Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi

    ๑๑. นาลกสุตฺตํ

    11. Nālakasuttaṃ

    ๖๘๔.

    684.

    อานนฺทชาเต ติทสคเณ ปตีเต, สกฺกญฺจ อินฺทํ สุจิวสเน จ เทเว;

    Ānandajāte tidasagaṇe patīte, sakkañca indaṃ sucivasane ca deve;

    ทุสฺสํ คเหตฺวา อติริว โถมยเนฺต, อสิโต อิสิ อทฺทส ทิวาวิหาเรฯ

    Dussaṃ gahetvā atiriva thomayante, asito isi addasa divāvihāre.

    ๖๘๕.

    685.

    ทิสฺวาน เทเว มุทิตมเน อุทเคฺค, จิตฺติํ กริตฺวาน อิทมโวจ 1 ตตฺถ;

    Disvāna deve muditamane udagge, cittiṃ karitvāna idamavoca 2 tattha;

    ‘‘กิํ เทวสโงฺฆ อติริว กลฺยรูโป, ทุสฺสํ คเหตฺวา รมยถ 3 กิํ ปฎิจฺจฯ

    ‘‘Kiṃ devasaṅgho atiriva kalyarūpo, dussaṃ gahetvā ramayatha 4 kiṃ paṭicca.

    ๖๘๖.

    686.

    ‘‘ยทาปิ อาสี อสุเรหิ สงฺคโม, ชโย สุรานํ อสุรา ปราชิตาฯ

    ‘‘Yadāpi āsī asurehi saṅgamo, jayo surānaṃ asurā parājitā.

    ตทาปิ เนตาทิโส โลมหํสโน, กิมพฺภุตํ ทฎฺฐุ มรู ปโมทิตาฯ

    Tadāpi netādiso lomahaṃsano, kimabbhutaṃ daṭṭhu marū pamoditā.

    ๖๘๗.

    687.

    ‘‘เสเฬนฺติ คายนฺติ จ วาทยนฺติ จ, ภุชานิ โผเฎนฺติ 5 จ นจฺจยนฺติ จ;

    ‘‘Seḷenti gāyanti ca vādayanti ca, bhujāni phoṭenti 6 ca naccayanti ca;

    ปุจฺฉามิ โวหํ เมรุมุทฺธวาสิเน, ธุนาถ เม สํสยํ ขิปฺป มาริสา’’ฯ

    Pucchāmi vohaṃ merumuddhavāsine, dhunātha me saṃsayaṃ khippa mārisā’’.

    ๖๘๘.

    688.

    ‘‘โส โพธิสโตฺต รตนวโร อตุโลฺย, มนุสฺสโลเก หิตสุขตฺถาย 7 ชาโต;

    ‘‘So bodhisatto ratanavaro atulyo, manussaloke hitasukhatthāya 8 jāto;

    สกฺยาน คาเม ชนปเท ลุมฺพิเนเยฺย, เตนมฺห ตุฎฺฐา อติริว กลฺยรูปาฯ

    Sakyāna gāme janapade lumbineyye, tenamha tuṭṭhā atiriva kalyarūpā.

    ๖๘๙.

    689.

    ‘‘โส สพฺพสตฺตุตฺตโม อคฺคปุคฺคโล, นราสโภ สพฺพปชานมุตฺตโม;

    ‘‘So sabbasattuttamo aggapuggalo, narāsabho sabbapajānamuttamo;

    วเตฺตสฺสติ จกฺกมิสิวฺหเย วเน, นทํว สีโห พลวา มิคาภิภู’’ฯ

    Vattessati cakkamisivhaye vane, nadaṃva sīho balavā migābhibhū’’.

    ๖๙๐.

    690.

    ตํ สทฺทํ สุตฺวา ตุริตมวสรี โส, สุโทฺธทนสฺส ตท ภวนํ อุปาวิสิ 9;

    Taṃ saddaṃ sutvā turitamavasarī so, suddhodanassa tada bhavanaṃ upāvisi 10;

    นิสชฺช ตตฺถ อิทมโวจาสิ สเกฺย, ‘‘กุหิํ กุมาโร อหมปิ ทฎฺฐุกาโม’’ฯ

    Nisajja tattha idamavocāsi sakye, ‘‘kuhiṃ kumāro ahamapi daṭṭhukāmo’’.

    ๖๙๑.

    691.

    ตโต กุมารํ ชลิตมิว สุวณฺณํ, อุกฺกามุเขว สุกุสลสมฺปหฎฺฐํ 11;

    Tato kumāraṃ jalitamiva suvaṇṇaṃ, ukkāmukheva sukusalasampahaṭṭhaṃ 12;

    ททฺทลฺลมานํ 13 สิริยา อโนมวณฺณํ, ทเสฺสสุ ปุตฺตํ อสิตวฺหยสฺส สกฺยาฯ

    Daddallamānaṃ 14 siriyā anomavaṇṇaṃ, dassesu puttaṃ asitavhayassa sakyā.

    ๖๙๒.

    692.

    ทิสฺวา กุมารํ สิขิมิว ปชฺชลนฺตํ, ตาราสภํว นภสิคมํ วิสุทฺธํ;

    Disvā kumāraṃ sikhimiva pajjalantaṃ, tārāsabhaṃva nabhasigamaṃ visuddhaṃ;

    สูริยํ ตปนฺตํ สรทริวพฺภมุตฺตํ, อานนฺทชาโต วิปุลมลตฺถ ปีติํฯ

    Sūriyaṃ tapantaṃ saradarivabbhamuttaṃ, ānandajāto vipulamalattha pītiṃ.

    ๖๙๓.

    693.

    อเนกสาขญฺจ สหสฺสมณฺฑลํ, ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิเกฺข;

    Anekasākhañca sahassamaṇḍalaṃ, chattaṃ marū dhārayumantalikkhe;

    สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา, น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกาฯ

    Suvaṇṇadaṇḍā vītipatanti cāmarā, na dissare cāmarachattagāhakā.

    ๖๙๔.

    694.

    ทิสฺวา ชฎี กณฺหสิริวฺหโย อิสิ, สุวณฺณนิกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล;

    Disvā jaṭī kaṇhasirivhayo isi, suvaṇṇanikkhaṃ viya paṇḍukambale;

    เสตญฺจ ฉตฺตํ ธริยนฺต 15 มุทฺธนิ, อุทคฺคจิโตฺต สุมโน ปฎิคฺคเหฯ

    Setañca chattaṃ dhariyanta 16 muddhani, udaggacitto sumano paṭiggahe.

    ๖๙๕.

    695.

    ปฎิคฺคเหตฺวา ปน สกฺยปุงฺควํ, ชิคีสโต 17 ลกฺขณมนฺตปารคู;

    Paṭiggahetvā pana sakyapuṅgavaṃ, jigīsato 18 lakkhaṇamantapāragū;

    ปสนฺนจิโตฺต คิรมพฺภุทีรยิ, ‘‘อนุตฺตรายํ ทฺวิปทานมุตฺตโม’’ 19

    Pasannacitto giramabbhudīrayi, ‘‘anuttarāyaṃ dvipadānamuttamo’’ 20.

    ๖๙๖.

    696.

    อถตฺตโน คมนมนุสฺสรโนฺต, อกลฺยรูโป คฬยติ อสฺสุกานิ;

    Athattano gamanamanussaranto, akalyarūpo gaḷayati assukāni;

    ทิสฺวาน สกฺยา อิสิมโวจุํ รุทนฺตํ,

    Disvāna sakyā isimavocuṃ rudantaṃ,

    ‘‘โน เจ กุมาเร ภวิสฺสติ อนฺตราโย’’ฯ

    ‘‘No ce kumāre bhavissati antarāyo’’.

    ๖๙๗.

    697.

    ทิสฺวาน สเกฺย อิสิมโวจ อกเลฺย, ‘‘นาหํ กุมาเร อหิตมนุสฺสรามิ;

    Disvāna sakye isimavoca akalye, ‘‘nāhaṃ kumāre ahitamanussarāmi;

    น จาปิมสฺส ภวิสฺสติ อนฺตราโย, น โอรกายํ อธิมานสา 21 ภวาถฯ

    Na cāpimassa bhavissati antarāyo, na orakāyaṃ adhimānasā 22 bhavātha.

    ๖๙๘.

    698.

    ‘‘สโมฺพธิยคฺคํ ผุสิสฺสตายํ กุมาโร, โส ธมฺมจกฺกํ ปรมวิสุทฺธทสฺสี;

    ‘‘Sambodhiyaggaṃ phusissatāyaṃ kumāro, so dhammacakkaṃ paramavisuddhadassī;

    วเตฺตสฺสตายํ พหุชนหิตานุกมฺปี, วิตฺถาริกสฺส ภวิสฺสติ พฺรหฺมจริยํฯ

    Vattessatāyaṃ bahujanahitānukampī, vitthārikassa bhavissati brahmacariyaṃ.

    ๖๙๙.

    699.

    ‘‘มมญฺจ อายุ น จิรมิธาวเสโส, อถนฺตรา เม ภวิสฺสติ กาลกิริยา;

    ‘‘Mamañca āyu na ciramidhāvaseso, athantarā me bhavissati kālakiriyā;

    โสหํ น โสสฺสํ 23 อสมธุรสฺส ธมฺมํ, เตนมฺหิ อโฎฺฎ พฺยสนํคโต อฆาวี’’ฯ

    Sohaṃ na sossaṃ 24 asamadhurassa dhammaṃ, tenamhi aṭṭo byasanaṃgato aghāvī’’.

    ๗๐๐.

    700.

    โส สากิยานํ วิปุลํ ชเนตฺวา ปีติํ, อเนฺตปุรมฺหา นิคฺคมา 25 พฺรหฺมจารี;

    So sākiyānaṃ vipulaṃ janetvā pītiṃ, antepuramhā niggamā 26 brahmacārī;

    โส ภาคิเนยฺยํ สยํ อนุกมฺปมาโน, สมาทเปสิ อสมธุรสฺส ธเมฺมฯ

    So bhāgineyyaṃ sayaṃ anukampamāno, samādapesi asamadhurassa dhamme.

    ๗๐๑.

    701.

    ‘‘พุโทฺธติ โฆสํ ยท 27 ปรโต สุณาสิ, สโมฺพธิปโตฺต วิวรติ ธมฺมมคฺคํ;

    ‘‘Buddhoti ghosaṃ yada 28 parato suṇāsi, sambodhipatto vivarati dhammamaggaṃ;

    คนฺตฺวาน ตตฺถ สมยํ ปริปุจฺฉมาโน 29, จรสฺสุ ตสฺมิํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ’’ฯ

    Gantvāna tattha samayaṃ paripucchamāno 30, carassu tasmiṃ bhagavati brahmacariyaṃ’’.

    ๗๐๒.

    702.

    เตนานุสิโฎฺฐ หิตมเนน ตาทินา, อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสินา;

    Tenānusiṭṭho hitamanena tādinā, anāgate paramavisuddhadassinā;

    โส นาลโก อุปจิตปุญฺญสญฺจโย, ชินํ ปติกฺขํ 31 ปริวสิ รกฺขิตินฺทฺริโยฯ

    So nālako upacitapuññasañcayo, jinaṃ patikkhaṃ 32 parivasi rakkhitindriyo.

    ๗๐๓.

    703.

    สุตฺวาน โฆสํ ชินวรจกฺกวตฺตเน, คนฺตฺวาน ทิสฺวา อิสินิสภํ ปสโนฺน;

    Sutvāna ghosaṃ jinavaracakkavattane, gantvāna disvā isinisabhaṃ pasanno;

    โมเนยฺยเสฎฺฐํ มุนิปวรํ อปุจฺฉิ, สมาคเต อสิตาวฺหยสฺส สาสเนติฯ

    Moneyyaseṭṭhaṃ munipavaraṃ apucchi, samāgate asitāvhayassa sāsaneti.

    วตฺถุคาถา นิฎฺฐิตาฯ

    Vatthugāthā niṭṭhitā.

    ๗๐๔.

    704.

    ‘‘อญฺญาตเมตํ วจนํ, อสิตสฺส ยถาตถํ;

    ‘‘Aññātametaṃ vacanaṃ, asitassa yathātathaṃ;

    ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํฯ

    Taṃ taṃ gotama pucchāmi, sabbadhammāna pāraguṃ.

    ๗๐๕.

    705.

    ‘‘อนคาริยุเปตสฺส, ภิกฺขาจริยํ ชิคีสโต;

    ‘‘Anagāriyupetassa, bhikkhācariyaṃ jigīsato;

    มุนิ ปพฺรูหิ เม ปุโฎฺฐ, โมเนยฺยํ อุตฺตมํ ปทํ’’ฯ

    Muni pabrūhi me puṭṭho, moneyyaṃ uttamaṃ padaṃ’’.

    ๗๐๖.

    706.

    ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปญฺญิสฺสํ, (อิติ ภควา) ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ;

    ‘‘Moneyyaṃ te upaññissaṃ, (iti bhagavā) dukkaraṃ durabhisambhavaṃ;

    หนฺท เต นํ ปวกฺขามิ, สนฺถมฺภสฺสุ ทโฬฺห ภวฯ

    Handa te naṃ pavakkhāmi, santhambhassu daḷho bhava.

    ๗๐๗.

    707.

    ‘‘สมานภาคํ กุเพฺพถ, คาเม อกฺกุฎฺฐวนฺทิตํ;

    ‘‘Samānabhāgaṃ kubbetha, gāme akkuṭṭhavanditaṃ;

    มโนปโทสํ รเกฺขยฺย, สโนฺต อนุณฺณโต จเรฯ

    Manopadosaṃ rakkheyya, santo anuṇṇato care.

    ๗๐๘.

    708.

    ‘‘อุจฺจาวจา นิจฺฉรนฺติ, ทาเย อคฺคิสิขูปมา;

    ‘‘Uccāvacā niccharanti, dāye aggisikhūpamā;

    นาริโย มุนิํ ปโลเภนฺติ, ตาสุ ตํ มา ปโลภยุํฯ

    Nāriyo muniṃ palobhenti, tāsu taṃ mā palobhayuṃ.

    ๗๐๙.

    709.

    ‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, หิตฺวา กาเม ปโรปเร 33;

    ‘‘Virato methunā dhammā, hitvā kāme paropare 34;

    อวิรุโทฺธ อสารโตฺต, ปาเณสุ ตสถาวเรฯ

    Aviruddho asāratto, pāṇesu tasathāvare.

    ๗๑๐.

    710.

    ‘‘ยถา อหํ ตถา เอเต, ยถา เอเต ตถา อหํ;

    ‘‘Yathā ahaṃ tathā ete, yathā ete tathā ahaṃ;

    อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเยฯ

    Attānaṃ upamaṃ katvā, na haneyya na ghātaye.

    ๗๑๑.

    711.

    ‘‘หิตฺวา อิจฺฉญฺจ โลภญฺจ, ยตฺถ สโตฺต ปุถุชฺชโน;

    ‘‘Hitvā icchañca lobhañca, yattha satto puthujjano;

    จกฺขุมา ปฎิปเชฺชยฺย, ตเรยฺย นรกํ อิมํฯ

    Cakkhumā paṭipajjeyya, tareyya narakaṃ imaṃ.

    ๗๑๒.

    712.

    ‘‘อูนูทโร มิตาหาโร, อปฺปิจฺฉสฺส อโลลุโป;

    ‘‘Ūnūdaro mitāhāro, appicchassa alolupo;

    สทา 35 อิจฺฉาย นิจฺฉาโต, อนิโจฺฉ โหติ นิพฺพุโตฯ

    Sadā 36 icchāya nicchāto, aniccho hoti nibbuto.

    ๗๑๓.

    713.

    ‘‘ส ปิณฺฑจารํ จริตฺวา, วนนฺตมภิหารเย;

    ‘‘Sa piṇḍacāraṃ caritvā, vanantamabhihāraye;

    อุปฎฺฐิโต รุกฺขมูลสฺมิํ, อาสนูปคโต มุนิฯ

    Upaṭṭhito rukkhamūlasmiṃ, āsanūpagato muni.

    ๗๑๔.

    714.

    ‘‘ส ฌานปสุโต ธีโร, วนเนฺต รมิโต สิยา;

    ‘‘Sa jhānapasuto dhīro, vanante ramito siyā;

    ฌาเยถ รุกฺขมูลสฺมิํ, อตฺตานมภิโตสยํฯ

    Jhāyetha rukkhamūlasmiṃ, attānamabhitosayaṃ.

    ๗๑๕.

    715.

    ‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน 37, คามนฺตมภิหารเย;

    ‘‘Tato ratyā vivasāne 38, gāmantamabhihāraye;

    อวฺหานํ นาภินเนฺทยฺย, อภิหารญฺจ คามโตฯ

    Avhānaṃ nābhinandeyya, abhihārañca gāmato.

    ๗๑๖.

    716.

    ‘‘น มุนี คามมาคมฺม, กุเลสุ สหสา จเร;

    ‘‘Na munī gāmamāgamma, kulesu sahasā care;

    ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ, น วาจํ ปยุตํ ภเณฯ

    Ghāsesanaṃ chinnakatho, na vācaṃ payutaṃ bhaṇe.

    ๗๑๗.

    717.

    ‘‘อลตฺถํ ยทิทํ สาธุ, นาลตฺถํ กุสลํ อิติ;

    ‘‘Alatthaṃ yadidaṃ sādhu, nālatthaṃ kusalaṃ iti;

    อุภเยเนว โส ตาที, รุกฺขํวุปนิวตฺตติ 39

    Ubhayeneva so tādī, rukkhaṃvupanivattati 40.

    ๗๑๘.

    718.

    ‘‘ส ปตฺตปาณิ วิจรโนฺต, อมูโค มูคสมฺมโต;

    ‘‘Sa pattapāṇi vicaranto, amūgo mūgasammato;

    อปฺปํ ทานํ น หีเฬยฺย, ทาตารํ นาวชานิยาฯ

    Appaṃ dānaṃ na hīḷeyya, dātāraṃ nāvajāniyā.

    ๗๑๙.

    719.

    ‘‘อุจฺจาวจา หิ ปฎิปทา, สมเณน ปกาสิตา;

    ‘‘Uccāvacā hi paṭipadā, samaṇena pakāsitā;

    น ปารํ ทิคุณํ ยนฺติ, นยิทํ เอกคุณํ มุตํฯ

    Na pāraṃ diguṇaṃ yanti, nayidaṃ ekaguṇaṃ mutaṃ.

    ๗๒๐.

    720.

    ‘‘ยสฺส จ วิสตา นตฺถิ, ฉินฺนโสตสฺส ภิกฺขุโน;

    ‘‘Yassa ca visatā natthi, chinnasotassa bhikkhuno;

    กิจฺจากิจฺจปฺปหีนสฺส, ปริฬาโห น วิชฺชติฯ

    Kiccākiccappahīnassa, pariḷāho na vijjati.

    ๗๒๑.

    721.

    ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปญฺญิสฺสํ, ขุรธารูปโม ภเว;

    ‘‘Moneyyaṃ te upaññissaṃ, khuradhārūpamo bhave;

    ชิวฺหาย ตาลุมาหจฺจ, อุทเร สญฺญโต สิยาฯ

    Jivhāya tālumāhacca, udare saññato siyā.

    ๗๒๒.

    722.

    ‘‘อลีนจิโตฺต จ สิยา, น จาปิ พหุ จินฺตเย;

    ‘‘Alīnacitto ca siyā, na cāpi bahu cintaye;

    นิรามคโนฺธ อสิโต, พฺรหฺมจริยปรายโณฯ

    Nirāmagandho asito, brahmacariyaparāyaṇo.

    ๗๒๓.

    723.

    ‘‘เอกาสนสฺส สิเกฺขถ, สมณูปาสนสฺส จ;

    ‘‘Ekāsanassa sikkhetha, samaṇūpāsanassa ca;

    เอกตฺตํ โมนมกฺขาตํ, เอโก เจ อภิรมิสฺสสิ;

    Ekattaṃ monamakkhātaṃ, eko ce abhiramissasi;

    อถ ภาหิสิ 41 ทสทิสาฯ

    Atha bhāhisi 42 dasadisā.

    ๗๒๔.

    724.

    ‘‘สุตฺวา ธีรานํ นิโคฺฆสํ, ฌายีนํ กามจาคินํ;

    ‘‘Sutvā dhīrānaṃ nigghosaṃ, jhāyīnaṃ kāmacāginaṃ;

    ตโต หิริญฺจ สทฺธญฺจ, ภิโยฺย กุเพฺพถ มามโกฯ

    Tato hiriñca saddhañca, bhiyyo kubbetha māmako.

    ๗๒๕.

    725.

    ‘‘ตํ นทีหิ วิชานาถ, โสเพฺภสุ ปทเรสุ จ;

    ‘‘Taṃ nadīhi vijānātha, sobbhesu padaresu ca;

    สณนฺตา ยนฺติ กุโสพฺภา 43, ตุณฺหียนฺติ มโหทธีฯ

    Saṇantā yanti kusobbhā 44, tuṇhīyanti mahodadhī.

    ๗๒๖.

    726.

    ‘‘ยทูนกํ ตํ สณติ, ยํ ปูรํ สนฺตเมว ตํ;

    ‘‘Yadūnakaṃ taṃ saṇati, yaṃ pūraṃ santameva taṃ;

    อฑฺฒกุมฺภูปโม พาโล, รหโท ปูโรว ปณฺฑิโตฯ

    Aḍḍhakumbhūpamo bālo, rahado pūrova paṇḍito.

    ๗๒๗.

    727.

    ‘‘ยํ สมโณ พหุํ ภาสติ, อุเปตํ อตฺถสญฺหิตํ;

    ‘‘Yaṃ samaṇo bahuṃ bhāsati, upetaṃ atthasañhitaṃ;

    ชานํ โส ธมฺมํ เทเสติ, ชานํ โส พหุ ภาสติฯ

    Jānaṃ so dhammaṃ deseti, jānaṃ so bahu bhāsati.

    ๗๒๘.

    728.

    ‘‘โย จ ชานํ สํยตโตฺต, ชานํ น พหุ ภาสติ;

    ‘‘Yo ca jānaṃ saṃyatatto, jānaṃ na bahu bhāsati;

    ส มุนี โมนมรหติ, ส มุนี โมนมชฺฌคา’’ติฯ

    Sa munī monamarahati, sa munī monamajjhagā’’ti.

    นาลกสุตฺตํ เอกาทสมํ นิฎฺฐิตํฯ

    Nālakasuttaṃ ekādasamaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. กริตฺวา อิทมโวจาสิ (สี.)
    2. karitvā idamavocāsi (sī.)
    3. ภมยถ (สี.)
    4. bhamayatha (sī.)
    5. โปเฐนฺติ (สี. ปี.), โปเถนฺติ (ก.)
    6. poṭhenti (sī. pī.), pothenti (ka.)
    7. หิตสุขตาย (สี. สฺยา. ปี.)
    8. hitasukhatāya (sī. syā. pī.)
    9. อุปาคมิ (สี. ปี.)
    10. upāgami (sī. pī.)
    11. สุกุสเลน สมฺปหฎฺฐํ (ก.)
    12. sukusalena sampahaṭṭhaṃ (ka.)
    13. ททฺทฬฺหมานํ (ก.)
    14. daddaḷhamānaṃ (ka.)
    15. ธาริยนฺต (สฺยา.), ธารยนฺตํ (สี. ก.)
    16. dhāriyanta (syā.), dhārayantaṃ (sī. ka.)
    17. ชิคิํสโก (สี. สฺยา. ปี.)
    18. jigiṃsako (sī. syā. pī.)
    19. ทิปทานมุตฺตโม (สี. สฺยา. ปี.)
    20. dipadānamuttamo (sī. syā. pī.)
    21. อธิมนสา (สี. สฺยา.)
    22. adhimanasā (sī. syā.)
    23. สุสฺสํ (สี. สฺยา.)
    24. sussaṃ (sī. syā.)
    25. นิรคมา (สี. สฺยา.), นิคมา (ก. สี.), นิรคม (ปี.)
    26. niragamā (sī. syā.), nigamā (ka. sī.), niragama (pī.)
    27. ยทิ (สฺยา. ก.)
    28. yadi (syā. ka.)
    29. สยํ ปริปุจฺฉิยาโน (สี. สฺยา.)
    30. sayaṃ paripucchiyāno (sī. syā.)
    31. ปติ + อิกฺขํ = ปติกฺขํ
    32. pati + ikkhaṃ = patikkhaṃ
    33. ปโรวเร (สี. ปี.), วราวเร (สฺยา.)
    34. parovare (sī. pī.), varāvare (syā.)
    35. ส เว (ปี.)
    36. sa ve (pī.)
    37. วิวสเน (สี. สฺยา. ปี.)
    38. vivasane (sī. syā. pī.)
    39. รุกฺขํวุ’ปติวตฺตติ (ก.), รุกฺขํว อุปาติวตฺตติ (สฺยา.)
    40. rukkhaṃvu’pativattati (ka.), rukkhaṃva upātivattati (syā.)
    41. ภาสิหิ (สี. สฺยา. ปี.)
    42. bhāsihi (sī. syā. pī.)
    43. กุสฺสุพฺภา (สี.)
    44. kussubbhā (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๑. นาลกสุตฺตวณฺณนา • 11. Nālakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact