Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา
10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā
๑๑๑. นานาติตฺถิยสาวกาติ ปุถุติตฺถิยานํ สาวกาฯ ฉินฺทิเตติ หตฺถเจฺฉทาทิวเสน เฉเทฯ มาริเตติ มารเณฯ น ปาปํ สมนุปสฺสตีติ กิญฺจิ ปาปํ อตฺถีติ น ปสฺสติ, ปเรสญฺจ ตถา ปเวเทติฯ วิสฺสาสนฺติ วิสฺสตฺถภาวํฯ ‘‘กตกมฺมานมฺปิ วิปาโก นตฺถี’’ติ วทโนฺต กตปาปานํ อกตปุญฺญานญฺจ วิสฺสตฺถตํ นิราสงฺกตํ ชเนติฯ
111.Nānātitthiyasāvakāti puthutitthiyānaṃ sāvakā. Chinditeti hatthacchedādivasena chede. Māriteti māraṇe. Na pāpaṃ samanupassatīti kiñci pāpaṃ atthīti na passati, paresañca tathā pavedeti. Vissāsanti vissatthabhāvaṃ. ‘‘Katakammānampi vipāko natthī’’ti vadanto katapāpānaṃ akatapuññānañca vissatthataṃ nirāsaṅkataṃ janeti.
ตโปชิคุจฺฉายาติ ตปสา อเจลวตาทินา ปาปโต ชิคุจฺฉเนน, ‘‘ปาปํ วิราชยามา’’ติ อเจลวตาทิสมาทาเนนาติ อโตฺถฯ ตสฺมิญฺหิ สมาทาเน ฐิเตน สํวเรน สํวุตจิโตฺต สมนฺนาคโต ปิหิโต จ นาม โหตีติ ‘‘สุสํวุตโตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตฺตาโร ยามา ภาคา จตุยามา, จตุยามา เอว จาตุยามาฯ ภาคโตฺถ หิ อิธ ยาม-สโทฺท ยถา ‘‘รตฺติยํ ปฐโม ยาโม’’ติฯ โส ปเนตฺถ ภาโค สํวรลกฺขโณติ อาห ‘‘จาตุยาเมน สุสํวุโต’’ติ, จตุโกฎฺฐาเสน สํวเรน สุฎฺฐุ สํวุโตติ อโตฺถฯ ปฎิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทโกติ ปฎิกฺขิตฺตสพฺพสีตุทกปริโภโคฯ สเพฺพน ปาปวารเณน ยุโตฺตติ สพฺพปฺปกาเรน สํวรลกฺขเณน ปาปวารเณน สมนฺนาคโตฯ ธุตปาโปติ สเพฺพน นิชฺชรลกฺขเณน ปาปวารเณนปิ ธุตปาโปฯ ผุโฎฺฐติ อฎฺฐนฺนมฺปิ กมฺมานํ เขปเนน วิเกฺขปปฺปตฺติยา กมฺมกฺขยลกฺขเณน สเพฺพน ปาปวารเณน ผุโฎฺฐ, ตํ ผุสิตฺวา ฐิโตฯ น นิคุหโนฺตติ น นิคุหนเหตุ ทิฎฺฐสุเต ตเถว กเถโนฺตฯ
Tapojigucchāyāti tapasā acelavatādinā pāpato jigucchanena, ‘‘pāpaṃ virājayāmā’’ti acelavatādisamādānenāti attho. Tasmiñhi samādāne ṭhitena saṃvarena saṃvutacitto samannāgato pihito ca nāma hotīti ‘‘susaṃvutatto’’tiādi vuttaṃ. Cattāro yāmā bhāgā catuyāmā, catuyāmā eva cātuyāmā. Bhāgattho hi idha yāma-saddo yathā ‘‘rattiyaṃ paṭhamo yāmo’’ti. So panettha bhāgo saṃvaralakkhaṇoti āha ‘‘cātuyāmena susaṃvuto’’ti, catukoṭṭhāsena saṃvarena suṭṭhu saṃvutoti attho. Paṭikkhittasabbasītodakoti paṭikkhittasabbasītudakaparibhogo. Sabbena pāpavāraṇena yuttoti sabbappakārena saṃvaralakkhaṇena pāpavāraṇena samannāgato. Dhutapāpoti sabbena nijjaralakkhaṇena pāpavāraṇenapi dhutapāpo. Phuṭṭhoti aṭṭhannampi kammānaṃ khepanena vikkhepappattiyā kammakkhayalakkhaṇena sabbena pāpavāraṇena phuṭṭho, taṃ phusitvā ṭhito. Na niguhantoti na niguhanahetu diṭṭhasute tatheva kathento.
นานาติตฺถิยานํเยว อุปฎฺฐาโกติ ปรวาทีนํ สเพฺพสํเยว ติตฺถิยานํ อุปฎฺฐาโก, เตสุ สาธารณวเสน อภิปฺปสโนฺนฯ โกฎิปฺปตฺตาติ โมกฺขาธิคเมน สมณธเมฺม ปตฺตพฺพมริยาทปฺปตฺตาฯ
Nānātitthiyānaṃyevaupaṭṭhākoti paravādīnaṃ sabbesaṃyeva titthiyānaṃ upaṭṭhāko, tesu sādhāraṇavasena abhippasanno. Koṭippattāti mokkhādhigamena samaṇadhamme pattabbamariyādappattā.
สหจริตมเตฺตนาติ สีหนาเทน สห วสฺสกรณมเตฺตนฯ สีเหน สีหนาทํ นทเนฺตน สเหว สิงฺคาเลน อตฺตโน สิงฺคาลรวกรณมเตฺตนฯ โกตฺถุโกติ ขุทฺทกโกตฺถุฯ อาสงฺกิตสมาจาโรติ อตฺตนา จ ปเรหิ จ อาสงฺกิตพฺพสมาจาโรฯ สปฺปุริสานนฺติ พุทฺธาทีนํฯ
Sahacaritamattenāti sīhanādena saha vassakaraṇamattena. Sīhena sīhanādaṃ nadantena saheva siṅgālena attano siṅgālaravakaraṇamattena. Kotthukoti khuddakakotthu. Āsaṅkitasamācāroti attanā ca parehi ca āsaṅkitabbasamācāro. Sappurisānanti buddhādīnaṃ.
ตสฺสาติ เวคพฺภริสฺส เทวปุตฺตสฺสฯ สรีเร อนุอาวิสีติ สรีเร อนุปวิสิตฺวา วิย อาวิสิฯ อธิมุจฺจีติ ยถา คหิตสฺส วเสน จิตฺตํ น วตฺตติ, อตฺตโน เอว วเส วตฺตติ, เอวํ อธิฎฺฐหิฯ อายุตฺตาติ ทสฺสเนน สํยุตฺตา ฯ ปวิเวกิยนฺติ กปฺปกวตฺถภุญฺชนเสนาสเนหิ ปวิวิตฺตภาวํฯ เตนาห ‘‘เต กิรา’’ติอาทิฯ รูเป นิวิฎฺฐาติ จกฺขุรูปธเมฺม อภินิวิฎฺฐาฯ เตนาห ‘‘ตณฺหาทิฎฺฐีหิ ปติฎฺฐิตา’’ติฯ เทวโลกปตฺถนกามาติ เทวโลกเสฺสว อภิปตฺถนกามาฯ มรณธมฺมตาย มาติยาฯ เตนาห ‘‘มาติยาติ มจฺจา’’ติฯ ปรโลกตฺถายาติ ปรสมฺปตฺติภาวาย โลกสฺส อตฺถายฯ
Tassāti vegabbharissa devaputtassa. Sarīre anuāvisīti sarīre anupavisitvā viya āvisi. Adhimuccīti yathā gahitassa vasena cittaṃ na vattati, attano eva vase vattati, evaṃ adhiṭṭhahi. Āyuttāti dassanena saṃyuttā . Pavivekiyanti kappakavatthabhuñjanasenāsanehi pavivittabhāvaṃ. Tenāha ‘‘te kirā’’tiādi. Rūpe niviṭṭhāti cakkhurūpadhamme abhiniviṭṭhā. Tenāha ‘‘taṇhādiṭṭhīhi patiṭṭhitā’’ti. Devalokapatthanakāmāti devalokasseva abhipatthanakāmā. Maraṇadhammatāya mātiyā. Tenāha ‘‘mātiyāti maccā’’ti. Paralokatthāyāti parasampattibhāvāya lokassa atthāya.
ปภาสวณฺณาติ ปภาย สมานวณฺณาฯ เกสํ ปภายาติ อาห ‘‘จโนฺทภาสา’’ติอาทิฯ สชฺฌาราคปภาสวณฺณา อินฺทธนุปภาสวณฺณาติ ปเจฺจกํ โยชนาฯ อาโม อามคโนฺธ เอตสฺส อตฺถีติ อามิสํฯ วธายาติ วิทฺธํสิตุํฯ รูปาติ รูปายตนาทิรูปิธมฺมาฯ
Pabhāsavaṇṇāti pabhāya samānavaṇṇā. Kesaṃ pabhāyāti āha ‘‘candobhāsā’’tiādi. Sajjhārāgapabhāsavaṇṇā indadhanupabhāsavaṇṇāti paccekaṃ yojanā. Āmo āmagandho etassa atthīti āmisaṃ. Vadhāyāti viddhaṃsituṃ. Rūpāti rūpāyatanādirūpidhammā.
ราชคหสมีปปฺปวตฺตีนํ ราชคหิยานํฯ ‘‘เสโต’’ติ เกลาสกูโฎ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘เสโตติ เกลาโส’’ติฯ เกนจิ น ฆเฎฺฎตีติ อฆํ, อนฺตลิกฺขนฺติ อาห ‘‘อฆคามีนนฺติ อากาสคามีน’’นฺติฯ อุทกํ ธียติ เอตฺถาติ อุทธิ, มโหทธิฯ วิปุโลติ เวปุลฺลปพฺพโตฯ หิมวนฺตปพฺพตานนฺติ หิมวนฺตปพฺพตภาคานํฯ พุโทฺธ เสโฎฺฐ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสนาทีหิ สพฺพคุเณหิฯ
Rājagahasamīpappavattīnaṃ rājagahiyānaṃ. ‘‘Seto’’ti kelāsakūṭo adhippetoti āha ‘‘setoti kelāso’’ti. Kenaci na ghaṭṭetīti aghaṃ, antalikkhanti āha ‘‘aghagāmīnanti ākāsagāmīna’’nti. Udakaṃ dhīyati etthāti udadhi, mahodadhi. Vipuloti vepullapabbato. Himavantapabbatānanti himavantapabbatabhāgānaṃ. Buddho seṭṭho sīlasamādhipaññāvimuttivimuttiñāṇadassanādīhi sabbaguṇehi.
นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฎฺฐกถาย
Sāratthappakāsiniyā saṃyuttanikāya-aṭṭhakathāya
เทวปุตฺตสํยุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Devaputtasaṃyuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตํ • 10. Nānātitthiyasāvakasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา • 10. Nānātitthiyasāvakasuttavaṇṇanā