Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๖. นามรูปเอกตฺตนานตฺตปโญฺห

    6. Nāmarūpaekattanānattapañho

    . ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, โก ปฎิสนฺทหตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘นามรูปํ โข, มหาราช, ปฎิสนฺทหตี’’ติฯ ‘‘กิํ อิมํ เยว นามรูปํ ปฎิสนฺทหตี’’ติ? ‘‘น โข, มหาราช, อิมํ เยว นามรูปํ ปฎิสนฺทหติ, อิมินา ปน, มหาราช, นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กเมฺมน อญฺญํ นามรูปํ ปฎิสนฺทหตี’’ติฯ ‘‘ยทิ, ภเนฺต, น อิมํ เยว นามรูปํ ปฎิสนฺทหติ, นนุ โส มุโตฺต ภวิสฺสติ ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ยทิ น ปฎิสนฺทเหยฺย, มุโตฺต ภเวยฺย ปาปเกหิ กเมฺมหิฯ ยสฺมา จ โข, มหาราช, ปฎิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    6. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, ko paṭisandahatī’’ti? Thero āha ‘‘nāmarūpaṃ kho, mahārāja, paṭisandahatī’’ti. ‘‘Kiṃ imaṃ yeva nāmarūpaṃ paṭisandahatī’’ti? ‘‘Na kho, mahārāja, imaṃ yeva nāmarūpaṃ paṭisandahati, iminā pana, mahārāja, nāmarūpena kammaṃ karoti sobhanaṃ vā pāpakaṃ vā, tena kammena aññaṃ nāmarūpaṃ paṭisandahatī’’ti. ‘‘Yadi, bhante, na imaṃ yeva nāmarūpaṃ paṭisandahati, nanu so mutto bhavissati pāpakehi kammehī’’ti? Thero āha ‘‘yadi na paṭisandaheyya, mutto bhaveyya pāpakehi kammehi. Yasmā ca kho, mahārāja, paṭisandahati, tasmā na mutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส อมฺพํ อวหเรยฺย, ตเมนํ อมฺพสามิโก คเหตฺวา รโญฺญ ทเสฺสยฺย ‘อิมินา เทว ปุริเสน มยฺหํ อมฺพา อวหฎา’ติ, โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, เทว, อิมสฺส อเมฺพ อวหรามิ, อเญฺญ เต อมฺพา, เย อิมินา โรปิตา, อเญฺญ เต อมฺพา, เย มยา อวหฎา, นาหํ ทณฺฑปฺปโตฺต’ติฯ กิํ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, ปุริมํ, ภเนฺต, อมฺพํ อปฺปจฺจกฺขาย ปจฺฉิเมน อเมฺพน โส ปุริโส ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กเมฺมน อญฺญํ นามรูปํ ปฎิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    ‘‘Opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kocideva puriso aññatarassa purisassa ambaṃ avahareyya, tamenaṃ ambasāmiko gahetvā rañño dasseyya ‘iminā deva purisena mayhaṃ ambā avahaṭā’ti, so evaṃ vadeyya ‘nāhaṃ, deva, imassa ambe avaharāmi, aññe te ambā, ye iminā ropitā, aññe te ambā, ye mayā avahaṭā, nāhaṃ daṇḍappatto’ti. Kiṃ nu kho so, mahārāja, puriso daṇḍappatto bhaveyyā’’ti? ‘‘Āma, bhante, daṇḍappatto bhaveyyā’’ti. ‘‘Kena kāraṇenā’’ti? ‘‘Kiñcāpi so evaṃ vadeyya, purimaṃ, bhante, ambaṃ appaccakkhāya pacchimena ambena so puriso daṇḍappatto bhaveyyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, iminā nāmarūpena kammaṃ karoti sobhanaṃ vā pāpakaṃ vā, tena kammena aññaṃ nāmarūpaṃ paṭisandahati, tasmā na mutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส สาลิํ อวหเรยฺย…เป.… อุจฺฉุํ อวหเรยฺย…เป.… ยถา มหาราช โกจิ ปุริโส เหมนฺตกาเล อคฺคิํ ชาเลตฺวา วิสิเพฺพตฺวา 1 อวิชฺฌาเปตฺวา ปกฺกเมยฺย, อถ โข โส อคฺคิ อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส เขตฺตํ ฑเหยฺย 2, ตเมนํ เขตฺตสามิโก คเหตฺวา รโญฺญ ทเสฺสยฺย ‘อิมินา, เทว, ปุริเสน มยฺหํ เขตฺตํ ทฑฺฒ’นฺติฯ โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, เทว, อิมสฺส เขตฺตํ ฌาเปมิ, อโญฺญ โส อคฺคิ, โย มยา อวิชฺฌาปิโต, อโญฺญ โส อคฺคิ, เยนิมสฺส เขตฺตํ ทฑฺฒํ, นาหํ ทณฺฑปฺปโตฺต’ติฯ กิํ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, ปุริมํ, ภเนฺต, อคฺคิํ อปฺปจฺจกฺขาย ปจฺฉิเมน อคฺคินา โส ปุริโส ทณฺฑปฺปโตฺต ภเวยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กเมฺมน อญฺญํ นามรูปํ ปฎิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    ‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kocideva puriso aññatarassa purisassa sāliṃ avahareyya…pe… ucchuṃ avahareyya…pe… yathā mahārāja koci puriso hemantakāle aggiṃ jāletvā visibbetvā 3 avijjhāpetvā pakkameyya, atha kho so aggi aññatarassa purisassa khettaṃ ḍaheyya 4, tamenaṃ khettasāmiko gahetvā rañño dasseyya ‘iminā, deva, purisena mayhaṃ khettaṃ daḍḍha’nti. So evaṃ vadeyya ‘nāhaṃ, deva, imassa khettaṃ jhāpemi, añño so aggi, yo mayā avijjhāpito, añño so aggi, yenimassa khettaṃ daḍḍhaṃ, nāhaṃ daṇḍappatto’ti. Kiṃ nu kho so, mahārāja, puriso daṇḍappatto bhaveyyā’’ti? ‘‘Āma, bhante, daṇḍappatto bhaveyyā’’ti. ‘‘Kena kāraṇenā’’ti? ‘‘Kiñcāpi so evaṃ vadeyya, purimaṃ, bhante, aggiṃ appaccakkhāya pacchimena agginā so puriso daṇḍappatto bhaveyyā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, iminā nāmarūpena kammaṃ karoti sobhanaṃ vā pāpakaṃ vā, tena kammena aññaṃ nāmarūpaṃ paṭisandahati, tasmā na mutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ปทีปํ อาทาย ปาสาทํ อภิรูหิตฺวา ภุเญฺชยฺย, ปทีโป ฌายมาโน ติณํ ฌาเปยฺย, ติณํ ฌายมานํ ฆรํ ฌาเปยฺย, ฆรํ ฌายมานํ คามํ ฌาเปยฺย, คามชโน ตํ ปุริสํ คเหตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘กิสฺส ตฺวํ, โภ ปุริส, คามํ ฌาเปสี’ติ, โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, โภ, คามํ ฌาเปมิ, อโญฺญ โส ปทีปคฺคิ, ยสฺสาหํ อาโลเกน ภุญฺชิํ, อโญฺญ โส อคฺคิ, เยน คาโม ฌาปิโต’ติ, เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคเจฺฉยฺยุํ, กสฺส ตฺวํ, มหาราช, อฎฺฎํ 5 ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘คามชนสฺส ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ การณา’’ติ? ‘‘กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เอว โส อคฺคิ นิพฺพโตฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิญฺจาปิ อญฺญํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อญฺญํ ปฎิสนฺธิสฺมิํ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา น มุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    ‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kocideva puriso padīpaṃ ādāya pāsādaṃ abhirūhitvā bhuñjeyya, padīpo jhāyamāno tiṇaṃ jhāpeyya, tiṇaṃ jhāyamānaṃ gharaṃ jhāpeyya, gharaṃ jhāyamānaṃ gāmaṃ jhāpeyya, gāmajano taṃ purisaṃ gahetvā evaṃ vadeyya ‘kissa tvaṃ, bho purisa, gāmaṃ jhāpesī’ti, so evaṃ vadeyya ‘nāhaṃ, bho, gāmaṃ jhāpemi, añño so padīpaggi, yassāhaṃ ālokena bhuñjiṃ, añño so aggi, yena gāmo jhāpito’ti, te vivadamānā tava santike āgaccheyyuṃ, kassa tvaṃ, mahārāja, aṭṭaṃ 6 dhāreyyāsī’’ti? ‘‘Gāmajanassa bhante’’ti. ‘‘Kiṃ kāraṇā’’ti? ‘‘Kiñcāpi so evaṃ vadeyya, api ca tato eva so aggi nibbatto’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, kiñcāpi aññaṃ māraṇantikaṃ nāmarūpaṃ, aññaṃ paṭisandhismiṃ nāmarūpaṃ, api ca tato yeva taṃ nibbattaṃ, tasmā na mutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ทหริํ ทาริกํ วาเรตฺวา สุงฺกํ ทตฺวา ปกฺกเมยฺยฯ สา อปเรน สมเยน มหตี อสฺส วยปฺปตฺตา, ตโต อโญฺญ ปุริโส สุงฺกํ ทตฺวา วิวาหํ กเรยฺย, อิตโร อาคนฺตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘กิสฺส ปน เม ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ภริยํ เนสี’ติ? โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ ตว ภริยํ เนมิ, อญฺญา สา ทาริกา ทหรี ตรุณี, ยา ตยา วาริตา จ ทินฺนสุงฺกา จ, อญฺญายํ ทาริกา มหตี วยปฺปตฺตา มยา วาริตา จ ทินฺนสุงฺกา จา’ติ, เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคเจฺฉยฺยุํฯ กสฺส ตฺวํ, มหาราช, อฎฺฎํ ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ปุริมสฺส ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ การณา’’ติ? ‘‘กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เยว สา มหตี นิพฺพตฺตา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิญฺจาปิ อญฺญํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อญฺญํ ปฎิสนฺธิสฺมิํ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา นปริมุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    ‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kocideva puriso dahariṃ dārikaṃ vāretvā suṅkaṃ datvā pakkameyya. Sā aparena samayena mahatī assa vayappattā, tato añño puriso suṅkaṃ datvā vivāhaṃ kareyya, itaro āgantvā evaṃ vadeyya ‘kissa pana me tvaṃ, ambho purisa, bhariyaṃ nesī’ti? So evaṃ vadeyya ‘nāhaṃ tava bhariyaṃ nemi, aññā sā dārikā daharī taruṇī, yā tayā vāritā ca dinnasuṅkā ca, aññāyaṃ dārikā mahatī vayappattā mayā vāritā ca dinnasuṅkā cā’ti, te vivadamānā tava santike āgaccheyyuṃ. Kassa tvaṃ, mahārāja, aṭṭaṃ dhāreyyāsī’’ti? ‘‘Purimassa bhante’’ti. ‘‘Kiṃ kāraṇā’’ti? ‘‘Kiñcāpi so evaṃ vadeyya, api ca tato yeva sā mahatī nibbattā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, kiñcāpi aññaṃ māraṇantikaṃ nāmarūpaṃ, aññaṃ paṭisandhismiṃ nāmarūpaṃ, api ca tato yeva taṃ nibbattaṃ, tasmā naparimutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส โคปาลกสฺส หตฺถโต ขีรฆฎํ กิณิตฺวา ตเสฺสว หเตฺถ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกเมยฺย ‘เสฺว คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ, ตํ อปรชฺชุ ทธิ สมฺปเชฺชยฺยฯ โส อาคนฺตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘เทหิ เม ขีรฆฎ’นฺติฯ โส ทธิํ ทเสฺสยฺยฯ อิตโร เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ ตว หตฺถโต ทธิํ กิณามิ, เทหิ เม ขีรฆฎ’นฺติฯ โส เอวํ วเทยฺย ‘อชานโต เต ขีรํ ทธิภูต’นฺติ เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคเจฺฉยฺยุํ, กสฺส ตฺวํ มหาราช, อฎฺฎํ ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘โคปาลกสฺส ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิํ การณา’’ติ? ‘‘กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิญฺจาปิ อญฺญํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อญฺญํ ปฎิสนฺธิสฺมิํ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา น ปริมุโตฺต ปาปเกหิ กเมฺมหี’’ติฯ

    ‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kocideva puriso gopālakassa hatthato khīraghaṭaṃ kiṇitvā tasseva hatthe nikkhipitvā pakkameyya ‘sve gahetvā gamissāmī’ti, taṃ aparajju dadhi sampajjeyya. So āgantvā evaṃ vadeyya ‘dehi me khīraghaṭa’nti. So dadhiṃ dasseyya. Itaro evaṃ vadeyya ‘nāhaṃ tava hatthato dadhiṃ kiṇāmi, dehi me khīraghaṭa’nti. So evaṃ vadeyya ‘ajānato te khīraṃ dadhibhūta’nti te vivadamānā tava santike āgaccheyyuṃ, kassa tvaṃ mahārāja, aṭṭaṃ dhāreyyāsī’’ti? ‘‘Gopālakassa bhante’’ti. ‘‘Kiṃ kāraṇā’’ti? ‘‘Kiñcāpi so evaṃ vadeyya, api ca tato yeva taṃ nibbatta’’nti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, kiñcāpi aññaṃ māraṇantikaṃ nāmarūpaṃ, aññaṃ paṭisandhismiṃ nāmarūpaṃ, api ca tato yeva taṃ nibbattaṃ, tasmā na parimutto pāpakehi kammehī’’ti.

    ‘‘กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ

    ‘‘Kallosi, bhante nāgasenā’’ti.

    นามรูปเอกตฺตนานตฺตปโญฺห ฉโฎฺฐฯ

    Nāmarūpaekattanānattapañho chaṭṭho.







    Footnotes:
    1. วิสีเวตฺวา (สี. ปี.)
    2. อุปฑเหยฺย (ก.)
    3. visīvetvā (sī. pī.)
    4. upaḍaheyya (ka.)
    5. อตฺถํ (สี. ปี.)
    6. atthaṃ (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact