Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๔. นนฺทกสุตฺตํ

    4. Nandakasuttaṃ

    . เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นนฺทโก อุปฎฺฐานสาลายํ ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสติ สมาทเปติ สมุเตฺตเชติ สมฺปหํเสติฯ อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนุปฎฺฐานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พหิทฺวารโกฎฺฐเก อฎฺฐาสิ กถาปริโยสานํ อาคมยมาโนฯ อถ โข ภควา กถาปริโยสานํ วิทิตฺวา อุกฺกาเสตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฎสิฯ วิวริํสุ โข เต ภิกฺขู ภควโต ทฺวารํฯ

    4. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā nandako upaṭṭhānasālāyaṃ bhikkhū dhammiyā kathāya sandasseti samādapeti samuttejeti sampahaṃseti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenupaṭṭhānasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bahidvārakoṭṭhake aṭṭhāsi kathāpariyosānaṃ āgamayamāno. Atha kho bhagavā kathāpariyosānaṃ viditvā ukkāsetvā aggaḷaṃ ākoṭesi. Vivariṃsu kho te bhikkhū bhagavato dvāraṃ.

    อถ โข ภควา อุปฎฺฐานสาลํ ปวิสิตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ เอตทโวจ – ‘‘ทีโฆ โข ตฺยายํ, นนฺทก, ธมฺมปริยาโย ภิกฺขูนํ ปฎิภาสิฯ อปิ เม ปิฎฺฐิ อาคิลายติ พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตสฺส กถาปริโยสานํ อาคมยมานสฺสา’’ติฯ

    Atha kho bhagavā upaṭṭhānasālaṃ pavisitvā paññattāsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā āyasmantaṃ nandakaṃ etadavoca – ‘‘dīgho kho tyāyaṃ, nandaka, dhammapariyāyo bhikkhūnaṃ paṭibhāsi. Api me piṭṭhi āgilāyati bahidvārakoṭṭhake ṭhitassa kathāpariyosānaṃ āgamayamānassā’’ti.

    เอวํ วุเตฺต อายสฺมา นนฺทโก สารชฺชมานรูโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข ปน มยํ, ภเนฺต, ชานาม ‘ภควา พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิโต’ติฯ สเจ หิ มยํ, ภเนฺต, ชาเนยฺยาม ‘ภควา พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิโต’ติ, เอตฺตกมฺปิ ( ) 1 โน นปฺปฎิภาเสยฺยา’’ติฯ

    Evaṃ vutte āyasmā nandako sārajjamānarūpo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘na kho pana mayaṃ, bhante, jānāma ‘bhagavā bahidvārakoṭṭhake ṭhito’ti. Sace hi mayaṃ, bhante, jāneyyāma ‘bhagavā bahidvārakoṭṭhake ṭhito’ti, ettakampi ( ) 2 no nappaṭibhāseyyā’’ti.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ สารชฺชมานรูปํ วิทิตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, สาธุ, นนฺทก! เอตํ โข, นนฺทก, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ, ยํ ตุเมฺห ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีเทยฺยาถฯ สนฺนิปติตานํ โว, นนฺทก, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโวฯ 3 สโทฺธ จ, นนฺทก, ภิกฺขุ โหติ, โน จ สีลวาฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เตน ตํ องฺคํ ปริปูเรตพฺพํ – ‘กินฺตาหํ สโทฺธ จ อสฺสํ สีลวา จา’ติฯ ยโต จ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปริปูโร โหติฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandakaṃ sārajjamānarūpaṃ viditvā āyasmantaṃ nandakaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, sādhu, nandaka! Etaṃ kho, nandaka, tumhākaṃ patirūpaṃ kulaputtānaṃ saddhāya agārasmā anagāriyaṃ pabbajitānaṃ, yaṃ tumhe dhammiyā kathāya sannisīdeyyātha. Sannipatitānaṃ vo, nandaka, dvayaṃ karaṇīyaṃ – dhammī vā kathā ariyo vā tuṇhībhāvo. 4 Saddho ca, nandaka, bhikkhu hoti, no ca sīlavā. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Tena taṃ aṅgaṃ paripūretabbaṃ – ‘kintāhaṃ saddho ca assaṃ sīlavā cā’ti. Yato ca kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca, evaṃ so tenaṅgena paripūro hoti.

    ‘‘สโทฺธ จ, นนฺทก, ภิกฺขุ โหติ สีลวา จ, โน จ ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺสฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เตน ตํ องฺคํ ปริปูเรตพฺพํ – ‘กินฺตาหํ สโทฺธ จ อสฺสํ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺสา’ติฯ ยโต จ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, เอวํ โส เตนเงฺคน ปริปูโร โหติฯ

    ‘‘Saddho ca, nandaka, bhikkhu hoti sīlavā ca, no ca lābhī ajjhattaṃ cetosamādhissa. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Tena taṃ aṅgaṃ paripūretabbaṃ – ‘kintāhaṃ saddho ca assaṃ sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissā’ti. Yato ca kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, evaṃ so tenaṅgena paripūro hoti.

    ‘‘สโทฺธ จ, นนฺทก, ภิกฺขุ โหติ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เสยฺยถาปิ, นนฺทก, ปาณโก จตุปฺปาทโก อสฺสฯ ตสฺส เอโก ปาโท โอมโก ลามโกฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร อสฺสฯ เอวเมวํ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เตน ตํ องฺคํ ปริปูเรตพฺพํ – ‘กินฺตาหํ สโทฺธ จ อสฺสํ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’’’ติฯ

    ‘‘Saddho ca, nandaka, bhikkhu hoti sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāya. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Seyyathāpi, nandaka, pāṇako catuppādako assa. Tassa eko pādo omako lāmako. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro assa. Evamevaṃ kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāya. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Tena taṃ aṅgaṃ paripūretabbaṃ – ‘kintāhaṃ saddho ca assaṃ sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa lābhī ca adhipaññādhammavipassanāyā’’’ti.

    ‘‘ยโต จ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, เอวํ โส เตนเงฺคน ปริปูโร โหตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ

    ‘‘Yato ca kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa lābhī ca adhipaññādhammavipassanāya, evaṃ so tenaṅgena paripūro hotī’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.

    อถ โข อายสฺมา นนฺทโก อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิทานิ, อาวุโส, ภควา จตูหิ ปเทหิ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘สโทฺธ จ, นนฺทก, ภิกฺขุ โหติ, โน จ สีลวาฯ เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เตน ตํ องฺคํ ปริปูเรตพฺพํ – กินฺตาหํ สโทฺธ จ อสฺสํ สีลวา จา’ติฯ ยโต จ โข นนฺทก ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ, เอวํ โส เตนเงฺคน ปริปูโร โหติฯ สโทฺธ จ นนฺทก ภิกฺขุ โหติ สีลวา จ, โน จ ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส…เป.… ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติฯ เสยฺยถาปิ นนฺทก ปาณโก จตุปฺปาทโก อสฺส, ตสฺส เอโก ปาโท โอมโก ลามโก, เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร อสฺสฯ เอวเมวํ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ, ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, เอวํ โส เตนเงฺคน อปริปูโร โหติ, เตน ตํ องฺคํ ปริปูเรตพฺพํ ‘กินฺตาหํ สโทฺธ จ อสฺสํ สีลวา จ, ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส, ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’ติฯ ยโต จ โข, นนฺทก, ภิกฺขุ สโทฺธ จ โหติ สีลวา จ ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมาธิสฺส ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, เอวํ โส เตนเงฺคน ปริปูโร โหตี’’ติฯ

    Atha kho āyasmā nandako acirapakkantassa bhagavato bhikkhū āmantesi – ‘‘idāni, āvuso, bhagavā catūhi padehi kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāsetvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘saddho ca, nandaka, bhikkhu hoti, no ca sīlavā. Evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Tena taṃ aṅgaṃ paripūretabbaṃ – kintāhaṃ saddho ca assaṃ sīlavā cā’ti. Yato ca kho nandaka bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca, evaṃ so tenaṅgena paripūro hoti. Saddho ca nandaka bhikkhu hoti sīlavā ca, no ca lābhī ajjhattaṃ cetosamādhissa…pe… lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāya, evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti. Seyyathāpi nandaka pāṇako catuppādako assa, tassa eko pādo omako lāmako, evaṃ so tenaṅgena aparipūro assa. Evamevaṃ kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca, lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāya, evaṃ so tenaṅgena aparipūro hoti, tena taṃ aṅgaṃ paripūretabbaṃ ‘kintāhaṃ saddho ca assaṃ sīlavā ca, lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa, lābhī ca adhipaññādhammavipassanāyā’ti. Yato ca kho, nandaka, bhikkhu saddho ca hoti sīlavā ca lābhī ca ajjhattaṃ cetosamādhissa lābhī ca adhipaññādhammavipassanāya, evaṃ so tenaṅgena paripūro hotī’’ti.

    ‘‘ปญฺจิเม, อาวุโส, อานิสํสา กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ กตเม ปญฺจ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ , ตถา ตถา โส สตฺถุ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จฯ อยํ, อาวุโส, ปฐโม อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ

    ‘‘Pañcime, āvuso, ānisaṃsā kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya. Katame pañca? Idhāvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti , tathā tathā so satthu piyo ca hoti manāpo ca garu ca bhāvanīyo ca. Ayaṃ, āvuso, paṭhamo ānisaṃso kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อตฺถปฺปฎิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฎิสํเวที จฯ อยํ, อาวุโส, ทุติโย อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāseti, tathā tathā so tasmiṃ dhamme atthappaṭisaṃvedī ca hoti dhammappaṭisaṃvedī ca. Ayaṃ, āvuso, dutiyo ānisaṃso kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม คมฺภีรํ อตฺถปทํ ปญฺญาย อติวิชฺฌ ปสฺสติฯ อยํ, อาวุโส, ตติโย อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāseti, tathā tathā so tasmiṃ dhamme gambhīraṃ atthapadaṃ paññāya ativijjha passati. Ayaṃ, āvuso, tatiyo ānisaṃso kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป.… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตถา ตถา นํ สพฺรหฺมจารี อุตฺตริ สมฺภาเวนฺติ – ‘อทฺธา อยมายสฺมา ปโตฺต วา ปชฺชติ วา’ฯ อยํ, อาวุโส, จตุโตฺถ อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāseti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ…pe… brahmacariyaṃ pakāseti, tathā tathā naṃ sabrahmacārī uttari sambhāventi – ‘addhā ayamāyasmā patto vā pajjati vā’. Ayaṃ, āvuso, catuttho ānisaṃso kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ ยถา ยถา, อาวุโส, ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ , เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตตฺถ เย โข ภิกฺขู เสขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคเกฺขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, เต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา วีริยํ อารภนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายฯ เย ปน ตตฺถ ภิกฺขู อรหโนฺต ขีณาสวา วุสิตวโนฺต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทญฺญาวิมุตฺตา, เต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํเยว อนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ อยํ, อาวุโส, ปญฺจโม อานิสํโส กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายฯ อิเม โข, อาวุโส, ปญฺจ อานิสํสา กาเลน ธมฺมสฺสวเน กาเลน ธมฺมสากจฺฉายา’’ติฯ จตุตฺถํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Yathā yathā, āvuso, bhikkhu bhikkhūnaṃ dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ , kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti, tattha ye kho bhikkhū sekhā appattamānasā anuttaraṃ yogakkhemaṃ patthayamānā viharanti, te taṃ dhammaṃ sutvā vīriyaṃ ārabhanti appattassa pattiyā anadhigatassa adhigamāya asacchikatassa sacchikiriyāya. Ye pana tattha bhikkhū arahanto khīṇāsavā vusitavanto katakaraṇīyā ohitabhārā anuppattasadatthā parikkhīṇabhavasaṃyojanā sammadaññāvimuttā, te taṃ dhammaṃ sutvā diṭṭhadhammasukhavihāraṃyeva anuyuttā viharanti. Ayaṃ, āvuso, pañcamo ānisaṃso kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāya. Ime kho, āvuso, pañca ānisaṃsā kālena dhammassavane kālena dhammasākacchāyā’’ti. Catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. (ธมฺมํ) กตฺถจิ
    2. (dhammaṃ) katthaci
    3. อ. นิ. ๘.๗๑; ๙.๑
    4. a. ni. 8.71; 9.1



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. นนฺทกสุตฺตวณฺณนา • 4. Nandakasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔-๕. นนฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา • 4-5. Nandakasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact