Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา
10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā
๑๑๑. ทสเม นานาติตฺถิยสาวกาติ เต กิร กมฺมวาทิโน อเหสุํ, ตสฺมา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตา, เต ‘‘อตฺตโน อตฺตโน สตฺถริ ปสาเทน นิพฺพตฺตมฺหา’’ติ สญฺญิโน หุตฺวา ‘‘คจฺฉาม ทสพลสฺส สนฺติเก ฐตฺวา อมฺหากํ สตฺถารานํ วณฺณํ กเถสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา ปเจฺจกคาถาหิ กถยิํสุฯ ตตฺถ ฉินฺทิตมาริเตติ ฉินฺทิเต จ มาริเต จฯ หตชานีสูติ โปถเน จ ธนชานีสุ จฯ ปุญฺญํ วา ปนาติ อตฺตโน ปุญฺญมฺปิ น สมนุปสฺสติ, สเงฺขปโต ปุญฺญาปุญฺญานํ วิปาโก นตฺถีติ วทติฯ ส เว วิสฺสาสมาจิกฺขีติ โส – ‘‘เอวํ กตปาปานมฺปิ กตปุญฺญานมฺปิ วิปาโก นตฺถี’’ติ วทโนฺต สตฺตานํ วิสฺสาสํ อวสฺสยํ ปติฎฺฐํ อาจิกฺขติ, ตสฺมา มานนํ วนฺทนํ ปูชนํ อรหตีติ วทติฯ
111. Dasame nānātitthiyasāvakāti te kira kammavādino ahesuṃ, tasmā dānādīni puññāni katvā sagge nibbattā, te ‘‘attano attano satthari pasādena nibbattamhā’’ti saññino hutvā ‘‘gacchāma dasabalassa santike ṭhatvā amhākaṃ satthārānaṃ vaṇṇaṃ kathessāmā’’ti āgantvā paccekagāthāhi kathayiṃsu. Tattha chinditamāriteti chindite ca mārite ca. Hatajānīsūti pothane ca dhanajānīsu ca. Puññaṃ vā panāti attano puññampi na samanupassati, saṅkhepato puññāpuññānaṃ vipāko natthīti vadati. Sa ve vissāsamācikkhīti so – ‘‘evaṃ katapāpānampi katapuññānampi vipāko natthī’’ti vadanto sattānaṃ vissāsaṃ avassayaṃ patiṭṭhaṃ ācikkhati, tasmā mānanaṃ vandanaṃ pūjanaṃ arahatīti vadati.
ตโปชิคุจฺฉายาติ กายกิลมถตเปน ปาปชิคุจฺฉเนนฯ สุสํวุตโตฺตติ สมนฺนาคโต ปิหิโต วาฯ เชคุจฺฉีติ ตเปน ปาปชิคุจฺฉโกฯ นิปโกติ ปณฺฑิโตฯ จาตุยามสุสํวุโตติ จาตุยาเมน สุสํวุโตฯ จาตุยาโม นาม สพฺพวาริวาริโต จ โหติ สพฺพวาริยุโตฺต จ สพฺพวาริธุโต จ สพฺพวาริผุโฎ จาติ อิเม จตฺตาโร โกฎฺฐาสาฯ ตตฺถ สพฺพวาริวาริโตติ วาริตสพฺพอุทโก, ปฎิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทโกติ อโตฺถฯ โส กิร สีโตทเก สตฺตสญฺญี โหติ , ตสฺมา ตํ น วลเญฺชติฯ สพฺพวาริยุโตฺตติ สเพฺพน ปาปวารเณน ยุโตฯ สพฺพวาริธุโตติ สเพฺพน ปาปวารเณน ธุตปาโป ฯ สพฺพวาริผุโฎติ สเพฺพน ปาปวารเณน ผุโฎฺฐฯ ทิฎฺฐํ สุตญฺจ อาจิกฺขนฺติ ทิฎฺฐํ ‘‘ทิฎฺฐํ เม’’ติ สุตํ ‘‘สุตํ เม’’ติ อาจิกฺขโนฺต, น นิคุหโนฺตฯ น หิ นูน กิพฺพิสีติ เอวรูโป สตฺถา กิพฺพิสการโก นาม น โหติฯ
Tapojigucchāyāti kāyakilamathatapena pāpajigucchanena. Susaṃvutattoti samannāgato pihito vā. Jegucchīti tapena pāpajigucchako. Nipakoti paṇḍito. Cātuyāmasusaṃvutoti cātuyāmena susaṃvuto. Cātuyāmo nāma sabbavārivārito ca hoti sabbavāriyutto ca sabbavāridhuto ca sabbavāriphuṭo cāti ime cattāro koṭṭhāsā. Tattha sabbavārivāritoti vāritasabbaudako, paṭikkhittasabbasītodakoti attho. So kira sītodake sattasaññī hoti , tasmā taṃ na valañjeti. Sabbavāriyuttoti sabbena pāpavāraṇena yuto. Sabbavāridhutoti sabbena pāpavāraṇena dhutapāpo . Sabbavāriphuṭoti sabbena pāpavāraṇena phuṭṭho. Diṭṭhaṃ sutañca ācikkhanti diṭṭhaṃ ‘‘diṭṭhaṃ me’’ti sutaṃ ‘‘sutaṃ me’’ti ācikkhanto, na niguhanto. Na hi nūna kibbisīti evarūpo satthā kibbisakārako nāma na hoti.
นานาติตฺถิเยติ โส กิร นานาติตฺถิยานํเยว อุปฎฺฐาโก, ตสฺมา เต อารพฺภ วทติฯ ปกุธโก กาติยาโนติ ปกุโธ กจฺจายโนฯ นิคโณฺฐติ นาฎปุโตฺตฯ มกฺขลิปูรณาเสติ มกฺขลิ จ ปูรโณ จฯ สามญฺญปฺปตฺตาติ สมณธเมฺม โกฎิปฺปตฺตาฯ น หิ นูน เตติ สปฺปุริเสหิ น ทูเร, เตเยว โลเก สปฺปุริสาติ วทติฯ ปจฺจภาสีติ ‘‘อยํ อาโกฎโก อิเมสํ นคฺคนิสฺสิริกานํ ทสพลสฺส สนฺติเก ฐตฺวา วณฺณํ กเถตีติ เตสํ อวณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ ปติอภาสีติฯ
Nānātitthiyeti so kira nānātitthiyānaṃyeva upaṭṭhāko, tasmā te ārabbha vadati. Pakudhako kātiyānoti pakudho kaccāyano. Nigaṇṭhoti nāṭaputto. Makkhalipūraṇāseti makkhali ca pūraṇo ca. Sāmaññappattāti samaṇadhamme koṭippattā. Na hi nūna teti sappurisehi na dūre, teyeva loke sappurisāti vadati. Paccabhāsīti ‘‘ayaṃ ākoṭako imesaṃ nagganissirikānaṃ dasabalassa santike ṭhatvā vaṇṇaṃ kathetīti tesaṃ avaṇṇaṃ kathessāmī’’ti patiabhāsīti.
ตตฺถ สหาจริเตนาติ สห จริตมเตฺตนฯ ฉโว สิคาโลติ ลามโก กาลสิคาโลฯ โกตฺถุโกติ ตเสฺสว เววจนํฯ สงฺกสฺสราจาโรติ อาสงฺกิตสมาจาโรฯ น สตํ สริโกฺขติ ปณฺฑิตานํ สปฺปุริสานํ สทิโส น โหติ, กิํ ตฺวํ กาลสิคาลสทิเส ติตฺถิเย สีเห กโรสีติ?
Tattha sahācaritenāti saha caritamattena. Chavo sigāloti lāmako kālasigālo. Kotthukoti tasseva vevacanaṃ. Saṅkassarācāroti āsaṅkitasamācāro. Na sataṃ sarikkhoti paṇḍitānaṃ sappurisānaṃ sadiso na hoti, kiṃ tvaṃ kālasigālasadise titthiye sīhe karosīti?
อนฺวาวิสิตฺวาติ ‘‘อยํ เอวรูปานํ สตฺถารานํ อวณฺณํ กเถติ, เตเนว นํ มุเขน วณฺณํ กถาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺส สรีเร อนุอาวิสิ อธิมุจฺจิ, เอวํ อนฺวาวิสิตฺวาฯ อายุตฺตาติ ตโปชิคุจฺฉเน ยุตฺตปยุตฺตาฯ ปาลยํ ปวิเวกิยนฺติ ปวิเวกํ ปาลยนฺตาฯ เต กิร ‘‘นฺหาปิตปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ สยํ เกเส ลุญฺจนฺติฯ ‘‘จีวรปวิเวกํ ปาเตสฺสามา’’ติ นคฺคา วิจรนฺติฯ ‘‘ปิณฺฑปาตปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ สุนขา วิย ภูมิยํ วา ภุญฺชนฺติ หเตฺถสุ วาฯ ‘‘เสนาสนปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ กณฺฎกเสยฺยาทีนิ กเปฺปนฺติฯ รูเป นิวิฎฺฐาติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ รูเป ปติฎฺฐิตาฯ เทวโลกาภินนฺทิโนติ เทวโลกปตฺถนกามาฯ มาติยาติ มจฺจา, เต เว มจฺจา ปรโลกตฺถาย สมฺมา อนุสาสนฺตีติ วทติฯ
Anvāvisitvāti ‘‘ayaṃ evarūpānaṃ satthārānaṃ avaṇṇaṃ katheti, teneva naṃ mukhena vaṇṇaṃ kathāpessāmī’’ti cintetvā tassa sarīre anuāvisi adhimucci, evaṃ anvāvisitvā. Āyuttāti tapojigucchane yuttapayuttā. Pālayaṃ pavivekiyanti pavivekaṃ pālayantā. Te kira ‘‘nhāpitapavivekaṃ pālessāmā’’ti sayaṃ kese luñcanti. ‘‘Cīvarapavivekaṃ pātessāmā’’ti naggā vicaranti. ‘‘Piṇḍapātapavivekaṃ pālessāmā’’ti sunakhā viya bhūmiyaṃ vā bhuñjanti hatthesu vā. ‘‘Senāsanapavivekaṃ pālessāmā’’ti kaṇṭakaseyyādīni kappenti. Rūpe niviṭṭhāti taṇhādiṭṭhīhi rūpe patiṭṭhitā. Devalokābhinandinoti devalokapatthanakāmā. Mātiyāti maccā, te ve maccā paralokatthāya sammā anusāsantīti vadati.
อิติ วิทิตฺวาติ ‘‘อยํ ปฐมํ เอเตสํ อวณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ วณฺณํ กเถติ, โก นุ โข เอโส’’ติ อาวเชฺชโนฺต ชานิตฺวาวฯ เย จนฺตลิกฺขสฺมิํ ปภาสวณฺณาติ เย อนฺตลิเกฺข จโนฺทภาสสูริโยภาสสญฺฌาราคอินฺทธนุตารกรูปานํ ปภาสวณฺณาฯ สเพฺพว เต เตติ สเพฺพว เต ตยาฯ นมุจีติ มารํ อาลปติฯ อามิสํว มจฺฉานํ วธาย ขิตฺตาติ ยถา มจฺฉานํ วธตฺถาย พฬิสลคฺคํ อามิสํ ขิปติ, เอวํ ตยา ปสํสมาเนน เอเต รูปา สตฺตานํ วธาย ขิตฺตาติ วทติฯ
Itividitvāti ‘‘ayaṃ paṭhamaṃ etesaṃ avaṇṇaṃ kathetvā idāni vaṇṇaṃ katheti, ko nu kho eso’’ti āvajjento jānitvāva. Ye cantalikkhasmiṃ pabhāsavaṇṇāti ye antalikkhe candobhāsasūriyobhāsasañjhārāgaindadhanutārakarūpānaṃ pabhāsavaṇṇā. Sabbeva te teti sabbeva te tayā. Namucīti māraṃ ālapati. Āmisaṃva macchānaṃ vadhāya khittāti yathā macchānaṃ vadhatthāya baḷisalaggaṃ āmisaṃ khipati, evaṃ tayā pasaṃsamānena ete rūpā sattānaṃ vadhāya khittāti vadati.
มาณวคามิโยติ อยํ กิร เทวปุโตฺต พุทฺธุปฎฺฐาโกฯ ราชคหียานนฺติ ราชคหปพฺพตานํฯ เสโตติ เกลาโสฯ อฆคามินนฺติ อากาสคามีนํฯ อุทธินนฺติ อุทกนิธานานํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ราชคหียานํ ปพฺพตานํ วิปุโล เสโฎฺฐ, หิมวนฺตปพฺพตานํ เกลาโส, อากาสคามีนํ อาทิโจฺจ, อุทกนิธานานํ สมุโทฺท, นกฺขตฺตานํ จโนฺท, เอวํ สเทวกสฺส โลกสฺส พุโทฺธ เสโฎฺฐติฯ ทสมํฯ
Māṇavagāmiyoti ayaṃ kira devaputto buddhupaṭṭhāko. Rājagahīyānanti rājagahapabbatānaṃ. Setoti kelāso. Aghagāminanti ākāsagāmīnaṃ. Udadhinanti udakanidhānānaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā rājagahīyānaṃ pabbatānaṃ vipulo seṭṭho, himavantapabbatānaṃ kelāso, ākāsagāmīnaṃ ādicco, udakanidhānānaṃ samuddo, nakkhattānaṃ cando, evaṃ sadevakassa lokassa buddho seṭṭhoti. Dasamaṃ.
นานาติตฺถิยวโคฺค ตติโยฯ
Nānātitthiyavaggo tatiyo.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
Iti sāratthappakāsiniyā
สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย
Saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya
เทวปุตฺตสํยุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Devaputtasaṃyuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตํ • 10. Nānātitthiyasāvakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา • 10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā