Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตํ

    4. Nandakovādasuttaṃ

    ๓๙๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข มหาปชาปติโคตมี ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุนิสเตหิ สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปติโคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โอวทตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุนิโย; อนุสาสตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุนิโย; กโรตุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขุนีนํ ธมฺมิํ กถ’’นฺติ 1

    398. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho mahāpajāpatigotamī pañcamattehi bhikkhunisatehi saddhiṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpatigotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ovadatu, bhante, bhagavā bhikkhuniyo; anusāsatu, bhante, bhagavā bhikkhuniyo; karotu, bhante, bhagavā bhikkhunīnaṃ dhammiṃ katha’’nti 2.

    เตน โข ปน สมเยน เถรา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย โอวทนฺติ ปริยาเยนฯ อายสฺมา นนฺทโก น อิจฺฉติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ ปริยาเยนฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ ปริยาเยนา’’ติ? ‘‘สเพฺพเหว, ภเนฺต, กโต 3 ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ ปริยาเยนฯ อยํ, ภเนฺต, อายสฺมา นนฺทโก น อิจฺฉติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ ปริยาเยนา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena therā bhikkhū bhikkhuniyo ovadanti pariyāyena. Āyasmā nandako na icchati bhikkhuniyo ovadituṃ pariyāyena. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kassa nu kho, ānanda, ajja pariyāyo bhikkhuniyo ovadituṃ pariyāyenā’’ti? ‘‘Sabbeheva, bhante, kato 4 pariyāyo bhikkhuniyo ovadituṃ pariyāyena. Ayaṃ, bhante, āyasmā nandako na icchati bhikkhuniyo ovadituṃ pariyāyenā’’ti.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อามเนฺตสิ – ‘‘โอวท, นนฺทก, ภิกฺขุนิโย; อนุสาส, นนฺทก, ภิกฺขุนิโย; กโรหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุนีนํ ธมฺมิํ กถ’’นฺติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา นนฺทโก ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต อตฺตทุติโย เยน ราชการาโม เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสํสุ โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน อาสนํ ปญฺญาเปสุํ, อุทกญฺจ ปาทานํ อุปฎฺฐเปสุํฯ นิสีทิ โข อายสฺมา นนฺทโก ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิฯ ตาปิ โข ภิกฺขุนิโย อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมา นนฺทโก เอตทโวจ – ‘‘ปฎิปุจฺฉกถา โข, ภคินิโย, ภวิสฺสติฯ ตตฺถ อาชานนฺตีหิ – ‘อาชานามา’ ติสฺส วจนียํ, น อาชานนฺตีหิ – ‘น อาชานามา’ ติสฺส วจนียํฯ ยสฺสา วา ปนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา อหเมว ตตฺถ ปฎิปุจฺฉิตโพฺพ – ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ; อิมสฺส กฺวโตฺถ’’’ติ? ‘‘เอตฺตเกนปิ มยํ, ภเนฺต, อยฺยสฺส นนฺทกสฺส อตฺตมนา อภิรทฺธา 5 ยํ โน อโยฺย นนฺทโก ปวาเรตี’’ติฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandakaṃ āmantesi – ‘‘ovada, nandaka, bhikkhuniyo; anusāsa, nandaka, bhikkhuniyo; karohi tvaṃ, brāhmaṇa, bhikkhunīnaṃ dhammiṃ katha’’nti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā nandako bhagavato paṭissutvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto attadutiyo yena rājakārāmo tenupasaṅkami. Addasaṃsu kho tā bhikkhuniyo āyasmantaṃ nandakaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna āsanaṃ paññāpesuṃ, udakañca pādānaṃ upaṭṭhapesuṃ. Nisīdi kho āyasmā nandako paññatte āsane. Nisajja pāde pakkhālesi. Tāpi kho bhikkhuniyo āyasmantaṃ nandakaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho tā bhikkhuniyo āyasmā nandako etadavoca – ‘‘paṭipucchakathā kho, bhaginiyo, bhavissati. Tattha ājānantīhi – ‘ājānāmā’ tissa vacanīyaṃ, na ājānantīhi – ‘na ājānāmā’ tissa vacanīyaṃ. Yassā vā panassa kaṅkhā vā vimati vā ahameva tattha paṭipucchitabbo – ‘idaṃ, bhante, kathaṃ; imassa kvattho’’’ti? ‘‘Ettakenapi mayaṃ, bhante, ayyassa nandakassa attamanā abhiraddhā 6 yaṃ no ayyo nandako pavāretī’’ti.

    ๓๙๙. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ , ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, โสตํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต…เป.… ฆานํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’… ‘‘ชิวฺหา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’… ‘‘กาโย นิโจฺจ วา อนิโจฺจ วา’’ติ? ‘‘อนิโจฺจ, ภเนฺต’’… ‘‘มโน นิโจฺจ วา อนิโจฺจ วา’’ติ? ‘‘อนิโจฺจ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ , กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ อชฺฌตฺติกา อายตนา อนิจฺจา’’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    399. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, cakkhu niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ , bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, sotaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante…pe… ghānaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’… ‘‘jivhā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’… ‘‘kāyo nicco vā anicco vā’’ti? ‘‘Anicco, bhante’’… ‘‘mano nicco vā anicco vā’’ti? ‘‘Anicco, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ , kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha ajjhattikā āyatanā aniccā’’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๐. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, รูปา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, สทฺทา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต…เป.… คนฺธา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’… ‘‘รสา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’… ‘‘โผฎฺฐพฺพา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา , ภเนฺต’’… ‘‘ธมฺมา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ พาหิรา อายตนา อนิจฺจา’’’ติ ฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    400. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, rūpā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, saddā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante…pe… gandhā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’… ‘‘rasā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’… ‘‘phoṭṭhabbā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā , bhante’’… ‘‘dhammā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha bāhirā āyatanā aniccā’’’ti . ‘‘Sādhu, sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๑. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, จกฺขุวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, โสตวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต…เป.… ฆานวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’… ‘‘ชิวฺหาวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’… ‘‘กายวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’… ‘‘มโนวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ’’? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ วิญฺญาณกายา อนิจฺจา’’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    401. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, cakkhuviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, sotaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante…pe… ghānaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’… ‘‘jivhāviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’… ‘‘kāyaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’… ‘‘manoviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vāti’’? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha viññāṇakāyā aniccā’’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๒. ‘‘เสยฺยถาปิ , ภคินิโย, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อาภาปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมาฯ โย นุ โข, ภคินิโย, เอวํ วเทยฺย – ‘อมุสฺส เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา; ยา จ ขฺวาสฺส อาภา สา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’ติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุสฺส หิ, ภเนฺต, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา; ปเควสฺส อาภา อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภคินิโย, โย นุ โข เอวํ วเทยฺย – ‘ฉ โขเม อชฺฌตฺติกา อายตนา อนิจฺจา 7; ยญฺจ โข ฉ อชฺฌตฺติเก อายตเน ปฎิจฺจ ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺม’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ตชฺชํ ตชฺชํ, ภเนฺต, ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตชฺชา ตชฺชา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติฯ ตชฺชสฺส ตชฺชสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา ตชฺชา ตชฺชา เวทนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    402. ‘‘Seyyathāpi , bhaginiyo, telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā, ābhāpi aniccā vipariṇāmadhammā. Yo nu kho, bhaginiyo, evaṃ vadeyya – ‘amussa telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā; yā ca khvāssa ābhā sā niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā’ti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amussa hi, bhante, telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā; pagevassa ābhā aniccā vipariṇāmadhammā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhaginiyo, yo nu kho evaṃ vadeyya – ‘cha khome ajjhattikā āyatanā aniccā 8; yañca kho cha ajjhattike āyatane paṭicca paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā taṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhamma’nti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Tajjaṃ tajjaṃ, bhante, paccayaṃ paṭicca tajjā tajjā vedanā uppajjanti. Tajjassa tajjassa paccayassa nirodhā tajjā tajjā vedanā nirujjhantī’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภคินิโย, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ฉายาปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมาฯ โย นุ โข, ภคินิโย, เอวํ วเทยฺย – ‘อมุสฺส มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ยา จ ขฺวาสฺส ฉายา สา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’ติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุสฺส หิ, ภเนฺต, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ; ปเควสฺส ฉายา อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภคินิโย, โย นุ โข เอวํ วเทยฺย – ‘ฉ โขเม พาหิรา อายตนา อนิจฺจา 9ฯ ยญฺจ โข ฉ พาหิเร อายตเน ปฎิจฺจ ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺม’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ตชฺชํ ตชฺชํ, ภเนฺต, ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตชฺชา ตชฺชา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติฯ ตชฺชสฺส ตชฺชสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา ตชฺชา ตชฺชา เวทนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    403. ‘‘Seyyathāpi, bhaginiyo, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, chāyāpi aniccā vipariṇāmadhammā. Yo nu kho, bhaginiyo, evaṃ vadeyya – ‘amussa mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, yā ca khvāssa chāyā sā niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā’ti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amussa hi, bhante, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ; pagevassa chāyā aniccā vipariṇāmadhammā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhaginiyo, yo nu kho evaṃ vadeyya – ‘cha khome bāhirā āyatanā aniccā 10. Yañca kho cha bāhire āyatane paṭicca paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā taṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhamma’nti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Tajjaṃ tajjaṃ, bhante, paccayaṃ paṭicca tajjā tajjā vedanā uppajjanti. Tajjassa tajjassa paccayassa nirodhā tajjā tajjā vedanā nirujjhantī’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภคินิโย, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา คาวิํ วธิตฺวา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน คาวิํ สงฺกเนฺตยฺย อนุปหจฺจ อนฺตรํ มํสกายํ อนุปหจฺจ พาหิรํ จมฺมกายํฯ ยํ ยเทว ตตฺถ อนฺตรา วิลิมํสํ 11 อนฺตรา นฺหารุ อนฺตรา พนฺธนํ ตํ ตเทว ติเณฺหน โควิกนฺตเนน สญฺฉิเนฺทยฺย สงฺกเนฺตยฺย สมฺปกเนฺตยฺย สมฺปริกเนฺตยฺยฯ สญฺฉินฺทิตฺวา สงฺกนฺติตฺวา สมฺปกนฺติตฺวา สมฺปริกนฺติตฺวา วิธุนิตฺวา พาหิรํ จมฺมกายํ เตเนว จเมฺมน ตํ คาวิํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตเถวายํ คาวี สํยุตฺตา อิมินาว จเมฺมนา’ติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุ หิ, ภเนฺต, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา คาวิํ วธิตฺวา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน คาวิํ สงฺกเนฺตยฺย อนุปหจฺจ อนฺตรํ มํสกายํ อนุปหจฺจ พาหิรํ จมฺมกายํฯ ยํ ยเทว ตตฺถ อนฺตรา วิลิมํสํ อนฺตรา นฺหารุ อนฺตรา พนฺธนํ ตํ ตเทว ติเณฺหน โควิกนฺตเนน สญฺฉิเนฺทยฺย สงฺกเนฺตยฺย สมฺปกเนฺตยฺย สมฺปริกเนฺตยฺยฯ สญฺฉินฺทิตฺวา สงฺกนฺติตฺวา สมฺปกนฺติตฺวา สมฺปริกนฺติตฺวา วิธุนิตฺวา พาหิรํ จมฺมกายํ เตเนว จเมฺมน ตํ คาวิํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย – ‘ตเถวายํ คาวี สํยุตฺตา อิมินาว จเมฺมนา’ติ; อถ โข สา คาวี วิสํยุตฺตา เตเนว จเมฺมนา’’ติฯ

    404. ‘‘Seyyathāpi, bhaginiyo, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā gāviṃ vadhitvā tiṇhena govikantanena gāviṃ saṅkanteyya anupahacca antaraṃ maṃsakāyaṃ anupahacca bāhiraṃ cammakāyaṃ. Yaṃ yadeva tattha antarā vilimaṃsaṃ 12 antarā nhāru antarā bandhanaṃ taṃ tadeva tiṇhena govikantanena sañchindeyya saṅkanteyya sampakanteyya samparikanteyya. Sañchinditvā saṅkantitvā sampakantitvā samparikantitvā vidhunitvā bāhiraṃ cammakāyaṃ teneva cammena taṃ gāviṃ paṭicchādetvā evaṃ vadeyya – ‘tathevāyaṃ gāvī saṃyuttā imināva cammenā’ti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amu hi, bhante, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā gāviṃ vadhitvā tiṇhena govikantanena gāviṃ saṅkanteyya anupahacca antaraṃ maṃsakāyaṃ anupahacca bāhiraṃ cammakāyaṃ. Yaṃ yadeva tattha antarā vilimaṃsaṃ antarā nhāru antarā bandhanaṃ taṃ tadeva tiṇhena govikantanena sañchindeyya saṅkanteyya sampakanteyya samparikanteyya. Sañchinditvā saṅkantitvā sampakantitvā samparikantitvā vidhunitvā bāhiraṃ cammakāyaṃ teneva cammena taṃ gāviṃ paṭicchādetvā kiñcāpi so evaṃ vadeyya – ‘tathevāyaṃ gāvī saṃyuttā imināva cammenā’ti; atha kho sā gāvī visaṃyuttā teneva cammenā’’ti.

    ‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภคินิโย, กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนายฯ อยเมเวตฺถ อโตฺถ; ‘อนฺตรา มํสกาโย’ติ โข, ภคินิโย, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจนํ; ‘พาหิโร จมฺมกาโย’ติ โข ภคินิโย, ฉเนฺนตํ พาหิรานํ อายตนานํ อธิวจนํ; ‘อนฺตรา วิลิมํสํ, อนฺตรา นฺหารุ, อนฺตรา พนฺธน’นฺติ โข, ภคินิโย, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนํ; ‘ติณฺหํ โควิกนฺตน’นฺติ โข, ภคินิโย, อริยาเยตํ ปญฺญาย อธิวจนํ; ยายํ อริยา ปญฺญา อนฺตรา กิเลสํ อนฺตรา สํโยชนํ อนฺตรา พนฺธนํ สญฺฉินฺทติ สงฺกนฺตติ สมฺปกนฺตติ สมฺปริกนฺตติฯ

    ‘‘Upamā kho me ayaṃ, bhaginiyo, katā atthassa viññāpanāya. Ayamevettha attho; ‘antarā maṃsakāyo’ti kho, bhaginiyo, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ; ‘bāhiro cammakāyo’ti kho bhaginiyo, channetaṃ bāhirānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ; ‘antarā vilimaṃsaṃ, antarā nhāru, antarā bandhana’nti kho, bhaginiyo, nandīrāgassetaṃ adhivacanaṃ; ‘tiṇhaṃ govikantana’nti kho, bhaginiyo, ariyāyetaṃ paññāya adhivacanaṃ; yāyaṃ ariyā paññā antarā kilesaṃ antarā saṃyojanaṃ antarā bandhanaṃ sañchindati saṅkantati sampakantati samparikantati.

    ๔๐๕. ‘‘สตฺต โข ปนิเม, ภคินิโย, โพชฺฌงฺคา, เยสํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ กตเม สตฺต? อิธ, ภคินิโย, ภิกฺขุ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํ, ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ…เป.… วีริยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ อิเม โข, ภคินิโย, สตฺต โพชฺฌงฺคา, เยสํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติฯ

    405. ‘‘Satta kho panime, bhaginiyo, bojjhaṅgā, yesaṃ bhāvitattā bahulīkatattā bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Katame satta? Idha, bhaginiyo, bhikkhu satisambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ, dhammavicayasambojjhaṅgaṃ bhāveti…pe… vīriyasambojjhaṅgaṃ bhāveti… pītisambojjhaṅgaṃ bhāveti… passaddhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… samādhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. Ime kho, bhaginiyo, satta bojjhaṅgā, yesaṃ bhāvitattā bahulīkatattā bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti.

    ๔๐๖. อถ โข อายสฺมา นนฺทโก ตา ภิกฺขุนิโย อิมินา โอวาเทน โอวทิตฺวา อุโยฺยเชสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภคินิโย; กาโล’’ติฯ อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมโต นนฺทกสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ตา ภิกฺขุนิโย ภควา เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขุนิโย; กาโล’’ติฯ อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตีสุ ตาสุ ภิกฺขุนีสุ ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ จาตุทฺทเส น โหติ พหุโนชนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – ‘อูโน นุ โข จโนฺท, ปุโณฺณ นุ โข จโนฺท’ติ, อถ โข อูโน จโนฺทเตฺวว โหติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตา ภิกฺขุนิโย นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนาย อตฺตมนา โหนฺติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺปา’’ติฯ

    406. Atha kho āyasmā nandako tā bhikkhuniyo iminā ovādena ovaditvā uyyojesi – ‘‘gacchatha, bhaginiyo; kālo’’ti. Atha kho tā bhikkhuniyo āyasmato nandakassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ nandakaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho tā bhikkhuniyo bhagavā etadavoca – ‘‘gacchatha, bhikkhuniyo; kālo’’ti. Atha kho tā bhikkhuniyo bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Atha kho bhagavā acirapakkantīsu tāsu bhikkhunīsu bhikkhū āmantesi – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, tadahuposathe cātuddase na hoti bahunojanassa kaṅkhā vā vimati vā – ‘ūno nu kho cando, puṇṇo nu kho cando’ti, atha kho ūno candotveva hoti. Evameva kho, bhikkhave, tā bhikkhuniyo nandakassa dhammadesanāya attamanā honti no ca kho paripuṇṇasaṅkappā’’ti.

    ๔๐๗. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, นนฺทก, เสฺวปิ ตา ภิกฺขุนิโย เตเนโววาเทน โอวเทยฺยาสี’’ติฯ ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา นนฺทโก ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ อถ โข อายสฺมา นนฺทโก ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต อตฺตทุติโย เยน ราชการาโม เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสํสุ โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน อาสนํ ปญฺญาเปสุํ, อุทกญฺจ ปาทานํ อุปฎฺฐเปสุํฯ นิสีทิ โข อายสฺมา นนฺทโก ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิฯ ตาปิ โข ภิกฺขุนิโย อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมา นนฺทโก เอตทโวจ – ‘‘ปฎิปุจฺฉกถา โข, ภคินิโย, ภวิสฺสติฯ ตตฺถ อาชานนฺตีหิ ‘อาชานามา’ ติสฺส วจนียํ, น อาชานนฺตีหิ ‘น อาชานามา’ ติสฺส วจนียํฯ ยสฺสา วา ปนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา, อหเมว ตตฺถ ปฎิปุจฺฉิตโพฺพ – ‘อิทํ, ภเนฺต, กถํ; อิมสฺส กฺวโตฺถ’’’ติฯ ‘‘เอตฺตเกนปิ มยํ, ภเนฺต, อยฺยสฺส นนฺทกสฺส อตฺตมนา อภิรทฺธา ยํ โน อโยฺย นนฺทโก ปวาเรตี’’ติฯ

    407. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandakaṃ āmantesi – ‘‘tena hi tvaṃ, nandaka, svepi tā bhikkhuniyo tenevovādena ovadeyyāsī’’ti. ‘‘Evaṃ , bhante’’ti kho āyasmā nandako bhagavato paccassosi. Atha kho āyasmā nandako tassā rattiyā accayena pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto attadutiyo yena rājakārāmo tenupasaṅkami. Addasaṃsu kho tā bhikkhuniyo āyasmantaṃ nandakaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna āsanaṃ paññāpesuṃ, udakañca pādānaṃ upaṭṭhapesuṃ. Nisīdi kho āyasmā nandako paññatte āsane. Nisajja pāde pakkhālesi. Tāpi kho bhikkhuniyo āyasmantaṃ nandakaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho tā bhikkhuniyo āyasmā nandako etadavoca – ‘‘paṭipucchakathā kho, bhaginiyo, bhavissati. Tattha ājānantīhi ‘ājānāmā’ tissa vacanīyaṃ, na ājānantīhi ‘na ājānāmā’ tissa vacanīyaṃ. Yassā vā panassa kaṅkhā vā vimati vā, ahameva tattha paṭipucchitabbo – ‘idaṃ, bhante, kathaṃ; imassa kvattho’’’ti. ‘‘Ettakenapi mayaṃ, bhante, ayyassa nandakassa attamanā abhiraddhā yaṃ no ayyo nandako pavāretī’’ti.

    ๔๐๘. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ , ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, โสตํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต…เป.… ฆานํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต… ชิวฺหา… กาโย… มโน นิโจฺจ วา อนิโจฺจ วา’’ติ? ‘‘อนิโจฺจ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ อชฺฌตฺติกา อายตนา อนิจฺจา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    408. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, cakkhu niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ , bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, sotaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante…pe… ghānaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante… jivhā… kāyo… mano nicco vā anicco vā’’ti? ‘‘Anicco, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha ajjhattikā āyatanā aniccā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๐๙. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, รูปา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, สทฺทา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต…เป.… คนฺธา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต… รสา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต… โผฎฺฐพฺพา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต… ธมฺมา นิจฺจา วา อนิจฺจา วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจา, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ พาหิรา อายตนา อนิจฺจา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    409. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, rūpā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, saddā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante…pe… gandhā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante… rasā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante… phoṭṭhabbā niccā vā aniccā vā’’ti ? ‘‘Aniccā, bhante… dhammā niccā vā aniccā vā’’ti? ‘‘Aniccā, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha bāhirā āyatanā aniccā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๑๐. ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภคินิโย, จกฺขุวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต…เป.… โสตวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต… ฆานวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต… ชิวฺหาวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต… กายวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต… มโนวิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ปุเพฺพว โน เอตํ, ภเนฺต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐํ – ‘อิติปิเม ฉ วิญฺญาณกายา อนิจฺจา’’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    410. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhaginiyo, cakkhuviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante…pe… sotaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante… ghānaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante… jivhāviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante… kāyaviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante… manoviññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Pubbeva no etaṃ, bhante, yathābhūtaṃ sammappaññāya sudiṭṭhaṃ – ‘itipime cha viññāṇakāyā aniccā’’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๑๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภคินิโย, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อาภาปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมาฯ โย นุ โข, ภคินิโย, เอวํ วเทยฺย – ‘อมุสฺส เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา; ยา จ ขฺวาสฺส อาภา สา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’ติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุสฺส หิ, ภเนฺต, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, วฎฺฎิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา, อจฺจิปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา ; ปเควสฺส อาภา อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภคินิโย, โย นุ โข เอวํ วเทยฺย – ‘ฉ โขเม อชฺฌตฺติกา อายตนา อนิจฺจาฯ ยญฺจ โข ฉ อชฺฌตฺติเก อายตเน ปฎิจฺจ ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺม’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ตชฺชํ ตชฺชํ, ภเนฺต, ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตชฺชา ตชฺชา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติฯ ตชฺชสฺส ตชฺชสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา ตชฺชา ตชฺชา เวทนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    411. ‘‘Seyyathāpi, bhaginiyo, telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā, ābhāpi aniccā vipariṇāmadhammā. Yo nu kho, bhaginiyo, evaṃ vadeyya – ‘amussa telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā; yā ca khvāssa ābhā sā niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā’ti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amussa hi, bhante, telappadīpassa jhāyato telampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, vaṭṭipi aniccā vipariṇāmadhammā, accipi aniccā vipariṇāmadhammā ; pagevassa ābhā aniccā vipariṇāmadhammā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhaginiyo, yo nu kho evaṃ vadeyya – ‘cha khome ajjhattikā āyatanā aniccā. Yañca kho cha ajjhattike āyatane paṭicca paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā taṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhamma’nti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Tajjaṃ tajjaṃ, bhante, paccayaṃ paṭicca tajjā tajjā vedanā uppajjanti. Tajjassa tajjassa paccayassa nirodhā tajjā tajjā vedanā nirujjhantī’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๑๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภคินิโย, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ฉายาปิ อนิจฺจา วิปริณามธมฺมาฯ โย นุ โข, ภคินิโย, เอวํ วเทยฺย – ‘อมุสฺส มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ; ยา จ ขฺวาสฺส ฉายา สา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’ติ; สมฺมา นุ โข โส ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุสฺส หิ, ภเนฺต, มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต มูลมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ, ขโนฺธปิ อนิโจฺจ วิปริณามธโมฺม, สาขาปลาสมฺปิ อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ; ปเควสฺส ฉายา อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภคินิโย, โย นุ โข เอวํ วเทยฺย – ‘ฉ โขเม พาหิรา อายตนา อนิจฺจาฯ ยญฺจ โข พาหิเร อายตเน ปฎิจฺจ ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺม’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘ตชฺชํ ตชฺชํ, ภเนฺต, ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตชฺชา ตชฺชา เวทนา อุปฺปชฺชนฺติฯ ตชฺชสฺส ตชฺชสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา ตชฺชา ตชฺชา เวทนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ ‘‘สาธุ สาธุ, ภคินิโย! เอวเญฺหตํ, ภคินิโย, โหติ อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโต’’ฯ

    412. ‘‘Seyyathāpi, bhaginiyo, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, chāyāpi aniccā vipariṇāmadhammā. Yo nu kho, bhaginiyo, evaṃ vadeyya – ‘amussa mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ; yā ca khvāssa chāyā sā niccā dhuvā sassatā avipariṇāmadhammā’ti; sammā nu kho so bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amussa hi, bhante, mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato mūlampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ, khandhopi anicco vipariṇāmadhammo, sākhāpalāsampi aniccaṃ vipariṇāmadhammaṃ; pagevassa chāyā aniccā vipariṇāmadhammā’’ti. ‘‘Evameva kho, bhaginiyo, yo nu kho evaṃ vadeyya – ‘cha khome bāhirā āyatanā aniccā. Yañca kho bāhire āyatane paṭicca paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā taṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhamma’nti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Tajjaṃ tajjaṃ, bhante, paccayaṃ paṭicca tajjā tajjā vedanā uppajjanti. Tajjassa tajjassa paccayassa nirodhā tajjā tajjā vedanā nirujjhantī’’ti. ‘‘Sādhu sādhu, bhaginiyo! Evañhetaṃ, bhaginiyo, hoti ariyasāvakassa yathābhūtaṃ sammappaññāya passato’’.

    ๔๑๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภคินิโย, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา คาวิํ วธิตฺวา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน คาวิํ สงฺกเนฺตยฺย อนุปหจฺจ อนฺตรํ มํสกายํ อนุปหจฺจ พาหิรํ จมฺมกายํฯ ยํ ยเทว ตตฺถ อนฺตรา วิลิมํสํ อนฺตรา นฺหารุ อนฺตรา พนฺธนํ ตํ ตเทว ติเณฺหน โควิกนฺตเนน สญฺฉิเนฺทยฺย สงฺกเนฺตยฺย สมฺปกเนฺตยฺย สมฺปริกเนฺตยฺยฯ สญฺฉินฺทิตฺวา สงฺกนฺติตฺวา สมฺปกนฺติตฺวา สมฺปริกนฺติตฺวา วิธุนิตฺวา พาหิรํ จมฺมกายํ เตเนว จเมฺมน ตํ คาวิํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตเถวายํ คาวี สํยุตฺตา อิมินาว จเมฺมนา’ติ; สมฺมา นุ โข โส, ภคินิโย, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุ หิ, ภเนฺต, ทโกฺข โคฆาตโก วา โคฆาตกเนฺตวาสี วา คาวิํ วธิตฺวา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน คาวิํ สงฺกเนฺตยฺย อนุปหจฺจ อนฺตรํ มํสกายํ อนุปหจฺจ พาหิรํ จมฺมกายํฯ ยํ ยเทว ตตฺถ อนฺตรา วิลิมํสํ อนฺตรา นฺหารุ อนฺตรา พนฺธนํ ตํ ตเทว ติเณฺหน โควิกนฺตเนน สญฺฉิเนฺทยฺย สงฺกเนฺตยฺย สมฺปกเนฺตยฺย สมฺปริกเนฺตยฺยฯ สญฺฉินฺทิตฺวา สงฺกนฺติตฺวา สมฺปกนฺติตฺวา สมฺปริกนฺติตฺวา วิธุนิตฺวา พาหิรํ จมฺมกายํ เตเนว จเมฺมน ตํ คาวิํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา กิญฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย – ‘ตเถวายํ คาวี สํยุตฺตา อิมินาว จเมฺมนา’ติ; อถ โข สา คาวี วิสํยุตฺตา เตเนว จเมฺมนา’’ติฯ

    413. ‘‘Seyyathāpi, bhaginiyo, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā gāviṃ vadhitvā tiṇhena govikantanena gāviṃ saṅkanteyya anupahacca antaraṃ maṃsakāyaṃ anupahacca bāhiraṃ cammakāyaṃ. Yaṃ yadeva tattha antarā vilimaṃsaṃ antarā nhāru antarā bandhanaṃ taṃ tadeva tiṇhena govikantanena sañchindeyya saṅkanteyya sampakanteyya samparikanteyya. Sañchinditvā saṅkantitvā sampakantitvā samparikantitvā vidhunitvā bāhiraṃ cammakāyaṃ teneva cammena taṃ gāviṃ paṭicchādetvā evaṃ vadeyya – ‘tathevāyaṃ gāvī saṃyuttā imināva cammenā’ti; sammā nu kho so, bhaginiyo, vadamāno vadeyyā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kissa hetu’’? ‘‘Amu hi, bhante, dakkho goghātako vā goghātakantevāsī vā gāviṃ vadhitvā tiṇhena govikantanena gāviṃ saṅkanteyya anupahacca antaraṃ maṃsakāyaṃ anupahacca bāhiraṃ cammakāyaṃ. Yaṃ yadeva tattha antarā vilimaṃsaṃ antarā nhāru antarā bandhanaṃ taṃ tadeva tiṇhena govikantanena sañchindeyya saṅkanteyya sampakanteyya samparikanteyya. Sañchinditvā saṅkantitvā sampakantitvā samparikantitvā vidhunitvā bāhiraṃ cammakāyaṃ teneva cammena taṃ gāviṃ paṭicchādetvā kiñcāpi so evaṃ vadeyya – ‘tathevāyaṃ gāvī saṃyuttā imināva cammenā’ti; atha kho sā gāvī visaṃyuttā teneva cammenā’’ti.

    ‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภคินิโย, กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนาย อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ ‘อนฺตรา มํสกาโย’ติ โข, ภคินิโย, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจนํ; ‘พาหิโร จมฺมกาโย’ติ โข, ภคินิโย, ฉเนฺนตํ พาหิรานํ อายตนานํ อธิวจนํ; ‘อนฺตรา วิลิมํสํ อนฺตรา นฺหารุ อนฺตรา พนฺธน’นฺติ โข, ภคินิโย, นนฺทีราคเสฺสตํ อธิวจนํ; ‘ติณฺหํ โควิกนฺตน’นฺติ โข, ภคินิโย, อริยาเยตํ ปญฺญาย อธิวจนํ; ยายํ อริยา ปญฺญา อนฺตรา กิเลสํ อนฺตรา สํโยชนํ อนฺตรา พนฺธนํ สญฺฉินฺทติ สงฺกนฺตติ สมฺปกนฺตติ สมฺปริกนฺตติฯ

    ‘‘Upamā kho me ayaṃ, bhaginiyo, katā atthassa viññāpanāya ayamevettha attho. ‘Antarā maṃsakāyo’ti kho, bhaginiyo, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ; ‘bāhiro cammakāyo’ti kho, bhaginiyo, channetaṃ bāhirānaṃ āyatanānaṃ adhivacanaṃ; ‘antarā vilimaṃsaṃ antarā nhāru antarā bandhana’nti kho, bhaginiyo, nandīrāgassetaṃ adhivacanaṃ; ‘tiṇhaṃ govikantana’nti kho, bhaginiyo, ariyāyetaṃ paññāya adhivacanaṃ; yāyaṃ ariyā paññā antarā kilesaṃ antarā saṃyojanaṃ antarā bandhanaṃ sañchindati saṅkantati sampakantati samparikantati.

    ๔๑๔. ‘‘สตฺต โข ปนิเม, ภคินิโย, โพชฺฌงฺคา, เยสํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ กตเม สตฺต? อิธ, ภคินิโย, ภิกฺขุ สติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ…เป.… วีริยสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิํฯ อิเม โข, ภคินิโย, สตฺต โพชฺฌงฺคา เยสํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติฯ

    414. ‘‘Satta kho panime, bhaginiyo, bojjhaṅgā, yesaṃ bhāvitattā bahulīkatattā bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Katame satta? Idha, bhaginiyo, bhikkhu satisambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. Dhammavicayasambojjhaṅgaṃ bhāveti…pe… vīriyasambojjhaṅgaṃ bhāveti… pītisambojjhaṅgaṃ bhāveti… passaddhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… samādhisambojjhaṅgaṃ bhāveti… upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissitaṃ virāganissitaṃ nirodhanissitaṃ vossaggapariṇāmiṃ. Ime kho, bhaginiyo, satta bojjhaṅgā yesaṃ bhāvitattā bahulīkatattā bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti.

    ๔๑๕. อถ โข อายสฺมา นนฺทโก ตา ภิกฺขุนิโย อิมินา โอวาเทน โอวทิตฺวา อุโยฺยเชสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภคินิโย; กาโล’’ติฯ อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย อายสฺมโต นนฺทกสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ตา ภิกฺขุนิโย ภควา เอตทโวจ –‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขุนิโย; กาโล’’ติฯ อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตีสุ ตาสุ ภิกฺขุนีสุ ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส น โหติ พหุโน ชนสฺส กงฺขา วา วิมติ วา – ‘อูโน นุ โข จโนฺท, ปุโณฺณ นุ โข จโนฺท’ติ, อถ โข ปุโณฺณ จโนฺทเตฺวว โหติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตา ภิกฺขุนิโย นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนาย อตฺตมนา เจว ปริปุณฺณสงฺกปฺปา จฯ ตาสํ, ภิกฺขเว, ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุนิสตานํ ยา ปจฺฉิมิตา ภิกฺขุนี สา 13 โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สโมฺพธิปรายนา’’ติฯ

    415. Atha kho āyasmā nandako tā bhikkhuniyo iminā ovādena ovaditvā uyyojesi – ‘‘gacchatha, bhaginiyo; kālo’’ti. Atha kho tā bhikkhuniyo āyasmato nandakassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ nandakaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho tā bhikkhuniyo bhagavā etadavoca –‘‘gacchatha, bhikkhuniyo; kālo’’ti. Atha kho tā bhikkhuniyo bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Atha kho bhagavā acirapakkantīsu tāsu bhikkhunīsu bhikkhū āmantesi – ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, tadahuposathe pannarase na hoti bahuno janassa kaṅkhā vā vimati vā – ‘ūno nu kho cando, puṇṇo nu kho cando’ti, atha kho puṇṇo candotveva hoti; evameva kho, bhikkhave, tā bhikkhuniyo nandakassa dhammadesanāya attamanā ceva paripuṇṇasaṅkappā ca. Tāsaṃ, bhikkhave, pañcannaṃ bhikkhunisatānaṃ yā pacchimitā bhikkhunī sā 14 sotāpannā avinipātadhammā niyatā sambodhiparāyanā’’ti.

    อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.

    นนฺทโกวาทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Nandakovādasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. ธมฺมิกถนฺติ (สฺยา. กํ. ก.)
    2. dhammikathanti (syā. kaṃ. ka.)
    3. นนฺทกสฺส ภเนฺต (สี. ปี.)
    4. nandakassa bhante (sī. pī.)
    5. อภินนฺทาม (สฺยา. กํ.)
    6. abhinandāma (syā. kaṃ.)
    7. อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา (?)
    8. aniccā vipariṇāmadhammā (?)
    9. อนิจฺจา วิปริณามธมฺมา (สี. ปี.)
    10. aniccā vipariṇāmadhammā (sī. pī.)
    11. วิลิมํ (สี. ปี. ก.)
    12. vilimaṃ (sī. pī. ka.)
    13. ยา ปจฺฉิมา ภิกฺขุนี, สา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), ยา ปจฺฉิมิกา, ตา ภิกฺขุนิโย (ก.)
    14. yā pacchimā bhikkhunī, sā (sī. syā. kaṃ. pī.), yā pacchimikā, tā bhikkhuniyo (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 4. Nandakovādasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 4. Nandakovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact