Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๐] ๑๐. นฬปานชาตกวณฺณนา

    [20] 10. Naḷapānajātakavaṇṇanā

    ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน นฬกปานคามํ ปตฺวา นฬกปานโปกฺขรณิยํ เกตกวเน วิหรโนฺต นฬทณฺฑเก อารพฺภ กเถสิฯ ตทา กิร ภิกฺขู นฬกปานโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา สูจิฆรตฺถาย สามเณเรหิ นฬทณฺฑเก คาหาเปตฺวา เต สพฺพตฺถกเมว ฉิเทฺท ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, มยํ สูจิฆรตฺถาย นฬทณฺฑเก คณฺหาเปม, เต มูลโต ยาว อคฺคา สพฺพตฺถกเมว ฉิทฺทา, กิํ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉิํสุฯ สตฺถา ‘‘อิทํ, ภิกฺขเว, มยฺหํ โปราณกอธิฎฺฐาน’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Disvāpadamanuttiṇṇanti idaṃ satthā kosalesu cārikaṃ caramāno naḷakapānagāmaṃ patvā naḷakapānapokkharaṇiyaṃ ketakavane viharanto naḷadaṇḍake ārabbha kathesi. Tadā kira bhikkhū naḷakapānapokkharaṇiyaṃ nhatvā sūcigharatthāya sāmaṇerehi naḷadaṇḍake gāhāpetvā te sabbatthakameva chidde disvā satthāraṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, mayaṃ sūcigharatthāya naḷadaṇḍake gaṇhāpema, te mūlato yāva aggā sabbatthakameva chiddā, kiṃ nu kho eta’’nti pucchiṃsu. Satthā ‘‘idaṃ, bhikkhave, mayhaṃ porāṇakaadhiṭṭhāna’’nti vatvā atītaṃ āhari.

    ปุเพฺพ กิร โส วนสโณฺฑ อรโญฺญ อโหสิฯ ตสฺสาปิ โปกฺขรณิยา เอโก ทกรกฺขโส โอติโณฺณติเณฺณ ขาทติฯ ตทา โพธิสโตฺต โรหิตมิคโปตกปฺปมาโณ กปิราชา หุตฺวา อสีติสหสฺสมตฺตวานรปริวุโต ยูถํ ปริหรโนฺต ตสฺมิํ อรเญฺญ วสติฯ โส วานรคณสฺส โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตาตา, อิมสฺมิํ อรเญฺญ วิสรุกฺขาปิ อมนุสฺสปริคฺคหิตโปกฺขรณิโยปิ โหนฺติ, ตุเมฺห อขาทิตปุพฺพํ ผลาผลํ ขาทนฺตา วา อปีตปุพฺพํ ปานียํ ปิวนฺตา วา มํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถา’’ติฯ เต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา เอกทิวสํ อคตปุพฺพฎฺฐานํ คตา ตตฺถ พหุเทว ทิวสํ จริตฺวา ปานียํ คเวสมานา เอกํ โปกฺขรณิํ ทิสฺวา ปานียํ อปิวิตฺวาว โพธิสตฺตสฺสาคมนํ โอโลกยมานา นิสีทิํสุฯ โพธิสโตฺต อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ ตาตา, ปานียํ น ปิวถา’’ติ อาหฯ ‘‘ตุมฺหากํ อาคมนํ โอโลเกมา’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ตาตา’’ติ โพธิสโตฺต โปกฺขรณิํ อาวิชฺฌิตฺวา ปทํ ปริจฺฉินฺทโนฺต โอติณฺณเมว ปสฺสิ, น อุตฺติณฺณํฯ โส ‘‘นิสฺสํสยํ เอสา อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ญตฺวา ‘‘สุฎฺฐุ โว กตํ, ตาตา, ปานียํ อปิวเนฺตหิ, อมนุสฺสปริคฺคหิตา อย’’นฺติ อาหฯ

    Pubbe kira so vanasaṇḍo arañño ahosi. Tassāpi pokkharaṇiyā eko dakarakkhaso otiṇṇotiṇṇe khādati. Tadā bodhisatto rohitamigapotakappamāṇo kapirājā hutvā asītisahassamattavānaraparivuto yūthaṃ pariharanto tasmiṃ araññe vasati. So vānaragaṇassa ovādaṃ adāsi ‘‘tātā, imasmiṃ araññe visarukkhāpi amanussapariggahitapokkharaṇiyopi honti, tumhe akhāditapubbaṃ phalāphalaṃ khādantā vā apītapubbaṃ pānīyaṃ pivantā vā maṃ paṭipuccheyyāthā’’ti. Te ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā ekadivasaṃ agatapubbaṭṭhānaṃ gatā tattha bahudeva divasaṃ caritvā pānīyaṃ gavesamānā ekaṃ pokkharaṇiṃ disvā pānīyaṃ apivitvāva bodhisattassāgamanaṃ olokayamānā nisīdiṃsu. Bodhisatto āgantvā ‘‘kiṃ tātā, pānīyaṃ na pivathā’’ti āha. ‘‘Tumhākaṃ āgamanaṃ olokemā’’ti. ‘‘Suṭṭhu, tātā’’ti bodhisatto pokkharaṇiṃ āvijjhitvā padaṃ paricchindanto otiṇṇameva passi, na uttiṇṇaṃ. So ‘‘nissaṃsayaṃ esā amanussapariggahitā’’ti ñatvā ‘‘suṭṭhu vo kataṃ, tātā, pānīyaṃ apivantehi, amanussapariggahitā aya’’nti āha.

    ทกรกฺขโสปิ เตสํ อโนตรณภาวํ ญตฺวา นีโลทโร ปณฺฑรมุโข สุรตฺตหตฺถปาโท พีภจฺฉทสฺสโน หุตฺวา อุทกํ ทฺวิธา กตฺวา นิกฺขมิตฺวา ‘‘กสฺมา นิสินฺนาตฺถ, โอตริตฺวา ปานียํ ปิวถา’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ปุจฺฉิ ‘‘ตฺวํ อิธ นิพฺพตฺตทกรกฺขโสสี’’ติ? ‘‘อาม, อห’’นฺติฯ ‘‘ตฺวํ โปกฺขรณิํ โอติณฺณเก ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ลภามิ, อหํ อิโธติณฺณํ อนฺตมโส สกุณิกํ อุปาทาย น กิญฺจิ มุญฺจามิ, ตุเมฺหปิ สเพฺพ ขาทิสฺสามี’’ติฯ ‘‘น มยํ อตฺตานํ ตุยฺหํ ขาทิตุํ ทสฺสามา’’ติฯ ‘‘ปานียํ ปน ปิวิสฺสถา’’ติฯ ‘‘อาม, ปานียํ ปิวิสฺสาม, น จ เต วสํ คมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘อถ กถํ ปานียํ ปิวิสฺสถา’’ติ? กิํ ปน ตฺวํ มญฺญสิ ‘‘โอตริตฺวา ปิวิสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘มยญฺหิ อโนตริตฺวา อสีติสหสฺสานิปิ เอกเมกํ นฬทณฺฑกํ คเหตฺวา อุปฺปลนาเฬน อุทกํ ปิวนฺตา วิย ตว โปกฺขรณิยา ปานียํ ปิวิสฺสาม, เอวํ โน ตฺวํ ขาทิตุํ น สกฺขิสฺสสี’’ติฯ เอตมตฺถํ วิทิตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมิสฺสา คาถาย ปุริมปททฺวยํ อภาสิ –

    Dakarakkhasopi tesaṃ anotaraṇabhāvaṃ ñatvā nīlodaro paṇḍaramukho surattahatthapādo bībhacchadassano hutvā udakaṃ dvidhā katvā nikkhamitvā ‘‘kasmā nisinnāttha, otaritvā pānīyaṃ pivathā’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto pucchi ‘‘tvaṃ idha nibbattadakarakkhasosī’’ti? ‘‘Āma, aha’’nti. ‘‘Tvaṃ pokkharaṇiṃ otiṇṇake labhasī’’ti? ‘‘Āma, labhāmi, ahaṃ idhotiṇṇaṃ antamaso sakuṇikaṃ upādāya na kiñci muñcāmi, tumhepi sabbe khādissāmī’’ti. ‘‘Na mayaṃ attānaṃ tuyhaṃ khādituṃ dassāmā’’ti. ‘‘Pānīyaṃ pana pivissathā’’ti. ‘‘Āma, pānīyaṃ pivissāma, na ca te vasaṃ gamissāmā’’ti. ‘‘Atha kathaṃ pānīyaṃ pivissathā’’ti? Kiṃ pana tvaṃ maññasi ‘‘otaritvā pivissantī’’ti. ‘‘Mayañhi anotaritvā asītisahassānipi ekamekaṃ naḷadaṇḍakaṃ gahetvā uppalanāḷena udakaṃ pivantā viya tava pokkharaṇiyā pānīyaṃ pivissāma, evaṃ no tvaṃ khādituṃ na sakkhissasī’’ti. Etamatthaṃ viditvā satthā abhisambuddho hutvā imissā gāthāya purimapadadvayaṃ abhāsi –

    ๒๐.

    20.

    ‘‘ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณํ, ทิสฺวาโนตริตํ ปท’’นฺติฯ

    ‘‘Disvā padamanuttiṇṇaṃ, disvānotaritaṃ pada’’nti.

    ตสฺสโตฺถ – ภิกฺขเว, โส กปิราชา ตสฺสา โปกฺขรณิยา เอกมฺปิ อุตฺติณฺณปทํ นาทฺทส, โอตริตํ ปน โอติณฺณปทเมว อทฺทสฯ เอวํ ทิสฺวา ปทํ อนุตฺติณฺณํ ทิสฺวาน โอตริตํ ปทํ ‘‘อทฺธายํ โปกฺขรณี อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ญตฺวา เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต สปริโส อาห –

    Tassattho – bhikkhave, so kapirājā tassā pokkharaṇiyā ekampi uttiṇṇapadaṃ nāddasa, otaritaṃ pana otiṇṇapadameva addasa. Evaṃ disvā padaṃ anuttiṇṇaṃ disvāna otaritaṃ padaṃ ‘‘addhāyaṃ pokkharaṇī amanussapariggahitā’’ti ñatvā tena saddhiṃ sallapanto sapariso āha –

    ‘‘นเฬน วาริํ ปิสฺสามา’’ติ;

    ‘‘Naḷena vāriṃ pissāmā’’ti;

    ตสฺสโตฺถ – มยํ ตว โปกฺขรณิยํ นเฬน ปานียํ ปิวิสฺสามาติฯ ปุน มหาสโตฺต อาห –

    Tassattho – mayaṃ tava pokkharaṇiyaṃ naḷena pānīyaṃ pivissāmāti. Puna mahāsatto āha –

    ‘‘เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสี’’ติ;

    ‘‘Neva maṃ tvaṃ vadhissasī’’ti;

    เอวํ นเฬน ปานียํ ปิวนฺตํ สปริสมฺปิ มํ ตฺวํ เนว วธิสฺสสีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ naḷena pānīyaṃ pivantaṃ saparisampi maṃ tvaṃ neva vadhissasīti attho.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา โพธิสโตฺต เอกํ นฬทณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ปารมิโย อาวเชฺชตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา มุเขน ธมิ, นโฬ อโนฺต กิญฺจิ คณฺฐิํ อเสเสตฺวา สพฺพตฺถกเมว สุสิโร อโหสิ ฯ อิมินา นิยาเมน อปรมฺปิ อปรมฺปิ อาหราเปตฺวา มุเขน ธมิตฺวา อทาสิฯ เอวํ สเนฺตปิ น สกฺกา นิฎฺฐาเปตุํ, ตสฺมา เอวํ น คเหตพฺพํฯ โพธิสโตฺต ปน ‘‘อิมํ โปกฺขรณิํ ปริวาเรตฺวา ชาตา สเพฺพปิ นฬา เอกจฺฉิทฺทา โหนฺตู’’ติ อธิฎฺฐาสิ ฯ โพธิสตฺตานญฺหิ หิตูปจารสฺส มหนฺตตาย อธิฎฺฐานํ สมิชฺฌติฯ ตโต ปฎฺฐาย สเพฺพปิ ตํ โปกฺขรณิํ ปริวาเรตฺวา อุฎฺฐิตนฬา เอกจฺฉิทฺทา ชาตาฯ อิมสฺมิญฺหิ กเปฺป จตฺตาริ กปฺปฎฺฐิยปาฎิหาริยานิ นามฯ กตมานิ จตฺตาริ? จเนฺท สสลกฺขณํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ ฐสฺสติ, วฎฺฎกชาตเก อคฺคิโน นิพฺพุตฎฺฐานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อคฺคิ น ฌายิสฺสติ, ฆฎีการนิเวสนฎฺฐานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อโนวสฺสกํ ฐสฺสติ, อิมํ โปกฺขรณิํ ปริวาเรตฺวา อุฎฺฐิตนฬา สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ เอกจฺฉิทฺทา ภวิสฺสนฺตีติ อิมานิ จตฺตาริ กปฺปฎฺฐิยปาฎิหาริยานิ นามฯ

    Evañca pana vatvā bodhisatto ekaṃ naḷadaṇḍakaṃ āharāpetvā pāramiyo āvajjetvā saccakiriyaṃ katvā mukhena dhami, naḷo anto kiñci gaṇṭhiṃ asesetvā sabbatthakameva susiro ahosi . Iminā niyāmena aparampi aparampi āharāpetvā mukhena dhamitvā adāsi. Evaṃ santepi na sakkā niṭṭhāpetuṃ, tasmā evaṃ na gahetabbaṃ. Bodhisatto pana ‘‘imaṃ pokkharaṇiṃ parivāretvā jātā sabbepi naḷā ekacchiddā hontū’’ti adhiṭṭhāsi . Bodhisattānañhi hitūpacārassa mahantatāya adhiṭṭhānaṃ samijjhati. Tato paṭṭhāya sabbepi taṃ pokkharaṇiṃ parivāretvā uṭṭhitanaḷā ekacchiddā jātā. Imasmiñhi kappe cattāri kappaṭṭhiyapāṭihāriyāni nāma. Katamāni cattāri? Cande sasalakkhaṇaṃ sakalampi imaṃ kappaṃ ṭhassati, vaṭṭakajātake aggino nibbutaṭṭhānaṃ sakalampi imaṃ kappaṃ aggi na jhāyissati, ghaṭīkāranivesanaṭṭhānaṃ sakalampi imaṃ kappaṃ anovassakaṃ ṭhassati, imaṃ pokkharaṇiṃ parivāretvā uṭṭhitanaḷā sakalampi imaṃ kappaṃ ekacchiddā bhavissantīti imāni cattāri kappaṭṭhiyapāṭihāriyāni nāma.

    โพธิสโตฺต เอวํ อธิฎฺฐหิตฺวา เอกํ นฬํ อาทาย นิสีทิฯ เตปิ อสีติสหสฺสวานรา เอเกกํ อาทาย โปกฺขรณิํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิํสุฯ เตปิ โพธิสตฺตสฺส นเฬน อากฑฺฒิตฺวา ปานียํ ปิวนกาเล สเพฺพ ตีเร นิสินฺนาว ปิวิํสุฯ เอวํ เตหิ ปานีเย ปิวิเต ทกรกฺขโส กิญฺจิ อลภิตฺวา อนตฺตมโน สกนิเวสนเมว คโตฯ โพธิสโตฺตปิ สปริวาโร อรญฺญเมว ปาวิสิฯ

    Bodhisatto evaṃ adhiṭṭhahitvā ekaṃ naḷaṃ ādāya nisīdi. Tepi asītisahassavānarā ekekaṃ ādāya pokkharaṇiṃ parivāretvā nisīdiṃsu. Tepi bodhisattassa naḷena ākaḍḍhitvā pānīyaṃ pivanakāle sabbe tīre nisinnāva piviṃsu. Evaṃ tehi pānīye pivite dakarakkhaso kiñci alabhitvā anattamano sakanivesanameva gato. Bodhisattopi saparivāro araññameva pāvisi.

    สตฺถา ปน ‘‘อิเมสํ, ภิกฺขเว, นฬานํ เอกจฺฉิทฺทภาโว นาม มยฺหเมเวตํ โปราณกอธิฎฺฐาน’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทกรกฺขโส เทวทโตฺต อโหสิ, อสีติสหสฺสวานรา พุทฺธปริสา, อุปายกุสโล ปน กปิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā pana ‘‘imesaṃ, bhikkhave, naḷānaṃ ekacchiddabhāvo nāma mayhamevetaṃ porāṇakaadhiṭṭhāna’’nti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā dakarakkhaso devadatto ahosi, asītisahassavānarā buddhaparisā, upāyakusalo pana kapirājā ahameva ahosi’’nti.

    นฬปานชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Naḷapānajātakavaṇṇanā dasamā.

    สีลวโคฺค ทุติโยฯ

    Sīlavaggo dutiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    นิโคฺรธํ ลกฺขณํ กณฺฑิ, วาตมิคํ ขราทิยํ;

    Nigrodhaṃ lakkhaṇaṃ kaṇḍi, vātamigaṃ kharādiyaṃ;

    ติปลฺลตฺถํ มาลุตญฺจ, มตภตฺต อยาจิตํ;

    Tipallatthaṃ mālutañca, matabhatta ayācitaṃ;

    นฬปานนฺติ เต ทสาติฯ

    Naḷapānanti te dasāti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๐. นฬปานชาตกํ • 20. Naḷapānajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact