu diṭṭhakālato paṭṭhāya pitipemaṃ, upāsikā cassa mātipemaṃ paṭilabhati. Ubhopi ‘‘mama putto’’ti satthāraṃ vadanti. Bhavantaragato hi nesaṃ sineho. Sā kira upāsikā pañca jātisatāni tathāgatassa mātāva, so ca, gahapati, pitāva ahosi. Puna pañca jātisatāni upāsikā mahāmātā, upāsako mahāpitā, tathā cūḷāmātā cūḷapitāti. Evaṃ satthā diyaḍḍhaattabhāvasahassaṃ tesaṃyeva hatthe vaḍḍhito. Teneva te yaṃ neva puttassa, na pitu santike kathetuṃ sakkā, taṃ satthu santike nisinnā kathenti. Imināyeva ca kāraṇena bhagavā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ upāsakānaṃ vissāsikānaṃ yadidaṃ nakulapitā gahapati, yadidaṃ nakulamātā gahapatānī’’ti (a. ni. 1.257) te etadagge ṭhapesi. Iti so imaṃ vissāsikabhāvaṃ pakāsento kathañhi no siyāti āha. Amatena abhisittoti nassidha aññaṃ kiñci jhānaṃ vā vipassanā vā maggo vā phalaṃ vā ‘‘amatābhiseko’’ti daṭṭhabbo, madhuradhammadesanāyeva pana ‘‘amatābhiseko’’ti veditabbo. Dūratopīti tiroraṭṭhāpi tirojanapadāpi.
อสฺสุตวา ปุถุชฺชโนติ อิทํ วุตฺตตฺถเมวฯ อริยานํ อทสฺสาวีติอาทีสุ อริยาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน อรณียโต พุทฺธา จ ปเจฺจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วุจฺจนฺติฯ พุทฺธา เอว วา อิธ อริยาฯ ยถาห – ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป.… ตถาคโต อริโย’’ติ วุจฺจตีติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘)ฯ สปฺปุริสานนฺติ เอตฺถ ปน ปเจฺจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ สปฺปุริสาติ เวทิตพฺพาฯ เต หิ โลกุตฺตรคุณโยเคน โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสาฯ สเพฺพว วา เอเต เทฺวธาปิ วุตฺตาฯ พุทฺธาปิ หิ อริยา จ สปฺปุริสา จ, ปเจฺจกพุทฺธา พุทฺธสาวกาปิฯ ยถาห –
Assutavā puthujjanoti idaṃ vuttatthameva. Ariyānaṃ adassāvītiādīsu ariyāti ārakattā kilesehi, anaye na iriyanato, aye iriyanato, sadevakena ca lokena araṇīyato buddhā ca paccekabuddhā ca buddhasāvakā ca vuccanti. Buddhā eva vā idha ariyā. Yathāha – ‘‘sadevake, bhikkhave, loke…pe… tathāgato ariyo’’ti vuccatīti (saṃ. ni. 5.1098). Sappurisānanti ettha pana paccekabuddhā tathāgatasāvakā ca sappurisāti veditabbā. Te hi lokuttaraguṇayogena sobhanā purisāti sappurisā. Sabbeva vā ete dvedhāpi vuttā. Buddhāpi hi ariyā ca sappurisā ca, paccekabuddhā buddhasāvakāpi. Yathāha –
‘‘โย เว กตญฺญู กตเวทิ ธีโร,
‘‘Yo ve kataññū katavedi dhīro,
กลฺยาณมิโตฺต ทฬฺหภตฺติ จ โหติ;
Kalyāṇamitto daḷhabhatti ca hoti;
ทุขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจํ,
Dukhitassa sakkacca karoti kiccaṃ,
ตถาวิธํ สปฺปุริสํ วทนฺตี’’ติฯ (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
Tathāvidhaṃ sappurisaṃ vadantī’’ti. (jā. 2.17.78);
‘‘กลฺยาณมิโตฺต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ เอตฺตาวตา หิ พุทฺธสาวโก วุโตฺต, กตญฺญุตาทีหิ ปเจฺจกพุทฺธพุทฺธาติฯ อิทานิ โย เตสํ อริยานํ อทสฺสนสีโล, น จ ทสฺสเน สาธุการี, โส ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตโพฺพฯ โส จ จกฺขุนา อทสฺสาวี, ญาเณน อทสฺสาวีติ ทุวิโธฯ เตสุ ญาเณน อทสฺสาวี อิธ อธิเปฺปโตฯ มํสจกฺขุนา หิ ทิพฺพจกฺขุนา วา อริยา ทิฎฺฐาปิ อทิฎฺฐาว โหนฺติ เตสํ จกฺขูนํ วณฺณมตฺตคฺคหณโต น อริยภาวโคจรโตฯ โสณสิงฺคาลาทโยปิ จกฺขุนา อริเย ปสฺสนฺติ, น เจเต อริยานํ ทสฺสาวิโน นามฯ
‘‘Kalyāṇamitto daḷhabhatti ca hotī’’ti ettāvatā hi buddhasāvako vutto, kataññutādīhi paccekabuddhabuddhāti. Idāni yo tesaṃ ariyānaṃ adassanasīlo, na ca dassane sādhukārī, so ‘‘ariyānaṃ adassāvī’’ti veditabbo. So ca cakkhunā adassāvī, ñāṇena adassāvīti duvidho. Tesu ñāṇena adassāvī idha adhippeto. Maṃsacakkhunā hi dibbacakkhunā vā ariyā diṭṭhāpi adiṭṭhāva honti tesaṃ cakkhūnaṃ vaṇṇamattaggahaṇato na ariyabhāvagocarato. Soṇasiṅgālādayopi cakkhunā ariye passanti, na cete ariyānaṃ dassāvino nāma.
ตตฺริทํ วตฺถุ – จิตฺตลปพฺพตวาสิโน กิร ขีณาสวเตฺถรสฺส อุปฎฺฐาโก วุฑฺฒปพฺพชิโต เอกทิวสํ เถเรน สทฺธิํ ปิณฺฑาย จริตฺวา, เถรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, ปิฎฺฐิโต อาคจฺฉโนฺต เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อริยา นาม, ภเนฺต, กีทิสา’’ติ? เถโร อาห – ‘‘อิเธกโจฺจ มหลฺลโก อริยานํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วตฺตปฎิวตฺตํ กตฺวา สหจรโนฺตปิ เนว อริเย ชานาติ, เอวํ ทุชฺชานาวุโส, อริยา’’ติฯ เอวํ วุเตฺตปิ โส เนว อญฺญาสิฯ ตสฺมา น จกฺขุนา ทสฺสนํ ทสฺสนํ, ญาเณน ทสฺสนเมว ทสฺสนํฯ ยถาห – ‘‘กิํ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิเฎฺฐน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติฯ โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗)ฯ ตสฺมา จกฺขุนา ปสฺสโนฺตปิ ญาเณน อริเยหิ ทิฎฺฐํ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อปสฺสโนฺต, อริยาธิคตญฺจ ธมฺมํ อนธิคจฺฉโนฺต อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ อทิฎฺฐตฺตา ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตโพฺพฯ
Tatridaṃ vatthu – cittalapabbatavāsino kira khīṇāsavattherassa upaṭṭhāko vuḍḍhapabbajito ekadivasaṃ therena saddhiṃ piṇḍāya caritvā, therassa pattacīvaraṃ gahetvā, piṭṭhito āgacchanto theraṃ pucchi – ‘‘ariyā nāma, bhante, kīdisā’’ti? Thero āha – ‘‘idhekacco mahallako ariyānaṃ pattacīvaraṃ gahetvā vattapaṭivattaṃ katvā sahacarantopi neva ariye jānāti, evaṃ dujjānāvuso, ariyā’’ti. Evaṃ vuttepi so neva aññāsi. Tasmā na cakkhunā dassanaṃ dassanaṃ, ñāṇena dassanameva dassanaṃ. Yathāha – ‘‘kiṃ te, vakkali, iminā pūtikāyena diṭṭhena? Yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passati. Yo maṃ passati, so dhammaṃ passatī’’ti (saṃ. ni. 3.87). Tasmā cakkhunā passantopi ñāṇena ariyehi diṭṭhaṃ aniccādilakkhaṇaṃ apassanto, ariyādhigatañca dhammaṃ anadhigacchanto ariyakaradhammānaṃ ariyabhāvassa ca adiṭṭhattā ‘‘ariyānaṃ adassāvī’’ti veditabbo.
อริยธมฺมสฺส อโกวิโทติ, สติปฎฺฐานาทิเภเท อริยธเมฺม อกุสโลฯ อริยธเมฺม อวินีโตติ เอตฺถ ปน –
Ariyadhammassa akovidoti, satipaṭṭhānādibhede ariyadhamme akusalo. Ariyadhamme avinītoti ettha pana –
‘‘ทุวิโธ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปญฺจธา;
‘‘Duvidho vinayo nāma, ekamekettha pañcadhā;
อภาวโต ตสฺส อยํ, อวินีโตติ วุจฺจติ’’ฯ
Abhāvato tassa ayaṃ, avinītoti vuccati’’.
อยญฺหิ สํวรวินโย ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโยฯ เอตฺถ จ ทุวิเธปิ วินเย เอกเมโก วินโย ปญฺจธา ภิชฺชติฯ สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร สติสํวโร ญาณสํวโร ขนฺติสํวโร วีริยสํวโรติ ปญฺจวิโธฯ ปหานวินโยปิ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ สมุเจฺฉทปฺปหานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปญฺจวิโธฯ
Ayañhi saṃvaravinayo pahānavinayoti duvidho vinayo. Ettha ca duvidhepi vinaye ekameko vinayo pañcadhā bhijjati. Saṃvaravinayopi hi sīlasaṃvaro satisaṃvaro ñāṇasaṃvaro khantisaṃvaro vīriyasaṃvaroti pañcavidho. Pahānavinayopi tadaṅgappahānaṃ, vikkhambhanappahānaṃ samucchedappahānaṃ paṭippassaddhippahānaṃ nissaraṇappahānanti pañcavidho.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโรฯ ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อยํ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) สติสํวโรฯ
Tattha ‘‘iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto’’ti (vibha. 511) ayaṃ sīlasaṃvaro. ‘‘Rakkhati cakkhundriyaṃ, cakkhundriye saṃvaraṃ āpajjatī’’ti ayaṃ (dī. ni. 1.213; ma. ni. 1.295; saṃ. ni. 4.239; a. ni. 3.16) satisaṃvaro.
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ, (อชิตาติ ภควา)
‘‘Yāni sotāni lokasmiṃ, (ajitāti bhagavā)
สติ เตสํ นิวารณํ;
Sati tesaṃ nivāraṇaṃ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,
Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmi,
ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติฯ (สุ. นิ. ๑๐๔๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส.๔) –
Paññāyete pidhīyare’’ti. (su. ni. 1041; cūḷani. ajitamāṇavapucchāniddesa.4) –
อยํ ญาณสํวโรฯ ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ขนฺติสํวโรฯ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ วีริยสํวโรฯ สโพฺพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานญฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต ‘‘สํวโร’’ วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ วุจฺจติฯ เอวํ ตาว สํวรวินโย ปญฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตโพฺพฯ
Ayaṃ ñāṇasaṃvaro. ‘‘Khamo hoti sītassa uṇhassā’’ti (ma. ni. 1.24; a. ni. 4.114; 6.58) ayaṃ khantisaṃvaro. ‘‘Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāsetī’’ti (ma. ni. 1.26; a. ni. 4.114; 6.58) ayaṃ vīriyasaṃvaro. Sabbopi cāyaṃ saṃvaro yathāsakaṃ saṃvaritabbānaṃ vinetabbānañca kāyaduccaritādīnaṃ saṃvaraṇato ‘‘saṃvaro’’ vinayanato ‘‘vinayo’’ti vuccati. Evaṃ tāva saṃvaravinayo pañcadhā bhijjatīti veditabbo.
ตถา ยํ นามรูปปริเจฺฉทาทีสุ วิปสฺสนาญาเณสุ ปฎิปกฺขภาวโต ทีปาโลเกเนว ตมสฺส, เตน เตน วิปสฺสนาญาเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํฯ เสยฺยถิทํ – นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฎฺฐิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฎฺฐีนํ, ตเสฺสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมเคฺค มคฺคสญฺญาย, อุทยทสฺสเนน อุเจฺฉททิฎฺฐิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฎฺฐิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสญฺญาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสญฺญาย, นิพฺพิทานุปสฺสนาย อภิรติสญฺญาย , มุจฺจิตุกมฺยตาญาเณน อมุจฺจิตุกามตายฯ อุเปกฺขาญาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฎฺฐิติยํ นิพฺพาเน จ ปฎิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นามฯ
Tathā yaṃ nāmarūpaparicchedādīsu vipassanāñāṇesu paṭipakkhabhāvato dīpālokeneva tamassa, tena tena vipassanāñāṇena tassa tassa anatthassa pahānaṃ. Seyyathidaṃ – nāmarūpavavatthānena sakkāyadiṭṭhiyā, paccayapariggahena ahetuvisamahetudiṭṭhīnaṃ, tasseva aparabhāgena kaṅkhāvitaraṇena kathaṃkathībhāvassa, kalāpasammasanena ‘‘ahaṃ mamā’’ti gāhassa, maggāmaggavavatthānena amagge maggasaññāya, udayadassanena ucchedadiṭṭhiyā, vayadassanena sassatadiṭṭhiyā, bhayadassanena sabhaye abhayasaññāya, ādīnavadassanena assādasaññāya, nibbidānupassanāya abhiratisaññāya , muccitukamyatāñāṇena amuccitukāmatāya. Upekkhāñāṇena anupekkhāya, anulomena dhammaṭṭhitiyaṃ nibbāne ca paṭilomabhāvassa, gotrabhunā saṅkhāranimittagāhassa pahānaṃ, etaṃ tadaṅgappahānaṃ nāma.
ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฎปฺปหาเรเนว อุทกปิเฎฺฐ เสวาลสฺส, เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นามฯ ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฎฺฐิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา นเยน (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ปหานํ, อิทํ สมุเจฺฉทปฺปหานํ นามฯ ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, เอตํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นามฯ
Yaṃ pana upacārappanābhedena samādhinā pavattibhāvanivāraṇato ghaṭappahāreneva udakapiṭṭhe sevālassa, tesaṃ tesaṃ nīvaraṇādidhammānaṃ pahānaṃ, etaṃ vikkhambhanappahānaṃ nāma. Yaṃ catunnaṃ ariyamaggānaṃ bhāvitattā taṃtaṃmaggavato attano santāne ‘‘diṭṭhigatānaṃ pahānāyā’’tiādinā nayena (dha. sa. 277; vibha. 628) vuttassa samudayapakkhikassa kilesagaṇassa accantaṃ appavattibhāvena pahānaṃ, idaṃ samucchedappahānaṃ nāma. Yaṃ pana phalakkhaṇe paṭippassaddhattaṃ kilesānaṃ, etaṃ paṭippassaddhippahānaṃ nāma.
ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฎตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, เอตํ นิสฺสรณปฺปหานํ นามฯ สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคเฎฺฐน ปหานํ, วินยเฎฺฐน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติฯ ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติฯ เอวํ ปหานวินโยปิ ปญฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตโพฺพฯ
Yaṃ sabbasaṅkhatanissaṭattā pahīnasabbasaṅkhataṃ nibbānaṃ, etaṃ nissaraṇappahānaṃ nāma. Sabbampi cetaṃ pahānaṃ yasmā cāgaṭṭhena pahānaṃ, vinayaṭṭhena vinayo, tasmā ‘‘pahānavinayo’’ti vuccati. Taṃtaṃpahānavato vā tassa tassa vinayassa sambhavatopetaṃ ‘‘pahānavinayo’’ti vuccati. Evaṃ pahānavinayopi pañcadhā bhijjatīti veditabbo.
เอวมยํ สเงฺขปโต ทุวิโธ, เภทโต จ ทสวิโธ วินโย ภินฺนสํวรตฺตา ปหาตพฺพสฺส จ อปฺปหีนตฺตา ยสฺมา เอตสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส นตฺถิ, ตสฺมา อภาวโต ตสฺส อยํ ‘‘อวินีโต’’ติ วุจฺจตีติฯ เอส นโย สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโตติ เอตฺถาปิฯ นินฺนานากรณญฺหิ เอตํ อตฺถโตฯ ยถาห –
Evamayaṃ saṅkhepato duvidho, bhedato ca dasavidho vinayo bhinnasaṃvarattā pahātabbassa ca appahīnattā yasmā etassa assutavato puthujjanassa natthi, tasmā abhāvato tassa ayaṃ ‘‘avinīto’’ti vuccatīti. Esa nayo sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinītoti etthāpi. Ninnānākaraṇañhi etaṃ atthato. Yathāha –
‘‘เยว เต อริยา, เตว เต สปฺปุริสาฯ เยว เต สปฺปุริสา, เตว เต อริยาฯ โย เอว โส อริยานํ ธโมฺม, โส เอว โส สปฺปุริสานํ ธโมฺมฯ โย เอว โส สปฺปุริสานํ ธโมฺม, โส เอว โส อริยานํ ธโมฺมฯ เยว เต อริยวินยา, เตว เต สปฺปุริสวินยาฯ เยว เต สปฺปุริสวินยา , เตว เต อริยวินยาฯ อริเยติ วา สปฺปุริเสติ วา, อริยธเมฺมติ วา สปฺปุริสธเมฺมติ วา, อริยวินเยติ วา สปฺปุริสวินเยติ วา เอเสเส เอเก เอกเฎฺฐ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตเญฺญวา’’ติฯ
‘‘Yeva te ariyā, teva te sappurisā. Yeva te sappurisā, teva te ariyā. Yo eva so ariyānaṃ dhammo, so eva so sappurisānaṃ dhammo. Yo eva so sappurisānaṃ dhammo, so eva so ariyānaṃ dhammo. Yeva te ariyavinayā, teva te sappurisavinayā. Yeva te sappurisavinayā , teva te ariyavinayā. Ariyeti vā sappuriseti vā, ariyadhammeti vā sappurisadhammeti vā, ariyavinayeti vā sappurisavinayeti vā esese eke ekaṭṭhe same samabhāge tajjāte taññevā’’ti.
รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อิเธกโจฺจ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, ‘‘ยํ รูปํ, โส อหํ , โย อหํ, ตํ รูป’’นฺติ รูปญฺจ อตฺตญฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติฯ เสยฺยถาปิ นาม เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต ยา อจฺจิ, โส วโณฺณฯ โย วโณฺณ, สา อจฺจีติ อจฺจิญฺจ วณฺณญฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติ, เอวเมว อิเธกโจฺจ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ…เป.… อทฺวยํ สมนุปสฺสตีติ เอวํ รูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ ทิฎฺฐิปสฺสนาย ปสฺสติฯ รูปวนฺตํ วา อตฺตานนฺติ อรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ฉายาวนฺตํ รุกฺขํ วิย ตํ รูปวนฺตํ สมนุปสฺสติฯ อตฺตนิ วา รูปนฺติ อรูปเมว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปุปฺผสฺมิํ คนฺธํ วิย อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสติฯ รูปสฺมิํ วา อตฺตานนฺติ อรูปเมว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา กรณฺฑเก มณิํ วิย ตํ อตฺตานํ รูปสฺมิํ สมนุปสฺสติฯ ปริยุฎฺฐฎฺฐายีติ ปริยุฎฺฐานากาเรน อภิภวนากาเรน ฐิโต, ‘‘อหํ รูปํ, มม รูป’’นฺติ เอวํ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา คณฺหนโก นาม โหตีติ อโตฺถฯ ตสฺส ตํ รูปนฺติ ตสฺส ตํ เอวํ คหิตํ รูปํฯ เวทนาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Rūpaṃ attato samanupassatīti idhekacco rūpaṃ attato samanupassati, ‘‘yaṃ rūpaṃ, so ahaṃ , yo ahaṃ, taṃ rūpa’’nti rūpañca attañca advayaṃ samanupassati. Seyyathāpi nāma telappadīpassa jhāyato yā acci, so vaṇṇo. Yo vaṇṇo, sā accīti acciñca vaṇṇañca advayaṃ samanupassati, evameva idhekacco rūpaṃ attato samanupassati…pe… advayaṃ samanupassatīti evaṃ rūpaṃ ‘‘attā’’ti diṭṭhipassanāya passati. Rūpavantaṃ vā attānanti arūpaṃ ‘‘attā’’ti gahetvā chāyāvantaṃ rukkhaṃ viya taṃ rūpavantaṃ samanupassati. Attani vā rūpanti arūpameva ‘‘attā’’ti gahetvā pupphasmiṃ gandhaṃ viya attani rūpaṃ samanupassati. Rūpasmiṃ vā attānanti arūpameva ‘‘attā’’ti gahetvā karaṇḍake maṇiṃ viya taṃ attānaṃ rūpasmiṃ samanupassati. Pariyuṭṭhaṭṭhāyīti pariyuṭṭhānākārena abhibhavanākārena ṭhito, ‘‘ahaṃ rūpaṃ, mama rūpa’’nti evaṃ taṇhādiṭṭhīhi gilitvā pariniṭṭhapetvā gaṇhanako nāma hotīti attho. Tassa taṃ rūpanti tassa taṃ evaṃ gahitaṃ rūpaṃ. Vedanādīsupi eseva nayo.
ตตฺถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ สุทฺธรูปเมว อตฺตาติ กถิตํฯ ‘‘รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมิํ วา อตฺตานํ, เวทนํ อตฺตโต…เป.… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ อิเมสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ อรูปํ อตฺตาติ กถิตํฯ ‘‘เวทนาวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา เวทนํ, เวทนาย วา อตฺตาน’’นฺติ เอวํ จตูสุ ขเนฺธสุ ติณฺณํ ติณฺณํ วเสน ทฺวาทสสุ ฐาเนสุ รูปารูปมิสฺสโก อตฺตา กถิโตฯ ตตฺถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ อิเมสุ ปญฺจสุ ฐาเนสุ อุเจฺฉททิฎฺฐิ กถิตา, อวเสเสสุ สสฺสตทิฎฺฐีติ เอวเมตฺถ ปนฺนรส ภวทิฎฺฐิโย ปญฺจ วิภวทิฎฺฐิโย โหนฺติ, ตา สพฺพาปิ มคฺคาวรณา, น สคฺคาวรณา, ปฐมมคฺควชฺฌาติ เวทิตพฺพาฯ
Tattha ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’ti suddharūpameva attāti kathitaṃ. ‘‘Rūpavantaṃ vā attānaṃ, attani vā rūpaṃ, rūpasmiṃ vā attānaṃ, vedanaṃ attato…pe… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassatī’’ti imesu sattasu ṭhānesu arūpaṃ attāti kathitaṃ. ‘‘Vedanāvantaṃ vā attānaṃ, attani vā vedanaṃ, vedanāya vā attāna’’nti evaṃ catūsu khandhesu tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ vasena dvādasasu ṭhānesu rūpārūpamissako attā kathito. Tattha ‘‘rūpaṃ attato samanupassati, vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassatī’’ti imesu pañcasu ṭhānesu ucchedadiṭṭhi kathitā, avasesesu sassatadiṭṭhīti evamettha pannarasa bhavadiṭṭhiyo pañca vibhavadiṭṭhiyo honti, tā sabbāpi maggāvaraṇā, na saggāvaraṇā, paṭhamamaggavajjhāti veditabbā.
เอวํ โข, คหปติ, อาตุรกาโย เจว โหติ อาตุรจิโตฺต จาติ กาโย นาม พุทฺธานมฺปิ อาตุโรเยวฯ จิตฺตํ ปน ราคโทสโมหานุคตํ อาตุรํ นาม, ตํ อิธ ทสฺสิตํฯ โน จ อาตุรจิโตฺตติ อิธ นิกฺกิเลสตาย จิตฺตสฺส อนาตุรภาโว ทสฺสิโตฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต โลกิยมหาชโน อาตุรกาโย เจว อาตุรจิโตฺต จาติ ทสฺสิโต, ขีณาสวา อาตุรกายา อนาตุรจิตฺตา, สตฺต เสขา เนว อาตุรจิตฺตา, น อนาตุรจิตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ภชมานา ปน อนาตุรจิตฺตตํเยว ภชนฺตีติฯ ปฐมํฯ
Evaṃkho, gahapati, āturakāyo ceva hoti āturacitto cāti kāyo nāma buddhānampi āturoyeva. Cittaṃ pana rāgadosamohānugataṃ āturaṃ nāma, taṃ idha dassitaṃ. No ca āturacittoti idha nikkilesatāya cittassa anāturabhāvo dassito. Iti imasmiṃ sutte lokiyamahājano āturakāyo ceva āturacitto cāti dassito, khīṇāsavā āturakāyā anāturacittā, satta sekhā neva āturacittā, na anāturacittāti veditabbā. Bhajamānā pana anāturacittataṃyeva bhajantīti. Paṭhamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. นกุลปิตุสุตฺตํ • 1. Nakulapitusuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. นกุลปิตุสุตฺตวณฺณนา • 1. Nakulapitusuttavaṇṇanā