Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๓. นนฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา
3. Nandakapetavatthuvaṇṇanā
ราชา ปิงฺคลโก นามาติ อิทํ นนฺทกเปตวตฺถุฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สตฺถุ ปรินิพฺพานโต วสฺสสตทฺวยสฺส อจฺจเยน สุรฎฺฐวิสเย ปิงฺคโล นาม ราชา อโหสิฯ ตสฺส เสนาปติ นนฺทโก นาม มิจฺฉาทิฎฺฐี วิปรีตทสฺสโน ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา มิจฺฉาคาหํ ปคฺคยฺห วิจริฯ ตสฺส ธีตา อุตฺตรา นาม อุปาสิกา ปติรูเป กุเล ทินฺนา อโหสิฯ นนฺทโก ปน กาลํ กตฺวา วิญฺฌาฎวิยํ มหติ นิโคฺรธรุเกฺข เวมานิกเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺมิํ กาลกเต อุตฺตรา สุจิสีตลคโนฺธทกปูริตํ ปานียฆฎํ กุมฺมาสาภิสงฺขเตหิ วณฺณคนฺธรสสมฺปเนฺนหิ ปูเวหิ ปริปุณฺณสราวกญฺจ อญฺญตรสฺส ขีณาสวเตฺถรสฺส ทตฺวา ‘‘อยํ ทกฺขิณา มยฺหํ ปิตุ อุปกปฺปตู’’ติ อุทฺทิสิ, ตสฺส เตน ทาเนน ทิพฺพปานียํ อปริมิตา จ ปูวา ปาตุภวิํสุฯ ตํ ทิสฺวา โส เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘ปาปกํ วต มยา กตํ, ยํ มหาชโน ‘นตฺถิ ทินฺน’นฺติอาทินา มิจฺฉาคาหํ คาหิโตฯ อิทานิ ปน ปิงฺคโล ราชา ธมฺมาโสกสฺส รโญฺญ โอวาทํ ทาตุํ คโต, โส ตํ ตสฺส ทตฺวา อาคมิสฺสติ, หนฺทาหํ นตฺถิกทิฎฺฐิํ วิโนเทสฺสามี’’ติฯ น จิเรเนว จ ปิงฺคโล ราชา ธมฺมาโสกสฺส รโญฺญ โอวาทํ ทตฺวา ปฎินิวตฺตโนฺต มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ
Rājā piṅgalako nāmāti idaṃ nandakapetavatthu. Tassa kā uppatti? Satthu parinibbānato vassasatadvayassa accayena suraṭṭhavisaye piṅgalo nāma rājā ahosi. Tassa senāpati nandako nāma micchādiṭṭhī viparītadassano ‘‘natthi dinna’’ntiādinā micchāgāhaṃ paggayha vicari. Tassa dhītā uttarā nāma upāsikā patirūpe kule dinnā ahosi. Nandako pana kālaṃ katvā viñjhāṭaviyaṃ mahati nigrodharukkhe vemānikapeto hutvā nibbatti. Tasmiṃ kālakate uttarā sucisītalagandhodakapūritaṃ pānīyaghaṭaṃ kummāsābhisaṅkhatehi vaṇṇagandharasasampannehi pūvehi paripuṇṇasarāvakañca aññatarassa khīṇāsavattherassa datvā ‘‘ayaṃ dakkhiṇā mayhaṃ pitu upakappatū’’ti uddisi, tassa tena dānena dibbapānīyaṃ aparimitā ca pūvā pātubhaviṃsu. Taṃ disvā so evaṃ cintesi – ‘‘pāpakaṃ vata mayā kataṃ, yaṃ mahājano ‘natthi dinna’ntiādinā micchāgāhaṃ gāhito. Idāni pana piṅgalo rājā dhammāsokassa rañño ovādaṃ dātuṃ gato, so taṃ tassa datvā āgamissati, handāhaṃ natthikadiṭṭhiṃ vinodessāmī’’ti. Na cireneva ca piṅgalo rājā dhammāsokassa rañño ovādaṃ datvā paṭinivattanto maggaṃ paṭipajji.
อถ โส เปโต อตฺตโน วสนฎฺฐานาภิมุขํ ตํ มคฺคํ นิมฺมินิฯ ราชา ฐิตมชฺฌนฺหิเก สมเย เตน มเคฺคน คจฺฉติฯ ตสฺส คฉนฺตสฺส ปุรโต มโคฺค ทิสฺสติ, ปิฎฺฐิโต ปนสฺส อนฺตรธายติฯ สพฺพปจฺฉโต คจฺฉโนฺต ปุริโส มคฺคํ อนฺตรหิตํ ทิสฺวา ภีโต วิสฺสรํ วิรวโนฺต ธาวิตฺวา รโญฺญ อาโรเจสิ, ตํ สุตฺวา ราชา ภีโต สํวิคฺคมานโส หตฺถิกฺขเนฺธ ฐตฺวา จตโสฺส ทิสา โอโลเกโนฺต เปตสฺส วสนนิโคฺรธรุกฺขํ ทิสฺวา ตทภิมุโข อคมาสิ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ อถานุกฺกเมน รเญฺญ ตํ ฐานํ ปเตฺต เปโต สพฺพาภรณวิภูสิโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ปูเว จ ปานียญฺจ ทาเปสิฯ ราชา สปริชโน นฺหตฺวา ปูเว ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ปฎิปฺปสฺสทฺธมคฺคกิลมโถ ‘‘เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพ’’ติอาทินา เปตํ ปุจฺฉิฯ เปโต อาทิโต ปฎฺฐาย อตฺตโน ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ราชานํ มิจฺฉาทสฺสนโต วิโมเจตฺวา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ สงฺคีติการา –
Atha so peto attano vasanaṭṭhānābhimukhaṃ taṃ maggaṃ nimmini. Rājā ṭhitamajjhanhike samaye tena maggena gacchati. Tassa gachantassa purato maggo dissati, piṭṭhito panassa antaradhāyati. Sabbapacchato gacchanto puriso maggaṃ antarahitaṃ disvā bhīto vissaraṃ viravanto dhāvitvā rañño ārocesi, taṃ sutvā rājā bhīto saṃviggamānaso hatthikkhandhe ṭhatvā catasso disā olokento petassa vasananigrodharukkhaṃ disvā tadabhimukho agamāsi saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Athānukkamena raññe taṃ ṭhānaṃ patte peto sabbābharaṇavibhūsito rājānaṃ upasaṅkamitvā paṭisanthāraṃ katvā pūve ca pānīyañca dāpesi. Rājā saparijano nhatvā pūve khāditvā pānīyaṃ pivitvā paṭippassaddhamaggakilamatho ‘‘devatā nusi gandhabbo’’tiādinā petaṃ pucchi. Peto ādito paṭṭhāya attano pavattiṃ ācikkhitvā rājānaṃ micchādassanato vimocetvā saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhāpesi. Tamatthaṃ dassetuṃ saṅgītikārā –
๖๕๘.
658.
‘‘ราชา ปิงฺคลโก นาม, สุรฎฺฐานํ อธิปติ อหุ;
‘‘Rājā piṅgalako nāma, suraṭṭhānaṃ adhipati ahu;
โมริยานํ อุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา, สุรฎฺฐํ ปุนราคมาฯ
Moriyānaṃ upaṭṭhānaṃ gantvā, suraṭṭhaṃ punarāgamā.
๖๕๙.
659.
‘‘อุเณฺห มชฺฌนฺหิเก กาเล, ราชา ปงฺกํ อุปาคมิ;
‘‘Uṇhe majjhanhike kāle, rājā paṅkaṃ upāgami;
อทฺทส มคฺคํ รมณียํ, เปตานํ ตํ วณฺณุปถํฯ
Addasa maggaṃ ramaṇīyaṃ, petānaṃ taṃ vaṇṇupathaṃ.
๖๖๐. สารถิํ อามนฺตยี ราชา –
660. Sārathiṃ āmantayī rājā –
‘‘‘อยํ มโคฺค รมณีโย, เขโม โสวตฺถิโก สิโว;
‘‘‘Ayaṃ maggo ramaṇīyo, khemo sovatthiko sivo;
อิมินา สารถิ ยาม, สุรฎฺฐานํ สนฺติเก อิโต’ฯ
Iminā sārathi yāma, suraṭṭhānaṃ santike ito’.
๖๖๑.
661.
‘‘เตน ปายาสิ โสรโฎฺฐ, เสนาย จตุรงฺคินิยา;
‘‘Tena pāyāsi soraṭṭho, senāya caturaṅginiyā;
อุพฺพิคฺครูโป ปุริโส, โสรฎฺฐํ เอตทพฺรวิฯ
Ubbiggarūpo puriso, soraṭṭhaṃ etadabravi.
๖๖๒.
662.
‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฎิปนฺนมฺหา, ภิํสนํ โลมหํสนํ;
‘‘‘Kummaggaṃ paṭipannamhā, bhiṃsanaṃ lomahaṃsanaṃ;
ปุรโต ทิสฺสติ มโคฺค, ปจฺฉโต จ น ทิสฺสติฯ
Purato dissati maggo, pacchato ca na dissati.
๖๖๓.
663.
‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฎิปนฺนมฺหา, ยมปุริสาน สนฺติเก;
‘‘‘Kummaggaṃ paṭipannamhā, yamapurisāna santike;
อมานุโส วายติ คโนฺธ, โฆโส สุยฺยติ ทารุโณ’ฯ
Amānuso vāyati gandho, ghoso suyyati dāruṇo’.
๖๖๔.
664.
‘‘สํวิโคฺค ราชา โสรโฎฺฐ, สารถิํ เอตทพฺรวิ;
‘‘Saṃviggo rājā soraṭṭho, sārathiṃ etadabravi;
‘กุมฺมคฺคํ ปฎิปนฺนมฺหา, ภิํสนํ โลมหํสนํ;
‘Kummaggaṃ paṭipannamhā, bhiṃsanaṃ lomahaṃsanaṃ;
ปุรโต ทิสฺสติ มโคฺค, ปจฺฉโต จ น ทิสฺสติฯ
Purato dissati maggo, pacchato ca na dissati.
๖๖๕.
665.
‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฎิปนฺนมฺหา, ยมปุริสาน สนฺติเก;
‘‘‘Kummaggaṃ paṭipannamhā, yamapurisāna santike;
อมานุโส วายติ คโนฺธ, โฆโส สุยฺยติ ทารุโณ’ฯ
Amānuso vāyati gandho, ghoso suyyati dāruṇo’.
๖๖๖.
666.
‘‘หตฺถิกฺขนฺธํ สมารุยฺห, โอโลเกโนฺต จตุทฺทิสา;
‘‘Hatthikkhandhaṃ samāruyha, olokento catuddisā;
อทฺทส นิโคฺรธํ รมณียํ, ปาทปํ ฉายาสมฺปนฺนํ;
Addasa nigrodhaṃ ramaṇīyaṃ, pādapaṃ chāyāsampannaṃ;
นีลพฺภวณฺณสทิสํ, เมฆวณฺณสิรีนิภํฯ
Nīlabbhavaṇṇasadisaṃ, meghavaṇṇasirīnibhaṃ.
๖๖๗.
667.
‘‘สารถิํ อามนฺตยี ราชา, ‘กิํ เอโส ทิสฺสติ พฺรหา;
‘‘Sārathiṃ āmantayī rājā, ‘kiṃ eso dissati brahā;
นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภ’ฯ
Nīlabbhavaṇṇasadiso, meghavaṇṇasirīnibho’.
๖๖๘.
668.
‘‘นิโคฺรโธ โส มหาราช, ปาทโป ฉายาสมฺปโนฺน;
‘‘Nigrodho so mahārāja, pādapo chāyāsampanno;
นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภฯ
Nīlabbhavaṇṇasadiso, meghavaṇṇasirīnibho.
๖๖๙.
669.
‘‘เตน ปายาสิ โสรโฎฺฐ, เยน โส ทิสฺสเต พฺรหา;
‘‘Tena pāyāsi soraṭṭho, yena so dissate brahā;
นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภฯ
Nīlabbhavaṇṇasadiso, meghavaṇṇasirīnibho.
๖๗๐.
670.
‘‘หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห, ราชา รุกฺขํ อุปาคมิ;
‘‘Hatthikkhandhato oruyha, rājā rukkhaṃ upāgami;
นิสีทิ รุกฺขมูลสฺมิํ, สามโจฺจ สปริชฺชโน;
Nisīdi rukkhamūlasmiṃ, sāmacco saparijjano;
ปูรํ ปานียสรกํ, ปูเว วิเตฺต จ อทฺทสฯ
Pūraṃ pānīyasarakaṃ, pūve vitte ca addasa.
๖๗๑.
671.
‘‘ปุริโส จ เทววณฺณี, สพฺพาภรณภูสิโต;
‘‘Puriso ca devavaṇṇī, sabbābharaṇabhūsito;
อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ, โสรฎฺฐํ เอตทพฺรวิฯ
Upasaṅkamitvā rājānaṃ, soraṭṭhaṃ etadabravi.
๖๗๒.
672.
‘‘‘สฺวาคตํ เต มหาราช, อโถ เต อทุราคตํ;
‘‘‘Svāgataṃ te mahārāja, atho te adurāgataṃ;
ปิวตุ เทโว ปานียํ, ปูเว ขาท อรินฺทม’ฯ
Pivatu devo pānīyaṃ, pūve khāda arindama’.
๖๗๓.
673.
‘‘ปิวิตฺวา ราชา ปานียํ, สามโจฺจ สปริชฺชโน;
‘‘Pivitvā rājā pānīyaṃ, sāmacco saparijjano;
ปูเว ขาทิตฺวา ปิตฺวา จ, โสรโฎฺฐ เอตทพฺรวิฯ
Pūve khāditvā pitvā ca, soraṭṭho etadabravi.
๖๗๔.
674.
‘‘เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Devatā nusi gandhabbo, adu sakko purindado;
อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มยนฺติฯ
Ajānantā taṃ pucchāma, kathaṃ jānemu taṃ mayanti.
๖๗๕.
675.
‘‘นามฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นาปิ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Nāmhi devo na gandhabbo, nāpi sakko purindado;
เปโต อหํ มหาราช, สุรฎฺฐา อิธ มาคโตติฯ
Peto ahaṃ mahārāja, suraṭṭhā idha māgatoti.
๖๗๖.
676.
‘‘กิํสีโล กิํสมาจาโร, สุรฎฺฐสฺมิํ ปุเร ตุวํ;
‘‘Kiṃsīlo kiṃsamācāro, suraṭṭhasmiṃ pure tuvaṃ;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, อานุภาโว อยํ ตวาติฯ
Kena te brahmacariyena, ānubhāvo ayaṃ tavāti.
๖๗๗.
677.
‘‘ตํ สุโณหิ มหาราช, อรินฺทม รฎฺฐวฑฺฒน;
‘‘Taṃ suṇohi mahārāja, arindama raṭṭhavaḍḍhana;
อมจฺจา ปาริสชฺชา จ, พฺราหฺมโณ จ ปุโรหิโตฯ
Amaccā pārisajjā ca, brāhmaṇo ca purohito.
๖๗๘.
678.
‘‘สุรฎฺฐสฺมิํ อหํ เทว, ปุริโส ปาปเจตโส;
‘‘Suraṭṭhasmiṃ ahaṃ deva, puriso pāpacetaso;
มิจฺฉาทิฎฺฐิ จ ทุสฺสีโล, กทริโย ปริภาสโกฯ
Micchādiṭṭhi ca dussīlo, kadariyo paribhāsako.
๖๗๙.
679.
‘‘ททนฺตานํ กโรนฺตานํ, วารยิสฺสํ พหุชฺชนํ;
‘‘Dadantānaṃ karontānaṃ, vārayissaṃ bahujjanaṃ;
อเญฺญสํ ททมานานํ, อนฺตรายกโร อหํฯ
Aññesaṃ dadamānānaṃ, antarāyakaro ahaṃ.
๖๘๐.
680.
‘‘วิปาโก นตฺถิ ทานสฺส, สํยมสฺส กุโต ผลํ;
‘‘Vipāko natthi dānassa, saṃyamassa kuto phalaṃ;
นตฺถิ อาจริโย นาม, อทนฺตํ โก ทเมสฺสติฯ
Natthi ācariyo nāma, adantaṃ ko damessati.
๖๘๑.
681.
‘‘สมตุลฺยานิ ภูตานิ, กุโต เชฎฺฐาปจายิโก;
‘‘Samatulyāni bhūtāni, kuto jeṭṭhāpacāyiko;
นตฺถิ พลํ วีริยํ วา, กุโต อุฎฺฐานโปริสํฯ
Natthi balaṃ vīriyaṃ vā, kuto uṭṭhānaporisaṃ.
๖๘๒.
682.
‘‘นตฺถิ ทานผลํ นาม, น วิโสเธติ เวรินํ;
‘‘Natthi dānaphalaṃ nāma, na visodheti verinaṃ;
ลเทฺธยฺยํ ลภเต มโจฺจ, นิยติปริณามชํฯ
Laddheyyaṃ labhate macco, niyatipariṇāmajaṃ.
๖๘๓.
683.
‘‘นตฺถิ มาตา ปิตา ภาตา, โลโก นตฺถิ อิโต ปรํ;
‘‘Natthi mātā pitā bhātā, loko natthi ito paraṃ;
นตฺถิ ทินฺนํ นตฺถิ หุตํ, สุนิหิตํ น วิชฺชติฯ
Natthi dinnaṃ natthi hutaṃ, sunihitaṃ na vijjati.
๖๘๔.
684.
‘‘โยปิ หเนยฺย ปุริสํ, ปรสฺส ฉินฺทเต สิรํ;
‘‘Yopi haneyya purisaṃ, parassa chindate siraṃ;
น โกจิ กญฺจิ หนติ, สตฺตนฺนํ วิวรมนฺตเรฯ
Na koci kañci hanati, sattannaṃ vivaramantare.
๖๘๕.
685.
‘‘อเจฺฉชฺชาเภโชฺช หิ ชีโว, อฎฺฐํโส คุฬปริมณฺฑโล;
‘‘Acchejjābhejjo hi jīvo, aṭṭhaṃso guḷaparimaṇḍalo;
โยชนานํ สตํ ปญฺจ, โก ชีวํ เฉตฺตุมรหติฯ
Yojanānaṃ sataṃ pañca, ko jīvaṃ chettumarahati.
๖๘๖.
686.
‘‘ยถา สุตฺตคุเฬ ขิเตฺต, นิเพฺพเฐนฺตํ ปลายติ;
‘‘Yathā suttaguḷe khitte, nibbeṭhentaṃ palāyati;
เอวเมว จ โส ชีโว, นิเพฺพเฐโนฺต ปลายติฯ
Evameva ca so jīvo, nibbeṭhento palāyati.
๖๘๗.
687.
‘‘ยถา คามโต นิกฺขมฺม, อญฺญํ คามํ ปวิสติ;
‘‘Yathā gāmato nikkhamma, aññaṃ gāmaṃ pavisati;
เอวเมว จ โส ชีโว, อญฺญํ โพนฺทิํ ปวิสติฯ
Evameva ca so jīvo, aññaṃ bondiṃ pavisati.
๖๘๘.
688.
‘‘ยถา เคหโต นิกฺขมฺม, อญฺญํ เคหํ ปวิสติ;
‘‘Yathā gehato nikkhamma, aññaṃ gehaṃ pavisati;
เอวเมว จ โส ชีโว, อญฺญํ โพนฺทิํ ปวิสติฯ
Evameva ca so jīvo, aññaṃ bondiṃ pavisati.
๖๘๙.
689.
‘‘จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน, สตสหสฺสานิ หิ;
‘‘Cullāsīti mahākappino, satasahassāni hi;
เย พาลา เย จ ปณฺฑิตา, สํสารํ เขปยิตฺวาน;
Ye bālā ye ca paṇḍitā, saṃsāraṃ khepayitvāna;
ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสเรฯ
Dukkhassantaṃ karissare.
๖๙๐.
690.
‘‘มิตานิ สุขทุกฺขานิ, โทเณหิ ปิฎเกหิ จ;
‘‘Mitāni sukhadukkhāni, doṇehi piṭakehi ca;
ชิโน สพฺพํ ปชานาติ, สมฺมูฬฺหา อิตรา ปชาฯ
Jino sabbaṃ pajānāti, sammūḷhā itarā pajā.
๖๙๑.
691.
‘‘เอวํทิฎฺฐิ ปุเร อาสิํ, สมฺมูโฬฺห โมหปารุโต;
‘‘Evaṃdiṭṭhi pure āsiṃ, sammūḷho mohapāruto;
มิจฺฉาทิฎฺฐิ จ ทุสฺสีโล, กทริโย ปริภาสโกฯ
Micchādiṭṭhi ca dussīlo, kadariyo paribhāsako.
๖๙๒.
692.
‘‘โอรํ เม ฉหิ มาเสหิ, กาลกิริยา ภวิสฺสติ;
‘‘Oraṃ me chahi māsehi, kālakiriyā bhavissati;
เอกนฺตกฎุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํฯ
Ekantakaṭukaṃ ghoraṃ, nirayaṃ papatissahaṃ.
๖๙๓.
693.
‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;
‘‘Catukkaṇṇaṃ catudvāraṃ, vibhattaṃ bhāgaso mitaṃ;
อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฎิกุชฺชิตํฯ
Ayopākārapariyantaṃ, ayasā paṭikujjitaṃ.
๖๙๔.
694.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
‘‘Tassa ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐติ สพฺพทาฯ
Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhati sabbadā.
๖๙๕.
695.
‘‘วสฺสานิ สตสหสฺสานิ, โฆโส สุยฺยติ ตาวเท;
‘‘Vassāni satasahassāni, ghoso suyyati tāvade;
ลโกฺข เอโส มหาราช, สตภาควสฺสโกฎิโยฯ
Lakkho eso mahārāja, satabhāgavassakoṭiyo.
๖๙๖.
696.
‘‘โกฎิสตสหสฺสานิ, นิรเย ปจฺจเร ชนา;
‘‘Koṭisatasahassāni, niraye paccare janā;
มิจฺฉาทิฎฺฐี จ ทุสฺสีลา, เย จ อริยูปวาทิโนฯ
Micchādiṭṭhī ca dussīlā, ye ca ariyūpavādino.
๖๙๗.
697.
‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;
‘‘Tatthāhaṃ dīghamaddhānaṃ, dukkhaṃ vedissa vedanaṃ;
ผลํ ปาปสฺส กมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุสํฯ
Phalaṃ pāpassa kammassa, tasmā socāmahaṃ bhusaṃ.
๖๙๘.
698.
‘‘ตํ สุโณหิ มหาราช, อรินฺทม รฎฺฐวฑฺฒน;
‘‘Taṃ suṇohi mahārāja, arindama raṭṭhavaḍḍhana;
ธีตา มยฺหํ มหาราช, อุตฺตรา ภทฺทมตฺถุ เตฯ
Dhītā mayhaṃ mahārāja, uttarā bhaddamatthu te.
๖๙๙.
699.
‘‘กโรติ ภทฺทกํ กมฺมํ, สีเลสุโปสเถ รตา;
‘‘Karoti bhaddakaṃ kammaṃ, sīlesuposathe ratā;
สญฺญตา สํวิภาคี จ, วทญฺญู วีตมจฺฉราฯ
Saññatā saṃvibhāgī ca, vadaññū vītamaccharā.
๗๐๐.
700.
‘‘อขณฺฑการี สิกฺขาย, สุณฺหา ปรกุเลสุ จ;
‘‘Akhaṇḍakārī sikkhāya, suṇhā parakulesu ca;
อุปาสิกา สกฺยมุนิโน, สมฺพุทฺธสฺส สิรีมโตฯ
Upāsikā sakyamunino, sambuddhassa sirīmato.
๗๐๑.
701.
‘‘ภิกฺขุ จ สีลสมฺปโนฺน, คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ;
‘‘Bhikkhu ca sīlasampanno, gāmaṃ piṇḍāya pāvisi;
โอกฺขิตฺตจกฺขุ สติมา, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโตฯ
Okkhittacakkhu satimā, guttadvāro susaṃvuto.
๗๐๒.
702.
‘‘สปทานํ จรมาโน, อคมา ตํ นิเวสนํ;
‘‘Sapadānaṃ caramāno, agamā taṃ nivesanaṃ;
ตมทฺทส มหาราช, อุตฺตรา ภทฺทมตฺถุ เตฯ
Tamaddasa mahārāja, uttarā bhaddamatthu te.
๗๐๓.
703.
‘‘ปูรํ ปานียสรกํ, ปูเว วิเตฺต จ สา อทา;
‘‘Pūraṃ pānīyasarakaṃ, pūve vitte ca sā adā;
ปิตา เม กาลกโต ภเนฺต, ตเสฺสตํ อุปกปฺปตุฯ
Pitā me kālakato bhante, tassetaṃ upakappatu.
๗๐๔.
704.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ , วิปาโก อุทปชฺชถ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe , vipāko udapajjatha;
ภุญฺชามิ กามกามีหํ, ราชา เวสฺสวโณ ยถาฯ
Bhuñjāmi kāmakāmīhaṃ, rājā vessavaṇo yathā.
๗๐๕.
705.
‘‘ตํ สุโณหิ มหาราช, อรินฺทม รฎฺฐวฑฺฒน;
‘‘Taṃ suṇohi mahārāja, arindama raṭṭhavaḍḍhana;
สเทวกสฺส โลกสฺส, พุโทฺธ อโคฺค ปวุจฺจติ;
Sadevakassa lokassa, buddho aggo pavuccati;
ตํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉ, สปุตฺตทาโร อรินฺทมฯ
Taṃ buddhaṃ saraṇaṃ gaccha, saputtadāro arindama.
๗๐๖.
706.
‘‘อฎฺฐงฺคิเกน มเคฺคน, ผุสนฺติ อมตํ ปทํ;
‘‘Aṭṭhaṅgikena maggena, phusanti amataṃ padaṃ;
ตํ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉ, สปุตฺตทาโร อรินฺทมฯ
Taṃ dhammaṃ saraṇaṃ gaccha, saputtadāro arindama.
๗๐๗.
707.
‘‘จตฺตาโร จ ปฎิปนฺนา, จตฺตาโร จ ผเล ฐิตา;
‘‘Cattāro ca paṭipannā, cattāro ca phale ṭhitā;
เอส สโงฺฆ อุชุภูโต, ปญฺญาสีลสมาหิโต;
Esa saṅgho ujubhūto, paññāsīlasamāhito;
ตํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉ, สปุตฺตทาโร อรินฺทมฯ
Taṃ saṅghaṃ saraṇaṃ gaccha, saputtadāro arindama.
๗๐๘.
708.
‘‘ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;
‘‘Pāṇātipātā viramassu khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayassu;
อมชฺชโป มา จ มุสา อภาณิ, สเกน ทาเรน จ โหหิ ตุโฎฺฐติฯ
Amajjapo mā ca musā abhāṇi, sakena dārena ca hohi tuṭṭhoti.
๗๐๙.
709.
‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกาโมสิ เทวเต;
‘‘Atthakāmosi me yakkha, hitakāmosi devate;
กโรมิ ตุยฺหํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มมฯ
Karomi tuyhaṃ vacanaṃ, tvaṃsi ācariyo mama.
๗๑๐.
710.
‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมญฺจาปิ อนุตฺตรํ;
‘‘Upemi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammañcāpi anuttaraṃ;
สงฺฆญฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํฯ
Saṅghañca naradevassa, gacchāmi saraṇaṃ ahaṃ.
๗๑๑.
711.
‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;
‘‘Pāṇātipātā viramāmi khippaṃ, loke adinnaṃ parivajjayāmi;
อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ, สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุโฎฺฐฯ
Amajjapo no ca musā bhaṇāmi, sakena dārena ca homi tuṭṭho.
๗๑๒.
712.
‘‘โอผุณามิ มหาวาเต, นทิยา สีฆคามิยา;
‘‘Ophuṇāmi mahāvāte, nadiyā sīghagāmiyā;
วมามิ ปาปิกํ ทิฎฺฐิํ, พุทฺธานํ สาสเน รโตฯ
Vamāmi pāpikaṃ diṭṭhiṃ, buddhānaṃ sāsane rato.
๗๑๓.
713.
‘‘อิทํ วตฺวาน โสรโฎฺฐ, วิรมิตฺวา ปาปทสฺสนา;
‘‘Idaṃ vatvāna soraṭṭho, viramitvā pāpadassanā;
นโม ภควโต กตฺวา, ปาโมโกฺข รถมารุหี’’ติฯ – คาถาโย อโวจุํ;
Namo bhagavato katvā, pāmokkho rathamāruhī’’ti. – gāthāyo avocuṃ;
๖๕๘-๙. ตตฺถ ราชา ปิงฺคลโก นาม, สุรฎฺฐานํ อธิปติ อหูติ ปิงฺคลจกฺขุตาย ‘‘ปิงฺคโล’’ติ ปากฎนาโม สุรฎฺฐเทสสฺส อิสฺสโร ราชา อโหสิฯ โมริยานนฺติ โมริยราชูนํ, ธมฺมาโสกํ สนฺธาย วทติฯ สุรฎฺฐํ ปุนราคมาติ สุรฎฺฐสฺส วิสยํ อุทฺทิสฺส สุรฎฺฐคามิมคฺคํ ปจฺจาคญฺฉิฯ ปงฺกนฺติ มุทุภูมิํฯ วณฺณุปถนฺติ เปเตน นิมฺมิตํ มรูภูมิมคฺคํฯ
658-9. Tattha rājā piṅgalako nāma, suraṭṭhānaṃ adhipati ahūti piṅgalacakkhutāya ‘‘piṅgalo’’ti pākaṭanāmo suraṭṭhadesassa issaro rājā ahosi. Moriyānanti moriyarājūnaṃ, dhammāsokaṃ sandhāya vadati. Suraṭṭhaṃ punarāgamāti suraṭṭhassa visayaṃ uddissa suraṭṭhagāmimaggaṃ paccāgañchi. Paṅkanti mudubhūmiṃ. Vaṇṇupathanti petena nimmitaṃ marūbhūmimaggaṃ.
๖๖๐. เขโมติ นิพฺภโยฯ โสวตฺถิโกติ โสตฺถิภาวาวโหฯ สิโวติ อนุปทฺทโวฯ สุรฎฺฐานํ สนฺติเก อิโตติ อิมินา มเคฺคน คจฺฉนฺตา มยํ สุรฎฺฐวิสยสฺส สมีเปเยวฯ
660.Khemoti nibbhayo. Sovatthikoti sotthibhāvāvaho. Sivoti anupaddavo. Suraṭṭhānaṃ santike itoti iminā maggena gacchantā mayaṃ suraṭṭhavisayassa samīpeyeva.
๖๖๑-๒. โสรโฎฺฐติ สุรฎฺฐาธิปติฯ อุพฺพิคฺครูโปติ อุตฺรสฺตสภาโวฯ ภิํสนนฺติ ภยชนนํ ฯ โลมหํสนนฺติ ภิํสนกภาเวน โลมานํ หํสาปนํฯ
661-2.Soraṭṭhoti suraṭṭhādhipati. Ubbiggarūpoti utrastasabhāvo. Bhiṃsananti bhayajananaṃ . Lomahaṃsananti bhiṃsanakabhāvena lomānaṃ haṃsāpanaṃ.
๖๖๓. ยมปุริสาน สนฺติเกติ เปตานํ สมีเป วตฺตามฯ อมานุโส วายติ คโนฺธติ เปตานํ สรีรคโนฺธ วายติฯ โฆโส สุยฺยติ ทารุโณติ ปเจฺจกนิรเยสุ การณํ การิยมานานํ สตฺตานํ โฆรตโร สโทฺท สุยฺยติฯ
663.Yamapurisāna santiketi petānaṃ samīpe vattāma. Amānuso vāyati gandhoti petānaṃ sarīragandho vāyati. Ghoso suyyati dāruṇoti paccekanirayesu kāraṇaṃ kāriyamānānaṃ sattānaṃ ghorataro saddo suyyati.
๖๖๖. ปาทปนฺติ ปาทสทิเสหิ มูลาวยเวหิ อุทกสฺส ปิวนโต ‘‘ปาทโป’’ติ ลทฺธนามํ ตรุํฯ ฉายาสมฺปนฺนนฺติ สมฺปนฺนจฺฉายํฯ นีลพฺภวณฺณสทิสนฺติ วเณฺณน นีลเมฆสทิสํฯ เมฆวณฺณสิรีนิภนฺติ เมฆวณฺณสณฺฐานํ หุตฺวา ขายมานํฯ
666.Pādapanti pādasadisehi mūlāvayavehi udakassa pivanato ‘‘pādapo’’ti laddhanāmaṃ taruṃ. Chāyāsampannanti sampannacchāyaṃ. Nīlabbhavaṇṇasadisanti vaṇṇena nīlameghasadisaṃ. Meghavaṇṇasirīnibhanti meghavaṇṇasaṇṭhānaṃ hutvā khāyamānaṃ.
๖๗๐. ปูรํ ปานียสรกนฺติ ปานีเยน ปุณฺณํ ปานียภาชนํฯ ปูเวติ ขชฺชเกฯ วิเตฺตติ วิตฺติชนเน มธุเร มนุเญฺญ ตหิํ ตหิํ สราเว ปูเรตฺวา ฐปิตปูเว อทฺทสฯ
670.Pūraṃ pānīyasarakanti pānīyena puṇṇaṃ pānīyabhājanaṃ. Pūveti khajjake. Vitteti vittijanane madhure manuññe tahiṃ tahiṃ sarāve pūretvā ṭhapitapūve addasa.
๖๗๒. อโถ เต อทุราคตนฺติ เอตฺถ อโถติ นิปาตมตฺตํ, อวธารณเตฺถ วา, มหาราช, เต อาคตํ ทุราคตํ น โหติ, อถ โข สฺวาคตเมวาติ มยํ สมฺปฎิจฺฉามาติ อโตฺถฯ อรินฺทมาติ อรีนํ ทมนสีลฯ
672.Athote adurāgatanti ettha athoti nipātamattaṃ, avadhāraṇatthe vā, mahārāja, te āgataṃ durāgataṃ na hoti, atha kho svāgatamevāti mayaṃ sampaṭicchāmāti attho. Arindamāti arīnaṃ damanasīla.
๖๗๗. อมจฺจา ปาริสชฺชาติ อมจฺจา ปาริสชฺชา จ วจนํ สุณนฺตุ, พฺราหฺมโณ จ ตุยฺหํ ปุโรหิโต ตํ สุณาตูติ โยชนาฯ
677.Amaccā pārisajjāti amaccā pārisajjā ca vacanaṃ suṇantu, brāhmaṇo ca tuyhaṃ purohito taṃ suṇātūti yojanā.
๖๗๘. สุรฎฺฐสฺมิํ อหนฺติ สุรฎฺฐเทเส อหํฯ เทวาติ ราชานํ อาลปติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ นตฺถิกทิฎฺฐิยา วิปรีตทสฺสโนฯ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโลฯ กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรีฯ ปริภาสโกติ สมณพฺราหฺมณานํ อโกฺกสโกฯ
678.Suraṭṭhasmiṃ ahanti suraṭṭhadese ahaṃ. Devāti rājānaṃ ālapati. Micchādiṭṭhīti natthikadiṭṭhiyā viparītadassano. Dussīloti nissīlo. Kadariyoti thaddhamaccharī. Paribhāsakoti samaṇabrāhmaṇānaṃ akkosako.
๖๗๙. วารยิสฺสนฺติ วาเรสิํฯ อนฺตรายกโร อหนฺติ ทานํ ททนฺตานํ อุปการํ กโรนฺตานํ อนฺตรายกโร หุตฺวา อเญฺญสญฺจ ปเรสํ ทานํ ททมานานํ ทานมยปุญฺญโต อหํ พหุชนํ วารยิสฺสํ วาเรสินฺติ โยชนาฯ
679.Vārayissanti vāresiṃ. Antarāyakaro ahanti dānaṃ dadantānaṃ upakāraṃ karontānaṃ antarāyakaro hutvā aññesañca paresaṃ dānaṃ dadamānānaṃ dānamayapuññato ahaṃ bahujanaṃ vārayissaṃ vāresinti yojanā.
๖๘๐. วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติอาทิ วาริตาการทสฺสนํฯ ตตฺถ วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติ ทานํ ททโต ตสฺส วิปาโก อายติํ ปตฺตพฺพผลํ นตฺถีติ วิปากํ ปฎิพาหติฯ สํยมสฺส กุโต ผลนฺติ สีลสฺส ปน กุโต นาม ผลํ, สเพฺพน สพฺพํ ตํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ นตฺถิ อาจริโย นามาติ อาจารสมาจารสิกฺขาปโก อาจริโย นาม โกจิ นตฺถิฯ สภาวโต เอว หิ สตฺตา ทนฺตา วา อทนฺตา วา โหนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘อทนฺตํ โก ทเมสฺสตี’’ติฯ
680.Vipākonatthi dānassātiādi vāritākāradassanaṃ. Tattha vipāko natthi dānassāti dānaṃ dadato tassa vipāko āyatiṃ pattabbaphalaṃ natthīti vipākaṃ paṭibāhati. Saṃyamassa kuto phalanti sīlassa pana kuto nāma phalaṃ, sabbena sabbaṃ taṃ natthīti adhippāyo. Natthi ācariyo nāmāti ācārasamācārasikkhāpako ācariyo nāma koci natthi. Sabhāvato eva hi sattā dantā vā adantā vā hontīti adhippāyo. Tenāha ‘‘adantaṃ ko damessatī’’ti.
๖๘๑. สมตุลฺยานิ ภูตานีติ อิเม สตฺตา สเพฺพปิ อญฺญมญฺญํ สมสมา, ตสฺมา เชโฎฺฐ เอว นตฺถิ, กุโต เชฎฺฐาปจายิโก, เชฎฺฐาปจายนปุญฺญํ นาม นตฺถีติ อโตฺถฯ นตฺถิ พลนฺติ ยมฺหิ อตฺตโน พเล ปติฎฺฐิตา สตฺตา วีริยํ กตฺวา มนุสฺสโสภคฺยตํ อาทิํ กตฺวา ยาวอรหตฺตํ สมฺปตฺติโย ปาปุณนฺติ, ตํ วีริยพลํ ปฎิกฺขิปติฯ วีริยํ วา นตฺถิ กุโต อุฎฺฐานโปริสนฺติ อิทํ โน ปุริสวีริเยน ปุริสกาเรน ปวตฺตนฺติ เอวํ ปวตฺตวาทปฎิเกฺขปวเสน วุตฺตํฯ
681.Samatulyāni bhūtānīti ime sattā sabbepi aññamaññaṃ samasamā, tasmā jeṭṭho eva natthi, kuto jeṭṭhāpacāyiko, jeṭṭhāpacāyanapuññaṃ nāma natthīti attho. Natthi balanti yamhi attano bale patiṭṭhitā sattā vīriyaṃ katvā manussasobhagyataṃ ādiṃ katvā yāvaarahattaṃ sampattiyo pāpuṇanti, taṃ vīriyabalaṃ paṭikkhipati. Vīriyaṃ vā natthi kuto uṭṭhānaporisanti idaṃ no purisavīriyena purisakārena pavattanti evaṃ pavattavādapaṭikkhepavasena vuttaṃ.
๖๘๒. นตฺถิ ทานผลํ นามาติ ทานสฺส ผลํ นาม กิญฺจิ นตฺถิ, เทยฺยธมฺมปริจฺจาโค ภสฺมนิหิตํ วิย นิปฺผโล เอวาติ อโตฺถฯ น วิโสเธติ เวรินนฺติ เอตฺถ เวรินนฺติ เวรวนฺตํ เวรานํ วเสน ปาณาติปาตาทีนํ วเสน จ กตปาปํ ปุคฺคลํ ทานสีลาทิวตโต น วิโสเธติ, กทาจิปิ สุทฺธํ น กโรติฯ ปุเพฺพ ‘‘วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสา’’ติอาทิ ทานาทิโต อตฺตโน ปเรสํ นิวาริตาการทสฺสนํ, ‘‘นตฺถิ ทานผลํ นามา’’ติอาทิ ปน อตฺถโน มิจฺฉาภินิเวสทสฺสนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ลเทฺธยฺยนฺติ ลทฺธพฺพํฯ กถํ ปน ลทฺธพฺพนฺติ อาห ‘‘นิยติปริณามช’’นฺติฯ อยํ สโตฺต สุขํ วา ทุกฺขํ วา ลภโนฺต นิยติวิปริณามวเสเนว ลภติ, น กมฺมสฺส กตตฺตา, น อิสฺสราทินา จาติ อธิปฺปาโยฯ
682.Natthidānaphalaṃ nāmāti dānassa phalaṃ nāma kiñci natthi, deyyadhammapariccāgo bhasmanihitaṃ viya nipphalo evāti attho. Na visodheti verinanti ettha verinanti veravantaṃ verānaṃ vasena pāṇātipātādīnaṃ vasena ca katapāpaṃ puggalaṃ dānasīlādivatato na visodheti, kadācipi suddhaṃ na karoti. Pubbe ‘‘vipāko natthi dānassā’’tiādi dānādito attano paresaṃ nivāritākāradassanaṃ, ‘‘natthi dānaphalaṃ nāmā’’tiādi pana atthano micchābhinivesadassananti daṭṭhabbaṃ. Laddheyyanti laddhabbaṃ. Kathaṃ pana laddhabbanti āha ‘‘niyatipariṇāmaja’’nti. Ayaṃ satto sukhaṃ vā dukkhaṃ vā labhanto niyativipariṇāmavaseneva labhati, na kammassa katattā, na issarādinā cāti adhippāyo.
๖๘๓. นตฺถิ มาตา ปิตา ภาตาติ มาตาทีสุ สมฺมาปฎิปตฺติมิจฺฉาปฎิปตฺตีนํ ผลาภาวํ สนฺธาย วทติฯ โลโก นตฺถิ อิโต ปรนฺติ อิโต อิธโลกโต ปรโลโก นาม โกจิ นตฺถิ, ตตฺถ ตเตฺถว สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ทินฺนนฺติ มหาทานํฯ หุตนฺติ ปเหนกสกฺกาโร, ตทุภยมฺปิ ผลาภาวํ สนฺธาย ‘‘นตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ สุนิหิตนฺติ สุฎฺฐุ นิหิตํฯ น วิชฺชตีติ ยํ สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ นาม ‘‘อนุคามิกนิธี’’ติ วทนฺติ, ตํ น วิชฺชติฯ เตสํ ตํ วาจาวตฺถุมตฺตเมวาติ อธิปฺปาโยฯ
683.Natthimātā pitā bhātāti mātādīsu sammāpaṭipattimicchāpaṭipattīnaṃ phalābhāvaṃ sandhāya vadati. Loko natthi ito paranti ito idhalokato paraloko nāma koci natthi, tattha tattheva sattā ucchijjantīti adhippāyo. Dinnanti mahādānaṃ. Hutanti pahenakasakkāro, tadubhayampi phalābhāvaṃ sandhāya ‘‘natthī’’ti paṭikkhipati. Sunihitanti suṭṭhu nihitaṃ. Na vijjatīti yaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ dānaṃ nāma ‘‘anugāmikanidhī’’ti vadanti, taṃ na vijjati. Tesaṃ taṃ vācāvatthumattamevāti adhippāyo.
๖๘๔. น โกจิ กญฺจิ หนตีติ โย ปุริโส ปรํ ปุริสํ หเนยฺย, ปรสฺส ปุริสสฺส สีสํ ฉิเนฺทยฺย, ตตฺถ ปรมตฺถโต น โกจิ กญฺจิ หนติ, สตฺตนฺนํ กายานํ ฉิทฺทภาวโต หนโนฺต วิย โหติฯ กถํ สตฺถปหาโรติ อาห ‘‘สตฺตนฺนํ วิวรมนฺตเร’’ติฯ ปถวีอาทีนํ สตฺตนฺนํ กายานํ วิวรภูเต อนฺตเร ฉิเทฺท สตฺถํ ปวิสติ, เตน สตฺตา อสิอาทีหิ ปหตา วิย โหนฺติ, ชีโว วิย ปน เสสกายาปิ นิจฺจสภาวตฺตา น ฉิชฺชนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ
684.Na koci kañci hanatīti yo puriso paraṃ purisaṃ haneyya, parassa purisassa sīsaṃ chindeyya, tattha paramatthato na koci kañci hanati, sattannaṃ kāyānaṃ chiddabhāvato hananto viya hoti. Kathaṃ satthapahāroti āha ‘‘sattannaṃ vivaramantare’’ti. Pathavīādīnaṃ sattannaṃ kāyānaṃ vivarabhūte antare chidde satthaṃ pavisati, tena sattā asiādīhi pahatā viya honti, jīvo viya pana sesakāyāpi niccasabhāvattā na chijjantīti adhippāyo.
๖๘๕. อเจฺฉชฺชาเภโชฺช หิ ชีโวติ อยํ สตฺตานํ ชีโว สตฺถาทีหิ น ฉินฺทิตโพฺพ น ภินฺทิตโพฺพ นิจฺจสภาวตฺตาฯ อฎฺฐํโส คุฬปริมณฺฑโลติ โส ปน ชีโว กทาจิ อฎฺฐํโส โหติ กทาจิ คุฬปริมณฺฑโล ฯ โยชนานํ สตํ ปญฺจาติ เกวลีภาวํ ปโตฺต ปญฺจโยชนสตุเพฺพโธ โหติฯ โก ชีวํ เฉตฺตุมรหตีติ นิจฺจํ นิพฺพิการํ ชีวํ โก นาม สตฺถาทีหิ ฉินฺทิตุํ อรหติ, น โส เกนจิ วิโกปเนโยฺยติ วทติฯ
685.Acchejjābhejjo hi jīvoti ayaṃ sattānaṃ jīvo satthādīhi na chinditabbo na bhinditabbo niccasabhāvattā. Aṭṭhaṃso guḷaparimaṇḍaloti so pana jīvo kadāci aṭṭhaṃso hoti kadāci guḷaparimaṇḍalo . Yojanānaṃ sataṃ pañcāti kevalībhāvaṃ patto pañcayojanasatubbedho hoti. Ko jīvaṃ chettumarahatīti niccaṃ nibbikāraṃ jīvaṃ ko nāma satthādīhi chindituṃ arahati, na so kenaci vikopaneyyoti vadati.
๖๘๖. สุตฺตคุเฬติ เวเฐตฺวา กตสุตฺตคุเฬฯ ขิเตฺตติ นิเพฺพฐนวเสน ขิเตฺตฯ นิเพฺพเฐนฺตํ ปลายตีติ ปพฺพเต วา รุกฺขเคฺค วา ฐตฺวา นิเพฺพฐิยมานํ ขิตฺตํ สุตฺตคุฬํ นิเพฺพเฐนฺตเมว คจฺฉติ, สุเตฺต ขีเณ น คจฺฉติฯ เอวเมวนฺติ ยถา ตํ สุตฺตคุฬํ นิเพฺพฐิยมานํ คจฺฉติ, สุเตฺต ขีเณ น คจฺฉติ, เอวเมว โส ชีโว ‘‘จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน สตสหสฺสานี’’ติ วุตฺตกาลเมว อตฺตภาวคุฬํ นิเพฺพเฐโนฺต ปลายติ ปวตฺตติ, ตโต อุทฺธํ น ปวตฺตติฯ
686.Suttaguḷeti veṭhetvā katasuttaguḷe. Khitteti nibbeṭhanavasena khitte. Nibbeṭhentaṃ palāyatīti pabbate vā rukkhagge vā ṭhatvā nibbeṭhiyamānaṃ khittaṃ suttaguḷaṃ nibbeṭhentameva gacchati, sutte khīṇe na gacchati. Evamevanti yathā taṃ suttaguḷaṃ nibbeṭhiyamānaṃ gacchati, sutte khīṇe na gacchati, evameva so jīvo ‘‘cullāsīti mahākappino satasahassānī’’ti vuttakālameva attabhāvaguḷaṃ nibbeṭhento palāyati pavattati, tato uddhaṃ na pavattati.
๖๘๗. เอวเมว จ โส ชีโวติ ยถา โกจิ ปุริโส อตฺตโน นิวาสคามโต นิกฺขมิตฺวา ตโต อญฺญํ คามํ ปวิสติ เกนจิเทว กรณีเยน, เอวเมว โส ชีโว อิโต สรีรโต นิกฺขมิตฺวา อญฺญํ อปรํ สรีรํ นิยตวเสน ปวิสตีติ อธิปฺปาโยฯ โพนฺทินฺติ กายํฯ
687.Evameva ca so jīvoti yathā koci puriso attano nivāsagāmato nikkhamitvā tato aññaṃ gāmaṃ pavisati kenacideva karaṇīyena, evameva so jīvo ito sarīrato nikkhamitvā aññaṃ aparaṃ sarīraṃ niyatavasena pavisatīti adhippāyo. Bondinti kāyaṃ.
๖๘๙. จุลฺลาสีตีติ จตุราสีติฯ มหากปฺปิโนติ มหากปฺปานํฯ ตตฺถ ‘‘เอกมฺหา มหาสรา อโนตตฺตาทิโต วสฺสสเต วสฺสสเต กุสเคฺคน เอเกกํ อุทกพินฺทุํ นีหรเนฺต อิมินา อุปกฺกเมน สตฺตกฺขตฺตุํ ตมฺหิ สเร นิรุทเก ชาเต เอโก มหากโปฺป นาม โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘เอวรูปานํ มหากปฺปานํ จตุราสีติสตสหสฺสานิ สํสารสฺส ปริมาณ’’นฺติ วทนฺติฯ เย พาลา เย จ ปณฺฑิตาติ เย อนฺธพาลา, เย จ สปฺปญฺญา, สเพฺพปิ เตฯ สํสารํ เขปยิตฺวานาติ ยถาวุตฺตกาลปริเจฺฉทํ สํสารํ อปราปรุปฺปตฺติวเสน เขเปตฺวาฯ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสเรติ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริยนฺตํ ปริโยสานํ กริสฺสนฺติฯ ปณฺฑิตาปิ อนฺตรา สุชฺฌิตุํ น สโกฺกนฺติ, พาลาปิ ตโต อุทฺธํ นปฺปวตฺตนฺตีติ ตสฺส ลทฺธิฯ
689.Cullāsītīti caturāsīti. Mahākappinoti mahākappānaṃ. Tattha ‘‘ekamhā mahāsarā anotattādito vassasate vassasate kusaggena ekekaṃ udakabinduṃ nīharante iminā upakkamena sattakkhattuṃ tamhi sare nirudake jāte eko mahākappo nāma hotī’’ti vatvā ‘‘evarūpānaṃ mahākappānaṃ caturāsītisatasahassāni saṃsārassa parimāṇa’’nti vadanti. Ye bālā ye ca paṇḍitāti ye andhabālā, ye ca sappaññā, sabbepi te. Saṃsāraṃ khepayitvānāti yathāvuttakālaparicchedaṃ saṃsāraṃ aparāparuppattivasena khepetvā. Dukkhassantaṃ karissareti vaṭṭadukkhassa pariyantaṃ pariyosānaṃ karissanti. Paṇḍitāpi antarā sujjhituṃ na sakkonti, bālāpi tato uddhaṃ nappavattantīti tassa laddhi.
๖๙๐. มิตานิ สุขทุกฺขานิ, โทเณหิ ปิฎเกหิ จาติ สตฺตานํ สุขทุกฺขานิ นาม โทเณหิ ปิฎเกหิ มานภาชเนหิ มิตานิ วิย ยถาวุตฺตกาลปริเจฺฉเทเนว ปริมิตตฺตา ปเจฺจกญฺจ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตานิ นิยติปริณามชานิ ปริมิตานิฯ ตยิทํ ชิโน สพฺพํ ปชานาติ ชินภูมิยํ ฐิโต เกวลํ ปชานาติ สํสารสฺส สมติกฺกนฺตตฺตาฯ สํสาเร ปน ปริพฺภมติ สมฺมูฬฺหายํ อิตรา ปชาฯ
690.Mitāni sukhadukkhāni, doṇehi piṭakehi cāti sattānaṃ sukhadukkhāni nāma doṇehi piṭakehi mānabhājanehi mitāni viya yathāvuttakālaparicchedeneva parimitattā paccekañca tesaṃ tesaṃ sattānaṃ tāni niyatipariṇāmajāni parimitāni. Tayidaṃ jino sabbaṃ pajānāti jinabhūmiyaṃ ṭhito kevalaṃ pajānāti saṃsārassa samatikkantattā. Saṃsāre pana paribbhamati sammūḷhāyaṃ itarā pajā.
๖๙๑. เอวํทิฎฺฐิ ปุเร อาสินฺติ ยถาวุตฺตนตฺถิกทิฎฺฐิโก ปุเพฺพว อหํ อโหสิํฯ สมฺมูโฬฺห โมหปารุโตติ ยถาวุตฺตาย ทิฎฺฐิยา เหตุภูเตน สโมฺมเหน สมฺมูโฬฺห, ตํสหชาเตน ปน โมเหน ปารุโต, ปฎิจฺฉาทิตกุสลพีโชติ อธิปฺปาโยฯ
691.Evaṃdiṭṭhi pure āsinti yathāvuttanatthikadiṭṭhiko pubbeva ahaṃ ahosiṃ. Sammūḷho mohapārutoti yathāvuttāya diṭṭhiyā hetubhūtena sammohena sammūḷho, taṃsahajātena pana mohena pāruto, paṭicchāditakusalabījoti adhippāyo.
๖๙๒. เอวํ ปุเพฺพ ยา อตฺตโน อุปฺปนฺนา ปาปทิฎฺฐิ, ตสฺสา วเสน กตํ ปาปกมฺมํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตนา อายติํ อนุภวิตพฺพํ ตสฺส ผลํ ทเสฺสโนฺต ‘‘โอรํ เม ฉหิ มาเสหี’’ติอาทิมาหฯ
692. Evaṃ pubbe yā attano uppannā pāpadiṭṭhi, tassā vasena kataṃ pāpakammaṃ dassetvā idāni attanā āyatiṃ anubhavitabbaṃ tassa phalaṃ dassento ‘‘oraṃ me chahi māsehī’’tiādimāha.
๖๙๕-๗. ตตฺถ วสฺสานิ สตสหสฺสานีติ วสฺสานํ สตสหสฺสานิ, อติกฺกมิตฺวาติ วจนเสโสฯ ภุมฺมเตฺถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ, วเสฺสสุ สตสหเสฺสสุ วีติวเตฺตสูติ อโตฺถฯ โฆโส สุยฺยติ ตาวเทติ ยทา เอตฺตโก กาโล อติกฺกโนฺต โหติ, ตาวเทว ตสฺมิํ กาเล ‘‘อิธ ปจฺจนฺตานํ โว มาริสา วสฺสสตสหสฺสปริมาโณ กาโล อตีโต’’ติ เอวํ ตสฺมิํ นิรเย สโทฺท สุยฺยติฯ ลโกฺข เอโส, มหาราช, สตภาควสฺสโกฎิโยติ สตภาคา สตโกฎฺฐาสา วสฺสโกฎิโย, มหาราช, นิรเย ปจฺจนฺตานํ สตฺตานํ อายุโน เอโส ลโกฺข เอโส ปริเจฺฉโทติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทสทสกํ สตํ นาม, ทส สตานิ สหสฺสํ นาม, ทสทสสหสฺสานิ สตสหสฺสํ นาม, สตสตสหสฺสานิ โกฎิ นาม, ตาสํ โกฎีนํ วเสน สตสหสฺสวสฺสโกฎิโย สตภาคา วสฺสโกฎิโยฯ สา จ โข เนรยิกานํเยว วสฺสคณนาวเสน เวทิตพฺพา, น มนุสฺสานํ, เทวานํ วาฯ อีทิสานิ อเนกานิ วสฺสโกฎิสตสหสฺสานิ เนรยิกานํ อายุฯ เตนาห ‘‘โกฎิสตสหสฺสานิ, นิรเย ปจฺจเร ชนา’’ติฯ ยาทิเสน ปน ปาเปน สตฺตา เอวํ นิรเยสุ ปจฺจนฺติ , ตํ นิคมนวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐี จ ทุสฺสีลา, เย จ อริยูปวาทิโน’’ติ วุตฺตํฯ เวทิสฺสนฺติ อนุภวิสฺสํฯ
695-7. Tattha vassāni satasahassānīti vassānaṃ satasahassāni, atikkamitvāti vacanaseso. Bhummatthe vā etaṃ paccattavacanaṃ, vassesu satasahassesu vītivattesūti attho. Ghoso suyyati tāvadeti yadā ettako kālo atikkanto hoti, tāvadeva tasmiṃ kāle ‘‘idha paccantānaṃ vo mārisā vassasatasahassaparimāṇo kālo atīto’’ti evaṃ tasmiṃ niraye saddo suyyati. Lakkho eso, mahārāja, satabhāgavassakoṭiyoti satabhāgā satakoṭṭhāsā vassakoṭiyo, mahārāja, niraye paccantānaṃ sattānaṃ āyuno eso lakkho eso paricchedoti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – dasadasakaṃ sataṃ nāma, dasa satāni sahassaṃ nāma, dasadasasahassāni satasahassaṃ nāma, satasatasahassāni koṭi nāma, tāsaṃ koṭīnaṃ vasena satasahassavassakoṭiyo satabhāgā vassakoṭiyo. Sā ca kho nerayikānaṃyeva vassagaṇanāvasena veditabbā, na manussānaṃ, devānaṃ vā. Īdisāni anekāni vassakoṭisatasahassāni nerayikānaṃ āyu. Tenāha ‘‘koṭisatasahassāni, niraye paccare janā’’ti. Yādisena pana pāpena sattā evaṃ nirayesu paccanti , taṃ nigamanavasena dassetuṃ ‘‘micchādiṭṭhī ca dussīlā, ye ca ariyūpavādino’’ti vuttaṃ. Vedissanti anubhavissaṃ.
๖๙๘-๗๐๖. เอวํ อายติํ อตฺตนา อนุภวิตพฺพํ ปาปผลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ‘‘เกน เต พฺรหฺมจริเยน , อานุภาโว อยํ ตวา’’ติ รญฺญา ปุจฺฉิตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ สรเณสุ เจว สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปตุกาโม ‘‘ตํ สุโณหิ มหาราชา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สีเลสุโปสเถ รตาติ นิจฺจสีเลสุ จ อุโปสถสีเลสุ จ อภิรตาฯ อทาติ อทาสิฯ ตํ ธมฺมนฺติ ตํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ อมตปทญฺจฯ
698-706. Evaṃ āyatiṃ attanā anubhavitabbaṃ pāpaphalaṃ dassetvā idāni ‘‘kena te brahmacariyena , ānubhāvo ayaṃ tavā’’ti raññā pucchitamatthaṃ ācikkhitvā taṃ saraṇesu ceva sīlesu ca patiṭṭhāpetukāmo ‘‘taṃ suṇohi mahārājā’’tiādimāha. Tattha sīlesuposathe ratāti niccasīlesu ca uposathasīlesu ca abhiratā. Adāti adāsi. Taṃ dhammanti taṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ amatapadañca.
๗๐๙-๑๒. เอวํ เปเตน สรเณสุ สีเลสุ จ สมาทปิโต ราชา ปสนฺนมานโส เตน อตฺตโน กตํ อุปการํ ตาว กิเตฺตตฺวา สรณาทีสุ ปติฎฺฐหโนฺต ‘‘อตฺถกาโม’’ติอาทิกา ติโสฺส คาถา วตฺวา ปุเพฺพ อตฺตนา คหิตาย ปาปิกาย ทิฎฺฐิยา ปฎินิสฺสฎฺฐภาวํ ปกาเสโนฺต ‘‘โอผุณามี’’ติ คาถมาหฯ
709-12. Evaṃ petena saraṇesu sīlesu ca samādapito rājā pasannamānaso tena attano kataṃ upakāraṃ tāva kittetvā saraṇādīsu patiṭṭhahanto ‘‘atthakāmo’’tiādikā tisso gāthā vatvā pubbe attanā gahitāya pāpikāya diṭṭhiyā paṭinissaṭṭhabhāvaṃ pakāsento ‘‘ophuṇāmī’’ti gāthamāha.
ตตฺถ โอผุณามิ มหาวาเตติ มหเนฺต วาเต วายเนฺต ภุสํ วิย ตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิํ, ยกฺข, ตว ธมฺมเทสนาวาเต โอผุณามิ นิทฺธุนามิฯ นทิยา วา สีฆคามิยาติ สีฆโสตาย มหานทิยา วา ติณกฎฺฐปณฺณกสฎํ วิย ปาปิกํ ทิฎฺฐิํ ปวาเหมีติ อธิปฺปาโยฯ วมามิ ปาปิกํ ทิฎฺฐินฺติ มม มโนมุขคตํ ปาปิกํ ทิฎฺฐิํ อุจฺฉฑฺฑยามิฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘พุทฺธานํ สาสเน รโต’’ติฯ ยสฺมา เอกํเสน อมตาวเห พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สาสเน รโต อภิรโต, ตสฺมา ตํ ทิฎฺฐิสงฺขาตํ วิสํ วมามีติ โยชนาฯ
Tattha ophuṇāmi mahāvāteti mahante vāte vāyante bhusaṃ viya taṃ pāpakaṃ diṭṭhiṃ, yakkha, tava dhammadesanāvāte ophuṇāmi niddhunāmi. Nadiyā vā sīghagāmiyāti sīghasotāya mahānadiyā vā tiṇakaṭṭhapaṇṇakasaṭaṃ viya pāpikaṃ diṭṭhiṃ pavāhemīti adhippāyo. Vamāmi pāpikaṃ diṭṭhinti mama manomukhagataṃ pāpikaṃ diṭṭhiṃ ucchaḍḍayāmi. Tattha kāraṇamāha ‘‘buddhānaṃ sāsane rato’’ti. Yasmā ekaṃsena amatāvahe buddhānaṃ bhagavantānaṃ sāsane rato abhirato, tasmā taṃ diṭṭhisaṅkhātaṃ visaṃ vamāmīti yojanā.
๗๑๓. ติ โอสานคาถา สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตาฯ ตตฺถ ปาโมโกฺขติปาจีนทิสาภิมุโข หุตฺวาฯ รถมารุหีติ ราชา คมนสชฺชํ อตฺตโน ราชรถํ อภิรุหิ, อารุยฺห ยกฺขานุภาเวน ตํ ทิวสเมว อตฺตโน นครํ ปตฺวา ราชภวนํ ปาวิสิฯ โส อปเรน สมเยน อิมํ ปวตฺติํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ตํ เถรานํ อาโรเจสุํ, เถรา ตติยสงฺคีติยํ สงฺคหํ อาโรเปสุํฯ
713. Ti osānagāthā saṅgītikārehi ṭhapitā. Tattha pāmokkhotipācīnadisābhimukho hutvā. Rathamāruhīti rājā gamanasajjaṃ attano rājarathaṃ abhiruhi, āruyha yakkhānubhāvena taṃ divasameva attano nagaraṃ patvā rājabhavanaṃ pāvisi. So aparena samayena imaṃ pavattiṃ bhikkhūnaṃ ārocesi, bhikkhū taṃ therānaṃ ārocesuṃ, therā tatiyasaṅgītiyaṃ saṅgahaṃ āropesuṃ.
นนฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandakapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๓. นนฺทกเปตวตฺถุ • 3. Nandakapetavatthu