Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๘๙] ๙. นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา
[289] 9. Nānāchandajātakavaṇṇanā
นานาฉนฺทา, มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อายสฺมโต อานนฺทสฺส อฎฺฐวรลาภํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เอกาทสกนิปาเต ชุณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๑๓ อาทโย) อาวิภวิสฺสติฯ
Nānāchandā, mahārājāti idaṃ satthā jetavane viharanto āyasmato ānandassa aṭṭhavaralābhaṃ ārabbha kathesi. Vatthu ekādasakanipāte juṇhajātake (jā. 1.11.13 ādayo) āvibhavissati.
อตีเต ปน โพธิสโตฺต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิฯ ตสฺส ฐานโต อปนีโต ปิตุ ปุโรหิโต อตฺถิฯ โส ทุคฺคโต หุตฺวา เอกสฺมิํ ชรเคเห วสติฯ อเถกทิวสํ โพธิสโตฺต อญฺญาตกเวเสน รตฺติภาเค นครํ ปริคฺคณฺหโนฺต วิจรติฯ ตเมนํ กตกมฺมโจรา เอกสฺมิํ สุราปาเน สุรํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ ฆเฎนาทาย อตฺตโน เคหํ คจฺฉนฺตา อนฺตรวีถิยํ ทิสฺวา ‘‘อเร โกสิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ปหริตฺวา อุตฺตริสาฎกํ คเหตฺวา ฆฎํ อุกฺขิปาเปตฺวา ตาเสนฺตา คจฺฉิํสุฯ โสปิ โข พฺราหฺมโณ ตสฺมิํ ขเณ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ฐิโต นกฺขตฺตํ โอโลเกโนฺต รโญฺญ อมิตฺตานํ หตฺถคตภาวํ ญตฺวา พฺราหฺมณิํ อามเนฺตสิฯ สา ‘‘กิํ, อยฺยา’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส สนฺติกํ อาคตาฯ อถ นํ โส อาห – ‘‘โภติ อมฺหากํ ราชา อมิตฺตานํ วสํ คโต’’ติฯ ‘‘อยฺย, กิํ เต รโญฺญ สนฺติเก ปวตฺติยา, พฺราหฺมณา ชานิสฺสนฺตี’’ติฯ
Atīte pana bodhisatto bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente tassa aggamahesiyā kucchimhi nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggahetvā pitu accayena rajjaṃ pāpuṇi. Tassa ṭhānato apanīto pitu purohito atthi. So duggato hutvā ekasmiṃ jaragehe vasati. Athekadivasaṃ bodhisatto aññātakavesena rattibhāge nagaraṃ pariggaṇhanto vicarati. Tamenaṃ katakammacorā ekasmiṃ surāpāne suraṃ pivitvā aparampi ghaṭenādāya attano gehaṃ gacchantā antaravīthiyaṃ disvā ‘‘are kosi tva’’nti vatvā paharitvā uttarisāṭakaṃ gahetvā ghaṭaṃ ukkhipāpetvā tāsentā gacchiṃsu. Sopi kho brāhmaṇo tasmiṃ khaṇe nikkhamitvā antaravīthiyaṃ ṭhito nakkhattaṃ olokento rañño amittānaṃ hatthagatabhāvaṃ ñatvā brāhmaṇiṃ āmantesi. Sā ‘‘kiṃ, ayyā’’ti vatvā vegena tassa santikaṃ āgatā. Atha naṃ so āha – ‘‘bhoti amhākaṃ rājā amittānaṃ vasaṃ gato’’ti. ‘‘Ayya, kiṃ te rañño santike pavattiyā, brāhmaṇā jānissantī’’ti.
ราชา พฺราหฺมณสฺส สทฺทํ สุตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ธุเตฺต อาห – ‘‘ทุคฺคโตมฺหิ, สามิ, อุตฺตราสงฺคํ คเหตฺวา วิสฺสเชฺชถ ม’’นฺติฯ เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตํ การุเญฺญน วิสฺสเชฺชสุํฯ โส เตสํ วสนเคหํ สลฺลเกฺขตฺวา นิวตฺติฯ อถ โปราณกปุโรหิโต พฺราหฺมโณปิ ‘‘โภติ, อมฺหากํ ราชา อมิตฺตหตฺถโต มุโตฺต’’ติ อาหฯ ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ตมฺปิ เคหํ สลฺลเกฺขตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิฯ โส วิภาตาย รตฺติยา พฺราหฺมเณ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘กิํ อาจริยา รตฺติํ นกฺขตฺตํ โอโลกยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘กิํ โสภน’’นฺติ? ‘‘โสภนํ, เทวา’’ติฯ ‘‘โกจิ คาโห นตฺถี’’ติฯ ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติฯ ราชา ‘‘อสุกเคหโต พฺราหฺมณํ ปโกฺกสถา’’ติ โปราณกปุโรหิตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘กิํ, อาจริย, รตฺติํ เต นกฺขตฺตํ ทิฎฺฐ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, เทวา’’ติฯ ‘‘อตฺถิ โกจิ คาโห’’ติฯ ‘‘อาม, มหาราช, อชฺช รตฺติํ ตุเมฺห อมิตฺตวสํ คนฺตฺวา มุหุเตฺตเนว มุตฺตา’’ติฯ ราชา ‘‘นกฺขตฺตชานนเกน นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ เสสพฺราหฺมเณ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ปสโนฺนสฺมิ เต, วรํ ตฺวํ คณฺหา’’ติ อาหฯ ‘‘มหาราช, ปุตฺตทาเรน สทฺธิํ มเนฺตตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติฯ ‘‘คจฺฉ มเนฺตตฺวา เอหี’’ติฯ
Rājā brāhmaṇassa saddaṃ sutvā thokaṃ gantvā dhutte āha – ‘‘duggatomhi, sāmi, uttarāsaṅgaṃ gahetvā vissajjetha ma’’nti. Te punappunaṃ kathentaṃ kāruññena vissajjesuṃ. So tesaṃ vasanagehaṃ sallakkhetvā nivatti. Atha porāṇakapurohito brāhmaṇopi ‘‘bhoti, amhākaṃ rājā amittahatthato mutto’’ti āha. Rājā tampi sutvā tampi gehaṃ sallakkhetvā pāsādaṃ abhiruhi. So vibhātāya rattiyā brāhmaṇe pakkosāpetvā ‘‘kiṃ ācariyā rattiṃ nakkhattaṃ olokayitthā’’ti pucchi. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Kiṃ sobhana’’nti? ‘‘Sobhanaṃ, devā’’ti. ‘‘Koci gāho natthī’’ti. ‘‘Natthi, devā’’ti. Rājā ‘‘asukagehato brāhmaṇaṃ pakkosathā’’ti porāṇakapurohitaṃ pakkosāpetvā ‘‘kiṃ, ācariya, rattiṃ te nakkhattaṃ diṭṭha’’nti pucchi. ‘‘Āma, devā’’ti. ‘‘Atthi koci gāho’’ti. ‘‘Āma, mahārāja, ajja rattiṃ tumhe amittavasaṃ gantvā muhutteneva muttā’’ti. Rājā ‘‘nakkhattajānanakena nāma evarūpena bhavitabba’’nti sesabrāhmaṇe nikkaḍḍhāpetvā ‘‘brāhmaṇa, pasannosmi te, varaṃ tvaṃ gaṇhā’’ti āha. ‘‘Mahārāja, puttadārena saddhiṃ mantetvā gaṇhissāmī’’ti. ‘‘Gaccha mantetvā ehī’’ti.
โส คนฺตฺวา พฺราหฺมณิญฺจ ปุตฺตญฺจ สุณิสญฺจ ทาสิญฺจ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘ราชา เม วรํ ททาติ, กิํ คณฺหามา’’ติ ปุจฺฉิฯ พฺราหฺมณี ‘‘มยฺหํ เธนุสตํ อาเนหี’’ติ อาห, ปุโตฺต ฉตฺตมาณโว นาม ‘‘มยฺหํ กุมุทวเณฺณหิ จตูหิ สินฺธเวหิ ยุตฺตํ อาชญฺญรถ’’นฺติ, สุณิสา ‘‘มยฺหํ มณิกุณฺฑลํ อาทิํ กตฺวา สพฺพาลงฺการ’’นฺติ, ปุณฺณา นาม ทาสี ‘‘มยฺหํ อุทุกฺขลมุสลเญฺจว สุปฺปญฺจา’’ติฯ พฺราหฺมโณ ปน คามวรํ คเหตุกาโม รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กิํ , พฺราหฺมณ, ปุจฺฉิโต เต ปุตฺตทาโร’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘อาม, เทว, ปุจฺฉิโต, อเนกจฺฉโนฺท’’ติ วตฺวา ปฐมํ คาถาทฺวยมาห –
So gantvā brāhmaṇiñca puttañca suṇisañca dāsiñca pakkositvā ‘‘rājā me varaṃ dadāti, kiṃ gaṇhāmā’’ti pucchi. Brāhmaṇī ‘‘mayhaṃ dhenusataṃ ānehī’’ti āha, putto chattamāṇavo nāma ‘‘mayhaṃ kumudavaṇṇehi catūhi sindhavehi yuttaṃ ājaññaratha’’nti, suṇisā ‘‘mayhaṃ maṇikuṇḍalaṃ ādiṃ katvā sabbālaṅkāra’’nti, puṇṇā nāma dāsī ‘‘mayhaṃ udukkhalamusalañceva suppañcā’’ti. Brāhmaṇo pana gāmavaraṃ gahetukāmo rañño santikaṃ gantvā ‘‘kiṃ , brāhmaṇa, pucchito te puttadāro’’ti puṭṭho ‘‘āma, deva, pucchito, anekacchando’’ti vatvā paṭhamaṃ gāthādvayamāha –
๑๑๕.
