Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตํ

    10. Nānātitthiyasāvakasuttaṃ

    ๑๑๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสาวกา เทวปุตฺตา อสโม จ สหลิ 1 จ นีโก 2 จ อาโกฎโก จ เวคพฺภริ จ 3 มาณวคามิโย จ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข อสโม เทวปุโตฺต ปูรณํ กสฺสปํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

    111. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho sambahulā nānātitthiyasāvakā devaputtā asamo ca sahali 4 ca nīko 5 ca ākoṭako ca vegabbhari ca 6 māṇavagāmiyo ca abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ veḷuvanaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhito kho asamo devaputto pūraṇaṃ kassapaṃ ārabbha bhagavato santike imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘อิธ ฉินฺทิตมาริเต, หตชานีสุ กสฺสโป;

    ‘‘Idha chinditamārite, hatajānīsu kassapo;

    น ปาปํ สมนุปสฺสติ, ปุญฺญํ วา ปน อตฺตโน;

    Na pāpaṃ samanupassati, puññaṃ vā pana attano;

    ส เว วิสฺสาสมาจิกฺขิ, สตฺถา อรหติ มานน’’นฺติฯ

    Sa ve vissāsamācikkhi, satthā arahati mānana’’nti.

    อถ โข สหลิ เทวปุโตฺต มกฺขลิํ โคสาลํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Atha kho sahali devaputto makkhaliṃ gosālaṃ ārabbha bhagavato santike imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘ตโปชิคุจฺฉาย สุสํวุตโตฺต,

    ‘‘Tapojigucchāya susaṃvutatto,

    วาจํ ปหาย กลหํ ชเนน;

    Vācaṃ pahāya kalahaṃ janena;

    สโมสวชฺชา วิรโต สจฺจวาที,

    Samosavajjā virato saccavādī,

    น หิ นูน ตาทิสํ กโรติ 7 ปาป’’นฺติฯ

    Na hi nūna tādisaṃ karoti 8 pāpa’’nti.

    อถ โข นีโก เทวปุโตฺต นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ 9 อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Atha kho nīko devaputto nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ 10 ārabbha bhagavato santike imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘เชคุจฺฉี นิปโก ภิกฺขุ, จาตุยามสุสํวุโต;

    ‘‘Jegucchī nipako bhikkhu, cātuyāmasusaṃvuto;

    ทิฎฺฐํ สุตญฺจ อาจิกฺขํ, น หิ นูน กิพฺพิสี สิยา’’ติฯ

    Diṭṭhaṃ sutañca ācikkhaṃ, na hi nūna kibbisī siyā’’ti.

    อถ โข อาโกฎโก เทวปุโตฺต นานาติตฺถิเย อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Atha kho ākoṭako devaputto nānātitthiye ārabbha bhagavato santike imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘ปกุธโก กาติยาโน นิคโณฺฐ,

    ‘‘Pakudhako kātiyāno nigaṇṭho,

    เย จาปิเม มกฺขลิปูรณาเส;

    Ye cāpime makkhalipūraṇāse;

    คณสฺส สตฺถาโร สามญฺญปฺปตฺตา,

    Gaṇassa satthāro sāmaññappattā,

    น หิ นูน เต สปฺปุริเสหิ ทูเร’’ติฯ

    Na hi nūna te sappurisehi dūre’’ti.

    อถ โข เวคพฺภริ เทวปุโตฺต อาโกฎกํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

    Atha kho vegabbhari devaputto ākoṭakaṃ devaputtaṃ gāthāya paccabhāsi –

    ‘‘สหาจริเตน 11 ฉโว สิคาโล 12,

    ‘‘Sahācaritena 13 chavo sigālo 14,

    น โกตฺถุโก สีหสโม กทาจิ;

    Na kotthuko sīhasamo kadāci;

    นโคฺค มุสาวาที คณสฺส สตฺถา,

    Naggo musāvādī gaṇassa satthā,

    สงฺกสฺสราจาโร น สตํ สริโกฺข’’ติฯ

    Saṅkassarācāro na sataṃ sarikkho’’ti.

    อถ โข มาโร ปาปิมา เพคพฺภริํ เทวปุตฺตํ อนฺวาวิสิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Atha kho māro pāpimā begabbhariṃ devaputtaṃ anvāvisitvā bhagavato santike imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘ตโปชิคุจฺฉาย อายุตฺตา, ปาลยํ ปวิเวกิยํ;

    ‘‘Tapojigucchāya āyuttā, pālayaṃ pavivekiyaṃ;

    รูเป จ เย นิวิฎฺฐาเส, เทวโลกาภินนฺทิโน;

    Rūpe ca ye niviṭṭhāse, devalokābhinandino;

    เต เว สมฺมานุสาสนฺติ, ปรโลกาย มาติยา’’ติฯ

    Te ve sammānusāsanti, paralokāya mātiyā’’ti.

    อถ โข ภควา, ‘มาโร อยํ ปาปิมา’ อิติ วิทิตฺวา, มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –

    Atha kho bhagavā, ‘māro ayaṃ pāpimā’ iti viditvā, māraṃ pāpimantaṃ gāthāya paccabhāsi –

    ‘‘เย เกจิ รูปา อิธ วา หุรํ วา,

    ‘‘Ye keci rūpā idha vā huraṃ vā,

    เย จนฺตลิกฺขสฺมิํ ปภาสวณฺณา;

    Ye cantalikkhasmiṃ pabhāsavaṇṇā;

    สเพฺพว เต เต นมุจิปฺปสตฺถา,

    Sabbeva te te namucippasatthā,

    อามิสํว มจฺฉานํ วธาย ขิตฺตา’’ติฯ

    Āmisaṃva macchānaṃ vadhāya khittā’’ti.

    อถ โข มาณวคามิโย เทวปุโตฺต ภควนฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –

    Atha kho māṇavagāmiyo devaputto bhagavantaṃ ārabbha bhagavato santike imā gāthāyo abhāsi –

    ‘‘วิปุโล ราชคหียานํ, คิริเสโฎฺฐ ปวุจฺจติ;

    ‘‘Vipulo rājagahīyānaṃ, giriseṭṭho pavuccati;

    เสโต หิมวตํ เสโฎฺฐ, อาทิโจฺจ อฆคามินํฯ

    Seto himavataṃ seṭṭho, ādicco aghagāminaṃ.

    ‘‘สมุโทฺท อุทธินํ เสโฎฺฐ, นกฺขตฺตานญฺจ จนฺทิมา 15;

    ‘‘Samuddo udadhinaṃ seṭṭho, nakkhattānañca candimā 16;

    สเทวกสฺส โลกสฺส, พุโทฺธ อโคฺค ปวุจฺจตี’’ติฯ

    Sadevakassa lokassa, buddho aggo pavuccatī’’ti.

    นานาติตฺถิยวโคฺค ตติโยฯ

    Nānātitthiyavaggo tatiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    สิโว เขโม จ เสรี จ, ฆฎี ชนฺตุ จ โรหิโต;

    Sivo khemo ca serī ca, ghaṭī jantu ca rohito;

    นโนฺท นนฺทิวิสาโล จ, สุสิโม นานาติตฺถิเยน เต ทสาติฯ

    Nando nandivisālo ca, susimo nānātitthiyena te dasāti.

    เทวปุตฺตสํยุตฺตํ สมตฺตํฯ

    Devaputtasaṃyuttaṃ samattaṃ.







    Footnotes:
    1. สหลี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. นิโงฺก (สี. ปี.), นิโก (สฺยา. กํ.)
    3. เวฎมฺพรี จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    4. sahalī (sī. syā. kaṃ. pī.)
    5. niṅko (sī. pī.), niko (syā. kaṃ.)
    6. veṭambarī ca (sī. syā. kaṃ. pī.)
    7. น ห นุน ตาที ปกโรติ (สี. สฺยา. กํ.)
    8. na ha nuna tādī pakaroti (sī. syā. kaṃ.)
    9. นาถปุตฺตํ (สี.)
    10. nāthaputtaṃ (sī.)
    11. สหารเวนาปิ (ก. สี.), สคารเวนาปิ (ปี.)
    12. สิงฺคาโล (ก.)
    13. sahāravenāpi (ka. sī.), sagāravenāpi (pī.)
    14. siṅgālo (ka.)
    15. นกฺขตฺตานํว จนฺทิมา (ก.)
    16. nakkhattānaṃva candimā (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา • 10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา • 10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact