Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๗. นฬกลาปีสุตฺตํ
7. Naḷakalāpīsuttaṃ
๖๗. เอกํ สมยํ อายสฺมา จ สาริปุโตฺต อายสฺมา จ มหาโกฎฺฐิโก 1 พาราณสิยํ วิหรนฺติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ อถ โข อายสฺมา มหาโกฎฺฐิโก สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุเตฺตน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา มหาโกฎฺฐิโก อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, สยํกตํ ชรามรณํ, ปรํกตํ ชรามรณํ, สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ชรามรณํ, อุทาหุ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ชรามรณ’’นฺติ? ‘‘น โข, อาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตํ ชรามรณํ, น ปรํกตํ ชรามรณํ, น สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ชรามรณํ, นาปิ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ชรามรณํฯ อปิ จ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติฯ
67. Ekaṃ samayaṃ āyasmā ca sāriputto āyasmā ca mahākoṭṭhiko 2 bārāṇasiyaṃ viharanti isipatane migadāye. Atha kho āyasmā mahākoṭṭhiko sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā sāriputtena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā mahākoṭṭhiko āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, sayaṃkataṃ jarāmaraṇaṃ, paraṃkataṃ jarāmaraṇaṃ, sayaṃkatañca paraṃkatañca jarāmaraṇaṃ, udāhu asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ jarāmaraṇa’’nti? ‘‘Na kho, āvuso koṭṭhika, sayaṃkataṃ jarāmaraṇaṃ, na paraṃkataṃ jarāmaraṇaṃ, na sayaṃkatañca paraṃkatañca jarāmaraṇaṃ, nāpi asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ jarāmaraṇaṃ. Api ca, jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti.
‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, สยํกตา ชาติ, ปรํกตา ชาติ, สยํกตา จ ปรํกตา จ ชาติ, อุทาหุ อสยํการา อปรํการา อธิจฺจสมุปฺปนฺนา ชาตี’’ติ? ‘‘น โข, อาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตา ชาติ, น ปรํกตา ชาติ, น สยํกตา จ ปรํกตา จ ชาติ, นาปิ อสยํการา อปรํการา อธิจฺจสมุปฺปนฺนา ชาติฯ อปิ จ, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, sayaṃkatā jāti, paraṃkatā jāti, sayaṃkatā ca paraṃkatā ca jāti, udāhu asayaṃkārā aparaṃkārā adhiccasamuppannā jātī’’ti? ‘‘Na kho, āvuso koṭṭhika, sayaṃkatā jāti, na paraṃkatā jāti, na sayaṃkatā ca paraṃkatā ca jāti, nāpi asayaṃkārā aparaṃkārā adhiccasamuppannā jāti. Api ca, bhavapaccayā jātī’’ti.
‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, สยํกโต ภโว…เป.… สยํกตํ อุปาทานํ… สยํกตา ตณฺหา… สยํกตา เวทนา… สยํกโต ผโสฺส… สยํกตํ สฬายตนํ… สยํกตํ นามรูปํ, ปรํกตํ นามรูปํ, สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ นามรูปํ, อุทาหุ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นามรูป’’นฺติ ? ‘‘น โข, อาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตํ นามรูปํ, น ปรํกตํ นามรูปํ, น สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ นามรูปํ, นาปิ อสยํการํ อปรํการํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นามรูปํฯ อปิ จ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, sayaṃkato bhavo…pe… sayaṃkataṃ upādānaṃ… sayaṃkatā taṇhā… sayaṃkatā vedanā… sayaṃkato phasso… sayaṃkataṃ saḷāyatanaṃ… sayaṃkataṃ nāmarūpaṃ, paraṃkataṃ nāmarūpaṃ, sayaṃkatañca paraṃkatañca nāmarūpaṃ, udāhu asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ nāmarūpa’’nti ? ‘‘Na kho, āvuso koṭṭhika, sayaṃkataṃ nāmarūpaṃ, na paraṃkataṃ nāmarūpaṃ, na sayaṃkatañca paraṃkatañca nāmarūpaṃ, nāpi asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ, adhiccasamuppannaṃ nāmarūpaṃ. Api ca, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti.
‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, สยงฺกตํ วิญฺญาณํ, ปรงฺกตํ วิญฺญาณํ, สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ วิญฺญาณํ, อุทาหุ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิญฺญาณ’’นฺติ? ‘‘น โข, อาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตํ วิญฺญาณํ, น ปรํกตํ วิญฺญาณํ น สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ วิญฺญาณํ, นาปิ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํฯ อปิ จ, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, sayaṅkataṃ viññāṇaṃ, paraṅkataṃ viññāṇaṃ, sayaṃkatañca paraṃkatañca viññāṇaṃ, udāhu asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ viññāṇa’’nti? ‘‘Na kho, āvuso koṭṭhika, sayaṃkataṃ viññāṇaṃ, na paraṃkataṃ viññāṇaṃ na sayaṃkatañca paraṃkatañca viññāṇaṃ, nāpi asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ viññāṇaṃ. Api ca, nāmarūpapaccayā viññāṇa’’nti.
‘‘อิทาเนว โข มยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ เอวํ อาชานาม – ‘น ขฺวาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตํ นามรูปํ, น ปรํกตํ นามรูปํ, น สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ นามรูปํ, นาปิ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นามรูปํฯ อปิ จ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’’นฺติฯ
‘‘Idāneva kho mayaṃ āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ evaṃ ājānāma – ‘na khvāvuso koṭṭhika, sayaṃkataṃ nāmarūpaṃ, na paraṃkataṃ nāmarūpaṃ, na sayaṃkatañca paraṃkatañca nāmarūpaṃ, nāpi asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ nāmarūpaṃ. Api ca, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’’nti.
‘‘อิทาเนว จ ปน มยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ เอวํ อาชานาม – ‘น ขฺวาวุโส โกฎฺฐิก, สยํกตํ วิญฺญาณํ, น ปรํกตํ วิญฺญาณํ, น สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ วิญฺญาณํ , นาปิ อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิญฺญาณํฯ อปิ จ, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณ’’’นฺติฯ
‘‘Idāneva ca pana mayaṃ āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ evaṃ ājānāma – ‘na khvāvuso koṭṭhika, sayaṃkataṃ viññāṇaṃ, na paraṃkataṃ viññāṇaṃ, na sayaṃkatañca paraṃkatañca viññāṇaṃ , nāpi asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ viññāṇaṃ. Api ca, nāmarūpapaccayā viññāṇa’’’nti.
‘‘ยถา กถํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? ‘‘เตนหาวุโส, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมายปิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส, เทฺว นฬกลาปิโย อญฺญมญฺญํ นิสฺสาย ติเฎฺฐยฺยุํฯ เอวเมว โข, อาวุโส, นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณํ; วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ; นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ; สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ ตาสํ เจ, อาวุโส , นฬกลาปีนํ เอกํ อากเฑฺฒยฺย, เอกา ปปเตยฺย; อปรํ เจ อากเฑฺฒยฺย, อปรา ปปเตยฺยฯ เอวเมว โข, อาวุโส, นามรูปนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ; วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ; นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ; สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ…เป.… เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ , อาวุโส สาริปุตฺต; อพฺภุตํ, อาวุโส สาริปุตฺต! ยาวสุภาสิตํ จิทํ อายสฺมตา สาริปุเตฺตนฯ อิทญฺจ ปน มยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อิเมหิ ฉตฺติํสาย วตฺถูหิ อนุโมทาม – ‘ชรามรณสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ธมฺมํ เทเสติ, ธมฺมกถิโก ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ ชรามรณสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติ, ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ ชรามรณสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต โหติ, ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปโตฺต ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ ชาติยา เจ… ภวสฺส เจ… อุปาทานสฺส เจ… ตณฺหาย เจ… เวทนาย เจ… ผสฺสสฺส เจ… สฬายตนสฺส เจ… นามรูปสฺส เจ… วิญฺญาณสฺส เจ… สงฺขารานํ เจ… อวิชฺชาย เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ธมฺมํ เทเสติ, ธมฺมกถิโก ภิกฺขูติ อลํ วจนายฯ อวิชฺชาย เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติ, ธมฺมานุธมฺมปฺปฎิปโนฺน ภิกฺขูติ อลํ วจนาย ฯ อวิชฺชาย เจ, อาวุโส, ภิกฺขุ นิพฺพิทา วิราคา นิโรธา อนุปาทา วิมุโตฺต โหติ, ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานปฺปโตฺต ภิกฺขูติ อลํ วจนายา’’’ติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Yathā kathaṃ panāvuso sāriputta, imassa bhāsitassa attho daṭṭhabbo’’ti? ‘‘Tenahāvuso, upamaṃ te karissāmi. Upamāyapidhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ jānanti. Seyyathāpi, āvuso, dve naḷakalāpiyo aññamaññaṃ nissāya tiṭṭheyyuṃ. Evameva kho, āvuso, nāmarūpapaccayā viññāṇaṃ; viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ; nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ; saḷāyatanapaccayā phasso…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Tāsaṃ ce, āvuso , naḷakalāpīnaṃ ekaṃ ākaḍḍheyya, ekā papateyya; aparaṃ ce ākaḍḍheyya, aparā papateyya. Evameva kho, āvuso, nāmarūpanirodhā viññāṇanirodho; viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho; nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho; saḷāyatananirodhā phassanirodho…pe… evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotī’’ti. ‘‘Acchariyaṃ , āvuso sāriputta; abbhutaṃ, āvuso sāriputta! Yāvasubhāsitaṃ cidaṃ āyasmatā sāriputtena. Idañca pana mayaṃ āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ imehi chattiṃsāya vatthūhi anumodāma – ‘jarāmaraṇassa ce, āvuso, bhikkhu nibbidāya virāgāya nirodhāya dhammaṃ deseti, dhammakathiko bhikkhūti alaṃ vacanāya. Jarāmaraṇassa ce, āvuso, bhikkhu nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti, dhammānudhammappaṭipanno bhikkhūti alaṃ vacanāya. Jarāmaraṇassa ce, āvuso, bhikkhu nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto hoti, diṭṭhadhammanibbānappatto bhikkhūti alaṃ vacanāya. Jātiyā ce… bhavassa ce… upādānassa ce… taṇhāya ce… vedanāya ce… phassassa ce… saḷāyatanassa ce… nāmarūpassa ce… viññāṇassa ce… saṅkhārānaṃ ce… avijjāya ce, āvuso, bhikkhu nibbidāya virāgāya nirodhāya dhammaṃ deseti, dhammakathiko bhikkhūti alaṃ vacanāya. Avijjāya ce, āvuso, bhikkhu nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti, dhammānudhammappaṭipanno bhikkhūti alaṃ vacanāya . Avijjāya ce, āvuso, bhikkhu nibbidā virāgā nirodhā anupādā vimutto hoti, diṭṭhadhammanibbānappatto bhikkhūti alaṃ vacanāyā’’’ti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. นฬกลาปีสุตฺตวณฺณนา • 7. Naḷakalāpīsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. นฬกลาปีสุตฺตวณฺณนา • 7. Naḷakalāpīsuttavaṇṇanā