Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๖๘
The Middle-Length Suttas Collection 68
นฬกปานสุตฺต
At Naḷakapāna
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ นฬกปาเน ปลาสวเนฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying in the land of the Kosalans near Naḷakapāna in the grove of flame-of-the-forest trees.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา กุลปุตฺตา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา โหนฺติ—อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ ภทฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล, อายสฺมา จ ภคุ, อายสฺมา จ โกณฺฑญฺโญ, อายสฺมา จ เรวโต, อายสฺมา จ อานนฺโท, อญฺเญ จ อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา กุลปุตฺตาฯ
Now at that time several very well-known gentlemen had gone forth from the lay life to homelessness out of faith in the Buddha—The venerables Anuruddha, Bhaddiya, Kimbila, Bhagu, Koṇḍañña, Revata, Ānanda, and other very well-known gentlemen.
เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติฯ อถ โข ภควา เต กุลปุตฺเต อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย”ติ? เอวํ วุตฺเต, เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ
Now at that time the Buddha was sitting in the open, surrounded by the bhikkhu Saṅgha. Then the Buddha spoke to the bhikkhus about those gentlemen: “Bhikkhus, those gentlemen who have gone forth from the lay life to homelessness out of faith in me—I trust they’re satisfied with the spiritual life?” When this was said, the bhikkhus kept silent.
ทุติยมฺปิ โข ภควา เต กุลปุตฺเต อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย”ติ? ทุติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ ตติยมฺปิ โข ภควา เต กุลปุตฺเต อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย”ติ? ตติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํฯ
For a second and a third time the Buddha asked the same question. For a third time, the bhikkhus kept silent.
อถ โข ภควโต เอตทโหสิ: “ยนฺนูนาหํ เต กุลปุตฺเต ปุจฺเฉยฺยนฺ”ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อามนฺเตสิ: “กจฺจิ ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, อภิรตา พฺรหฺมจริเย”ติ?
Then it occurred to the Buddha, “Why don’t I question just those gentlemen?” Then the Buddha said to Venerable Anuruddha, “Anuruddha and friends, I hope you’re satisfied with the spiritual life?”
“ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อภิรตา พฺรหฺมจริเย”ติฯ
“Indeed, sir, we are satisfied with the spiritual life.”
“สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ เอตํ โข, อนุรุทฺธา, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ ยํ ตุเมฺห อภิรเมยฺยาถ พฺรหฺมจริเยฯ เยน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปฐเมน วยสา สุสุกาฬเกสา กาเม ปริภุญฺเชยฺยาถ เตน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, ภเทฺรนปิ โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปฐเมน วยสา สุสุกาฬเกสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตาฯ เต จ โข ปน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, เนว ราชาภินีตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น โจราภินีตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น อิณฏฺฏา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น ภยฏฺฏา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, นาชีวิกาปกตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตาฯ อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถาติ—นนุ ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, เอวํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา”ติ?
“Good, good, Anuruddha and friends! It’s appropriate for gentlemen like yourselves, who have gone forth in faith from the lay life to homelessness, to be satisfied with the spiritual life. Since you’re blessed with youth, in the prime of life, black-haired, you could have enjoyed sensual pleasures; yet you have gone forth from the lay life to homelessness. But you didn’t go forth because you were forced to by kings or bandits, or because you’re in debt or threatened, or to earn a living. Rather, didn’t you go forth thinking: ‘I’m swamped by rebirth, old age, and death; by sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. I’m swamped by suffering, mired in suffering. Hopefully I can find an end to this entire mass of suffering’?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“เอวํ ปพฺพชิเตน จ ปน, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺเตน กิมสฺส กรณียํ? วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ, ตสฺส อภิชฺฌาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ, พฺยาปาโทปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ, ถินมิทฺธมฺปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ, วิจิกิจฺฉาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ, อรตีปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติ, ตนฺทีปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐติฯ วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํฯ
“But, Anuruddha and friends, when a gentleman has gone forth like this, what should he do? Take someone who doesn’t achieve the rapture and bliss that are secluded from sensual pleasures and unskillful qualities, or something even more peaceful than that. Their mind is still occupied by desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, doubt, discontent, and sloth. That’s someone who doesn’t achieve the rapture and bliss that are secluded from sensual pleasures and unskillful qualities, or something even more peaceful than that.
วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํ, ตสฺส อภิชฺฌาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, พฺยาปาโทปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, ถินมิทฺธมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, วิจิกิจฺฉาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, อรตีปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติ, ตนฺทีปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺฐติฯ วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อญฺญํ วา ตโต สนฺตตรํฯ
Take someone who does achieve the rapture and bliss that are secluded from sensual pleasures and unskillful qualities, or something even more peaceful than that. Their mind is not occupied by desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, doubt, discontent, and sloth. That’s someone who does achieve the rapture and bliss that are secluded from sensual pleasures and unskillful qualities, or something even more peaceful than that.
กินฺติ โว, อนุรุทฺธา, มยิ โหติ: ‘เย อาสวา สงฺกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, อปฺปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี'”ติ?
Is this what you think of me? ‘The Realized One has not given up the defilements that are corrupting, leading to future lives, hurtful, resulting in suffering and future rebirth, old age, and death. That’s why, after appraisal, he uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things.’”
“น โข โน, ภนฺเต, ภควติ เอวํ โหติ: ‘เย อาสวา สงฺกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, อปฺปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี'ติฯ เอวํ โข โน, ภนฺเต, ภควติ โหติ: ‘เย อาสวา สงฺกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี'”ติฯ
“No sir, we don’t think of you that way. We think of you this way: ‘The Realized One has given up the defilements that are corrupting, leading to future lives, hurtful, resulting in suffering and future rebirth, old age, and death. That’s why, after appraisal, he uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things.’”
“สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ ตถาคตสฺส, อนุรุทฺธา, เย อาสวา สงฺกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวงฺกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาฯ เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ตาโล มตฺถกจฺฉินฺโน อภพฺโพ ปุนวิรูฬฺหิยา; เอวเมว โข, อนุรุทฺธา, ตถาคตสฺส เย อาสวา สงฺกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวงฺกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติฯ
“Good, good, Anuruddha and friends! The Realized One has given up the defilements that are corrupting, leading to future lives, hurtful, resulting in suffering and future rebirth, old age, and death. He has cut them off at the root, made them like a palm stump, obliterated them so they are unable to arise in the future. Just as a palm tree with its crown cut off is incapable of further growth, in the same way, the Realized One has given up the defilements so they are unable to arise in the future. That’s why, after appraisal, he uses some things, endures some things, avoids some things, and gets rid of some things.
ตํ กึ มญฺญสิ, อนุรุทฺธา, กํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ตถาคโต สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ: ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน; อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน'”ติ?
What do you think, Anuruddha and friends? What advantage does the Realized One see in declaring the rebirth of his disciples who have passed away: ‘This one is reborn here, while that one is reborn there’?”
“ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณาฯ สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี”ติฯ
“Our teachings are rooted in the Buddha. He is our guide and our refuge. Sir, may the Buddha himself please clarify the meaning of this. The bhikkhus will listen and remember it.”
“น โข, อนุรุทฺธา, ตถาคโต ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ น ‘อิติ มํ ชโน ชานาตู'ติ สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ: ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน, อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน'ติฯ สนฺติ จ โข, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺตา สทฺธา อุฬารเวทา อุฬารปาโมชฺชาฯ เต ตํ สุตฺวา ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรนฺติฯ เตสํ ตํ, อนุรุทฺธา, โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายฯ
“The Realized One does not declare such things for the sake of deceiving people or flattering them, nor for the benefit of possessions, honor, or popularity, nor thinking, ‘So let people know about me!’ Rather, there are gentlemen of faith who are full of sublime joy and gladness. When they hear that, they focus their minds to that end. That is for their lasting welfare and happiness.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—อญฺญาย สณฺฐหี'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํปญฺโญ โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารี โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a monk who hears this: ‘The monk named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, he was enlightened.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that monk’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That’s how a monk lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม …เป… เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a monk who hears this: ‘The monk named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of the five lower fetters, he’s been reborn spontaneously and will become extinguished there, not liable to return from that world.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that monk’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That too is how a monk lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม …เป… เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a monk who hears this: ‘The monk named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, he’s a once-returner. He’ll come back to this world once only, then make an end of suffering.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that monk’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That too is how a monk lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม …เป… เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a monk who hears this: ‘The monk named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters he’s a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that monk’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That too is how a monk lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—อญฺญาย สณฺฐหี'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํปญฺญา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารินี สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a nun who hears this: ‘The nun named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, she was enlightened.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that nun’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That’s how a nun lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา …เป… เอวํปญฺญา … เอวํวิหารินี … เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a nun who hears this: ‘The nun named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of the five lower fetters, she’s been reborn spontaneously and will become extinguished there, not liable to return from that world.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that nun’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That too is how a nun lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามินี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา …เป… เอวํปญฺญา … เอวํวิหารินี … เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a nun who hears this: ‘The nun named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, she’s a once-returner. She’ll come back to this world once only, then make an end of suffering.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that nun’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That too is how a nun lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา … เอวํปญฺญา … เอวํวิหารินี … เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a nun who hears this: ‘The nun named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters she’s a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that nun’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That too is how a nun lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํปญฺโญ โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารี โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a layman who hears this: ‘The layman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of the five lower fetters, he’s been reborn spontaneously and will become extinguished there, not liable to return from that world.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that layman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That’s how a layman lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม … เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a layman who hears this: ‘The layman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, he’s a once-returner. He’ll come back to this world once only, then make an end of suffering.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that layman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That too is how a layman lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ'ติฯ โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโฐ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา: ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม … เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี'ติฯ โส ตสฺส สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a layman who hears this: ‘The layman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters he’s a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ And he’s either seen for himself, or heard from someone else, that that venerable had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that layman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, he applies his mind to that end. That too is how a layman lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสิกา สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา … เอวํปญฺญา … เอวํวิหารินี … เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a laywoman who hears this: ‘The laywoman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of the five lower fetters, she’s been reborn spontaneously and will become extinguished there, not liable to return from that world.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that laywoman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That’s how a laywoman lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสิกา สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามินี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา … เอวํปญฺญา … เอวํวิหารินี … เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a laywoman who hears this: ‘The laywoman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, she’s a once-returner. She’ll come back to this world once only, then make an end of suffering.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that laywoman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That too is how a laywoman lives at ease.
อิธานุรุทฺธา, อุปาสิกา สุณาติ: ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา—ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา'ติฯ สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺฐา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา: ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํปญฺญา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารินี สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี'ติฯ สา ตสฺสา สทฺธญฺจ สีลญฺจ สุตญฺจ จาคญฺจ ปญฺญญฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติฯ เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติฯ
Take a laywoman who hears this: ‘The laywoman named so-and-so has passed away. The Buddha has declared that, with the ending of three fetters she’s a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ And she’s either seen for herself, or heard from someone else, that that sister had such ethics, such qualities, such wisdom, such meditation, or such freedom. Recollecting that laywoman’s faith, ethics, learning, generosity, and wisdom, she applies her mind to that end. That too is how a laywoman lives at ease.
อิติ โข, อนุรุทฺธา, ตถาคโต น ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ น ‘อิติ มํ ชโน ชานาตู'ติ สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ: ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน, อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน'ติฯ สนฺติ จ โข, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺตา สทฺธา อุฬารเวทา อุฬารปาโมชฺชาฯ เต ตํ สุตฺวา ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรนฺติฯ เตสํ ตํ, อนุรุทฺธา, โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา”ติฯ
So it’s not for the sake of deceiving people or flattering them, nor for the benefit of possessions, honor, or popularity, nor thinking, ‘So let people know about me!’ that the Realized One declares the rebirth of his disciples who have passed away: ‘This one is reborn here, while that one is reborn there.’ Rather, there are gentlemen of faith who are full of joy and gladness. When they hear that, they focus their minds to that end. That is for their lasting welfare and happiness.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Anuruddha and friends approved what the Buddha said.
นฬกปานสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]