Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā

    ๑๖. ญาณวิภโงฺค

    16. Ñāṇavibhaṅgo

    ๑. เอกกมาติกาทิวณฺณนา

    1. Ekakamātikādivaṇṇanā

    ๗๕๑. สมฺปยุตฺตานํ นิสฺสยปจฺจยตาย, อารมฺมณสฺส ปวตฺติฎฺฐานตาย โอกาสโฎฺฐ เวทิตโพฺพฯ นเหตาทีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อเหตุกา’’ติอาทิกํ สพฺพํ เอกวิเธน ญาณวตฺถุํ สงฺคณฺหาติฯ เอกํ นเหตูติ นเหตุตาย เอกํ ปญฺจวิญฺญาณํ นเหตูติ วุตฺตา เตสํ นเหตุตาฯ เอกนฺตาเหตุภาเวน หิ เต เอกปฺปการาวาติฯ อญฺญมฺปีติ อเหตุกาทิฯ อวิตถสามญฺญยุตฺตนฺติ เตเนว อเหตุกตาทินา ยถาภูเตน สมานภาเวน ยุตฺตํฯ ญาณารมฺมณนฺติ ญาณสฺส อารมฺมณํ ยถาวุตฺตปญฺจวิญฺญาณาทิฯ วตฺถุวิภาวนาติ ปญฺจวิญฺญาณาทิกสฺส ญาณวตฺถุสฺส ยถาวุตฺตวิเสเสน วิภาวนา ปกาสนา ปญฺญาฯ

    751. Sampayuttānaṃ nissayapaccayatāya, ārammaṇassa pavattiṭṭhānatāya okāsaṭṭho veditabbo. Nahetādīti ādi-saddena ‘‘ahetukā’’tiādikaṃ sabbaṃ ekavidhena ñāṇavatthuṃ saṅgaṇhāti. Ekaṃ nahetūti nahetutāya ekaṃ pañcaviññāṇaṃ nahetūti vuttā tesaṃ nahetutā. Ekantāhetubhāvena hi te ekappakārāvāti. Aññampīti ahetukādi. Avitathasāmaññayuttanti teneva ahetukatādinā yathābhūtena samānabhāvena yuttaṃ. Ñāṇārammaṇanti ñāṇassa ārammaṇaṃ yathāvuttapañcaviññāṇādi. Vatthuvibhāvanāti pañcaviññāṇādikassa ñāṇavatthussa yathāvuttavisesena vibhāvanā pakāsanā paññā.

    โอสานทุกสฺสาติ ‘‘อตฺถชาปิกา ปญฺญา, ชาปิตตฺถา ปญฺญา’’ติ อิมสฺส ทุกสฺสฯ ทุกมาติกา ธมฺมสงฺคณิยํ วุตฺตทุกมาติกาติ อาห ‘‘ทุกมาติกํ อนิสฺสายา’’ติฯ

    Osānadukassāti ‘‘atthajāpikā paññā, jāpitatthā paññā’’ti imassa dukassa. Dukamātikā dhammasaṅgaṇiyaṃ vuttadukamātikāti āha ‘‘dukamātikaṃ anissāyā’’ti.

    ‘‘จินฺตามยา ปญฺญา’’ติอาทิกา ติกมาติกํ อนิสฺสาย วุตฺตาติ อาห ‘‘เอวํ ติกานุรูเปหีติ เอตฺถาปิ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ ยทิปิ ชาป-สโทฺท พฺยตฺตวจเน, มานเส จ ปวตฺตติ, ชนนเตฺถปิ ปน ทฎฺฐโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทาน’’นฺติอาทิฯ กุสลปญฺญา วิปากสงฺขาตสฺส, กิริยปญฺญา ปริกมฺมาทิภูตา อตฺตนา นิพฺพเตฺตตพฺพผลสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส นิพฺพตฺตนโต อตฺถชาปิกาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อตฺถชาปิกา การณคตา ปญฺญา’’ติฯ วิปากปญฺญา, กิริยปญฺญา จ สหชาตาทิปจฺจยวเสน ตํตํวิปากาทิอตฺถํ ชาเปติ ชเนตีติ อาห ‘‘ชาปิโต ชนิโต อโตฺถ เอติสฺสาติ ชาปิตตฺถา’’ติฯ สติปิ สหชาตานํ ปจฺจยภาเว วิปากกิริยปญฺญา น กุสลา วิย วิปากานํ นิปฺปริยาเยน การณโวหารํ ลภตีติ อาห ‘‘การณปญฺญาสทิสี’’ติฯ วิภาวนเตฺถน ปญฺญา อารมฺมณํ วิย สมฺปยุเตฺตปิ ปกาเสติเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ผลปฺปกาสนภูตา’’ติฯ ยโต สา อาโลโกภาสปโชฺชตปริยาเยหิ วิภาวิตาฯ

    ‘‘Cintāmayā paññā’’tiādikā tikamātikaṃ anissāya vuttāti āha ‘‘evaṃ tikānurūpehīti etthāpi daṭṭhabba’’nti. Yadipi jāpa-saddo byattavacane, mānase ca pavattati, jananatthepi pana daṭṭhabboti dassento āha ‘‘anekatthattā dhātusaddāna’’ntiādi. Kusalapaññā vipākasaṅkhātassa, kiriyapaññā parikammādibhūtā attanā nibbattetabbaphalasaṅkhātassa atthassa nibbattanato atthajāpikāti vuttāti āha ‘‘atthajāpikā kāraṇagatā paññā’’ti. Vipākapaññā, kiriyapaññā ca sahajātādipaccayavasena taṃtaṃvipākādiatthaṃ jāpeti janetīti āha ‘‘jāpito janito attho etissāti jāpitatthā’’ti. Satipi sahajātānaṃ paccayabhāve vipākakiriyapaññā na kusalā viya vipākānaṃ nippariyāyena kāraṇavohāraṃ labhatīti āha ‘‘kāraṇapaññāsadisī’’ti. Vibhāvanatthena paññā ārammaṇaṃ viya sampayuttepi pakāsetiyevāti vuttaṃ ‘‘phalappakāsanabhūtā’’ti. Yato sā ālokobhāsapajjotapariyāyehi vibhāvitā.

    ๑๐. ทสกมาติกาวณฺณนา

    10. Dasakamātikāvaṇṇanā

    ๗๖๐. ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ อตีตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ ญาณํฯ ยมฺปิสฺส ตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ญาณํฯ ภวปจฺจยา…เป.… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… นิโรธธมฺม’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๔) เอวมาคตานิ สตฺตสตฺตติ ญาณานิฯ ‘‘ชรามรเณ ญาณํ, ชรามรณสมุทเย ญาณํ, ชรามรณนิโรเธ ญาณํ, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฎิปทาย ญาณํฯ ชาติยา ญาณํ…เป.… สงฺขาเรสุ ญาณํ…เป.… ปฎิปทาย ญาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๓) เอวมาคตานิ จตุจตฺตารีสํ ญาณานิฯ สุตมยญาณาทีนิ อนาวรณญาณปริโยสานานิ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. มาติกา ๑.๑ อาทโย) อาคตานิ เตสตฺตติ ญาณานิฯ เตนาห ‘‘เตสตฺตติ ปน…เป.… น สํยุตฺตเก’’ติฯ ‘‘สํยุตฺตเก’’ติ วา อิทํ ‘‘สตฺตสตฺตติ ญาณานี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ, น ‘‘เตสตฺตตี’’ติ อิมินาฯ อญฺญตฺถ นิเกฺขปกณฺฑาทีสุฯ ยถา สมฺมาปฎิเวธาภาวโต มิจฺฉาญาณาทิ ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย อารมฺมเณ จญฺจลํ โหติ, น เอวํ โหติ ยถาภูตาวโพธกํ ญาณนฺติ อาห ‘‘ยาถาวปฎิเวธโต สยญฺจ อกมฺปิย’’นฺติฯ อธิพลกรณํ อุปตฺถมฺภนนฺติ ตํ ปุคฺคเล อาโรเปโนฺต อาห ‘‘ปุคฺคลญฺจ…เป.… กโรตี’’ติฯ วิสภาคธเมฺมสุ วา อกมฺปิยโตฺถ, สภาคธเมฺมสุ อุปตฺถมฺภนโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    760. ‘‘Jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Atītampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Anāgatampi addhānaṃ jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇaṃ, asati jātiyā natthi jarāmaraṇanti ñāṇaṃ. Yampissa taṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti ñāṇaṃ. Bhavapaccayā…pe… avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… nirodhadhamma’’nti (saṃ. ni. 2.34) evamāgatāni sattasattati ñāṇāni. ‘‘Jarāmaraṇe ñāṇaṃ, jarāmaraṇasamudaye ñāṇaṃ, jarāmaraṇanirodhe ñāṇaṃ, jarāmaraṇanirodhagāminiyā paṭipadāya ñāṇaṃ. Jātiyā ñāṇaṃ…pe… saṅkhāresu ñāṇaṃ…pe… paṭipadāya ñāṇa’’nti (saṃ. ni. 2.33) evamāgatāni catucattārīsaṃ ñāṇāni. Sutamayañāṇādīni anāvaraṇañāṇapariyosānāni paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. mātikā 1.1 ādayo) āgatāni tesattati ñāṇāni. Tenāha ‘‘tesattati pana…pe… na saṃyuttake’’ti. ‘‘Saṃyuttake’’ti vā idaṃ ‘‘sattasattati ñāṇānī’’ti iminā sambandhitabbaṃ, na ‘‘tesattatī’’ti iminā. Aññattha nikkhepakaṇḍādīsu. Yathā sammāpaṭivedhābhāvato micchāñāṇādi thusarāsimhi nikhātakhāṇuko viya ārammaṇe cañcalaṃ hoti, na evaṃ hoti yathābhūtāvabodhakaṃ ñāṇanti āha ‘‘yāthāvapaṭivedhato sayañca akampiya’’nti. Adhibalakaraṇaṃ upatthambhananti taṃ puggale āropento āha ‘‘puggalañca…pe… karotī’’ti. Visabhāgadhammesu vā akampiyattho, sabhāgadhammesu upatthambhanattho veditabbo.

    อภิมุขํ คจฺฉนฺตีติ ‘‘อุปคจฺฉนฺตี’’ติ ปทสฺส อตฺถวจนํฯ อุปคมนเญฺจตฺถ สพฺพญฺญุตาย ปฎิชานนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิชานนวเสนา’’ติฯ อฎฺฐ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ เอตฺถาปิ ปฎิชานนวเสน สพฺพญฺญุตนฺติ โยเชตพฺพํฯ อฎฺฐสุ ปริสาสุ ทสฺสิตอกมฺปิยญาณยุโตฺตติ สมฺพโนฺธฯ

    Abhimukhaṃ gacchantīti ‘‘upagacchantī’’ti padassa atthavacanaṃ. Upagamanañcettha sabbaññutāya paṭijānanamevāti vuttaṃ ‘‘paṭijānanavasenā’’ti. Aṭṭha vā parisā upasaṅkamantīti etthāpi paṭijānanavasena sabbaññutanti yojetabbaṃ. Aṭṭhasu parisāsu dassitaakampiyañāṇayuttoti sambandho.

    ผลสมฺปตฺติปวตฺตีติ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทีนํ การณสมฺปตฺตีนํ ผลภูตาย ปติรูปเทสวาสอตฺตสมฺมาปณิธิอาทิสมฺปตฺติยา ปวตฺตนํฯ อาทิ-สเทฺทน สุตฺตเสสา สงฺคหิตาฯ ตตฺถ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิเกฯ กสฺมา ปเนตฺถ สมาเน อตฺถกิเจฺจ ปฎิเวธญาณสฺส วิย เทสนาญาณสฺสาปิ ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานตา น วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตา’’ติอาทิ ฯ ปฎิเวธนิฎฺฐตฺตาติ ปฎิเวธสฺส ปริโยสานตฺตาฯ เตนาติ ปฎิเวธปริโยสานภูเตน อรหตฺตมคฺคญาเณนฯ ตทธิคเมน หิ สมฺปตฺตสกลสพฺพญฺญุคุโณ ภควา อนนฺตปฎิภาโน อนุปมาย พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสตุํ สมโตฺถ อโหสิฯ ‘‘ปฎิลทฺธสฺสาปี’’ติ อิมินา สพฺพถา ลภาปกสฺส ปฎิเวธานุรูปตา เทสนาญาณสฺส อสกฺกุเณยฺยาติ ทีเปติ, เตน จ ปฎิเวธนมเตฺตเนตฺถ อตฺถสิทฺธีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘เทสนาญาณสฺสา’’ติอาทิฯ

    Phalasampattipavattīti sappurisūpanissayādīnaṃ kāraṇasampattīnaṃ phalabhūtāya patirūpadesavāsaattasammāpaṇidhiādisampattiyā pavattanaṃ. Ādi-saddena suttasesā saṅgahitā. Tattha sappurisūpanissayādike. Kasmā panettha samāne atthakicce paṭivedhañāṇassa viya desanāñāṇassāpi yāva arahattamaggā uppajjamānatā na vuttāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘paṭivedhaniṭṭhattā’’tiādi . Paṭivedhaniṭṭhattāti paṭivedhassa pariyosānattā. Tenāti paṭivedhapariyosānabhūtena arahattamaggañāṇena. Tadadhigamena hi sampattasakalasabbaññuguṇo bhagavā anantapaṭibhāno anupamāya buddhalīḷāya dhammaṃ desetuṃ samattho ahosi. ‘‘Paṭiladdhassāpī’’ti iminā sabbathā labhāpakassa paṭivedhānurūpatā desanāñāṇassa asakkuṇeyyāti dīpeti, tena ca paṭivedhanamattenettha atthasiddhīti dasseti. Tenāha ‘‘desanāñāṇassā’’tiādi.

    หานภาคิยธมฺมนฺติ วา หานภาคิยภาวสฺส การณํฯ กามสหคตสญฺญาทิธมฺมนฺติ กามคุณารมฺมณํ สญฺญามนสิการาทิํฯ ปุเพฺพว กตาภิสงฺขาราทินฺติ ‘‘จเนฺท วา สูริเย วา เอตฺตกํ คเต วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติอาทินา สมาปชฺชนโต ปุเพฺพ ปวตฺตจิตฺตาภิสงฺขารปริกมฺมาทิํฯ

    Hānabhāgiyadhammanti vā hānabhāgiyabhāvassa kāraṇaṃ. Kāmasahagatasaññādidhammanti kāmaguṇārammaṇaṃ saññāmanasikārādiṃ. Pubbeva katābhisaṅkhārādinti ‘‘cande vā sūriye vā ettakaṃ gate vuṭṭhahissāmī’’tiādinā samāpajjanato pubbe pavattacittābhisaṅkhāraparikammādiṃ.

    ตทภาวคฺคหเณนาติ กิเลสาวรณาภาวคฺคหเณนฯ ฐิตินฺติ อตฺถิภาวํฯ ตพฺพิปรีตายาติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย มิจฺฉาทิฎฺฐิยาฯ ฐานาภาวนฺติ อปฺปวตฺติํ, นตฺถิภาวํ วาฯ อุปรีติ อิมิสฺสา พลานํ อนุกฺกมกถาย อุปริ อนนฺตรเมวฯ วิปากาวรณาภาวทสฺสนาทิกสฺสาติ อาทิ-สเทฺทน กมฺมาวรณาภาวทสฺสนํ สงฺคณฺหาติฯ อิตรนฺติ อธิคมสฺส อฎฺฐานทสฺสนํฯ ตํสหิตานํ ธาตูนนฺติ ราคาทิสหิตานํ สภาวานํฯ เวมตฺตตา จ เตสํ ปจฺจยวิเสสสิเทฺธน อวตฺถาทิวิเสเสน เวทิตพฺพาฯ จริยาเหตูนนฺติ ราคาทิจริยาการณภูตานํ ธมฺมานํฯ

    Tadabhāvaggahaṇenāti kilesāvaraṇābhāvaggahaṇena. Ṭhitinti atthibhāvaṃ. Tabbiparītāyāti ‘‘natthi dinna’’ntiādikāya micchādiṭṭhiyā. Ṭhānābhāvanti appavattiṃ, natthibhāvaṃ vā. Uparīti imissā balānaṃ anukkamakathāya upari anantarameva. Vipākāvaraṇābhāvadassanādikassāti ādi-saddena kammāvaraṇābhāvadassanaṃ saṅgaṇhāti. Itaranti adhigamassa aṭṭhānadassanaṃ. Taṃsahitānaṃ dhātūnanti rāgādisahitānaṃ sabhāvānaṃ. Vemattatā ca tesaṃ paccayavisesasiddhena avatthādivisesena veditabbā. Cariyāhetūnanti rāgādicariyākāraṇabhūtānaṃ dhammānaṃ.

    ๑. เอกกนิเทฺทสวณฺณนา

    1. Ekakaniddesavaṇṇanā

    ๗๖๑. อยํ วิเสโสติ สมาเนปิ นยทฺวยสฺส เตสํ อเหตุภาวาทิทีปเน เอกสฺส เหตุภาวาทิปฎิเสธตา, อิตรสฺส ราสนฺตราสงฺคโหติ อิทํ นานากรณํฯ เอกาย ชาติยาติ อาทานนิเกฺขปปริจฺฉินฺนสฺส เอกสฺส ภวสฺสฯ ตทโนฺตคธตายาติ คติอโนฺตคธตายฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตํตํคติจุติภเวสุฯ

    761. Ayaṃ visesoti samānepi nayadvayassa tesaṃ ahetubhāvādidīpane ekassa hetubhāvādipaṭisedhatā, itarassa rāsantarāsaṅgahoti idaṃ nānākaraṇaṃ. Ekāya jātiyāti ādānanikkhepaparicchinnassa ekassa bhavassa. Tadantogadhatāyāti gatiantogadhatāya. Tattha tatthāti taṃtaṃgaticutibhavesu.

    ๗๖๒. ตถาติ อญฺญทฺวารารมฺมณตายฯ ขีราทีนํ…เป.… วิลกฺขณตาติ ยถา ขีรสฺส ทธิภาเวน, ทธิโน ตกฺกภาเวน วิลกฺขณตาปตฺติ, น เอวํ ปญฺจวิญฺญาณานํ นเหตุภาวาทิโต อญฺญสฺส สภาวาปตฺติ อตฺถีติ อโตฺถฯ

    762. Tathāti aññadvārārammaṇatāya. Khīrādīnaṃ…pe… vilakkhaṇatāti yathā khīrassa dadhibhāvena, dadhino takkabhāvena vilakkhaṇatāpatti, na evaṃ pañcaviññāṇānaṃ nahetubhāvādito aññassa sabhāvāpatti atthīti attho.

    ๗๖๓. มหเตฺตปีติ ปุถุเตฺตปิฯ พหุภาววาจโก หิ อยํ มหา-สโทฺท ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ วิย รูปสงฺฆาฎสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ อญฺญถา สภาวธมฺมสฺส กา มหนฺตตา, สุขุมตา วาฯ จกฺขุวิญฺญาณสฺส วจนํ กตฺวา วุตฺตตฺตา อาห ‘‘จกฺขุปสาเท มม วตฺถุมฺหี’’ติฯ อิสฺสริยฎฺฐานนฺติ อิสฺสริยปวตฺตนฎฺฐานํฯ ตถา หิ นํ อญฺญตฺถ ภาวิตํ วิภาเวนฺตเมว ติฎฺฐติ, อญฺญวิญฺญาณานิ จ เตน ทินฺนนยาเนว ตตฺถ ปวตฺตนฺติ, อปิ ทิพฺพจกฺขุญาณํ, ยโต ตํ อนฺธสฺส น นิปฺผชฺชติฯ

    763. Mahattepīti puthuttepi. Bahubhāvavācako hi ayaṃ mahā-saddo ‘‘mahājano’’tiādīsu viya rūpasaṅghāṭassa adhippetattā. Aññathā sabhāvadhammassa kā mahantatā, sukhumatā vā. Cakkhuviññāṇassa vacanaṃ katvā vuttattā āha ‘‘cakkhupasāde mama vatthumhī’’ti. Issariyaṭṭhānanti issariyapavattanaṭṭhānaṃ. Tathā hi naṃ aññattha bhāvitaṃ vibhāventameva tiṭṭhati, aññaviññāṇāni ca tena dinnanayāneva tattha pavattanti, api dibbacakkhuñāṇaṃ, yato taṃ andhassa na nipphajjati.

    ๗๖๔. ววตฺถิตานมฺปีติ อญฺญมญฺญํ อสํกิณฺณานมฺปิฯ ปฎิปาฎินิยโม นิยตานุปุพฺพิกตาฯ เตนาติ ‘‘อโพฺพกิณฺณา’’ติ วจเนนฯ

    764. Vavatthitānampīti aññamaññaṃ asaṃkiṇṇānampi. Paṭipāṭiniyamo niyatānupubbikatā. Tenāti ‘‘abbokiṇṇā’’ti vacanena.

    ๗๖๖. อาวฎฺฎนภาโว อาวชฺชนกิจฺจตาฯ

    766. Āvaṭṭanabhāvo āvajjanakiccatā.

    เตสนฺติ รูปาทีนํฯ เอเตสญฺหิ รูปาทีนํ ปญฺจหิ วิญฺญาเณหิ สมาคโมฯ อภินิปติตพฺพานิ อาลมฺพิตพฺพานิ, วิชานิตพฺพานีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อารมฺมณกรเณน ปฎิวิชานิตพฺพานี’’ติฯ กุสลากุสลเจตนาย, ตํสมฺปยุตฺตานญฺจ ยถาวุตฺตานํ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา…เป.… อกุสลํ วา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๖) เอวํ วุตฺตานํ ปฎิวิชานิตพฺพานํ ปฎิวิชานนนฺติ สมฺพโนฺธฯ กมฺมเตฺถ หิ เอตํ สามิวจนํฯ สหชปุพฺพงฺคมธเมฺมนาติ ทสฺสนาทีหิ สหชาตผสฺสาทินา ปุพฺพงฺคเมน อาวชฺชนาทินาฯ กิจฺจนฺตรนฺติ ทสฺสนาทิกิจฺจโต อญฺญํ สมฺปฎิจฺฉนาทิกิจฺจํฯ

    Tesanti rūpādīnaṃ. Etesañhi rūpādīnaṃ pañcahi viññāṇehi samāgamo. Abhinipatitabbāni ālambitabbāni, vijānitabbānīti attho. Tenāha ‘‘ārammaṇakaraṇena paṭivijānitabbānī’’ti. Kusalākusalacetanāya, taṃsampayuttānañca yathāvuttānaṃ ‘‘manopubbaṅgamā…pe… akusalaṃ vā’’ti (vibha. aṭṭha. 766) evaṃ vuttānaṃ paṭivijānitabbānaṃ paṭivijānananti sambandho. Kammatthe hi etaṃ sāmivacanaṃ. Sahajapubbaṅgamadhammenāti dassanādīhi sahajātaphassādinā pubbaṅgamena āvajjanādinā. Kiccantaranti dassanādikiccato aññaṃ sampaṭicchanādikiccaṃ.

    อวิปากภาเวน การเณน, เตน วา สทฺธิํฯ อญฺญนฺติ รูปภาวาทิํฯ ภาสนกรณกราติ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปนวเสน ปวตฺตกุสลากุสลจิตฺตุปฺปาทธมฺมาฯ เต เอว กายงฺควาจงฺคํ อโจเปตฺวา ปวตฺตา ตํสทิสาปุพฺพงฺคมปฎิวิชานนนฺติ ปุพฺพงฺคมภาเวน วิชานนํ มโนทฺวาริกชวนานํ ปุเรจรภาเวน คหณํฯ ตตฺถาติ ปญฺจทฺวาเรฯ ‘‘น ปฎิสิทฺธ’’นฺติ วตฺวา สฺวายมปฺปฎิเสโธ สามตฺถิยลโทฺธติ ทเสฺสตุํ ‘‘น กายกมฺมํ…เป.… อนุญฺญาตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตถา’’ติ อิทํ ยถา กายวจีกมฺมปฎฺฐปนํ, เอวํ กุสลาทิธมฺมสมาทานมฺปิ นตฺถีติ อุปสํหรณตฺถํ เวทิตพฺพํฯ ยทิ น ภวโต จวติ, กถํ ปญฺจทฺวาเร จุติ วุตฺตาติ อาห ‘‘น ปญฺจทฺวาริก…เป.… อตํทฺวาริกตฺตา’’ติฯ ตสฺสา ปาฬิยาฯ อาปาถมตฺตนฺติ อาปาถคมนมตฺตํ อารมฺมณปจฺจยภาวมตฺตํฯ อญฺญนฺติ ‘‘รูปํ นีล’’นฺติ เอวมาทิธมฺมวิเสสํฯ เตนาห ‘‘ธมฺมสภาว’’นฺติฯ รูปนฺติ จ น คณฺหาตีติ รูปารมฺมณมฺปิ สมานํ ‘‘รูปํ นาเมต’’นฺติ น คณฺหาติฯ ตถา จาหุ เอเก ‘‘จกฺขุวิญฺญาณสมงฺคี นีลํ วิชานาติ, โน ตุ นีล’’นฺติฯ รูปนีลาทิอากาโร รูปารมฺมณรูปาทานาการปญฺญตฺติฯ ตชฺชาปญฺญตฺติ เหสา ยถา อนิจฺจตาทิฯ สาติสยํ สวิตกฺกสวิจารตฺตาฯ ตโต อญฺญนฺติ สทฺทารมฺมณโต อญฺญํ นามปญฺญตฺติอารมฺมณํ, อญฺญถา สหุปฺปตฺติปฎิเสโธ น สมฺภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ

    Avipākabhāvena kāraṇena, tena vā saddhiṃ. Aññanti rūpabhāvādiṃ. Bhāsanakaraṇakarāti viññattisamuṭṭhāpanavasena pavattakusalākusalacittuppādadhammā. Te eva kāyaṅgavācaṅgaṃ acopetvā pavattā taṃsadisā. Pubbaṅgamapaṭivijānananti pubbaṅgamabhāvena vijānanaṃ manodvārikajavanānaṃ purecarabhāvena gahaṇaṃ. Tatthāti pañcadvāre. ‘‘Na paṭisiddha’’nti vatvā svāyamappaṭisedho sāmatthiyaladdhoti dassetuṃ ‘‘na kāyakammaṃ…pe… anuññātattā’’ti vuttaṃ. ‘‘Tathā’’ti idaṃ yathā kāyavacīkammapaṭṭhapanaṃ, evaṃ kusalādidhammasamādānampi natthīti upasaṃharaṇatthaṃ veditabbaṃ. Yadi na bhavato cavati, kathaṃ pañcadvāre cuti vuttāti āha ‘‘na pañcadvārika…pe… ataṃdvārikattā’’ti. Tassā pāḷiyā. Āpāthamattanti āpāthagamanamattaṃ ārammaṇapaccayabhāvamattaṃ. Aññanti ‘‘rūpaṃ nīla’’nti evamādidhammavisesaṃ. Tenāha ‘‘dhammasabhāva’’nti. Rūpanti ca na gaṇhātīti rūpārammaṇampi samānaṃ ‘‘rūpaṃ nāmeta’’nti na gaṇhāti. Tathā cāhu eke ‘‘cakkhuviññāṇasamaṅgī nīlaṃ vijānāti, no tu nīla’’nti. Rūpanīlādiākāro rūpārammaṇarūpādānākārapaññatti. Tajjāpaññatti hesā yathā aniccatādi. Sātisayaṃ savitakkasavicārattā. Tato aññanti saddārammaṇato aññaṃ nāmapaññattiārammaṇaṃ, aññathā sahuppattipaṭisedho na sambhaveyyāti adhippāyo.

    มโนทฺวาเรปีติ น ปญฺจทฺวาเรเยว ทุติเย โมฆวาเร, อถ โข มโนทฺวาเรปิฯ อาวชฺชนํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ…เป.… ทฎฺฐพฺพํ เอกจิตฺตกฺขณิกสฺส อาวชฺชนสฺส อุปฺปตฺติยํ ตถา อสมฺภวโตฯ

    Manodvārepīti na pañcadvāreyeva dutiye moghavāre, atha kho manodvārepi. Āvajjanaṃ dvattikkhattuṃ…pe… daṭṭhabbaṃ ekacittakkhaṇikassa āvajjanassa uppattiyaṃ tathā asambhavato.

    ตสฺสาติ ยาถาวกวตฺถุวิภาวนาย ปญฺญายฯ

    Tassāti yāthāvakavatthuvibhāvanāya paññāya.

    เอกกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. ทุกนิเทฺทสวณฺณนา

    2. Dukaniddesavaṇṇanā

    ๗๖๗. อธิกรเณสูติ ปทเตฺถสุฯ อญฺญตฺร สภาวํ คเหตฺวาติ อตฺถสทฺทสฺส ตตฺถ ปวตฺตนาการทสฺสนํ, เตน อตฺถสทฺทสฺส สภาวตฺถตํ ทเสฺสติฯ อธิกรณวเสน ลิงฺคปริวตฺติํ คจฺฉติฯ ‘‘อภิเธยฺยานุรูปํ ลิงฺควจนานี’’ติ หิ สทฺทวิทู วทนฺติฯ

    767. Adhikaraṇesūti padatthesu. Aññatra sabhāvaṃ gahetvāti atthasaddassa tattha pavattanākāradassanaṃ, tena atthasaddassa sabhāvatthataṃ dasseti. Adhikaraṇavasena liṅgaparivattiṃ gacchati. ‘‘Abhidheyyānurūpaṃ liṅgavacanānī’’ti hi saddavidū vadanti.

    ทุกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dukaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ติกนิเทฺทสวณฺณนา

    3. Tikaniddesavaṇṇanā

    ๗๖๘. ปริปาจิเตสูติ สาธิเตสุฯ ‘‘วิหิเตสู’’ติ เอตฺถ ทุทฺธาทีสุ วิย ภูตกาลตา นาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘วิสยวิเสสนมตฺตเมวา’’ติฯ ‘‘กมฺมํ, สิปฺป’’นฺติ ปญฺญา การณูปจาเรน วุตฺตาติ อาห ‘‘ปญฺญา เอว วา…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ

    768. Paripācitesūti sādhitesu. ‘‘Vihitesū’’ti ettha duddhādīsu viya bhūtakālatā nādhippetāti āha ‘‘visayavisesanamattamevā’’ti. ‘‘Kammaṃ, sippa’’nti paññā kāraṇūpacārena vuttāti āha ‘‘paññā eva vā…pe… veditabbā’’ti.

    กุสลํ กมฺมํ สกํ เอกนฺตํ หิตสุขาวหตฺตาฯ ตปฺปฎิปกฺขตฺตา อิตรํ อกุสลํ กมฺมํ โนสกํฯ สจฺจปฎิเวธานุโลมนํ สจฺจานุโลมนํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตปฺปฎิเวธปจฺจยภาเวนา’’ติฯ มคฺคสจฺจสฺส อนุโลมนโต วา สจฺจานุโลมิกตา, ตถา ปรมตฺถสจฺจสฺส อนุโลมนโตฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘มคฺคสจฺจสฺสา’’ติอาทิฯ ปญฺญา วุตฺตา ปญฺญาวิสเย ปญฺญากิจฺจสฺส ทสฺสิตตฺตาฯ ‘‘โยควิหิเตสู’’ติอาทินา วุตฺตภูมินิเทฺทโส, ‘‘กมฺมสฺสกตํ สจฺจานุโลมิก’’นฺติ วุตฺตสรูปนิเทฺทโส, ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการนิเทฺทโส จ ยถาวุตฺตา…เป.… นิเทฺทสาฯ ‘‘โยควิหิเตสุ กมฺมายตเนสุ ขนฺติํ, กมฺมสฺสกตํ ขนฺติํ, ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติ ขนฺติ’’นฺติอาทินา ขนฺติอาทิปเทหิ โยเชตพฺพาฯ โอโลกนํ ปจฺจกฺขกรณํฯ ธมฺมา โอโลกนํ ขมนฺตีติ ปญฺญาย ตโทโลกนสมตฺถตมาหฯ

    Kusalaṃkammaṃ sakaṃ ekantaṃ hitasukhāvahattā. Tappaṭipakkhattā itaraṃ akusalaṃ kammaṃ nosakaṃ. Saccapaṭivedhānulomanaṃ saccānulomanaṃ vuttanti āha ‘‘tappaṭivedhapaccayabhāvenā’’ti. Maggasaccassa anulomanato vā saccānulomikatā, tathā paramatthasaccassa anulomanato. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘maggasaccassā’’tiādi. Paññā vuttā paññāvisaye paññākiccassa dassitattā. ‘‘Yogavihitesū’’tiādinā vuttabhūminiddeso, ‘‘kammassakataṃ saccānulomika’’nti vuttasarūpaniddeso, ‘‘rūpaṃ anicca’’ntiādinā vuttappakāraniddeso ca yathāvuttā…pe… niddesā. ‘‘Yogavihitesu kammāyatanesu khantiṃ, kammassakataṃ khantiṃ, ‘rūpaṃ anicca’nti khanti’’ntiādinā khantiādipadehi yojetabbā. Olokanaṃ paccakkhakaraṇaṃ. Dhammā olokanaṃ khamantīti paññāya tadolokanasamatthatamāha.

    ๗๖๙. มุญฺจตีติ ปชหติฯ อารพฺภ-กิริยาย อธิฎฺฐานํ สมงฺคิภาโว, อธิกรณํ ปฎฺฐปนนฺติ อาห ‘‘มุญฺจ…เป.… วตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติฯ

    769. Muñcatīti pajahati. Ārabbha-kiriyāya adhiṭṭhānaṃ samaṅgibhāvo, adhikaraṇaṃ paṭṭhapananti āha ‘‘muñca…pe… vattuṃ yutta’’nti.

    ๗๗๐. ปญฺจสีลทสสีลานิ กมฺมวเฎฺฎกเทสภูตานิ สนฺธาย เตสํ ธมฺมฎฺฐิติยํ สมวโรโธ วุโตฺตฯ สติปิ สวเนติ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๓๙; กตา. ๔๘๐) ตถาคตโต สวเน สติปิฯ ภิกฺขุอาทีนมฺปิ ตํ วุตฺตํ อธิสีลปญฺญาปนํ วิย น พุทฺธาเวณิกนฺติฯ

    770. Pañcasīladasasīlāni kammavaṭṭekadesabhūtāni sandhāya tesaṃ dhammaṭṭhitiyaṃ samavarodho vutto. Satipi savaneti ‘‘idha, bhikkhave, ariyasāvako pāṇātipātā paṭivirato’’tiādinā (a. ni. 8.39; katā. 480) tathāgatato savane satipi. Bhikkhuādīnampi taṃ vuttaṃ adhisīlapaññāpanaṃ viya na buddhāveṇikanti.

    อธิปญฺญานิพฺพเตฺตสูติ ฐเปตฺวา อธิปญฺญํ ตทเญฺญสุ มคฺคผลธเมฺมสุฯ ตทธิฎฺฐาเนสูติ ตสฺสา อธิปญฺญาย อธิฎฺฐาเนสุ วิปสฺสนาธเมฺมสุฯ

    Adhipaññānibbattesūti ṭhapetvā adhipaññaṃ tadaññesu maggaphaladhammesu. Tadadhiṭṭhānesūti tassā adhipaññāya adhiṭṭhānesu vipassanādhammesu.

    ๗๗๑. อปายุปฺปาทนํ อวฑฺฒินิพฺพตฺตนํฯ ตสฺมิํเยว ฐาเนติ ตสฺมิํเยว ขเณฯ

    771. Apāyuppādanaṃ avaḍḍhinibbattanaṃ. Tasmiṃyeva ṭhāneti tasmiṃyeva khaṇe.

    ติกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔. จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา

    4. Catukkaniddesavaṇṇanā

    ๗๙๓. ปริตสฺสนํ ปริตฺตาโส, จิตฺตุตฺราโส จาติ ‘‘น ปริตสฺสตี’’ติ ปทสฺส ‘‘น ปเตฺถติ น อุตฺตสตี’’ติ อตฺถมาหฯ

    793. Paritassanaṃ parittāso, cittutrāso cāti ‘‘na paritassatī’’ti padassa ‘‘na pattheti na uttasatī’’ti atthamāha.

    ๗๙๖. อริยสเจฺจสุ ธมฺมสโทฺท ‘‘ทิฎฺฐธโมฺม’’ติอาทีสุ วิยฯ อริยมโคฺค, ตสฺส จ ผลํ ธโมฺม ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปเนฺน อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติฯ ตตฺถ ปญฺญาติ ตสฺมิํ อริยมคฺคผเล นิสฺสยภูเต ปญฺญาฯ เตนาห ‘‘ตํสหคตา’’ติฯ อวิทิตํ วิทิตํ วิย เนติ ญาเปตีติ นโย, อนุมานํ, ตสฺส นยนํ ปวตฺตนํ, ตํ ปน วิสุํเยเวกํ ญาณุปฺปาทนนฺติ อาสงฺกาย นิวตฺตนตฺถมาห ‘‘น อญฺญ…เป.… วิเสโส’’ติฯ อตฺตโน หิ อธิคมานุสาเรน ปราธิคตานํ กาลตฺตเย มคฺคาทีนํ ปวตฺติอาการานุมานํ นยนยนํฯ อนุมินนาการเมว หิสฺส สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ญาณเสฺสว ปวตฺติวิเสโส’’ติฯ การณญฺจ นยนยนสฺส สเจฺจสุ ปจฺจกฺขปวตฺตนโตฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ยถา มคฺคญาณโต อญฺญาปิ ‘‘อิมินา ธเมฺมนา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ, ตถา ปการนฺตเรนปิ ‘‘อิมินา ธเมฺมน ญาเณนา’’ติ เอตฺถ อโตฺถ ยุชฺชตีติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติฯ เตนาติ ตสฺมา ญาเณน ญาตโต สมฺปโยเคหิ นยนยนโตฯ ญาณวิสยภาเวนาติ ปฎิเวธญาณสฺส วิสยภาเวนฯ ญาเตน ปฎิวิเทฺธน จตุสจฺจธเมฺมน, ญาณสมฺปโยเคน วา ญาเตน ชานิตฺวา ฐิเตน มคฺคผลธเมฺมนฯ

    796. Ariyasaccesudhammasaddo ‘‘diṭṭhadhammo’’tiādīsu viya. Ariyamaggo, tassa ca phalaṃ dhammo yathānusiṭṭhaṃ paṭipanne apāyesu apatamāne dhāretīti. Tattha paññāti tasmiṃ ariyamaggaphale nissayabhūte paññā. Tenāha ‘‘taṃsahagatā’’ti. Aviditaṃ viditaṃ viya neti ñāpetīti nayo, anumānaṃ, tassa nayanaṃ pavattanaṃ, taṃ pana visuṃyevekaṃ ñāṇuppādananti āsaṅkāya nivattanatthamāha ‘‘na añña…pe… viseso’’ti. Attano hi adhigamānusārena parādhigatānaṃ kālattaye maggādīnaṃ pavattiākārānumānaṃ nayanayanaṃ. Anuminanākārameva hissa sandhāya vuttaṃ ‘‘ñāṇasseva pavattiviseso’’ti. Kāraṇañca nayanayanassa saccesu paccakkhapavattanato. ‘‘Tathā’’ti iminā yathā maggañāṇato aññāpi ‘‘iminā dhammenā’’ti vattuṃ yuttaṃ, tathā pakārantarenapi ‘‘iminā dhammena ñāṇenā’’ti ettha attho yujjatīti imamatthaṃ upasaṃharati. Tenāti tasmā ñāṇena ñātato sampayogehi nayanayanato. Ñāṇavisayabhāvenāti paṭivedhañāṇassa visayabhāvena. Ñātena paṭividdhena catusaccadhammena, ñāṇasampayogena vā ñātena jānitvā ṭhitena maggaphaladhammena.

    สเพฺพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน สพฺพํ, อนวเสสนฺติ อโตฺถฯ อทฺธตฺตยปริยาปนฺนญฺหิ สพฺพํ เตภูมกสงฺขารคตํ สมฺมสียติฯ นยนโตติ นยคฺคาหโตฯ อนุรูปตฺถวาจโก วา การณสโทฺท ‘‘การณํ วทตี’’ติอาทีสุ วิยฯ

    Sabbena sabbanti sabbappakārena sabbaṃ, anavasesanti attho. Addhattayapariyāpannañhi sabbaṃ tebhūmakasaṅkhāragataṃ sammasīyati. Nayanatoti nayaggāhato. Anurūpatthavācako vā kāraṇasaddo ‘‘kāraṇaṃ vadatī’’tiādīsu viya.

    อนฺวยญาณสฺสปิ ปริโยคาเหตฺวา ปวตฺตนโต สวิเสโส วิสยาวโพโธติ วุตฺตํ ‘‘ธเมฺม ญาณ…เป.… อภาวา’’ติฯ วิสโยภาสนมตฺตชานนสามเญฺญนาติ อสติปิ อภิสเมจฺจ คหเณ วิสยวิภาวนสงฺขาตอวโพธสามญฺญมเตฺตนฯ ‘‘ญาณ’’นฺติ สมฺมเตสูติ ‘‘ญาณ’’นฺติ โวหริเตสุ ลทฺธญาณโวหาเรสุฯ สมฺมุติวเสนาติ ธมฺมญาณาทิ วิย สมุเขน วิสเย อปฺปวตฺติตฺวา ปญฺญตฺติมุเขน ปวตฺตํฯ อวเสสนฺติ สมฺมุติญาณเมวาหฯ อิตรญาณตฺตยวิสภาคนฺติ ธมฺมญาณาทิญาณตฺตยวิธุรํฯ

    Anvayañāṇassapi pariyogāhetvā pavattanato saviseso visayāvabodhoti vuttaṃ ‘‘dhamme ñāṇa…pe… abhāvā’’ti. Visayobhāsanamattajānanasāmaññenāti asatipi abhisamecca gahaṇe visayavibhāvanasaṅkhātaavabodhasāmaññamattena. ‘‘Ñāṇa’’nti sammatesūti ‘‘ñāṇa’’nti voharitesu laddhañāṇavohāresu. Sammutivasenāti dhammañāṇādi viya samukhena visaye appavattitvā paññattimukhena pavattaṃ. Avasesanti sammutiñāṇamevāha. Itarañāṇattayavisabhāganti dhammañāṇādiñāṇattayavidhuraṃ.

    ๗๙๗. กามภวธเมฺมติ กามภวสงฺขาเต ธเมฺมฯ

    797. Kāmabhavadhammeti kāmabhavasaṅkhāte dhamme.

    ๗๙๘. สาติ ปฐมชฺฌานปญฺญาฯ วีตราคภาวนาวตฺถสฺสาติ ‘‘วีตราโค โหตี’’ติ เอวํ วุตฺตสฺสฯ นฺติ ฉฎฺฐาภิญฺญํฯ มคฺคญาณญฺหิ กิจฺจโต มคฺคสจฺจมฺปิ ปฎิวิชฺฌติฯ อิตราติ เหฎฺฐิมมคฺคปญฺญาฯ ตทุปนิสฺสยตฺตาติ ตสฺสา ฉฎฺฐาภิญฺญาย, ตสฺส วา ปฎิวิชฺฌนสฺส อุปนิสฺสยตฺตา ปฎิวิชฺฌติ นามฯ ยถานุรูปนฺติ ทิฎฺฐาสวาทีนํ ยถานุรูปํฯ อาสวกฺขเยติ อาสวกฺขยปริยาเย การณูปจาเรนฯ ตํนิพฺพตฺตนโตติ ตสฺส อาสวกฺขยสงฺขาตสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตนโตฯ อิทญฺจ ‘‘อาสวานํ ขเย ญาณํ ฉฎฺฐาภิญฺญา’’ติ สุเตฺต อาคตตฺตา วุตฺตํฯ

    798. ti paṭhamajjhānapaññā. Vītarāgabhāvanāvatthassāti ‘‘vītarāgo hotī’’ti evaṃ vuttassa. Tanti chaṭṭhābhiññaṃ. Maggañāṇañhi kiccato maggasaccampi paṭivijjhati. Itarāti heṭṭhimamaggapaññā. Tadupanissayattāti tassā chaṭṭhābhiññāya, tassa vā paṭivijjhanassa upanissayattā paṭivijjhati nāma. Yathānurūpanti diṭṭhāsavādīnaṃ yathānurūpaṃ. Āsavakkhayeti āsavakkhayapariyāye kāraṇūpacārena. Taṃnibbattanatoti tassa āsavakkhayasaṅkhātassa phalassa nibbattanato. Idañca ‘‘āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ chaṭṭhābhiññā’’ti sutte āgatattā vuttaṃ.

    ๘๐๑. อภิวิสิเฎฺฐน วา ญาเณน ปากฎํ กโรนฺตสฺสาติ อธิคมวเสน ปกาสํ วิภูตํ กโรนฺตสฺสฯ

    801. Abhivisiṭṭhena vā ñāṇena pākaṭaṃ karontassāti adhigamavasena pakāsaṃ vibhūtaṃ karontassa.

    ๘๐๒. วสิตาปญฺจกรหิตํ วสิภาวํ อปาปิตํ ปฎิลทฺธมตฺตํฯ ปฎิปทารมฺมณสหคตา ปญฺญา ปฎิปทารมฺมณสมฺพนฺธินีติ อาห ‘‘ปญฺญาย ปฎิปทารมฺมณุเทฺทเสนา’’ติฯ

    802. Vasitāpañcakarahitaṃ vasibhāvaṃ apāpitaṃ paṭiladdhamattaṃ. Paṭipadārammaṇasahagatā paññā paṭipadārammaṇasambandhinīti āha ‘‘paññāya paṭipadārammaṇuddesenā’’ti.

    จตุกฺกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catukkaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา

    5. Pañcakaniddesavaṇṇanā

    ๘๐๔. ตเมว ปญฺญํ ‘‘ทฺวีสุ ฌาเนสุ ปญฺญา ปีติผรเณนา’’ติอาทินา วิภชติฯ อภิสนฺทนปริสนฺทนปริปูรณานิปิ ปริปฺผรณํ วิย ผรณาปีติยา, ตํสหคตสุขสฺส จ กิจฺจวิเสสภูตานิ อธิเปฺปตานีติ อาห ‘‘อภิสเนฺทตีติ…เป.… เวทิตพฺพ’’นฺติฯ อาทินา นเยนาติ ‘‘อภิสเนฺทตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๔๒๗) สุเตฺต อาคตนเยนฯ ผรณเญฺจตฺถ ปีติสุขสมุฎฺฐิตปณีตรูเปหิ กายสฺส อภิพฺยาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ อารมฺมเณติ ปีติผรณตาสุขผรณตาสีเสน วุตฺตานํ ติกทุกฌานานํ อารมฺมเณฯ ตาติ ปีติผรณตาสุขผรณตาฯ

    804. Tameva paññaṃ ‘‘dvīsu jhānesu paññā pītipharaṇenā’’tiādinā vibhajati. Abhisandanaparisandanaparipūraṇānipi parippharaṇaṃ viya pharaṇāpītiyā, taṃsahagatasukhassa ca kiccavisesabhūtāni adhippetānīti āha ‘‘abhisandetīti…pe… veditabba’’nti. Ādinā nayenāti ‘‘abhisandetī’’tiādinā (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.427) sutte āgatanayena. Pharaṇañcettha pītisukhasamuṭṭhitapaṇītarūpehi kāyassa abhibyāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Ārammaṇeti pītipharaṇatāsukhapharaṇatāsīsena vuttānaṃ tikadukajhānānaṃ ārammaṇe. ti pītipharaṇatāsukhapharaṇatā.

    สมาธิมุเขนาติ สมาธิํ มุขํ ปมุขํ กตฺวา, สมาธิสีเสนาติ อโตฺถ, สมาธิปมุเขน วา อุเทฺทสนิเทฺทเสนฯ อเญฺญ กิเลสา ทิฎฺฐิมานาทโย ฯ อปฺปโยเคนาติ ฌานวิโมกฺขาทีนํ วิย อุปฺปาทนียปริกมฺมปโยเคน วินาฯ อาวชฺชนาสทิโส หิ ผลสมาปตฺติอโตฺถ สมฺมสนจาโรฯ ฐปิตตฺตาติ ปวตฺติตตฺตาฯ สติพหุลตายาติ สติยา อภิณฺหุปฺปตฺติยาฯ ปริจฺฉินฺทนสติยา กาลสฺส สโตติ ทเสฺสตีติ โยชนาฯ

    Samādhimukhenāti samādhiṃ mukhaṃ pamukhaṃ katvā, samādhisīsenāti attho, samādhipamukhena vā uddesaniddesena. Aññe kilesā diṭṭhimānādayo . Appayogenāti jhānavimokkhādīnaṃ viya uppādanīyaparikammapayogena vinā. Āvajjanāsadiso hi phalasamāpattiattho sammasanacāro. Ṭhapitattāti pavattitattā. Satibahulatāyāti satiyā abhiṇhuppattiyā. Paricchindanasatiyā kālassa satoti dassetīti yojanā.

    ปญฺจกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนา

    6. Chakkaniddesavaṇṇanā

    ๘๐๕. วิสุทฺธิภาวนฺติ วิสุทฺธิยา สพฺภาวํฯ ‘‘ทิพฺพจกฺขุญาเณกเทสตฺตา’’ติ อิทํ ตสฺส ปริภณฺฑญาณตฺตา วุตฺตํฯ ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๗) อารภิตฺวา ‘‘โส ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธนา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๖) วุตฺตํฯ ทิพฺพสฺส ติโรหิตวิปฺปกฎฺฐาทิเภทสฺส, อิตรสฺส จ รูปายตนสฺส ทสฺสนสมตฺถสฺสาปิ ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส สิขาปตฺติ จวมาโนปปชฺชมานสตฺตทสฺสนนฺติ อาห ‘‘มุทฺธปฺปเตฺตน จา’’ติอาทิฯ

    805. Visuddhibhāvanti visuddhiyā sabbhāvaṃ. ‘‘Dibbacakkhuñāṇekadesattā’’ti idaṃ tassa paribhaṇḍañāṇattā vuttaṃ. Tathā hi pāḷiyaṃ ‘‘sattānaṃ cutūpapātañāṇāya cittaṃ abhinīharati abhininnāmetī’’ti (dī. ni. 1.247) ārabhitvā ‘‘so dibbena cakkhunā visuddhenā’’tiādi (dī. ni. 1.246) vuttaṃ. Dibbassa tirohitavippakaṭṭhādibhedassa, itarassa ca rūpāyatanassa dassanasamatthassāpi dibbacakkhuñāṇassa sikhāpatti cavamānopapajjamānasattadassananti āha ‘‘muddhappattena cā’’tiādi.

    ฉกฺกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chakkaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. สตฺตกนิเทฺทสวณฺณนา

    7. Sattakaniddesavaṇṇanā

    ๘๐๖. ฉพฺพิธมฺปิ ปจฺจเวกฺขณญาณนฺติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ญาณ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๘๐๖) วุตฺตํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ ปจฺจเวกฺขณวเสน ปวตฺตญาณํฯ สห คเหตฺวาติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วิปสฺสนารมฺมณภาวสามเญฺญน เอกเตฺตน คเหตฺวาฯ สงฺขิปิตฺวา วุเตฺตนาติ ปุเพฺพ ฉธา วุตฺตํ วิย ทสฺสิตํ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ เอวํ สงฺขิปิตฺวา วุเตฺตนฯ ‘‘ขยธมฺม’’นฺติอาทินา ปกาเรน ทสฺสนนฺติ สมฺพโนฺธฯ ปวตฺตญาณสฺสาติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา ปวตฺตสฺส ญาณสฺส, ปวเตฺต วา สํสารวเฎฺฎ ญาณสฺสฯ ญาณารมฺมณา วิปสฺสนา ญาณวิปสฺสนาวิปสฺสนาติ จ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธเมฺม วิภาเคน ทสฺสนโต ธมฺมฎฺฐิติญาณํ อิธาธิเปฺปตํฯ ตสฺส ขยธมฺมตาทิชานนํ ปฎิวิปสฺสนาฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฎิวิปสฺสนาทสฺสนมตฺต’’นฺติฯ

    806. Chabbidhampi paccavekkhaṇañāṇanti ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇanti ñāṇa’’ntiādinā (vibha. 806) vuttaṃ paṭiccasamuppādaṅgānaṃ paccavekkhaṇavasena pavattañāṇaṃ. Saha gahetvāti ekajjhaṃ gahetvā vipassanārammaṇabhāvasāmaññena ekattena gahetvā. Saṅkhipitvā vuttenāti pubbe chadhā vuttaṃ viya dassitaṃ dhammaṭṭhitiñāṇanti evaṃ saṅkhipitvā vuttena. ‘‘Khayadhamma’’ntiādinā pakārena dassananti sambandho. Pavattañāṇassāti ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’ntiādinā pavattassa ñāṇassa, pavatte vā saṃsāravaṭṭe ñāṇassa. Ñāṇārammaṇā vipassanā ñāṇavipassanā. Vipassanāti ca ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’ntiādinā paccayapaccayuppannadhamme vibhāgena dassanato dhammaṭṭhitiñāṇaṃ idhādhippetaṃ. Tassa khayadhammatādijānanaṃ paṭivipassanā. Tenāha ‘‘vipassanāpaṭivipassanādassanamatta’’nti.

    เอวเมตฺถ อฎฺฐกถาธิปฺปายวเสน ปาฬิยา อตฺถํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน อธิปฺปายวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ปาฬิยํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ สพฺพตฺถาติ อทฺธตฺตเย ปจฺจยวิเสเสน ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนิทฺธารเณฯ ญาณวจเนนาติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา ญาณสฺส คหเณนฯ องฺคานนฺติ สตฺตสตฺตติยา องฺคานํฯ อิติสเทฺทนาติ ‘‘นิโรธธมฺม’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตอิติสเทฺทนฯ ปกาเสตฺวาติ ญาณสฺส ปวตฺติอาการํ โชเตตฺวาฯ เตน ธมฺมฎฺฐิติญาณโต อญฺญํเยว ปริโยสาเน วุตฺตํ ญาณนฺติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนาญาณํ สตฺตมํ ญาณ’’นฺติฯ อยเมว เจตฺถ อโตฺถ ยุโตฺตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘ตมฺปิ ญาณนฺติ สมฺพโนฺธ น โหตี’’ติ เอวํ สมฺพโนฺธ น ยุโตฺต องฺคนฺตรภาวสฺส อวิภาวนโตติ อโตฺถฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตํญาณ…เป.… อนธิเปฺปตตฺตา’’ติฯ น หิ วิสุํ วิสุํ วุตฺตเมว เอกชฺฌํ วจนมเตฺตน อตฺถนฺตรํ โหตีติฯ ‘‘ขยธมฺมํ…เป.… จา’’ติ อิมินา ปุริมสฺมิํ ปเกฺข อุปจเยน โทสมาหฯ

    Evamettha aṭṭhakathādhippāyavasena pāḷiyā atthaṃ dassetvā idāni attano adhippāyavasena dassetuṃ ‘‘pāḷiyaṃ panā’’tiādimāha. Sabbatthāti addhattaye paccayavisesena paccayuppannavisesaniddhāraṇe. Ñāṇavacanenāti ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’ntiādinā ñāṇassa gahaṇena. Aṅgānanti sattasattatiyā aṅgānaṃ. Itisaddenāti ‘‘nirodhadhamma’’nti ettha vuttaitisaddena. Pakāsetvāti ñāṇassa pavattiākāraṃ jotetvā. Tena dhammaṭṭhitiñāṇato aññaṃyeva pariyosāne vuttaṃ ñāṇanti dasseti. Tenāha ‘‘vipassanāñāṇaṃ sattamaṃ ñāṇa’’nti. Ayameva cettha attho yuttoti dassento ‘‘na hī’’tiādimāha. Tattha ‘‘tampi ñāṇanti sambandho na hotī’’ti evaṃ sambandho na yutto aṅgantarabhāvassa avibhāvanatoti attho. Tena vuttaṃ ‘‘taṃñāṇa…pe… anadhippetattā’’ti. Na hi visuṃ visuṃ vuttameva ekajjhaṃ vacanamattena atthantaraṃ hotīti. ‘‘Khayadhammaṃ…pe… cā’’ti iminā purimasmiṃ pakkhe upacayena dosamāha.

    สตฺตกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๘. อฎฺฐกนิเทฺทสวณฺณนา

    8. Aṭṭhakaniddesavaṇṇanā

    ๘๐๘. ปจฺจนีกธเมฺมติ นีวรณาทิปจฺจนีกธเมฺมฯ ทุกฺขนฺติ สมาปชฺชเน อสติ อุปฺปชฺชนกทุกฺขํฯ

    808. Paccanīkadhammeti nīvaraṇādipaccanīkadhamme. Dukkhanti samāpajjane asati uppajjanakadukkhaṃ.

    อฎฺฐกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aṭṭhakaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. ทสกนิเทฺทโส

    10. Dasakaniddeso

    ปฐมพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Paṭhamabalaniddesavaṇṇanā

    ๘๐๙. น ฐานนฺติ อฎฺฐานํ, อนุปลพฺภนโตฺถ อยมกาโรติ อาห ‘‘อวิชฺชมานํ ฐานํ อฎฺฐาน’’นฺติฯ อภาวโตฺถ วา, น อญฺญปฎิปกฺขาทิอโตฺถติ อาห ‘‘นตฺถิ ฐานนฺติ วา อฎฺฐาน’’นฺติฯ โก ปเนตสฺส อตฺถทฺวยสฺส วิเสโสติ? ปฐโม เหตุปจฺจเยหิ อนุปลพฺภมานตํ วทติ, ทุติโย สเพฺพน สพฺพํ อภาวนฺติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ ตณฺหุปาทานาทีนมฺปิ สุขโต อุปคมนสฺส เหตุภาเว ทิฎฺฐิวิปลฺลาสสฺส โส สาติสโย อสุเขปิ ทฬฺหํ ปวตฺตาปนโตติ อาห ‘‘ทิฎฺฐิวิปลฺลาโสว…เป.… อธิเปฺปต’’นฺติฯ ‘‘อตฺตทิฎฺฐิวเสนา’’ติ กสฺมา วิเสเสตฺวา วุตฺตํ, นนุ อริยสาวกสฺส สพฺพาปิ ทิฎฺฐิโย นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, อตฺตทิฎฺฐิสนฺนิสฺสยา ปน สพฺพทิฎฺฐิโยติ ทเสฺสตุํ ‘‘อตฺตทิฎฺฐิวเสนาติ ปธานทิฎฺฐิมาหา’’ติ วุตฺตํฯ เภทานุรูปสฺส วตฺถุโนฯ เภทานุรูเปน ‘‘อธเมฺม ธโมฺม’’ติอาทินยปฺปวเตฺตนฯ

    809. Na ṭhānanti aṭṭhānaṃ, anupalabbhanattho ayamakāroti āha ‘‘avijjamānaṃ ṭhānaṃ aṭṭhāna’’nti. Abhāvattho vā, na aññapaṭipakkhādiatthoti āha ‘‘natthi ṭhānanti vā aṭṭhāna’’nti. Ko panetassa atthadvayassa visesoti? Paṭhamo hetupaccayehi anupalabbhamānataṃ vadati, dutiyo sabbena sabbaṃ abhāvanti ayametesaṃ viseso. Taṇhupādānādīnampi sukhato upagamanassa hetubhāve diṭṭhivipallāsassa so sātisayo asukhepi daḷhaṃ pavattāpanatoti āha ‘‘diṭṭhivipallāsova…pe… adhippeta’’nti. ‘‘Attadiṭṭhivasenā’’ti kasmā visesetvā vuttaṃ, nanu ariyasāvakassa sabbāpi diṭṭhiyo natthīti? Saccaṃ natthi, attadiṭṭhisannissayā pana sabbadiṭṭhiyoti dassetuṃ ‘‘attadiṭṭhivasenāti padhānadiṭṭhimāhā’’ti vuttaṃ. Bhedānurūpassa vatthuno. Bhedānurūpena ‘‘adhamme dhammo’’tiādinayappavattena.

    โส เอวาติ โย ลิเงฺค อปริวเตฺต ตสฺมิํ อตฺตภาเว ภวงฺคชีวิตินฺทฺริยปฺปพโนฺธ, โส เอวฯ ตญฺหิ อุปาทาย เอกชาติสมญฺญา, น เจตฺถ ภาวกลาปชีวิตินฺทฺริยสฺส วเสน โจทนา กาตพฺพา ตทญฺญเสฺสว อธิเปฺปตตฺตาฯ ตญฺหิ ตตฺถ อวิเจฺฉทวุตฺติยา ปพนฺธโวหารํ ลภติ, อิตรมฺปิ วา ภาวานุปาลนตาสามเญฺญนาติ อโนกาสาว โจทนาฯ

    So evāti yo liṅge aparivatte tasmiṃ attabhāve bhavaṅgajīvitindriyappabandho, so eva. Tañhi upādāya ekajātisamaññā, na cettha bhāvakalāpajīvitindriyassa vasena codanā kātabbā tadaññasseva adhippetattā. Tañhi tattha avicchedavuttiyā pabandhavohāraṃ labhati, itarampi vā bhāvānupālanatāsāmaññenāti anokāsāva codanā.

    สปตฺตวเสน โยเชตพฺพนฺติ ‘‘สปตฺตํ มาเรมีติ อภิสนฺธินา สปเตฺตน นิปนฺนฎฺฐาเน นิปนฺนํ มนุสฺสภูโต มนุสฺสภูตํ มาตรํ ปิตรํ วา มาเรโนฺต’’ติอาทินา โยเชตพฺพํฯ สพฺพตฺถาติ จตูสุปิ วิกเปฺปสุฯ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตนฺติ ปุพฺพภาคิโย มรณาธิปฺปาโยฯ อปฺปมาณํ เตน อตฺถสิทฺธิยา อภาวโตฯ ปุถุชฺชนเสฺสว ตํ ทินฺนํ โหตีติ เอตฺถ ยถา อรหตฺตํ ปตฺวา ปริภุตฺตมฺปิ ปุถุชฺชนกาเล ทินฺนํ ปุถุชฺชนทานเมว โหติ, เอวํ มรณาธิปฺปาเยน ปุถุชฺชนกาเล ปหาเร ทิเนฺน อรหตฺตํ ปตฺวา เตเนว ปหาเรน มเต กสฺมา อรหนฺตฆาโตเยว โหติ, น ปุถุชฺชนฆาโตติ? วิเสสสมฺภวโตฯ ยถา หิ ทานํ เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจาคมเตฺตน โหติ, น เอวํ วโธฯ โส หิ ปาโณ, ปาณสญฺญิตา, วธกเจตนา, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ องฺคานํ ปาริปูริยาว โหติ, น อปาริปูริยาฯ ตสฺมา อรหตฺตํ ปตฺตเสฺสว มรณนฺติ อรหนฺตฆาโตเยว โหติ , น ปุถุชฺชนฆาโตฯ ยสฺมา ปน ‘‘อิมํ มาเรมี’’ติ ยํ สนฺตานํ อารพฺภ มารณิจฺฉา, ตสฺส ปุถุชฺชนขีณาสวภาเวน ปโยคมรณกฺขณานํ วเสน สติปิ สนฺตานเภเท อเภโทเยวฯ ยทา จ อตฺถสิทฺธิ, ตทา ขีณาสวภาโวฯ ตสฺมา อรหนฺตฆาโตว โหตีติ นิจฺฉิตํฯ กถํ ปเนตฺถ วธกเจตนา วตฺตมานวิสยา สิยาติ อาห ‘‘วธกจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณมฺปิ…เป.… ปวตฺตตี’’ติฯ ตตฺถ ปพนฺธวิเจฺฉทวเสนาติ เยน ปพโนฺธ วิจฺฉิชฺชติ, ตาทิสํ ปโยคํ นิพฺพเตฺตตีติ อโตฺถฯ เตน ยทา ปพนฺธวิเจฺฉโท, ตทา อรหาติ ยถาวุตฺตํ อรหนฺตฆาตํ ปติฎฺฐาเปติฯ น เอวนฺติ ยถา กาลนฺตราเปกฺขกิจฺจสิทฺธํ วธกจิตฺตํ, น เอวํ จาคเจตนาฯ ‘‘สา หี’’ติอาทินา จาคเจตนาย กาลนฺตรานเปกฺขกิจฺจสิทฺธิตํเยว วิภาเวติฯ อญฺญสกกรณนฺติ อตฺตโต วินิโมเจตฺวา อญฺญสฺส ทกฺขิเณยฺยสฺส สนฺตกภาวกรณํฯ ตสฺสาติ จชิตพฺพสฺส วตฺถุโนฯ ยสฺสาติ ยสฺส ปุถุชฺชนสฺสฯ ตเสฺสว ตํ ทินฺนํ โหติ, สเจปิ อรหตฺตํ ปตฺวา เตน ปริภุตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    Sapattavasena yojetabbanti ‘‘sapattaṃ māremīti abhisandhinā sapattena nipannaṭṭhāne nipannaṃ manussabhūto manussabhūtaṃ mātaraṃ pitaraṃ vā mārento’’tiādinā yojetabbaṃ. Sabbatthāti catūsupi vikappesu. Purimaṃ abhisandhicittanti pubbabhāgiyo maraṇādhippāyo. Appamāṇaṃ tena atthasiddhiyā abhāvato. Puthujjanasseva taṃ dinnaṃ hotīti ettha yathā arahattaṃ patvā paribhuttampi puthujjanakāle dinnaṃ puthujjanadānameva hoti, evaṃ maraṇādhippāyena puthujjanakāle pahāre dinne arahattaṃ patvā teneva pahārena mate kasmā arahantaghātoyeva hoti, na puthujjanaghātoti? Visesasambhavato. Yathā hi dānaṃ deyyadhammassa pariccāgamattena hoti, na evaṃ vadho. So hi pāṇo, pāṇasaññitā, vadhakacetanā, upakkamo, tena maraṇanti imesaṃ pañcannaṃ aṅgānaṃ pāripūriyāva hoti, na apāripūriyā. Tasmā arahattaṃ pattasseva maraṇanti arahantaghātoyeva hoti , na puthujjanaghāto. Yasmā pana ‘‘imaṃ māremī’’ti yaṃ santānaṃ ārabbha māraṇicchā, tassa puthujjanakhīṇāsavabhāvena payogamaraṇakkhaṇānaṃ vasena satipi santānabhede abhedoyeva. Yadā ca atthasiddhi, tadā khīṇāsavabhāvo. Tasmā arahantaghātova hotīti nicchitaṃ. Kathaṃ panettha vadhakacetanā vattamānavisayā siyāti āha ‘‘vadhakacittaṃ paccuppannārammaṇampi…pe… pavattatī’’ti. Tattha pabandhavicchedavasenāti yena pabandho vicchijjati, tādisaṃ payogaṃ nibbattetīti attho. Tena yadā pabandhavicchedo, tadā arahāti yathāvuttaṃ arahantaghātaṃ patiṭṭhāpeti. Na evanti yathā kālantarāpekkhakiccasiddhaṃ vadhakacittaṃ, na evaṃ cāgacetanā. ‘‘Sā hī’’tiādinā cāgacetanāya kālantarānapekkhakiccasiddhitaṃyeva vibhāveti. Aññasakakaraṇanti attato vinimocetvā aññassa dakkhiṇeyyassa santakabhāvakaraṇaṃ. Tassāti cajitabbassa vatthuno. Yassāti yassa puthujjanassa. Tasseva taṃ dinnaṃ hoti, sacepi arahattaṃ patvā tena paribhuttanti attho.

    ‘‘กปฺปวินาเส’’ติ อิทํ ‘‘สณฺฐหเนฺต กเปฺป’’ติ วุตฺตตฺตา มหากปฺปวินาสํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กปฺปฎฺฐกถาย น สเมตี’’ติ เอตฺถ อายุกปฺปสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ อายุกโปฺป เจตฺถ อวีจิยํ นิพฺพตฺตสตฺตานํ อนฺตรกปฺปปริมาณํ ปรมายุ เวทิตพฺพํฯ ตญฺหิ สนฺธาย ‘‘เอกํ กปฺปํ อสีติภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาล’’นฺติ (กถา. อฎฺฐ. ๖๕๔-๖๕๗) วุตฺตํฯ ตยิทํ ‘‘เอกํ กปฺป’’นฺติ ยทิ เอกํ มหากปฺปนฺติ อโตฺถ, ตถา สติ วีสติอนฺตรกปฺปปริมาโณ เอโก อสเงฺขฺยยฺยกโปฺปติ วุตฺตํ โหติฯ อถ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปนฺติ อโตฺถ, สพฺพถาปิ ‘‘จตุสฎฺฐิ อนฺตรกปฺปา’’ติ วจเนน วิรุชฺฌตีติ วีมํสิตพฺพํฯ ยถา ปน กปฺปฎฺฐกถาย อยํ อฎฺฐกถา สเมติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘กปฺปวินาเสเยวาติ ปนา’’ติอาทิมาหฯ

    ‘‘Kappavināse’’ti idaṃ ‘‘saṇṭhahante kappe’’ti vuttattā mahākappavināsaṃ sandhāya vuttanti āha ‘‘kappaṭṭhakathāya na sametī’’ti ettha āyukappassa adhippetattā. Āyukappo cettha avīciyaṃ nibbattasattānaṃ antarakappaparimāṇaṃ paramāyu veditabbaṃ. Tañhi sandhāya ‘‘ekaṃ kappaṃ asītibhāge katvā tato ekabhāgamattaṃ kāla’’nti (kathā. aṭṭha. 654-657) vuttaṃ. Tayidaṃ ‘‘ekaṃ kappa’’nti yadi ekaṃ mahākappanti attho, tathā sati vīsatiantarakappaparimāṇo eko asaṅkhyeyyakappoti vuttaṃ hoti. Atha ekaṃ asaṅkhyeyyakappanti attho, sabbathāpi ‘‘catusaṭṭhi antarakappā’’ti vacanena virujjhatīti vīmaṃsitabbaṃ. Yathā pana kappaṭṭhakathāya ayaṃ aṭṭhakathā sameti, taṃ dassetuṃ ‘‘kappavināseyevāti panā’’tiādimāha.

    ปกตโตฺต วา อปาราชิโกฯ สมานสํวาสโก กมฺมลทฺธีนํ วเสน อนานาสํวาสโกติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Pakatatto vā apārājiko. Samānasaṃvāsako kammaladdhīnaṃ vasena anānāsaṃvāsakoti evamettha attho veditabbo.

    นิยตสฺส ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานตํ ปฎิเสเธตฺวาติ โยชนาฯ ตตฺถ ปฎิเสเธตฺวาติ ‘‘ปุคฺคโล ปน นิยโต นาม นตฺถี’’ติ เอวํ ปฎิเสเธตฺวาฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘มิจฺฉตฺตสมฺมตฺตนิยตธมฺมานํ วิย สภาวโต’’ติฯ ปญฺญตฺติมตฺตเญฺหตํ มิจฺฉตฺตสมฺมตฺตนิยตธมฺมนิสฺสยํ, ยทิทํ นิยโต ปุคฺคโลติ ฯ ยถาปุจฺฉิตนฺติ ‘‘กิํ ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติอาทินา ปุจฺฉิตปฺปการํ นิยามกเหตุํฯ เยนาติ เยน อุปริมคฺคตฺตยวิปสฺสนาญาเณนฯ นิยตานิยตเภทนฺติ โสตาปนฺนาทินิยตเภทํ, สตฺตกฺขตฺตุปรมาทิอนิยตเภทญฺจฯ โสตาปโนฺน เอว หิ เอโก สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม โหติ, เอโก โกลํโกโล นาม, เอโก เอกพีชี นามาติ โสตาปนฺนสฺส นิยตภาโว วุโตฺตติ อาห ‘‘โสตาปโนฺน จ นิยโต’’ติฯ พฺยติเรกโตฺถ หิ อยํ -สโทฺทฯ ตโต ปุเพฺพติ โสตาปตฺติมคฺคโต ปุเพฺพฯ ‘‘ปุพฺพเหตุกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อิทํ โสตาปนฺนสฺส นิยตตาย วุตฺตตฺตา วกฺขมานญฺจ โทสํ หทเย ฐเปตฺวา วุตฺตํฯ อุปริมคฺคานํ สอุปนิสฺสยเตฺต ปฐมมคฺคสฺสาปิ สอุปนิสฺสยตา สิทฺธา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิฯ ตญฺจ นิยตตฺตํฯ อสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺสฯ

    Niyatassa puggalassa vijjamānataṃ paṭisedhetvāti yojanā. Tattha paṭisedhetvāti ‘‘puggalo pana niyato nāma natthī’’ti evaṃ paṭisedhetvā. Tattha kāraṇamāha ‘‘micchattasammattaniyatadhammānaṃ viya sabhāvato’’ti. Paññattimattañhetaṃ micchattasammattaniyatadhammanissayaṃ, yadidaṃ niyato puggaloti . Yathāpucchitanti ‘‘kiṃ pubbahetu niyametī’’tiādinā pucchitappakāraṃ niyāmakahetuṃ. Yenāti yena uparimaggattayavipassanāñāṇena. Niyatāniyatabhedanti sotāpannādiniyatabhedaṃ, sattakkhattuparamādianiyatabhedañca. Sotāpanno eva hi eko sattakkhattuparamo nāma hoti, eko kolaṃkolo nāma, eko ekabījī nāmāti sotāpannassa niyatabhāvo vuttoti āha ‘‘sotāpanno ca niyato’’ti. Byatirekattho hi ayaṃ ca-saddo. Tato pubbeti sotāpattimaggato pubbe. ‘‘Pubbahetukiccaṃ natthī’’ti idaṃ sotāpannassa niyatatāya vuttattā vakkhamānañca dosaṃ hadaye ṭhapetvā vuttaṃ. Uparimaggānaṃ saupanissayatte paṭhamamaggassāpi saupanissayatā siddhā evāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yadi hī’’tiādi. Tañca niyatattaṃ. Assāti sotāpattimaggassa.

    เตเนว ขีณาติ โสตาปตฺติมเคฺคเนว ขีณาฯ การณุปเจฺฉเทน หิ ผลุปเจฺฉโท สิยาฯ ตโตติ สตฺตกฺขตฺตุปรมาทิโตฯ สาติ สตฺตกฺขตฺตุปรมาทิตาฯ ปวตฺติโตติ วิปากปฺปพนฺธโตฯ เตนาติ โสตาปตฺติมเคฺคนฯ วุฎฺฐาเนติ วุฎฺฐาเน สติฯ การเณน วินา ผลํ นตฺถีติ อาห ‘‘สกฺกาย…เป.… ภวิตพฺพ’’นฺติฯ ‘‘นามกรณนิมิตฺตโต’’ติ อิมินา นามกรณเหตุตาย นิยามกตํ วิภาเวติ เอกพีชิอาทิสมญฺญานํ อนฺวตฺถสญฺญาภาวโตฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนา…เป.… สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ

    Teneva khīṇāti sotāpattimaggeneva khīṇā. Kāraṇupacchedena hi phalupacchedo siyā. Tatoti sattakkhattuparamādito. ti sattakkhattuparamāditā. Pavattitoti vipākappabandhato. Tenāti sotāpattimaggena. Vuṭṭhāneti vuṭṭhāne sati. Kāraṇena vinā phalaṃ natthīti āha ‘‘sakkāya…pe… bhavitabba’’nti. ‘‘Nāmakaraṇanimittato’’ti iminā nāmakaraṇahetutāya niyāmakataṃ vibhāveti ekabījiādisamaññānaṃ anvatthasaññābhāvato. Tenāha ‘‘vipassanā…pe… sandhāya vutta’’nti.

    อาทิ-สเทฺทน ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ, สีตีภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติอาทีนิ (มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๒๘๕) สงฺคยฺหนฺติฯ เอตฺถ จ ‘‘สทิโส เม น วิชฺชติ, เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุโทฺธ (มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๒๘๕)ฯ ‘อเตฺถตรหิ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สโมฺพธิย’นฺติ เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘โน’ติ วเทยฺย’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) วจเนหิ อิมิสฺสา โลกธาตุยา วิย อญฺญสฺส พุทฺธสฺส อญฺญิสฺสา โลกธาตุยา อุปฺปาโท นิวาริโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ วิชฺชมาเน ‘‘สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติอาทิ สกฺกา วตฺตุํฯ ยํ ปน วทนฺติ ‘‘โลกธาตุวิเสสาเปกฺขาย วุตฺต’’นฺติ, ตมฺปิ นตฺถิ ตถา วิเสสนสฺส อภาวโต, พุทฺธานุภาวสฺส จ อสมตฺถภาววิภาวนโตฯ อาณาเขตฺตกิตฺตนเญฺจตฺถ ธมฺมตาทสฺสนตฺถํฯ สโกฺกติ หิ ภควา ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺถ อาณํ วเตฺตตุํฯ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ จ อิทํ พุทฺธเขตฺตภูตาย โลกธาตุยา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถายมโตฺถ – พุทฺธเขตฺตภูตา เอกาวายํ โลกธาตุฯ ตตฺถ เอกสฺมิํ กาเล เอโก เอว สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปฺปชฺชตีติฯ เตนาห ‘‘พุทฺธเขตฺต…เป.… อธิปฺปาโย’’ติฯ

    Ādi-saddena ‘‘ekomhi sammāsambuddho, sītībhūtosmi nibbuto’’tiādīni (mahāva. 11; kathā. 405; ma. ni. 1.285) saṅgayhanti. Ettha ca ‘‘sadiso me na vijjati, ekomhi sammāsambuddho (mahāva. 11; kathā. 405; ma. ni. 1.285). ‘Atthetarahi aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā samasamā sambodhiya’nti evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘no’ti vadeyya’’ntiādi (dī. ni. 3.161) vacanehi imissā lokadhātuyā viya aññassa buddhassa aññissā lokadhātuyā uppādo nivāritoti daṭṭhabbaṃ. Na hi vijjamāne ‘‘sadiso me na vijjatī’’tiādi sakkā vattuṃ. Yaṃ pana vadanti ‘‘lokadhātuvisesāpekkhāya vutta’’nti, tampi natthi tathā visesanassa abhāvato, buddhānubhāvassa ca asamatthabhāvavibhāvanato. Āṇākhettakittanañcettha dhammatādassanatthaṃ. Sakkoti hi bhagavā yattha yattha icchati, tattha tattha āṇaṃ vattetuṃ. ‘‘Ekissā lokadhātuyā’’ti ca idaṃ buddhakhettabhūtāya lokadhātuyā dassanatthaṃ vuttaṃ. Tatthāyamattho – buddhakhettabhūtā ekāvāyaṃ lokadhātu. Tattha ekasmiṃ kāle eko eva sammāsambuddho uppajjatīti. Tenāha ‘‘buddhakhetta…pe… adhippāyo’’ti.

    ตสฺมาติ ยสฺมา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมาฯ ปาติโมเกฺข สิเทฺธ, สิทฺธาสุ ตาสุ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาสุฯ ตโต ปรํ วินฎฺฐํ นาม โหตีติ ปจฺฉิมปฎิเวธโต ปรํ ปฎิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมสีลเภทโต จ ปรํ ปฎิปตฺติสาสนํ วินฎฺฐํ นาม โหตีติ สาสนภาวสามเญฺญน ปน อุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ปจฺฉิม…เป.… เอกโต กตฺวา’’ติ อาหฯ

    Tasmāti yasmā upasampadādhīnaṃ pātimokkhaṃ, upasampadā ca pabbajjādhīnā, tasmā. Pātimokkhe siddhe, siddhāsu tāsu pabbajjūpasampadāsu. Tato paraṃ vinaṭṭhaṃ nāma hotīti pacchimapaṭivedhato paraṃ paṭivedhasāsanaṃ, pacchimasīlabhedato ca paraṃ paṭipattisāsanaṃ vinaṭṭhaṃ nāma hotīti sāsanabhāvasāmaññena pana ubhayaṃ ekajjhaṃ katvā dassento ‘‘pacchima…pe… ekato katvā’’ti āha.

    ปริเทวนการุญฺญนฺติ ปริเทวเนน กรุณายิตพฺพตา กรุณายนาฯ

    Paridevanakāruññanti paridevanena karuṇāyitabbatā karuṇāyanā.

    ธมฺมานํ สภาววิเสโส น สกฺกา ธาเรตุํ, ยโต ปารมีปวิจยาทีสุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวีกโมฺป อโหสิ, อภิสโมฺพธิทิวเส จ ฐเปตฺวา ปุพฺพุตฺตรทิสาภาเค โพธิรุกฺขมูเล ภูมิภาโค มหาปุริสํ ธาเรตุํ นาสกฺขิ, อญฺญทตฺถุ เอกปเสฺส ปกฺขิตฺตอติภารภริตนาวา วิย จกฺกวาฬคโพฺภ วิปริวโตฺตฯ ‘‘สมุปฺปาทิกา’’ติ วตฺตเพฺพ ส-กาเร อ-การสฺส อา-กาโร, เอกสฺส จ ป-การสฺส โลโป กโตติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สมํ อุทฺธํ ปชฺชตีติ สามุปาทิกา’’ติฯ สมํ อุปาทิยตีติ วา สมุปาทา, สมุปาทา เอว สามุปาทิกา, สมุปาหินีติ อโตฺถฯ

    Dhammānaṃ sabhāvaviseso na sakkā dhāretuṃ, yato pāramīpavicayādīsu udakapariyantaṃ katvā mahāpathavīkampo ahosi, abhisambodhidivase ca ṭhapetvā pubbuttaradisābhāge bodhirukkhamūle bhūmibhāgo mahāpurisaṃ dhāretuṃ nāsakkhi, aññadatthu ekapasse pakkhittaatibhārabharitanāvā viya cakkavāḷagabbho viparivatto. ‘‘Samuppādikā’’ti vattabbe sa-kāre a-kārassa ā-kāro, ekassa ca pa-kārassa lopo katoti dassento āha ‘‘samaṃ uddhaṃ pajjatīti sāmupādikā’’ti. Samaṃ upādiyatīti vā samupādā, samupādā eva sāmupādikā, samupāhinīti attho.

    สนฺตติขณวเสนาติ สนฺตติวเสน อายูหนสมงฺคิตา, สปุพฺพปจฺฉาภาคสฺส คหณวเสน เจตนากฺขณวเสน เจตนาสมงฺคิตาติ โยเชตพฺพาฯ เอกสฺมิํ อุปฎฺฐิเต ปจฺจยวเสน ตทญฺญสฺส อุปฎฺฐานํ ปริวตฺตนํฯ

    Santatikhaṇavasenāti santativasena āyūhanasamaṅgitā, sapubbapacchābhāgassa gahaṇavasena cetanākkhaṇavasena cetanāsamaṅgitāti yojetabbā. Ekasmiṃ upaṭṭhite paccayavasena tadaññassa upaṭṭhānaṃ parivattanaṃ.

    ปฐมพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุติยพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Dutiyabalaniddesavaṇṇanā

    ๘๑๐. โภเค ภุญฺชิตุํ น ชานาติ, วินาเสตีติ โยชนาฯ

    810. Bhoge bhuñjituṃ na jānāti, vināsetīti yojanā.

    ลหุปริวตฺติตาย ชีวิตสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ

    Lahuparivattitāya jīvitassāti adhippāyo.

    อทาสิ ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺนนฺติ อธิปฺปาเยนฯ

    Naadāsi payuttavācāya uppannanti adhippāyena.

    สมฺมาปโยเคนาติ สมฺมาปฎิปตฺติยาฯ

    Sammāpayogenāti sammāpaṭipattiyā.

    ทุติยพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺจมพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Pañcamabalaniddesavaṇṇanā

    ๘๑๓. ธาตุสภาโวติ ภูตาทิสงฺขาตธาตูนํ สภาโวฯ สภาควเสน ผลภูเตนฯ อชฺฌาสยธาตุปริจฺฉินฺทนโตติ อชฺฌาสยสภาวสฺส ‘‘หีนํ, ปณีต’’นฺติ วา ปริจฺฉิชฺช ชานนโต, วุฎฺฐินิมิเตฺตน วิย มโหเฆน อุปริเมฆวุฎฺฐิยาฯ

    813. Dhātusabhāvoti bhūtādisaṅkhātadhātūnaṃ sabhāvo. Sabhāgavasena phalabhūtena. Ajjhāsayadhātuparicchindanatoti ajjhāsayasabhāvassa ‘‘hīnaṃ, paṇīta’’nti vā paricchijja jānanato, vuṭṭhinimittena viya mahoghena uparimeghavuṭṭhiyā.

    ปญฺจมพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcamabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ฉฎฺฐพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Chaṭṭhabalaniddesavaṇṇanā

    สทฺทโตฺถ สมฺภวติ สมาสเนฺตเนว ตถา สทฺทสิทฺธิโตฯ เตสนฺติ ปโรปรานํ วิสทาวิสทานํ สทฺธาทิอินฺทฺริยานํฯ เอวญฺจ กตฺวาติ อาสยาทิโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตสฺส, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตโต จ อธิมุตฺติเภทสฺส วิสิฎฺฐสภาวตฺตา เอวฯ

    Saddattho sambhavati samāsanteneva tathā saddasiddhito. Tesanti paroparānaṃ visadāvisadānaṃ saddhādiindriyānaṃ. Evañca katvāti āsayādito indriyaparopariyattassa, indriyaparopariyattato ca adhimuttibhedassa visiṭṭhasabhāvattā eva.

    ๘๑๕. ‘‘เก ปน เต อริยาวาสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เต สุเตฺตเนว ทเสฺสโนฺต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว’’ติอาทิปาฬิํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ วุตฺตา’’ติ นิคเมตฺวา ปุน มคฺคาธิคเมเนว เตสํ อธิคมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเตสู’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิตเรติ ฉฬงฺคสมนฺนาคมเอการกฺขาสงฺขายปฎิเสวนาทโยฯ

    815. ‘‘Ke pana te ariyāvāsā’’ti pucchitvā te sutteneva dassento ‘‘idha, bhikkhave’’tiādipāḷiṃ āharitvā ‘‘evaṃ vuttā’’ti nigametvā puna maggādhigameneva tesaṃ adhigamaṃ dassento ‘‘etesū’’tiādimāha. Tattha itareti chaḷaṅgasamannāgamaekārakkhāsaṅkhāyapaṭisevanādayo.

    ๘๑๖. อารมฺมณสนฺตานานุสยเนสูติ อารมฺมณานุสยนํ, สนฺตานานุสยนนฺติ ทฺวีสุ อนุสยเนสุฯ ยถา หิ มเคฺคน อสมุจฺฉิโนฺน ราโค การณลาเภ อุปฺปชฺชนารโห ถามคตเฎฺฐน สนฺตาเน อนุเสตีติ วุจฺจติ, เอวํ อิฎฺฐารมฺมเณปีติ ตสฺส อารมฺมณานุสยนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตํ ปนสฺส อนุสยนํ อุปฺปตฺติยา ปากฎํ โหตีติ ทเสฺสตุํ อฎฺฐกถายํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๑๖) วุตฺตํฯ ‘‘อาจิณฺณสมาจิณฺณา’’ติ เอเตน อิฎฺฐารมฺมเณ ราคสฺส จิรปริภาวนํ วิภาเวติฯ ยสฺมา ปน เอวํ จิรปริภาวิตํ ปริเวเฐตฺวา วิย ฐิตํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สมนฺตโต เวเฐตฺวา วิย ฐิตภาเวน อนุสยิตตํ ทเสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ อุทเก นิมุคฺคสทิโส อุทาหโฎฯ ‘‘สเพฺพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียเฎฺฐน กามา’’ติอาทิปาฬิวเสน ภวราคสฺสาปิ วตฺถุกามตา เวทิตพฺพาฯ ราควเสนาติ อารมฺมณรชฺชนวเสนฯ

    816. Ārammaṇasantānānusayanesūti ārammaṇānusayanaṃ, santānānusayananti dvīsu anusayanesu. Yathā hi maggena asamucchinno rāgo kāraṇalābhe uppajjanāraho thāmagataṭṭhena santāne anusetīti vuccati, evaṃ iṭṭhārammaṇepīti tassa ārammaṇānusayanaṃ daṭṭhabbaṃ. Taṃ panassa anusayanaṃ uppattiyā pākaṭaṃ hotīti dassetuṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yathā nāmā’’tiādi (vibha. aṭṭha. 816) vuttaṃ. ‘‘Āciṇṇasamāciṇṇā’’ti etena iṭṭhārammaṇe rāgassa ciraparibhāvanaṃ vibhāveti. Yasmā pana evaṃ ciraparibhāvitaṃ pariveṭhetvā viya ṭhitaṃ hoti, tasmā ‘‘samantato veṭhetvā viya ṭhitabhāvena anusayitataṃ dassetī’’ti vuttaṃ. Tathā hi udake nimuggasadiso udāhaṭo. ‘‘Sabbepi tebhūmakā dhammā kāmanīyaṭṭhena kāmā’’tiādipāḷivasena bhavarāgassāpi vatthukāmatā veditabbā. Rāgavasenāti ārammaṇarajjanavasena.

    ๘๑๘. อินฺทฺริยวิเสโส วิเนยฺยานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํฯ

    818. Indriyaviseso vineyyānaṃ indriyaparopariyattaṃ.

    ๘๑๙. ปหาตเพฺพน อุปทฺทุตนิโรธนตฺถํ ปหายกํ ปริเยสตีติ ปฐมํ ปหาตพฺพํ, ปจฺฉา ปหายกนฺติ อยํ ปหาตพฺพปชหนกฺกโม ปหานกฺกมปเทน วุโตฺตฯ ยสฺสาติ ปหาตพฺพสฺสฯ นฺติ ปหาตพฺพํฯ ปฐมํ วุจฺจตีติ ปหานวิจารณานํ ปฐมํ วุจฺจติฯ ตโต ปจฺฉา อปฺปหาตพฺพํ ยถา ตํ ทสฺสนตฺติกาทีสุฯ

    819. Pahātabbena upaddutanirodhanatthaṃ pahāyakaṃ pariyesatīti paṭhamaṃ pahātabbaṃ, pacchā pahāyakanti ayaṃ pahātabbapajahanakkamo pahānakkamapadena vutto. Yassāti pahātabbassa. Tanti pahātabbaṃ. Paṭhamaṃ vuccatīti pahānavicāraṇānaṃ paṭhamaṃ vuccati. Tato pacchā appahātabbaṃ yathā taṃ dassanattikādīsu.

    ๘๒๖. นฺติ ภวงฺคํฯ ตสฺสาติ โลกุตฺตรสฺสฯ ปาทกนฺติ อนฺติมภวิกสฺส ภวงฺคํ สนฺธายาหฯ

    826. Tanti bhavaṅgaṃ. Tassāti lokuttarassa. Pādakanti antimabhavikassa bhavaṅgaṃ sandhāyāha.

    ฉฎฺฐพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สตฺตมพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Sattamabalaniddesavaṇṇanā

    ๘๒๘. สมาปโนฺนมฺหีติ มญฺญตีติ อโตฺถฯ

    828. Samāpannomhīti maññatīti attho.

    สมาธิ วา ตสฺส อารมฺมณภูตํ กมฺมฎฺฐานํ วา จิตฺตมญฺชูสาติ โยชนาฯ ฐเปตุนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ สมาปตฺติจิตฺตํ ปวเตฺตตุํฯ

    Samādhi vā tassa ārammaṇabhūtaṃ kammaṭṭhānaṃ vā cittamañjūsāti yojanā. Ṭhapetunti yathāparicchinnaṃ kālaṃ samāpatticittaṃ pavattetuṃ.

    เตหีติ สญฺญามนสิกาเรหิฯ ตํสภาวตาติ กามาทิทุติยชฺฌานาทิอนุปกฺขนฺทนสภาวตาฯ ปคุณโวทานํ ปคุณภาวสิทฺธา ฌานสฺส ปฎิปกฺขโต วิสุทฺธิฯ

    Tehīti saññāmanasikārehi. Taṃsabhāvatāti kāmādidutiyajjhānādianupakkhandanasabhāvatā. Paguṇavodānaṃ paguṇabhāvasiddhā jhānassa paṭipakkhato visuddhi.

    สตฺตมพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattamabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทสมพลนิเทฺทสวณฺณนา

    Dasamabalaniddesavaṇṇanā

    ๘๓๑. ปญฺญาว วิมุตฺตีติ ราคาทีหิ วิมุตฺติภูตา ปญฺญาว วิมุตฺตีติ โยชนาฯ กมฺมนฺตรสฺส วิปากนฺตรเมวาติ อโตฺถ วิปากนฺตรชานนเสฺสว ทุติยพลกิจฺจตฺตา, กมฺมนฺตรชานนสฺส จ ตติยพลกิจฺจตฺตาฯ พลสทิสตนฺติ เอกจฺจพลสทิสตํฯ กสฺมา ปเนตฺถ พลญาณกิเจฺจ วุจฺจมาเน ฌานาทิอพลญาณํ อุทาหฎนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยทิปี’’ติอาทิฯ ตทโนฺตคธนฺติ ตสฺมิํ ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาสภาเว สตฺตมพลญาเณ อโนฺตคธํฯ เอวนฺติ ฌานาทิญาณํ วิยฯ อเปฺปตุํ, วิกุพฺพิตุญฺจาติ อตฺตนา วุตฺตาการํ สนฺธายาหฯ สมุทยปฺปหานาทิเอกจฺจญาณกิจฺจมฺปิ อกโรนฺตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ กถมปฺปนาทิกํ ฌานาทิกิจฺจํ กเรยฺย, พลญาเณหิ ปน ชานิตพฺพํ, ตโต อุตฺตริญฺจ ชานนฺตมฺปิ ยสฺมา เอกจฺจพลกิจฺจํ น กโรติ, ตสฺมา อญฺญาเนว พลญาณานิ, อญฺญํ สพฺพญฺญุตญฺญาณนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรตี’’ติอาทิ (วิภ. อฎฺฐ. ๘๓๑) อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา สพฺพญฺญุตญฺญาณํ อพลกิจฺจํ เอกจฺจํ น กโรติ, เอวํ พลกิจฺจมฺปีติ อุทาหรณทสฺสนวเสน ‘‘ตญฺหิ ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา…เป.… ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    831. Paññāva vimuttīti rāgādīhi vimuttibhūtā paññāva vimuttīti yojanā. Kammantarassa vipākantaramevāti attho vipākantarajānanasseva dutiyabalakiccattā, kammantarajānanassa ca tatiyabalakiccattā. Balasadisatanti ekaccabalasadisataṃ. Kasmā panettha balañāṇakicce vuccamāne jhānādiabalañāṇaṃ udāhaṭanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yadipī’’tiādi. Tadantogadhanti tasmiṃ jhānādipaccavekkhaṇāsabhāve sattamabalañāṇe antogadhaṃ. Evanti jhānādiñāṇaṃ viya. Appetuṃ, vikubbituñcāti attanā vuttākāraṃ sandhāyāha. Samudayappahānādiekaccañāṇakiccampi akarontaṃ sabbaññutaññāṇaṃ kathamappanādikaṃ jhānādikiccaṃ kareyya, balañāṇehi pana jānitabbaṃ, tato uttariñca jānantampi yasmā ekaccabalakiccaṃ na karoti, tasmā aññāneva balañāṇāni, aññaṃ sabbaññutaññāṇanti dassanatthaṃ ‘‘etesaṃ pana kiccaṃ na sabbaṃ karotī’’tiādi (vibha. aṭṭha. 831) aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Tattha yathā sabbaññutaññāṇaṃ abalakiccaṃ ekaccaṃ na karoti, evaṃ balakiccampīti udāharaṇadassanavasena ‘‘tañhi jhānaṃ hutvā appetu’’ntiādi vuttanti dassetuṃ ‘‘atha vā…pe… daṭṭhabba’’nti vuttaṃ.

    ทสมพลนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dasamabalaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ญาณวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ñāṇavibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๖. ญาณวิภโงฺค • 16. Ñāṇavibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๖. ญาณวิภโงฺค • 16. Ñāṇavibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact