Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. นาลนฺทวโคฺค

    2. Nālandavaggo

    ๒. นาลนฺทสุตฺตวณฺณนา

    2. Nālandasuttavaṇṇanā

    ๓๗๘. ทุติยวคฺคสฺส ทุติเย นาลนฺทายนฺติ นาลนฺทาติ เอวํนามเก นคเร, ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวาฯ ปาวาริกมฺพวเนติ ทุสฺสปาวาริกเสฎฺฐิโน อมฺพวเนฯ ตํ กิร ตสฺส อุยฺยานํ อโหสิฯ โส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ภควติ ปสโนฺน ตสฺมิํ อุยฺยาเน กุฎิเลณมณฺฑปาทิปฎิมณฺฑิตํ ภควโต วิหารํ กตฺวา นิยฺยาเตสิฯ โส วิหาโร ชีวกมฺพวนํ วิย ปาวาริกมฺพวนเนฺตฺวว สงฺขํ คโตฯ ตสฺมิํ ปาวาริกมฺพวเน วิหรตีติ อโตฺถฯ

    378. Dutiyavaggassa dutiye nālandāyanti nālandāti evaṃnāmake nagare, taṃ nagaraṃ gocaragāmaṃ katvā. Pāvārikambavaneti dussapāvārikaseṭṭhino ambavane. Taṃ kira tassa uyyānaṃ ahosi. So bhagavato dhammadesanaṃ sutvā bhagavati pasanno tasmiṃ uyyāne kuṭileṇamaṇḍapādipaṭimaṇḍitaṃ bhagavato vihāraṃ katvā niyyātesi. So vihāro jīvakambavanaṃ viya pāvārikambavanantveva saṅkhaṃ gato. Tasmiṃ pāvārikambavane viharatīti attho.

    เอวํปสโนฺนติ เอวํ อุปฺปนฺนสโทฺธ, เอวํ สทฺทหามีติ อโตฺถฯ ภิโยฺยภิญฺญตโรติ ภิยฺยตโร อภิญฺญาโต ภิยฺยตราภิโยฺย วา, อุตฺตริตรญาโณติ อโตฺถฯ สโมฺพธิยนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณ อรหตฺตมคฺคญาเณ วา อรหตฺตมเคฺคเนว หิ พุทฺธคุณา นิปฺปเทสา คหิตา โหนฺติ, เทฺวปิ อคฺคสาวกา อรหตฺตมเคฺคเนว สาวกปารมีญาณํ ปฎิลภนฺติ, ปเจฺจกพุทฺธา ปเจฺจกโพธิญาณํ, พุทฺธา สพฺพญฺญุตญฺญาณเญฺจว สกเล จ พุทฺธคุเณฯ สพฺพมฺปิ เนสํ อรหตฺตมเคฺคเนว อิชฺฌติฯ ตสฺมา อรหตฺตมคฺคญาณํ สโมฺพธิ นาม โหติฯ เตน อุตฺตริตโร จ ภควตา นตฺถิฯ เตนาห ‘‘ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร, ยทิทํ สโมฺพธิย’’นฺติฯ

    Evaṃpasannoti evaṃ uppannasaddho, evaṃ saddahāmīti attho. Bhiyyobhiññataroti bhiyyataro abhiññāto bhiyyatarābhiyyo vā, uttaritarañāṇoti attho. Sambodhiyanti sabbaññutaññāṇe arahattamaggañāṇe vā arahattamaggeneva hi buddhaguṇā nippadesā gahitā honti, dvepi aggasāvakā arahattamaggeneva sāvakapāramīñāṇaṃ paṭilabhanti, paccekabuddhā paccekabodhiñāṇaṃ, buddhā sabbaññutaññāṇañceva sakale ca buddhaguṇe. Sabbampi nesaṃ arahattamaggeneva ijjhati. Tasmā arahattamaggañāṇaṃ sambodhi nāma hoti. Tena uttaritaro ca bhagavatā natthi. Tenāha ‘‘bhagavatā bhiyyobhiññataro, yadidaṃ sambodhiya’’nti.

    อุฬาราติ เสฎฺฐาฯ อยญฺหิ อุฬารสโทฺท ‘‘อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖๖) มธุเร อาคจฺฉติฯ ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสเฎฺฐฯ ‘‘อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒; ม. นิ. ๓.๒๐๑) วิปุเลฯ สฺวายมิธ เสเฎฺฐ อาคโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุฬาราติ เสฎฺฐา’’ติฯ อาสภีติ อุสภสฺส วาจาสทิสี อจลา อสมฺปเวธีฯ เอกํโส คหิโตติ อนุสฺสเวน วา อาจริยปรมฺปราย วา อิติกิราย วา ปิฎกสมฺปทาเนน วา อาการปริวิตเกฺกน วา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา ตกฺกเหตุ วา นยเหตุ วา อกเถตฺวา ปจฺจกฺขโต ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิย เอกํโส คหิโต, สนฺนิฎฺฐานกถาว กถิตาติ อโตฺถฯ สีหนาโทติ เสฎฺฐนาโท, วเน อุนฺนาทยเนฺตน สีเหน วิย อุตฺตมนาโท นทิโตติ อโตฺถฯ

    Uḷārāti seṭṭhā. Ayañhi uḷārasaddo ‘‘uḷārāni khādanīyāni khādantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.366) madhure āgacchati. ‘‘Uḷārāya khalu bhavaṃ vacchāyano samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsāya pasaṃsatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.288) seṭṭhe. ‘‘Appamāṇo uḷāro obhāso’’tiādīsu (dī. ni. 2.32; ma. ni. 3.201) vipule. Svāyamidha seṭṭhe āgato. Tena vuttaṃ ‘‘uḷārāti seṭṭhā’’ti. Āsabhīti usabhassa vācāsadisī acalā asampavedhī. Ekaṃso gahitoti anussavena vā ācariyaparamparāya vā itikirāya vā piṭakasampadānena vā ākāraparivitakkena vā diṭṭhinijjhānakkhantiyā vā takkahetu vā nayahetu vā akathetvā paccakkhato ñāṇena paṭivijjhitvā viya ekaṃso gahito, sanniṭṭhānakathāva kathitāti attho. Sīhanādoti seṭṭhanādo, vane unnādayantena sīhena viya uttamanādo naditoti attho.

    กิํ นุ เต สาริปุตฺตาติ อิมํ เทสนํ กสฺมา อารภิ? อนุโยคทาปนตฺถํฯ เอกโจฺจ หิ สีหนาทํ นทิตฺวา อตฺตโน สีหนาเท อนุโยคํ ทาตุํ น สโกฺกติ, นิฆํสนํ น ขมติ, สิเลเส ปติตมกฺกโฎ วิย โหติฯ ยถา ธมมานํ อปริสุทฺธํ โลหํ ฌายิตฺวา องฺคาโร โหติ, เอวํ ฌามงฺคาโร วิย โหติฯ เอโก สีหนาเท อนุโยคํ ทาปิยมาโน ทาตุํ สโกฺกติ, นิฆํสนํ ขมติ , ธมมานํ นิโทฺทสชาตรูปํ วิย อธิกตรํ โสภติ, ตาทิโส เถโรฯ เตน นํ ภควา ‘‘อนุโยคกฺขโม อย’’นฺติ ญตฺวา สีหนาเท อนุโยคทาปนตฺถํ อิมํ เทสนํ อารภิฯ

    Kiṃnu te sāriputtāti imaṃ desanaṃ kasmā ārabhi? Anuyogadāpanatthaṃ. Ekacco hi sīhanādaṃ naditvā attano sīhanāde anuyogaṃ dātuṃ na sakkoti, nighaṃsanaṃ na khamati, silese patitamakkaṭo viya hoti. Yathā dhamamānaṃ aparisuddhaṃ lohaṃ jhāyitvā aṅgāro hoti, evaṃ jhāmaṅgāro viya hoti. Eko sīhanāde anuyogaṃ dāpiyamāno dātuṃ sakkoti, nighaṃsanaṃ khamati , dhamamānaṃ niddosajātarūpaṃ viya adhikataraṃ sobhati, tādiso thero. Tena naṃ bhagavā ‘‘anuyogakkhamo aya’’nti ñatvā sīhanāde anuyogadāpanatthaṃ imaṃ desanaṃ ārabhi.

    ตตฺถ สเพฺพ เตติ สเพฺพ เต ตยาฯ เอวํสีลาติ มคฺคสีเลน ผลสีเลน โลกิยโลกุตฺตรสีเลน เอวํสีลาฯ เอวํธมฺมาติ เอตฺถ สมาธิปกฺขา ธมฺมา อธิเปฺปตา, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา โลกิยโลกุตฺตเรน สมาธินา เอวํสมาธีติ อโตฺถฯ เอวํปญฺญาติ มคฺคปญฺญาทิวเสเนว เอวํปญฺญาฯ เอวํวิหาริโนติ เอตฺถ ปน เหฎฺฐา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตปิ ปุน กสฺมา คหิตเมว คณฺหตีติ เจฯ เถเรน อิทํ คหิตเมวฯ อิทญฺหิ นิโรธสมาปตฺติทีปนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺมา เอวํ นิโรธสมาปตฺติวิหาริโน เต ภควโนฺต อเหสุนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Tattha sabbe teti sabbe te tayā. Evaṃsīlāti maggasīlena phalasīlena lokiyalokuttarasīlena evaṃsīlā. Evaṃdhammāti ettha samādhipakkhā dhammā adhippetā, maggasamādhinā phalasamādhinā lokiyalokuttarena samādhinā evaṃsamādhīti attho. Evaṃpaññāti maggapaññādivaseneva evaṃpaññā. Evaṃvihārinoti ettha pana heṭṭhā samādhipakkhānaṃ dhammānaṃ gahitattā vihāro gahitopi puna kasmā gahitameva gaṇhatīti ce. Therena idaṃ gahitameva. Idañhi nirodhasamāpattidīpanatthaṃ vuttaṃ. Tasmā evaṃ nirodhasamāpattivihārino te bhagavanto ahesunti evamettha attho daṭṭhabbo.

    เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, ตทงฺควิมุตฺติ, สมุเจฺฉทวิมุตฺติ, ปฎิปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปญฺจวิธา วิมุตฺติฯ ตตฺถ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สยํ วิกฺขมฺภิเตหิ นีวรณาทีหิ วิมุตฺตตฺตา วิกฺขมฺภนวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา สตฺต อนุปสฺสนา สยํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจนีกวเสน ปริจฺจตฺตาหิ นิจฺจสญฺญาทีหิ วิมุตฺตตฺตา ตทงฺควิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาโร อริยมคฺคา สยํ สมุจฺฉิเนฺนหิ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา สมุเจฺฉทวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฎิปสฺสทฺธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตา ปฎิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติฯ นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฎตฺตา อปคตตฺตา ทูเร ฐิตตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺตีติ สงฺขํ คตํฯ อิติ อิมาสํ ปญฺจนฺนํ วิมุตฺตีนํ วเสน เอวํ วิมุตฺตาติ เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Evaṃvimuttāti ettha vikkhambhanavimutti, tadaṅgavimutti, samucchedavimutti, paṭipassaddhivimutti, nissaraṇavimuttīti pañcavidhā vimutti. Tattha aṭṭha samāpattiyo sayaṃ vikkhambhitehi nīvaraṇādīhi vimuttattā vikkhambhanavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Aniccānupassanādikā satta anupassanā sayaṃ tassa tassa paccanīkavasena pariccattāhi niccasaññādīhi vimuttattā tadaṅgavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Cattāro ariyamaggā sayaṃ samucchinnehi kilesehi vimuttattā samucchedavimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Cattāri sāmaññaphalāni maggānubhāvena kilesānaṃ paṭipassaddhante uppannattā paṭipassaddhivimuttīti saṅkhaṃ gacchanti. Nibbānaṃ sabbakilesehi nissaṭattā apagatattā dūre ṭhitattā nissaraṇavimuttīti saṅkhaṃ gataṃ. Iti imāsaṃ pañcannaṃ vimuttīnaṃ vasena evaṃ vimuttāti ettha attho daṭṭhabbo.

    กิํ ปน เต สาริปุตฺต เย เต ภวิสฺสนฺตีติ อตีตา ตาว นิรุทฺธา อปณฺณตฺติกภาวํ คตา ทีปสิขา วิย นิพฺพุตา, เอวํ นิรุเทฺธ อปณฺณตฺติกภาวํ คเต ตฺวํ กถํ ชานิสฺสสิ, อนาคตพุทฺธานํ ปน คุณา กิํ ตยา อตฺตโน จิเตฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตาติ ปุจฺฉโนฺต เอวมาหฯ

    Kiṃpana te sāriputta ye te bhavissantīti atītā tāva niruddhā apaṇṇattikabhāvaṃ gatā dīpasikhā viya nibbutā, evaṃ niruddhe apaṇṇattikabhāvaṃ gate tvaṃ kathaṃ jānissasi, anāgatabuddhānaṃ pana guṇā kiṃ tayā attano cittena paricchinditvā viditāti pucchanto evamāha.

    กิํ ปน ตฺยาหํ สาริปุตฺต เอตรหีติ อนาคตาปิ พุทฺธา อชาตา อนิพฺพตฺตา อนุปฺปนฺนา, เต กถํ ชานิสฺสสิฯ เตสญฺหิ ชานนํ อปเท อากาเส ปททสฺสนํ วิย โหติฯ อิทานิ มยา สทฺธิํ เอกวิหาเร วสสิ, เอกโต ภิกฺขาย จรสิ, ธมฺมเทสนากาเล ทกฺขิณปเสฺส นิสีทสิ, กิํ ปน มยฺหํ คุณา อตฺตโน เจตสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา ตยาติ อนุยุญฺชโนฺต เอวมาหฯ เถโร ปน ปุจฺฉิตปุจฺฉิเต ‘‘โน เหตํ ภเนฺต’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ

    Kiṃ pana tyāhaṃ sāriputta etarahīti anāgatāpi buddhā ajātā anibbattā anuppannā, te kathaṃ jānissasi. Tesañhi jānanaṃ apade ākāse padadassanaṃ viya hoti. Idāni mayā saddhiṃ ekavihāre vasasi, ekato bhikkhāya carasi, dhammadesanākāle dakkhiṇapasse nisīdasi, kiṃ pana mayhaṃ guṇā attano cetasā paricchinditvā viditā tayāti anuyuñjanto evamāha. Thero pana pucchitapucchite ‘‘no hetaṃ bhante’’ti paṭikkhipati.

    เถรสฺส จ วิทิตมฺปิ อตฺถิ, อวิทิตมฺปิฯ กิํ โส อตฺตโน วิทิตฎฺฐาเน ปฎิเกฺขปํ กโรติ, อวิทิตฎฺฐาเนติ? วิทิตฎฺฐาเน น กโรติ, อวิทิตฎฺฐาเนเยว กโรติฯ เถโร กิร อนุโยเค อารเทฺธ เอวํ อญฺญาสิ ‘‘นายํ อนุโยโค สาวกปารมีญาเณ, สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ปน อยํ อนุโยโค’’ติ อตฺตโน สาวกปารมีญาเณ ปฎิเกฺขปํ อกตฺวาว อวิทิตฎฺฐาเน สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ปฎิเกฺขปํ กโรติฯ เตน อิทมฺปิ ทีเปติ – ภควา มยฺหํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ พุทฺธานํ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติการณชานนสมตฺถํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ นตฺถีติฯ

    Therassa ca viditampi atthi, aviditampi. Kiṃ so attano viditaṭṭhāne paṭikkhepaṃ karoti, aviditaṭṭhāneti? Viditaṭṭhāne na karoti, aviditaṭṭhāneyeva karoti. Thero kira anuyoge āraddhe evaṃ aññāsi ‘‘nāyaṃ anuyogo sāvakapāramīñāṇe, sabbaññutaññāṇe pana ayaṃ anuyogo’’ti attano sāvakapāramīñāṇe paṭikkhepaṃ akatvāva aviditaṭṭhāne sabbaññutaññāṇe paṭikkhepaṃ karoti. Tena idampi dīpeti – bhagavā mayhaṃ atītānāgatapaccuppannānaṃ buddhānaṃ sīlasamādhipaññāvimuttikāraṇajānanasamatthaṃ sabbaññutaññāṇaṃ natthīti.

    เอตฺถาติ เอเตสุ อตีตาทิเภเทสุ พุเทฺธสุฯ อถ กิญฺจรหีติ อถ กสฺมา เอวํ ญาเณ อสติ ตยา เอวํ กถิตนฺติ วทติฯ ธมฺมนฺวโยติ ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต ญาณสฺส อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา อุปฺปนฺนํ อนุมานญาณํ นยคฺคาโห วิทิโต, สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวาว อิมินา อากาเรน ชานามิ ภควาติ วทติฯ เถรสฺส หิ นยคฺคาโห อปฺปมาโณ อปริยโนฺตฯ ยถา จ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปมาณํ วา ปริยโนฺต วา นตฺถิ, เอวํ ธมฺมเสนาปติโน นยคฺคาหสฺสฯ เตน โส – ‘‘อิมินา เอวํวิโธ อิมินา เอวํวิโธ, อิมินา อนุตฺตโร อิมินา อนุตฺตโร สตฺถา’’ติ ชานาติฯ เถรสฺส หิ นยคฺคาโห สพฺพญฺญุตญฺญาณคติโก เอวฯ

    Etthāti etesu atītādibhedesu buddhesu. Atha kiñcarahīti atha kasmā evaṃ ñāṇe asati tayā evaṃ kathitanti vadati. Dhammanvayoti dhammassa paccakkhato ñāṇassa anuyogaṃ anugantvā uppannaṃ anumānañāṇaṃ nayaggāho vidito, sāvakapāramīñāṇe ṭhatvāva iminā ākārena jānāmi bhagavāti vadati. Therassa hi nayaggāho appamāṇo apariyanto. Yathā ca sabbaññutaññāṇassa pamāṇaṃ vā pariyanto vā natthi, evaṃ dhammasenāpatino nayaggāhassa. Tena so – ‘‘iminā evaṃvidho iminā evaṃvidho, iminā anuttaro iminā anuttaro satthā’’ti jānāti. Therassa hi nayaggāho sabbaññutaññāṇagatiko eva.

    อิทานิ ตํ นยคฺคาหํ ปากฎํ กาตุํ อุปมํ ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปิ ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา มชฺฌิมเทเส นครสฺส อุทฺธาปปาการาทีนิ ถิรานิ วา โหนฺตุ ทุพฺพลานิ วา, สพฺพโส วา ปน มา โหนฺตุ, โจรานํ อาสงฺกา น โหติฯ ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวา ปจฺจนฺติมํ นครนฺติ อาหฯ ทฬฺหุทฺธาปนฺติ ถิรมูลปาการํฯ ทฬฺหปาการโตรณนฺติ ถิรปาการเญฺจว ถิรปิฎฺฐสงฺฆาฎญฺจฯ เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาห? พหุทฺวาเร หิ นคเร พหูหิ ปณฺฑิตโทวาริเกหิ ภวิตพฺพํ, เอกทฺวาเรว เอโก วฎฺฎติฯ เถรสฺส จ ปญฺญาย สทิโส อโญฺญ นตฺถิ, ตสฺมา อตฺตโน ปณฺฑิตภาวสฺส โอปมฺมตฺถํ เอกํเยว โทวาริกํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกทฺวาร’’นฺติ อาหฯ

    Idāni taṃ nayaggāhaṃ pākaṭaṃ kātuṃ upamaṃ dassento seyyathāpi bhantetiādimāha. Tattha yasmā majjhimadese nagarassa uddhāpapākārādīni thirāni vā hontu dubbalāni vā, sabbaso vā pana mā hontu, corānaṃ āsaṅkā na hoti. Tasmā taṃ aggahetvā paccantimaṃ nagaranti āha. Daḷhuddhāpanti thiramūlapākāraṃ. Daḷhapākāratoraṇanti thirapākārañceva thirapiṭṭhasaṅghāṭañca. Ekadvāranti kasmā āha? Bahudvāre hi nagare bahūhi paṇḍitadovārikehi bhavitabbaṃ, ekadvāreva eko vaṭṭati. Therassa ca paññāya sadiso añño natthi, tasmā attano paṇḍitabhāvassa opammatthaṃ ekaṃyeva dovārikaṃ dassetuṃ ‘‘ekadvāra’’nti āha.

    ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโตฯ พฺยโตฺตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต วิสทญาโณฯ เมธาวีติ ฐานุปฺปตฺติกปญฺญาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคโตฯ อนุปริยายปถนฺติ อนุปริยายนามกํ ปาการมคฺคํฯ ปาการสนฺธินฺติ ทฺวินฺนํ อิฎฺฐกานํ อปคตฎฺฐานํฯ ปาการวิวรนฺติ ปาการสฺส ฉินฺนฎฺฐานํฯ เจตโส อุปกฺกิเลเสติ ปญฺจนีวรณา จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสนฺติ กิลิฎฺฐํ กโรนฺติ อุปตาเปนฺติ วิเหเฐนฺติ, ตสฺมา ‘‘เจตโส อุปกฺกิเลสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณติ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปญฺญาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สุปติฎฺฐิตจิตฺตาติ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุฎฺฐุ ฐปิตจิตฺตา หุตฺวาฯ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตนฺติ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาฯ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธินฺติ อรหตฺตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปฎิวิชฺฌิํสูติ ทเสฺสติฯ

    Paṇḍitoti paṇḍiccena samannāgato. Byattoti veyyattiyena samannāgato visadañāṇo. Medhāvīti ṭhānuppattikapaññāsaṅkhātāya medhāya samannāgato. Anupariyāyapathanti anupariyāyanāmakaṃ pākāramaggaṃ. Pākārasandhinti dvinnaṃ iṭṭhakānaṃ apagataṭṭhānaṃ. Pākāravivaranti pākārassa chinnaṭṭhānaṃ. Cetaso upakkileseti pañcanīvaraṇā cittaṃ upakkilissanti kiliṭṭhaṃ karonti upatāpenti viheṭhenti, tasmā ‘‘cetaso upakkilesā’’ti vuccanti. Paññāya dubbalīkaraṇeti nīvaraṇā uppajjamānā anuppannāya paññāya uppajjituṃ na denti, tasmā ‘‘paññāya dubbalīkaraṇā’’ti vuccanti. Supatiṭṭhitacittāti catūsu satipaṭṭhānesu suṭṭhu ṭhapitacittā hutvā. Satta bojjhaṅge yathābhūtanti satta bojjhaṅge yathāsabhāvena bhāvetvā. Anuttaraṃ sammāsambodhinti arahattaṃ sabbaññutaññāṇaṃ paṭivijjhiṃsūti dasseti.

    อปิเจตฺถ สติปฎฺฐานาติ วิปสฺสนา, โพชฺฌงฺคา มโคฺค, อนุตฺตรสมฺมาสโมฺพธิ อรหตฺตํฯ สติปฎฺฐานาติ วา วิปสฺสนา, โพชฺฌงฺคามิสฺสกา, สมฺมาสโมฺพธิ อรหตฺตเมวฯ ทีฆภาณกมหาสีวเตฺถโร ปนาห ‘‘สติปฎฺฐาเน วิปสฺสนํ คเหตฺวา โพชฺฌเงฺค มโคฺค จ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปโญฺห ภเวยฺย, น ปเนวํ คหิต’’นฺติฯ อิติ เถโร สพฺพพุทฺธานํ นีวรณปฺปหาเน สติปฎฺฐานภาวนาย สโมฺพธิยญฺจ มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณรชตานํ วิย นานตฺตาภาวํ ทเสฺสติฯ

    Apicettha satipaṭṭhānāti vipassanā, bojjhaṅgā maggo, anuttarasammāsambodhi arahattaṃ. Satipaṭṭhānāti vā vipassanā, bojjhaṅgāmissakā, sammāsambodhi arahattameva. Dīghabhāṇakamahāsīvatthero panāha ‘‘satipaṭṭhāne vipassanaṃ gahetvā bojjhaṅge maggo ca sabbaññutaññāṇañcāti gahite sundaro pañho bhaveyya, na panevaṃ gahita’’nti. Iti thero sabbabuddhānaṃ nīvaraṇappahāne satipaṭṭhānabhāvanāya sambodhiyañca majjhe bhinnasuvaṇṇarajatānaṃ viya nānattābhāvaṃ dasseti.

    อิธ ฐตฺวา อุปมา สํสเนฺทตพฺพา – อายสฺมา หิ สาริปุโตฺต ปจฺจนฺตนครํ ทเสฺสสิ, ปาการํ ทเสฺสสิ, อนุปริยายปถํ ทเสฺสสิ, ทฺวารํ ทเสฺสสิ, ปณฺฑิตโทวาริกํ ทเสฺสสิ, นครํ ปวิสนกนิกฺขมนเก โอฬาริเก ปาเณ ทเสฺสสิ, โทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฎภาวํ ทเสฺสสิฯ ตตฺถ กิํ เกน สทิสนฺติ เจ? นครํ วิย หิ นิพฺพานํ, ปากาโร วิย สีลํ, อนุปริยายปโถ วิย หิรี, ทฺวารํ วิย อริยมโคฺค, ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ, นครํ ปวิสนกนิกฺขมนกา โอฬาริกปาณา วิย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา พุทฺธา, โทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฎภาโว วิย อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ พุทฺธานํ สีลสมถาทีหิ ปากฎภาโวฯ เอตฺตาวตา เถเรน ภควโต – ‘‘เอวมหํ สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวา ธมฺมนฺวเยน นยคฺคาเหน ชานามี’’ติ อตฺตโน สีหนาทสฺส อนุโยโค ทิโนฺน โหติฯ

    Idha ṭhatvā upamā saṃsandetabbā – āyasmā hi sāriputto paccantanagaraṃ dassesi, pākāraṃ dassesi, anupariyāyapathaṃ dassesi, dvāraṃ dassesi, paṇḍitadovārikaṃ dassesi, nagaraṃ pavisanakanikkhamanake oḷārike pāṇe dassesi, dovārikassa tesaṃ pāṇānaṃ pākaṭabhāvaṃ dassesi. Tattha kiṃ kena sadisanti ce? Nagaraṃ viya hi nibbānaṃ, pākāro viya sīlaṃ, anupariyāyapatho viya hirī, dvāraṃ viya ariyamaggo, paṇḍitadovāriko viya dhammasenāpati, nagaraṃ pavisanakanikkhamanakā oḷārikapāṇā viya atītānāgatapaccuppannā buddhā, dovārikassa tesaṃ pāṇānaṃ pākaṭabhāvo viya āyasmato sāriputtassa atītānāgatapaccuppannānaṃ buddhānaṃ sīlasamathādīhi pākaṭabhāvo. Ettāvatā therena bhagavato – ‘‘evamahaṃ sāvakapāramīñāṇe ṭhatvā dhammanvayena nayaggāhena jānāmī’’ti attano sīhanādassa anuyogo dinno hoti.

    ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘น โข เมตํ, ภเนฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อรหเนฺตสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เจโตปริยญาณํ อตฺถิ, อปิจ ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ วทติ, ตสฺมาฯ อภิกฺขณํ ภาเสยฺยาสีติ ปุนปฺปุนํ ภาเสยฺยาสิ, ‘‘ปุพฺพเณฺห เม กถิต’’นฺติ มา มชฺฌนฺหิกาทีสุ น กถยิตฺถ, ‘‘อชฺช วา เม กถิต’’นฺติ มา ปรทิวสาทีสุ น กถยิตฺถาติ อโตฺถฯ สา ปหียิสฺสตีติ ‘‘สาริปุตฺตสทิโสปิ นาม ญาณชวนสมฺปโนฺน สาวโก พุทฺธานํ จิตฺตาจารํ ชานิตุํ น สโกฺกติ, เอวํ อปฺปเมยฺยา ตถาคตา’’ติ จิเนฺตนฺตานํ ยา ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, สา ปหียิสฺสตีติฯ

    Tasmāti yasmā ‘‘na kho metaṃ, bhante, atītānāgatapaccuppannesu arahantesu sammāsambuddhesu cetopariyañāṇaṃ atthi, apica dhammanvayo vidito’’ti vadati, tasmā. Abhikkhaṇaṃ bhāseyyāsīti punappunaṃ bhāseyyāsi, ‘‘pubbaṇhe me kathita’’nti mā majjhanhikādīsu na kathayittha, ‘‘ajja vā me kathita’’nti mā paradivasādīsu na kathayitthāti attho. Sā pahīyissatīti ‘‘sāriputtasadisopi nāma ñāṇajavanasampanno sāvako buddhānaṃ cittācāraṃ jānituṃ na sakkoti, evaṃ appameyyā tathāgatā’’ti cintentānaṃ yā tathāgate kaṅkhā vā vimati vā, sā pahīyissatīti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. นาลนฺทสุตฺตํ • 2. Nālandasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. นาลนฺทสุตฺตวณฺณนา • 2. Nālandasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact