Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๒. นาลนฺทวโคฺค

    2. Nālandavaggo

    ๒. นาลนฺทสุตฺตวณฺณนา

    2. Nālandasuttavaṇṇanā

    ๓๗๘. ทุติยวเคฺค ปฐมสุตฺตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยนฺติ ตํ ลงฺฆิตฺวา ‘‘ทุติเย’’ติ วุตฺตํฯ

    378. Dutiyavagge paṭhamasuttaṃ heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyanti taṃ laṅghitvā ‘‘dutiye’’ti vuttaṃ.

    ภิยฺยตโร อภิญฺญาโตติ สโมฺพธิยา เสฎฺฐตโรติ อภิลกฺขิโตฯ ภิยฺยตราภิโญฺญติ สพฺพสเตฺตสุ อธิกตรปโญฺญฯ เตนาห ‘‘อุตฺตริตรญาโณ’’ติฯ สมฺมา อนวเสสโต พุชฺฌติ เอเตนาติ สโมฺพธีติ อาห – ‘‘สโมฺพธิยนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณ’’ติฯ นิปฺปเทสา คหิตาติ อนวเสสา พุทฺธคุณา คหิตา อคฺคมคฺคสิทฺธิยาว ภควโต สพฺพคุณานํ สิทฺธตฺตาฯ น เกวลญฺจ พุทฺธานํ, อถ โข อคฺคสาวกปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ ตํตํคุณสมิชฺฌนํ อคฺคมคฺคาธิคเมเนวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เทฺวปิ อคฺคสาวกา’’ติอาทิมาหฯ

    Bhiyyataro abhiññātoti sambodhiyā seṭṭhataroti abhilakkhito. Bhiyyatarābhiññoti sabbasattesu adhikatarapañño. Tenāha ‘‘uttaritarañāṇo’’ti. Sammā anavasesato bujjhati etenāti sambodhīti āha – ‘‘sambodhiyanti sabbaññutaññāṇe’’ti. Nippadesā gahitāti anavasesā buddhaguṇā gahitā aggamaggasiddhiyāva bhagavato sabbaguṇānaṃ siddhattā. Na kevalañca buddhānaṃ, atha kho aggasāvakapaccekabuddhānampi taṃtaṃguṇasamijjhanaṃ aggamaggādhigamenevāti dassento ‘‘dvepi aggasāvakā’’tiādimāha.

    อปโร นโย – ปสโนฺนติ อิมินา ปสาทสฺส วตฺตมานตา ทีปิตาติ อุปฺปนฺนสโทฺธติ อิมินาปิ สทฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนตา ปกาสิตาติ อาห – ‘‘เอวํ สทฺทหามีติ อโตฺถ’’ติฯ อภิชานาติ อภิมุขภาเวน สพฺพเญฺญยฺยํ ชานาตีติ อภิโญฺญ, ภิโยฺย อธิโก อภิโญฺญติ ภิโยฺยภิโญฺญฯ โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ภิโยฺยภิญฺญตโรติ วุโตฺตติ อาห – ‘‘ภิยฺยตโร อภิญฺญาโต’’ติฯ ทุติยวิกเปฺป ปน อภิชานาตีติ อภิญฺญา, อภิวิสิฎฺฐา ปญฺญาฯ ภิโยฺย อภิญฺญา เอตสฺสาติ ภิโยฺยภิโญฺญ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ภิโยฺยภิญฺญตโรฯ สฺวายํ อสฺส อติสโย อภิญฺญาย ภิโยฺยภาวกโตติ อาห – ‘‘ภิยฺยตราภิโญฺญ วา’’ติฯ สมฺพุชฺฌติ เอตายาติ สโมฺพธิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อคฺคมคฺคญาณญฺจฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานญฺหิ อคฺคมคฺคญาณํ, อคฺคมคฺคญาณปทฎฺฐานญฺจ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ สโมฺพธิ นามฯ ตตฺถ ปธานวเสน ตทตฺถทสฺสเน ปฐมวิกโปฺป, ปทฎฺฐานวเสน ทุติยวิกโปฺปฯ กสฺมา ปเนตฺถ อรหตฺตมคฺคญาณเสฺสว คหณํ, นนุ เหฎฺฐิมานิปิ ภควโต มคฺคญาณานิ สวาสนเมว ยถาสกํ ปฎิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตานิฯ สวาสนปฺปหานญฺหิ เญยฺยาวรณปฺปหานนฺติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณํ ปฎิปกฺขวิธมนสฺส วิปฺปกตภาวโตติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคญาเณ วา’’ติฯ สพฺพนฺติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน อธิคนฺตพฺพํ สพฺพํฯ