115.
‘‘นานาฉนฺทา มหาราช, เอกาคาเร วสามเส;
‘‘Nānāchandā mahārāja, ekāgāre vasāmase;
อหํ คามวรํ อิเจฺฉ, พฺราหฺมณี จ ควํ สตํฯ
Ahaṃ gāmavaraṃ icche, brāhmaṇī ca gavaṃ sataṃ.
๑๑๖.
116.
‘‘ปุโตฺต จ อาชญฺญรถํ, กญฺญา จ มณิกุณฺฑลํ;
‘‘Putto ca ājaññarathaṃ, kaññā ca maṇikuṇḍalaṃ;
ยา เจสา ปุณฺณิกา ชมฺมี, อุทุกฺขลํภิกงฺขตี’’ติฯ
Yā cesā puṇṇikā jammī, udukkhalaṃbhikaṅkhatī’’ti.
ตตฺถ อิเจฺฉติ อิจฺฉามิฯ ควํ สตนฺติ เธนูนํ คุนฺนํ สตํฯ กญฺญาติ สุณิสาฯ ยา เจสาติ ยา เอสา อมฺหากํ ฆเร ปุณฺณิกา นาม ทาสี, สา ชมฺมี ลามิกา สุปฺปมุสเลหิ สทฺธิํ อุทุกฺขลํ อภิกงฺขติ อิจฺฉตีติฯ
Tattha iccheti icchāmi. Gavaṃ satanti dhenūnaṃ gunnaṃ sataṃ. Kaññāti suṇisā. Yā cesāti yā esā amhākaṃ ghare puṇṇikā nāma dāsī, sā jammī lāmikā suppamusalehi saddhiṃ udukkhalaṃ abhikaṅkhati icchatīti.
ราชา ‘‘สเพฺพสํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ เทถา’’ติ อาณาเปโนฺต –
Rājā ‘‘sabbesaṃ icchiticchitaṃ dethā’’ti āṇāpento –
๑๑๗.
117.
‘‘พฺราหฺมณสฺส คามวรํ, พฺราหฺมณิยา ควํ สตํ;
‘‘Brāhmaṇassa gāmavaraṃ, brāhmaṇiyā gavaṃ sataṃ;
ปุตฺตสฺส อาชญฺญรถํ, กญฺญาย มณิกุณฺฑลํ;
Puttassa ājaññarathaṃ, kaññāya maṇikuṇḍalaṃ;
ยเญฺจตํ ปุณฺณิกํ ชมฺมิํ, ปฎิปาเทถุทุกฺขล’’นฺติฯ – คาถมาห;
Yañcetaṃ puṇṇikaṃ jammiṃ, paṭipādethudukkhala’’nti. – gāthamāha;
ตตฺถ ยเญฺจตนฺติ ยญฺจ เอตํ ปุณฺณิกนฺติ วทติ, ตํ ชมฺมิํ อุทุกฺขลํ ปฎิปาเทถ สมฺปฎิจฺฉาเปถาติฯ
Tattha yañcetanti yañca etaṃ puṇṇikanti vadati, taṃ jammiṃ udukkhalaṃ paṭipādetha sampaṭicchāpethāti.
อิติ ราชา พฺราหฺมเณน ปตฺถิตญฺจ อญฺญญฺจ มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย อมฺหากํ กตฺตพฺพกิเจฺจสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชา’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ อตฺตโน สนฺติเก อกาสิฯ
Iti rājā brāhmaṇena patthitañca aññañca mahantaṃ yasaṃ datvā ‘‘ito paṭṭhāya amhākaṃ kattabbakiccesu ussukkaṃ āpajjā’’ti vatvā brāhmaṇaṃ attano santike akāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานโนฺท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā brāhmaṇo ānando ahosi, rājā pana ahameva ahosi’’nti.
นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Nānāchandajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๘๙. นานาฉนฺทชาตกํ • 289. Nānāchandajātakaṃ