    Aparo nayo – pasannoti iminā pasādassa vattamānatā dīpitāti uppannasaddhoti imināpi saddhāya paccuppannatā pakāsitāti āha – ‘‘evaṃ saddahāmīti attho’’ti. Abhijānāti abhimukhabhāvena sabbaññeyyaṃ jānātīti abhiñño, bhiyyo adhiko abhiññoti bhiyyobhiñño. So eva atisayavacanicchāvasena bhiyyobhiññataroti vuttoti āha – ‘‘bhiyyataro abhiññāto’’ti. Dutiyavikappe pana abhijānātīti abhiññā, abhivisiṭṭhā paññā. Bhiyyo abhiññā etassāti bhiyyobhiñño, so eva atisayavacanicchāvasena bhiyyobhiññataro. Svāyaṃ assa atisayo abhiññāya bhiyyobhāvakatoti āha – ‘‘bhiyyatarābhiñño vā’’ti. Sambujjhati etāyāti sambodhi, sabbaññutaññāṇaṃ aggamaggañāṇañca. Sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānañhi aggamaggañāṇaṃ, aggamaggañāṇapadaṭṭhānañca sabbaññutaññāṇaṃ sambodhi nāma. Tattha padhānavasena tadatthadassane paṭhamavikappo, padaṭṭhānavasena dutiyavikappo. Kasmā panettha arahattamaggañāṇasseva gahaṇaṃ, nanu heṭṭhimānipi bhagavato maggañāṇāni savāsanameva yathāsakaṃ paṭipakkhavidhamanavasena pavattāni. Savāsanappahānañhi ñeyyāvaraṇappahānanti? Saccametaṃ, taṃ pana aparipuṇṇaṃ paṭipakkhavidhamanassa vippakatabhāvatoti āha ‘‘arahattamaggañāṇe vā’’ti. Sabbanti sammāsambuddhena adhigantabbaṃ sabbaṃ.

    ขาทนียานํ อุฬารตา สาตรสานุภาเวนาติ อาห ‘‘มธุเร อาคจฺฉตี’’ติฯ ปสํสาย อุฬารตา วิสิฎฺฐภาเวนาติ อาห – ‘‘เสเฎฺฐ’’ติฯ โอภาสสฺส อุฬารตา มหนฺตภาเวนาติ วุตฺตํ – ‘‘วิปุเล’’ติฯ อุสภสฺส อยนฺติ อาสภี, อิธ ปน อาสภี วิยาติ อาสภีฯ เตนาห – ‘‘อุสภสฺส วาจาสทิสี’’ติฯ เยน คุเณน สา ตํสทิสา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อจลา อสมฺปเวธี’’ติ วุตฺตํฯ ยโต กุโตจิ อนุสฺสวนํ อนุสฺสโวฯ วิชฺชาฎฺฐานาทีสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตํ อตฺถํ ญาเปนฺตี ปเวณี อาจริยปรมฺปราฯ เกวลํ อตฺตโน มติยา ‘‘อิติ กิร เอวํ กิรา’’ติ ปริกปฺปนา อิติกิราฯ ปิฎกสฺส คนฺถสฺส สมฺปทานโต ภูตโต ตสฺส คหณํ ปิฎกสมฺปทานํฯ ยถาสุตานํ อตฺตานํ อาการสฺส ปริวิตกฺกนํ อาการปริวิตโกฺกฯ ตเถวสฺส ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทิฎฺฐิยา นิชฺฌานกฺขมนํ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติฯ อาคมาธิคเมหิ วินา เกวลํ อนุสฺสุตโต ตกฺกมคฺคํ นิสฺสาย ตกฺกนํ ตโกฺกฯ อนุมานวิธิํ นิสฺสาย คหณํ นยคฺคาโหฯ ยสฺมา พุทฺธวิสเย ฐตฺวา ภควโต อยํ เถรสฺส โจทนา เถรสฺส จ โส อวิสโย, ตสฺมา ‘‘ปจฺจกฺขโต ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิยา’’ติ วุตฺตํฯ สีหนาโท วิยาติ สีหนาโทฯ ตํสทิสตา จสฺส เสฎฺฐภาเวน, โส เจตฺถ เอวํ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สีหนาโท’’ติอาทิมาหฯ อุนฺนาทยเนฺตนาติ อสนิสทิสํ กโรเนฺตนฯ

    Khādanīyānaṃ uḷāratā sātarasānubhāvenāti āha ‘‘madhure āgacchatī’’ti. Pasaṃsāya uḷāratā visiṭṭhabhāvenāti āha – ‘‘seṭṭhe’’ti. Obhāsassa uḷāratā mahantabhāvenāti vuttaṃ – ‘‘vipule’’ti. Usabhassa ayanti āsabhī, idha pana āsabhī viyāti āsabhī. Tenāha – ‘‘usabhassa vācāsadisī’’ti. Yena guṇena sā taṃsadisā, taṃ dassetuṃ ‘‘acalā asampavedhī’’ti vuttaṃ. Yato kutoci anussavanaṃ anussavo. Vijjāṭṭhānādīsu kataparicayānaṃ ācariyānaṃ taṃ taṃ atthaṃ ñāpentī paveṇī ācariyaparamparā. Kevalaṃ attano matiyā ‘‘iti kira evaṃ kirā’’ti parikappanā itikirā. Piṭakassa ganthassa sampadānato bhūtato tassa gahaṇaṃ piṭakasampadānaṃ. Yathāsutānaṃ attānaṃ ākārassa parivitakkanaṃ ākāraparivitakko. Tathevassa ‘‘evameta’’nti diṭṭhiyā nijjhānakkhamanaṃ diṭṭhinijjhānakkhanti. Āgamādhigamehi vinā kevalaṃ anussutato takkamaggaṃ nissāya takkanaṃ takko. Anumānavidhiṃ nissāya gahaṇaṃ nayaggāho. Yasmā buddhavisaye ṭhatvā bhagavato ayaṃ therassa codanā therassa ca so avisayo, tasmā ‘‘paccakkhato ñāṇena paṭivijjhitvā viyā’’ti vuttaṃ. Sīhanādo viyāti sīhanādo. Taṃsadisatā cassa seṭṭhabhāvena, so cettha evaṃ veditabboti dassento ‘‘sīhanādo’’tiādimāha. Unnādayantenāti asanisadisaṃ karontena.

    อนุโยคทาปนตฺถนฺติ อนุโยคํ โสธาเปตุํฯ วิมทฺทกฺขมญฺหิ สีหนาทํ นทโนฺต อตฺถโต อนุโยคํ โสเธติ นาม, อนุยุชฺฌโนฺต จ นํ โสธาเปติ นามฯ ทาตุนฺติ โสเธตุํฯ เกจิ ‘‘ทานตฺถ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํฯ น หิ โย สีหทานํ นทติ, โส เอว ตตฺถ อนุโยคํ เทตีติ ยุชฺชติฯ นิฆํสนนฺติ วิมทฺทนํฯ ธมมานนฺติ ตาปยมานํฯ ตาปนเญฺจตฺถ คคฺคริยา ธมฺมาปนสีเสน วทติฯ

    Anuyogadāpanatthanti anuyogaṃ sodhāpetuṃ. Vimaddakkhamañhi sīhanādaṃ nadanto atthato anuyogaṃ sodheti nāma, anuyujjhanto ca naṃ sodhāpeti nāma. Dātunti sodhetuṃ. Keci ‘‘dānattha’’nti atthaṃ vadanti, taṃ na yuttaṃ. Na hi yo sīhadānaṃ nadati, so eva tattha anuyogaṃ detīti yujjati. Nighaṃsananti vimaddanaṃ. Dhamamānanti tāpayamānaṃ. Tāpanañcettha gaggariyā dhammāpanasīsena vadati.

    สเพฺพ เตติ สเพฺพ เต อตีเต นิรุเทฺธ สมฺมาสมฺพุเทฺธฯ เตเนตํ ทเสฺสติ – เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ ตว อภินีหารโต โอรํ สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ ตาว สาวกญาณโคจเร ธเมฺม ปริจฺฉินฺทโนฺต มาราทโย วิย จ พุทฺธานํ โลกิยจิตฺตาจารํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิฯ เย ปน เต อพฺภตีตา, ตโต ปรโต ฉินฺนวฎุมา ฉินฺนปปญฺจา ปริยาทินฺนวฎฺฎา สพฺพทุกฺขวีติวตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ สเพฺพสมฺปิ ตว สาวกญาณสฺส อวิสยภูเต ธเมฺม กถํ ชานิสฺสสีติฯ เตนาติ สโมฺพธิสงฺขาเตน สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐาเนน อรหตฺตมคฺคญาเณนฯ เอวํสีลาติ ตาทิสสีลาฯ สมาธิปกฺขาติ สมาธิ จ สมาธิปกฺขา จ สมาธิปกฺขา เอกเทสสรูเปกเสสนเยนฯ ตตฺถ สมาธิปกฺขาติ วีริยสติโย ตทนุคุณา จ ธมฺมา เวทิตพฺพา ฯ ฌานสมาปตฺตีสุ เยภุเยฺยน วิหารโวหาโร, ฌานสมาปตฺติโย สมาธิปฺปธานาติ วุตฺตํ ‘‘สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโต’’ติฯ

    Sabbe teti sabbe te atīte niruddhe sammāsambuddhe. Tenetaṃ dasseti – ye te ahesuṃ atītamaddhānaṃ tava abhinīhārato oraṃ sammāsambuddhā, tesaṃ tāva sāvakañāṇagocare dhamme paricchindanto mārādayo viya ca buddhānaṃ lokiyacittācāraṃ tvaṃ jāneyyāsi. Ye pana te abbhatītā, tato parato chinnavaṭumā chinnapapañcā pariyādinnavaṭṭā sabbadukkhavītivattā sammāsambuddhā, tesaṃ sabbesampi tava sāvakañāṇassa avisayabhūte dhamme kathaṃ jānissasīti. Tenāti sambodhisaṅkhātena sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānena arahattamaggañāṇena. Evaṃsīlāti tādisasīlā. Samādhipakkhāti samādhi ca samādhipakkhā ca samādhipakkhā ekadesasarūpekasesanayena. Tattha samādhipakkhāti vīriyasatiyo tadanuguṇā ca dhammā veditabbā . Jhānasamāpattīsu yebhuyyena vihāravohāro, jhānasamāpattiyo samādhippadhānāti vuttaṃ ‘‘samādhipakkhānaṃ dhammānaṃ gahitattā vihāro gahito’’ti.

    ยถา ปน เหฎฺฐา คหิตาปิ สมาธิปญฺญา ปฎิปกฺขโต วิมุตฺตตฺตา วิมุจฺจน-สงฺขาต-กิจฺจวิเสส-ทสฺสนวเสน วิมุตฺติปริยาเยน ปุน คหิตา ‘‘เอวํวิมุตฺตา’’ติ, เอวํ ทิพฺพวิหาโร ทิพฺพวิหารวิเสสทสฺสนวเสน ปุน คหิโต ‘‘เอวํวิหารี’’ติ, ตสฺมา สเพฺพสํ สมาปตฺติวิหารานํ วเสเนตฺถ อโตฺถ ยุชฺชตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิมุตฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ วิมุจฺจิตฺถาติ กตฺวาฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธเนฺตติ ปฎิปฺปสฺสมฺภโนสาปเนนฯ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฎตฺตา อสํสฎฺฐตฺตา วิมุตฺตตฺตา จ นิสฺสรณวิมุตฺติ นิพฺพานํฯ

    Yathā pana heṭṭhā gahitāpi samādhipaññā paṭipakkhato vimuttattā vimuccana-saṅkhāta-kiccavisesa-dassanavasena vimuttipariyāyena puna gahitā ‘‘evaṃvimuttā’’ti, evaṃ dibbavihāro dibbavihāravisesadassanavasena puna gahito ‘‘evaṃvihārī’’ti, tasmā sabbesaṃ samāpattivihārānaṃ vasenettha attho yujjatīti daṭṭhabbaṃ. Vimuttīti saṅkhaṃ gacchanti vimuccitthāti katvā. Esa nayo sesesupi. Paṭippassaddhanteti paṭippassambhanosāpanena. Sabbakilesehi nissaṭattā asaṃsaṭṭhattā vimuttattā ca nissaraṇavimutti nibbānaṃ.

    อนาคตพุทฺธานํ ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโนฯ เตน อตีเตสุ ตาว ขนฺธานํ ภูตปุพฺพตฺตา ตตฺถ สิยา ญาณสฺส สวิสเย คติ, อนาคเตสุ ปน สพฺพโส อสญฺชาเตสุ กถนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติฯ เตนาห ‘‘อนาคตาปี’’ติอาทิฯ ‘‘อตฺตโน เจตสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ อตีตานาคเต สตฺตาเห เอว ปวตฺตํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณสฺส วิสโย, น ตโต ปรนฺติ? นยิทํ เจโตปริยญาณกิจฺจวเสน วุตฺตํ, อถ โข ปุเพฺพนิวาสอนาคตํสญาณานํ วเสน วุตฺตํ, ตสฺมา นายํ โทโสฯ วิทิตฎฺฐาเน น กโรติ สิกฺขาปเทเนว ตาทิสสฺส ปฎิเกฺขปสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตา เสตุฆาตโต จฯ กถํ ปน เถโร ทฺวยสมฺภเว ปฎิเกฺขปเมว อกาสิ, น วิภชฺช พฺยากาสีติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิฯ ปารํ ปริยนฺตํ มิโนตีติ ปารมี, สา เอว ญาณนฺติ ปารมิญาณํ, สาวกานํ ปารมิญาณํ สาวกปารมิญาณํฯ ตสฺมิํ สาวกานํ อุกฺกํสปริยนฺตคเต ชานเน นายมนุโยโค, อถ โข สพฺพญฺญุตญฺญาเณ สพฺพญฺญุตาย ชานเนฯ เกจิ ปน ‘‘สาวกปารมิญาเณติ สาวกปารมิญาณวิสเย’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตถา เสสปเทสุปิฯ สีล…เป.… สมตฺถนฺติ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติญาณสงฺขาตานํ การณานํ ชานนสมตฺถํฯ พุทฺธสีลาทโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธกิจฺจสฺส ปเรหิ เอเต พุทฺธาติ ชานนสฺส จ การณํฯ

    Anāgatabuddhānaṃ panāti pana-saddo visesatthajotano. Tena atītesu tāva khandhānaṃ bhūtapubbattā tattha siyā ñāṇassa savisaye gati, anāgatesu pana sabbaso asañjātesu kathanti imamatthaṃ joteti. Tenāha ‘‘anāgatāpī’’tiādi. ‘‘Attano cetasā paricchinditvā viditā’’ti kasmā vuttaṃ? Nanu atītānāgate sattāhe eva pavattaṃ cittaṃ cetopariyañāṇassa visayo, na tato paranti? Nayidaṃ cetopariyañāṇakiccavasena vuttaṃ, atha kho pubbenivāsaanāgataṃsañāṇānaṃ vasena vuttaṃ, tasmā nāyaṃ doso. Viditaṭṭhāne na karoti sikkhāpadeneva tādisassa paṭikkhepassa paṭikkhittattā setughātato ca. Kathaṃ pana thero dvayasambhave paṭikkhepameva akāsi, na vibhajja byākāsīti āha ‘‘thero kirā’’tiādi. Pāraṃ pariyantaṃ minotīti pāramī, sā eva ñāṇanti pāramiñāṇaṃ, sāvakānaṃ pāramiñāṇaṃ sāvakapāramiñāṇaṃ. Tasmiṃ sāvakānaṃ ukkaṃsapariyantagate jānane nāyamanuyogo, atha kho sabbaññutaññāṇe sabbaññutāya jānane. Keci pana ‘‘sāvakapāramiñāṇeti sāvakapāramiñāṇavisaye’’ti atthaṃ vadanti, tathā sesapadesupi. Sīla…pe… samatthanti sīlasamādhipaññāvimuttiñāṇasaṅkhātānaṃ kāraṇānaṃ jānanasamatthaṃ. Buddhasīlādayo hi buddhānaṃ buddhakiccassa parehi ete buddhāti jānanassa ca kāraṇaṃ.

    อนุมานญาณํ วิย สํสยฎฺฐิตํ อหุตฺวา อิทมิทนฺติ ยถาสภาวโต เญยฺยํ ธาเรติ นิจฺฉิโนตีติ ธโมฺม, ปจฺจกฺขญาณนฺติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต ญาณสฺสา’’ติฯ อนุเอตีติ อนฺวโยติ อาห ‘‘อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา’’ติฯ ปจฺจกฺขสิทฺธญฺหิ อตฺถํ อนุคนฺตฺวา อนุมานญาณสฺส ปวตฺติ ‘‘ทิเฎฺฐน อทิฎฺฐสฺส อนุมาน’’นฺติ เวทิตพฺพาฯ วิทิเต เวทกมฺปิ ญาณํ อตฺถโต วิทิตเมว โหตีติ ‘‘อนุมานญาณํ นยคฺคาโห วิทิโต’’ติ วุตฺตํฯ วิทิโตติ วิโทฺธ ปฎิลโทฺธ, อธิคโตติ อโตฺถฯ อปฺปมาโณติ อปริมาโณ มหาวิสยตฺตาฯ เตนาห ‘‘อปริยโนฺต’’ติฯ เตนาติ อปริยนฺตตฺตาฯ เตน วา อปริยเนฺตน ญาเณนฯ เอเตน เถโร ยํ ยํ อนุเมยฺยมตฺถํ ญาตุกาโม โหติ, ตตฺถ ตตฺถ ตสฺส อสงฺคมปฺปฎิหตํ อนุมานญาณํ ปวเตฺตตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘โส อิมินา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อิมินาติ อิมินา การเณนฯ

    Anumānañāṇaṃ viya saṃsayaṭṭhitaṃ ahutvā idamidanti yathāsabhāvato ñeyyaṃ dhāreti nicchinotīti dhammo, paccakkhañāṇanti āha ‘‘dhammassa paccakkhato ñāṇassā’’ti. Anuetīti anvayoti āha ‘‘anuyogaṃ anugantvā’’ti. Paccakkhasiddhañhi atthaṃ anugantvā anumānañāṇassa pavatti ‘‘diṭṭhena adiṭṭhassa anumāna’’nti veditabbā. Vidite vedakampi ñāṇaṃ atthato viditameva hotīti ‘‘anumānañāṇaṃ nayaggāho vidito’’ti vuttaṃ. Viditoti viddho paṭiladdho, adhigatoti attho. Appamāṇoti aparimāṇo mahāvisayattā. Tenāha ‘‘apariyanto’’ti. Tenāti apariyantattā. Tena vā apariyantena ñāṇena. Etena thero yaṃ yaṃ anumeyyamatthaṃ ñātukāmo hoti, tattha tattha tassa asaṅgamappaṭihataṃ anumānañāṇaṃ pavattetīti dasseti. Tenāha ‘‘so iminā’’tiādi. Tattha imināti iminā kāraṇena.

    ปาการสฺส ถิรภาวํ อุทฺธมุทฺธํ อาเปตีติ อุทฺธาปํ, ปาการมูลํฯ อาทิ-สเทฺทน ปาการทฺวารพนฺธปริขาทีนํ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ปจฺจเนฺต ภวํ ปจฺจนฺติมํฯ ปณฺฑิตโทวาริกฎฺฐานิยํ กตฺวา เถโร อตฺตานํ ทเสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาหา’’ติ โจทนํ สมุฎฺฐาเปสิฯ

    Pākārassa thirabhāvaṃ uddhamuddhaṃ āpetīti uddhāpaṃ, pākāramūlaṃ. Ādi-saddena pākāradvārabandhaparikhādīnaṃ saṅgaho veditabbo. Paccante bhavaṃ paccantimaṃ. Paṇḍitadovārikaṭṭhāniyaṃ katvā thero attānaṃ dassetīti dassento ‘‘ekadvāranti kasmā āhā’’ti codanaṃ samuṭṭhāpesi.

    ยสฺสา ปญฺญาย วเสน ปุริโส ปณฺฑิโตติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห – ‘‘ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโต’’ติฯ ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํฯ เมธติ อญฺญาณํ หิํสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวีฯ ฐาเน ฐาเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ ฐานุปฺปตฺติกา, ฐานโส อุปฺปชฺชนปญฺญาฯ อนุปริยายนฺติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โส เอว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุยายนมโคฺคฯ ปาการภาคา สมฺพนฺธิตพฺพา เอตฺถาติ ปาการสนฺธิ, ปาการสฺส ผุลฺลิตปเทโสฯ โส ปน เหฎฺฐิมเนฺตน ทฺวินฺนมฺปิ อิฎฺฐกานํ วิคเมน เอวํ วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ทฺวินฺนํ อิฎฺฐกานํ อปคตฎฺฐาน’’นฺติฯ ฉินฺนฎฺฐานนฺติ ฉินฺนภินฺนปเทสํ, ฉินฺนฎฺฐานํ วาฯ ตญฺหิ ‘‘วิวร’’นฺติ วุจฺจติฯ กีลิฎฺฐนฺติ มลีนํฯ อุปตาเปนฺตีติ กิเลสปริฬาเหน สนฺตาเปนฺติฯ วิพาเธนฺตีติ ปีเฬนฺติฯ อุปฺปนฺนาย ปญฺญาย นีวรเณหิ น กิญฺจิ กาตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนาย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺตี’’ติฯ ตสฺมาติ ปจฺจยูปฆาเตน อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโตฯ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุฎฺฐุ ฐปิตจิตฺตาติ จตุพฺพิธายปิ สติปฎฺฐานภาวนาย สมฺมเทว ฐปิตจิตฺตา อปฺปิตจิตฺตาฯ ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาติ ยาถาวโต สมฺมเทว ยถา ปฎิปกฺขา สมุจฺฉิชฺชนฺติ, เอวํ ภาเวตฺวาฯ

    Yassā paññāya vasena puriso paṇḍitoti vuccati, taṃ paṇḍiccanti āha – ‘‘paṇḍiccena samannāgato’’ti. Taṃtaṃitikattabbatāsu chekabhāvo byattabhāvo veyyattiyaṃ. Medhati aññāṇaṃ hiṃsati vidhamatīti medhā, sā etassa atthīti medhāvī. Ṭhāne ṭhāne uppatti etissā atthīti ṭhānuppattikā, ṭhānaso uppajjanapaññā. Anupariyāyanti etenāti anupariyāyo, so eva pathoti anupariyāyapatho, parito pākārassa anuyāyanamaggo. Pākārabhāgā sambandhitabbā etthāti pākārasandhi, pākārassa phullitapadeso. So pana heṭṭhimantena dvinnampi iṭṭhakānaṃ vigamena evaṃ vuccatīti āha – ‘‘dvinnaṃ iṭṭhakānaṃ apagataṭṭhāna’’nti. Chinnaṭṭhānanti chinnabhinnapadesaṃ, chinnaṭṭhānaṃ vā. Tañhi ‘‘vivara’’nti vuccati. Kīliṭṭhanti malīnaṃ. Upatāpentīti kilesapariḷāhena santāpenti. Vibādhentīti pīḷenti. Uppannāya paññāya nīvaraṇehi na kiñci kātuṃ sakkāti āha ‘‘anuppannāya paññāya uppajjituṃ na dentī’’ti. Tasmāti paccayūpaghātena uppajjituṃ appadānato. Catūsu satipaṭṭhānesu suṭṭhu ṭhapitacittāti catubbidhāyapi satipaṭṭhānabhāvanāya sammadeva ṭhapitacittā appitacittā. Yathāsabhāvena bhāvetvāti yāthāvato sammadeva yathā paṭipakkhā samucchijjanti, evaṃ bhāvetvā.

    ปุริมนเย สติปฎฺฐานานิ โพชฺฌงฺคา จ มิสฺสกา อธิเปฺปตาติ ตโต อญฺญถา วตฺตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มิสฺสกาติ สมถวิปสฺสนามคฺควเสน มิสฺสกาฯ ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตาติ ปฐมํ วุตฺตตฺตา สติปฎฺฐาเนสุ วิปสฺสนํ คเหตฺวา สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวาติ วุตฺตตฺตา มคฺคปริยาปนฺนานํเยว จ เนสํ นิปฺปริยายโพชฺฌงฺคภาวโต เตสุ จ อธิคตเมว โหตีติ โพชฺฌเงฺค มโคฺค จ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปโญฺห ภเวยฺยา’’ติ มหาสิวเตฺถโร อาหฯ น ปเนวํ คหิตํ โปราเณหีติ อธิปฺปาโยฯ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํฯ เถโรติ สาริปุตฺตเตฺถโรฯ

    Purimanaye satipaṭṭhānāni bojjhaṅgā ca missakā adhippetāti tato aññathā vattuṃ ‘‘apicetthā’’tiādi vuttaṃ. Missakāti samathavipassanāmaggavasena missakā. ‘‘Catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittāti paṭhamaṃ vuttattā satipaṭṭhānesu vipassanaṃ gahetvā satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvāti vuttattā maggapariyāpannānaṃyeva ca nesaṃ nippariyāyabojjhaṅgabhāvato tesu ca adhigatameva hotīti bojjhaṅge maggo ca sabbaññutaññāṇañcāti gahite sundaro pañho bhaveyyā’’ti mahāsivatthero āha. Na panevaṃ gahitaṃ porāṇehīti adhippāyo. Itīti vuttappakāraparāmasanaṃ. Theroti sāriputtatthero.

    ตตฺถาติ เตสุ ปจฺจนฺตนคราทีสุฯ นครํ วิย นิพฺพานํ ตทตฺถิเกหิ อุปคนฺตพฺพโต อุปคตานญฺจ ปริสฺสยรหิตสุขาธิคมฎฺฐานโตฯ ปากาโร วิย สีลํ ตทุปคตานํ ปริโต อารกฺขภาวโตฯ อนุปริยายปโถ วิย หิรี สีลปาการสฺส อธิฎฺฐานภาวโตฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ปริยายปโถติ โข ภิกฺขุ หิริยา เอตํ อธิวจน’’นฺติฯ ทฺวารํ วิย อริยมโคฺค นิพฺพานนครปฺปเวสเน อญฺชสภาวโตฯ ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ นิพฺพานนครํ ปวิฎฺฐปวิสนกานํ สตฺตานํ สลฺลกฺขณโตฯ ทิโนฺนติ ทาปิโต, โสธิโตติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Tatthāti tesu paccantanagarādīsu. Nagaraṃ viya nibbānaṃ tadatthikehi upagantabbato upagatānañca parissayarahitasukhādhigamaṭṭhānato. Pākāro viya sīlaṃ tadupagatānaṃ parito ārakkhabhāvato. Anupariyāyapatho viya hirī sīlapākārassa adhiṭṭhānabhāvato. Vuttañhetaṃ – ‘‘pariyāyapathoti kho bhikkhu hiriyā etaṃ adhivacana’’nti. Dvāraṃ viya ariyamaggo nibbānanagarappavesane añjasabhāvato. Paṇḍitadovāriko viya dhammasenāpati nibbānanagaraṃ paviṭṭhapavisanakānaṃ sattānaṃ sallakkhaṇato. Dinnoti dāpito, sodhitoti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๒. นาลนฺทสุตฺตํ • 2. Nālandasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. นาลนฺทสุตฺตวณฺณนา • 2. Nālandasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact