Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา

    4. Nandakovādasuttavaṇṇanā

    ๓๙๘. เอวํ เม สุตนฺติ นนฺทโกวาทสุตฺตํฯ ตตฺถ เตน โข ปน สมเยนาติ ภควา มหาปชาปติยา ยาจิโต ภิกฺขุนิสงฺฆํ อุโยฺยเชตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา – ‘‘เถรา ภิกฺขู วาเรน ภิกฺขุนิโย โอวทนฺตู’’ติ สงฺฆสฺส ภารํ อกาสิฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปริยาเยนาติ วาเรนฯ น อิจฺฉตีติ อตฺตโน วาเร สมฺปเตฺต ทูรํ คามํ วา คนฺตฺวา สูจิกมฺมาทีนิ วา อารภิตฺวา ‘‘อยํ นามสฺส ปปโญฺจ’’ติ วทาเปสิฯ อิมํ ปน ปริยาเยน โอวาทํ ภควา นนฺทกเตฺถรเสฺสว การณา อกาสิฯ กสฺมา? อิมาสญฺหิ ภิกฺขุนีนํ เถรํ ทิสฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ ปสีทติฯ เตน ตา ตสฺส โอวาทํ สมฺปฎิจฺฉิตุกามา, ธมฺมกถํ โสตุกามาฯ ตสฺมา ภควา – ‘‘นนฺทโก อตฺตโน วาเร สมฺปเตฺต โอวาทํ ทสฺสติ, ธมฺมกถํ กเถสฺสตี’’ติ วาเรน โอวาทํ อกาสิฯ เถโร ปน อตฺตโน วารํ น กโรติ, กสฺมาติ เจ? ตา กิร ภิกฺขุนิโย ปุเพฺพ เถรสฺส ชมฺพุทีเป รชฺชํ กาเรนฺตสฺส โอโรธา อเหสุํฯ เถโร ปุเพฺพนิวาสญาเณน ตํ การณํ ญตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มํ อิมสฺส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส มเชฺฌ นิสินฺนํ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ธมฺมํ กถยมานํ ทิสฺวา อโญฺญ ปุเพฺพนิวาสญาณลาภี ภิกฺขุ อิมํ การณํ โอโลเกตฺวา ‘อายสฺมา นนฺทโก ยาวชฺชทิวสา โอโรเธ น วิสฺสเชฺชติ, โสภตายมายสฺมา โอโรธปริวุโต’ติ วตฺตพฺพํ มเญฺญยฺยา’’ติฯ เอตมตฺถํ สมฺปสฺสมาโน เถโร อตฺตโน วารํ น กโรติฯ อิมาสญฺจ กิร ภิกฺขุนีนํ เถรเสฺสว เทสนา สปฺปายา ภวิสฺสตีติ ญตฺวา อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อามเนฺตสิ

    398.Evaṃme sutanti nandakovādasuttaṃ. Tattha tena kho pana samayenāti bhagavā mahāpajāpatiyā yācito bhikkhunisaṅghaṃ uyyojetvā bhikkhusaṅghaṃ sannipātetvā – ‘‘therā bhikkhū vārena bhikkhuniyo ovadantū’’ti saṅghassa bhāraṃ akāsi. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tattha pariyāyenāti vārena. Na icchatīti attano vāre sampatte dūraṃ gāmaṃ vā gantvā sūcikammādīni vā ārabhitvā ‘‘ayaṃ nāmassa papañco’’ti vadāpesi. Imaṃ pana pariyāyena ovādaṃ bhagavā nandakattherasseva kāraṇā akāsi. Kasmā? Imāsañhi bhikkhunīnaṃ theraṃ disvā cittaṃ ekaggaṃ hoti pasīdati. Tena tā tassa ovādaṃ sampaṭicchitukāmā, dhammakathaṃ sotukāmā. Tasmā bhagavā – ‘‘nandako attano vāre sampatte ovādaṃ dassati, dhammakathaṃ kathessatī’’ti vārena ovādaṃ akāsi. Thero pana attano vāraṃ na karoti, kasmāti ce? Tā kira bhikkhuniyo pubbe therassa jambudīpe rajjaṃ kārentassa orodhā ahesuṃ. Thero pubbenivāsañāṇena taṃ kāraṇaṃ ñatvā cintesi – ‘‘maṃ imassa bhikkhunisaṅghassa majjhe nisinnaṃ upamāyo ca kāraṇāni ca āharitvā dhammaṃ kathayamānaṃ disvā añño pubbenivāsañāṇalābhī bhikkhu imaṃ kāraṇaṃ oloketvā ‘āyasmā nandako yāvajjadivasā orodhe na vissajjeti, sobhatāyamāyasmā orodhaparivuto’ti vattabbaṃ maññeyyā’’ti. Etamatthaṃ sampassamāno thero attano vāraṃ na karoti. Imāsañca kira bhikkhunīnaṃ therasseva desanā sappāyā bhavissatīti ñatvā atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandakaṃ āmantesi.

    ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปุเพฺพ ตสฺส โอโรธภาวชานนตฺถํ อิทํ วตฺถุํ – ปุเพฺพ กิร พาราณสิยํ ปญฺจ ทาสสตานิ ปญฺจ ทาสิสตานิ จาติ ชงฺฆสหสฺสํ เอกโตว กมฺมํ กตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน วสิฯ อยํ นนฺทกเตฺถโร ตสฺมิํ กาเล เชฎฺฐกทาโส โหติ , โคตมี เชฎฺฐกทาสีฯ สา เชฎฺฐกทาสสฺส ปาทปริจาริกา อโหสิ ปณฺฑิตา พฺยตฺตาฯ ชงฺฆสหสฺสมฺปิ ปุญฺญกมฺมํ กโรนฺตํ เอกโต กโรติฯ อถ วสฺสูปนายิกสมเย ปญฺจ ปเจฺจกพุทฺธา นนฺทมูลกปพฺภารโต อิสิปตเน โอตริตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา อิสิปตนเมว คนฺตฺวา – ‘‘วสฺสูปนายิกกุฎิยา อตฺถาย หตฺถกมฺมํ ยาจิสฺสามา’’ติ จีวรํ ปารุปิตฺวา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสิตฺวา เสฎฺฐิสฺส ฆรทฺวาเร อฎฺฐํสุฯ เชฎฺฐกทาสี กุฎํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี ปเจฺจกพุเทฺธ นครํ ปวิสเนฺต อทฺทสฯ เสฎฺฐิ เตสํ อาคตการณํ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ โอกาโส นตฺถิ, คจฺฉนฺตู’’ติ อาหฯ

    Tāsaṃ bhikkhunīnaṃ pubbe tassa orodhabhāvajānanatthaṃ idaṃ vatthuṃ – pubbe kira bārāṇasiyaṃ pañca dāsasatāni pañca dāsisatāni cāti jaṅghasahassaṃ ekatova kammaṃ katvā ekasmiṃ ṭhāne vasi. Ayaṃ nandakatthero tasmiṃ kāle jeṭṭhakadāso hoti , gotamī jeṭṭhakadāsī. Sā jeṭṭhakadāsassa pādaparicārikā ahosi paṇḍitā byattā. Jaṅghasahassampi puññakammaṃ karontaṃ ekato karoti. Atha vassūpanāyikasamaye pañca paccekabuddhā nandamūlakapabbhārato isipatane otaritvā nagare piṇḍāya caritvā isipatanameva gantvā – ‘‘vassūpanāyikakuṭiyā atthāya hatthakammaṃ yācissāmā’’ti cīvaraṃ pārupitvā sāyanhasamaye nagaraṃ pavisitvā seṭṭhissa gharadvāre aṭṭhaṃsu. Jeṭṭhakadāsī kuṭaṃ gahetvā udakatitthaṃ gacchantī paccekabuddhe nagaraṃ pavisante addasa. Seṭṭhi tesaṃ āgatakāraṇaṃ sutvā ‘‘amhākaṃ okāso natthi, gacchantū’’ti āha.

    อถ เต นครา นิกฺขมเนฺต เชฎฺฐกทาสี กุฎํ คเหตฺวา ปวิสนฺตี ทิสฺวา กุฎํ โอตาเรตฺวา วนฺทิตฺวา โอนมิตฺวา มุขํ ปิธาย – ‘‘อยฺยา นครํ ปวิฎฺฐมตฺตาว นิกฺขนฺตา, กิํ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิฯ วสฺสูปนายิกกุฎิยา หตฺถกมฺมํ ยาจิตุํ อาคมิมฺหาติฯ ลทฺธํ, ภเนฺตติฯ น ลทฺธํ อุปาสิเกติ? กิํ ปเนสา กุฎิ อิสฺสเรเหว กาตพฺพา, ทุคฺคเตหิปิ สกฺกา กาตุนฺติฯ เยน เกนจิ สกฺกาติ? สาธุ, ภเนฺต, มยํ กริสฺสามฯ เสฺว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถาติ นิมเนฺตตฺวา อุทกํ เนตฺวา ปุน กุฎํ คเหตฺวา อาคมฺม ติตฺถมเคฺค ฐตฺวา อาคตา อวเสสทาสิโย ‘‘เอเตฺถว โหถา’’ติ วตฺวา สพฺพาสํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อมฺม กิํ นิจฺจเมว ปรสฺส ทาสกมฺมํ กริสฺสถ, อุทาหุ ทาสภาวโต มุจฺจิตุํ อิจฺฉถา’’ติ? อเชฺชว มุจฺจิตุมิจฺฉาม อเยฺยติฯ ยทิ เอวํ มยา ปญฺจ ปเจฺจกพุทฺธา หตฺถกมฺมํ อลภนฺตา สฺวาตนาย นิมนฺติตา, ตุมฺหากํ สามิเกหิ เอกทิวสํ หตฺถกมฺมํ ทาเปถาติฯ ตา สาธูติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา สายํ อฎวิโต อาคตกาเล สามิกานํ อาโรเจสุํฯ เต สาธูติ เชฎฺฐกทาสสฺส เคหทฺวาเร สนฺนิปติํสุฯ

    Atha te nagarā nikkhamante jeṭṭhakadāsī kuṭaṃ gahetvā pavisantī disvā kuṭaṃ otāretvā vanditvā onamitvā mukhaṃ pidhāya – ‘‘ayyā nagaraṃ paviṭṭhamattāva nikkhantā, kiṃ nu kho’’ti pucchi. Vassūpanāyikakuṭiyā hatthakammaṃ yācituṃ āgamimhāti. Laddhaṃ, bhanteti. Na laddhaṃ upāsiketi? Kiṃ panesā kuṭi issareheva kātabbā, duggatehipi sakkā kātunti. Yena kenaci sakkāti? Sādhu, bhante, mayaṃ karissāma. Sve mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhathāti nimantetvā udakaṃ netvā puna kuṭaṃ gahetvā āgamma titthamagge ṭhatvā āgatā avasesadāsiyo ‘‘ettheva hothā’’ti vatvā sabbāsaṃ āgatakāle āha – ‘‘amma kiṃ niccameva parassa dāsakammaṃ karissatha, udāhu dāsabhāvato muccituṃ icchathā’’ti? Ajjeva muccitumicchāma ayyeti. Yadi evaṃ mayā pañca paccekabuddhā hatthakammaṃ alabhantā svātanāya nimantitā, tumhākaṃ sāmikehi ekadivasaṃ hatthakammaṃ dāpethāti. Tā sādhūti sampaṭicchitvā sāyaṃ aṭavito āgatakāle sāmikānaṃ ārocesuṃ. Te sādhūti jeṭṭhakadāsassa gehadvāre sannipatiṃsu.

    อถ เน เชฎฺฐกทาสี เสฺว ตาตา ปเจฺจกพุทฺธานํ หตฺถกมฺมํ เทถาติ อานิสํสํ อาจิกฺขิตฺวา เยปิ น กาตุกามา, เต คาเฬฺหน โอวาเทน ตเชฺชตฺวา ปฎิจฺฉาเปสิฯ สา ปุนทิวเส ปเจฺจกพุทฺธานํ ภตฺตํ ทตฺวา สเพฺพสํ ทาสปุตฺตานํ สญฺญํ อทาสิฯ เต ตาวเทว อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา สตํ สตํ หุตฺวา เอเกกกุฎิํ เอเกกจงฺกมนาทิปริวารํ กตฺวา มญฺจปีฐปานียปริโภชนียภาชนาทีนิ ฐเปตฺวา ปเจฺจกพุเทฺธ เตมาสํ ตตฺถ วสนตฺถาย ปฎิญฺญํ กาเรตฺวา วารภิกฺขํ ปฎฺฐเปสุํฯ โย อตฺตโน วารทิวเส น สโกฺกติฯ ตสฺส เชฎฺฐกทาสี สกเคหโต อาหริตฺวา เทติฯ เอวํ เตมาสํ ชคฺคิตฺวา เชฎฺฐกทาสี เอเกกํ ทาสํ เอเกกํ สาฎกํ วิสฺสชฺชาเปสิฯ ปญฺจ ถูลสาฎกสตานิ อเหสุํฯ ตานิ ปริวตฺตาเปตฺวา ปญฺจนฺนํ ปเจฺจกพุทฺธานํ ติจีวรานิ กตฺวา อทาสิฯ ปเจฺจกพุทฺธา ยถาผาสุกํ อคมํสุฯ ตมฺปิ ชงฺฆสหสฺสํ เอกโต กุสลํ กตฺวา กายสฺส เภทา เทวโลเก นิพฺพตฺติฯ ตานิ ปญฺจ มาตุคามสตานิ กาเลน กาลํ เตสํ ปญฺจนฺนํ ปุริสสตานํ เคเห โหนฺติ, กาเลน กาลํ สพฺพาปิ เชฎฺฐกทาสปุตฺตเสฺสว เคเห โหนฺติฯ อถ เอกสฺมิํ กาเล เชฎฺฐกทาสปุโตฺต เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล นิพฺพโตฺตฯ ตาปิ ปญฺจสตา เทวกญฺญา มหาโภคกุเลสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส รเชฺช ฐิตสฺส เคหํ อคมํสุฯ เอเตน นิยาเมน สํสรนฺติโย อมฺหากํ ภควโต กาเล โกลิยนคเร เทวทหนคเร จ ขตฺติยกุเลสุ นิพฺพตฺตาฯ

    Atha ne jeṭṭhakadāsī sve tātā paccekabuddhānaṃ hatthakammaṃ dethāti ānisaṃsaṃ ācikkhitvā yepi na kātukāmā, te gāḷhena ovādena tajjetvā paṭicchāpesi. Sā punadivase paccekabuddhānaṃ bhattaṃ datvā sabbesaṃ dāsaputtānaṃ saññaṃ adāsi. Te tāvadeva araññaṃ pavisitvā dabbasambhāre samodhānetvā sataṃ sataṃ hutvā ekekakuṭiṃ ekekacaṅkamanādiparivāraṃ katvā mañcapīṭhapānīyaparibhojanīyabhājanādīni ṭhapetvā paccekabuddhe temāsaṃ tattha vasanatthāya paṭiññaṃ kāretvā vārabhikkhaṃ paṭṭhapesuṃ. Yo attano vāradivase na sakkoti. Tassa jeṭṭhakadāsī sakagehato āharitvā deti. Evaṃ temāsaṃ jaggitvā jeṭṭhakadāsī ekekaṃ dāsaṃ ekekaṃ sāṭakaṃ vissajjāpesi. Pañca thūlasāṭakasatāni ahesuṃ. Tāni parivattāpetvā pañcannaṃ paccekabuddhānaṃ ticīvarāni katvā adāsi. Paccekabuddhā yathāphāsukaṃ agamaṃsu. Tampi jaṅghasahassaṃ ekato kusalaṃ katvā kāyassa bhedā devaloke nibbatti. Tāni pañca mātugāmasatāni kālena kālaṃ tesaṃ pañcannaṃ purisasatānaṃ gehe honti, kālena kālaṃ sabbāpi jeṭṭhakadāsaputtasseva gehe honti. Atha ekasmiṃ kāle jeṭṭhakadāsaputto devalokato cavitvā rājakule nibbatto. Tāpi pañcasatā devakaññā mahābhogakulesu nibbattitvā tassa rajje ṭhitassa gehaṃ agamaṃsu. Etena niyāmena saṃsarantiyo amhākaṃ bhagavato kāle koliyanagare devadahanagare ca khattiyakulesu nibbattā.

    นนฺทกเตฺถโรปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต, เชฎฺฐกทาสิธีตา วยํ อาคมฺม สุโทฺธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐิตา, อิตราปิ เตสํ เตสํ ราชปุตฺตานํเยว ฆรํ คตาฯ ตาสํ สามิกา ปญฺจสตา ราชกุมารา อุทกจุมฺพฎกลเห สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตา, ราชธีตโร เตสํ อุกฺกณฺฐนตฺถํ สาสนํ เปเสสุํฯ เต อุกฺกณฺฐิเต ภควา กุณาลทหํ เนตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐเปตฺวา มหาสมยทิวเส อรหเตฺต ปติฎฺฐาเปสิฯ ตาปิ ปญฺจสตา ราชธีตโร นิกฺขมิตฺวา มหาปชาปติยา สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ อยมายสฺมา นนฺทโก เอตฺตาว ตา ภิกฺขุนิโยติ เอวเมตํ วตฺถุ ทีเปตพฺพํฯ

    Nandakattheropi pabbajitvā arahattaṃ patto, jeṭṭhakadāsidhītā vayaṃ āgamma suddhodanamahārājassa aggamahesiṭṭhāne ṭhitā, itarāpi tesaṃ tesaṃ rājaputtānaṃyeva gharaṃ gatā. Tāsaṃ sāmikā pañcasatā rājakumārā udakacumbaṭakalahe satthu dhammadesanaṃ sutvā pabbajitā, rājadhītaro tesaṃ ukkaṇṭhanatthaṃ sāsanaṃ pesesuṃ. Te ukkaṇṭhite bhagavā kuṇāladahaṃ netvā sotāpattiphale patiṭṭhapetvā mahāsamayadivase arahatte patiṭṭhāpesi. Tāpi pañcasatā rājadhītaro nikkhamitvā mahāpajāpatiyā santike pabbajiṃsu. Ayamāyasmā nandako ettāva tā bhikkhuniyoti evametaṃ vatthu dīpetabbaṃ.

    ราชการาโมติ ปเสนทินา การิโต นครสฺส ทกฺขิณทิสาภาเค ถูปารามสทิเส ฐาเน วิหาโรฯ

    Rājakārāmoti pasenadinā kārito nagarassa dakkhiṇadisābhāge thūpārāmasadise ṭhāne vihāro.

    ๓๙๙. สมฺมปฺปญฺญาย สุทิฎฺฐนฺติ เหตุนา การเณน วิปสฺสนาปญฺญาย ยาถาวสรสโต ทิฎฺฐํฯ

    399.Sammappaññāya sudiṭṭhanti hetunā kāraṇena vipassanāpaññāya yāthāvasarasato diṭṭhaṃ.

    ๔๐๑. ตชฺชํ ตชฺชนฺติ ตํสภาวํ ตํสภาวํ, อตฺถโต ปน ตํ ตํ ปจฺจยํ ปฎิจฺจ ตา ตา เวทนา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    401.Tajjaṃ tajjanti taṃsabhāvaṃ taṃsabhāvaṃ, atthato pana taṃ taṃ paccayaṃ paṭicca tā tā vedanā uppajjantīti vuttaṃ hoti.

    ๔๐๒. ปเควสฺส ฉายาติ มูลาทีนิ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา ฉายา ปฐมตรํเยว อนิจฺจาฯ

    402.Pagevassa chāyāti mūlādīni nissāya nibbattā chāyā paṭhamataraṃyeva aniccā.

    ๔๑๓. อนุปหจฺจาติ อนุปหนิตฺวาฯ ตตฺถ มํสํ ปิณฺฑํ ปิณฺฑํ กตฺวา จมฺมํ อลฺลิยาเปโนฺต มํสกายํ อุปหนติ นามฯ จมฺมํ พทฺธํ พทฺธํ กตฺวา มํเส อลฺลิยาเปโนฺต มํสกายํ อุปหนติ นามฯ เอวํ อกตฺวาฯ วิลิมํสํ นฺหารุพนฺธนนฺติ สพฺพจเมฺม ลคฺควิลีปนมํสเมวฯ อนฺตรากิเลสสํโยชนพนฺธนนฺติ สพฺพํ อนฺตรกิเลสเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ

    413.Anupahaccāti anupahanitvā. Tattha maṃsaṃ piṇḍaṃ piṇḍaṃ katvā cammaṃ alliyāpento maṃsakāyaṃ upahanati nāma. Cammaṃ baddhaṃ baddhaṃ katvā maṃse alliyāpento maṃsakāyaṃ upahanati nāma. Evaṃ akatvā. Vilimaṃsaṃ nhārubandhananti sabbacamme laggavilīpanamaṃsameva. Antarākilesasaṃyojanabandhananti sabbaṃ antarakilesameva sandhāya vuttaṃ.

    ๔๑๔. สตฺต โข ปนิเมติ กสฺมา อาหาติ? ยา หิ เอสา ปญฺญา กิเลเส ฉินฺทตีติ วุตฺตา, สา น เอกิกาว อตฺตโน ธมฺมตาย ฉินฺทิตุํ สโกฺกติฯ ยถา ปน กุฐารี น อตฺตโน ธมฺมตาย เฉชฺชํ ฉินฺทติ, ปุริสสฺส ตชฺชํ วายามํ ปฎิเจฺจว ฉินฺทติ, เอวํ น วินา ฉหิ โพชฺฌเงฺคหิ ปญฺญา กิเลเส ฉินฺทิตุํ สโกฺกติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ เตน หีติ เยน การเณน ตยา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ฉ พาหิรานิ , ฉ วิญฺญาณกาเย, ทีโปปมํ, รุโกฺขปมํ, คาวูปมญฺจ ทเสฺสตฺวา สตฺตหิ โพชฺฌเงฺคหิ อาสวกฺขเยน เทสนา นิฎฺฐปิตา, เตน การเณน ตฺวํ เสฺวปิ ตา ภิกฺขุนิโย เตเนว โอวาเทน โอวเทยฺยาสีติฯ

    414.Satta kho panimeti kasmā āhāti? Yā hi esā paññā kilese chindatīti vuttā, sā na ekikāva attano dhammatāya chindituṃ sakkoti. Yathā pana kuṭhārī na attano dhammatāya chejjaṃ chindati, purisassa tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicceva chindati, evaṃ na vinā chahi bojjhaṅgehi paññā kilese chindituṃ sakkoti. Tasmā evamāha. Tena hīti yena kāraṇena tayā cha ajjhattikāni āyatanāni, cha bāhirāni , cha viññāṇakāye, dīpopamaṃ, rukkhopamaṃ, gāvūpamañca dassetvā sattahi bojjhaṅgehi āsavakkhayena desanā niṭṭhapitā, tena kāraṇena tvaṃ svepi tā bhikkhuniyo teneva ovādena ovadeyyāsīti.

    ๔๑๕. สา โสตาปนฺนาติ ยา สา คุเณหิ สพฺพปจฺฉิมิกา, สา โสตาปนฺนาฯ เสสา ปน สกทาคามิอนาคามินิโย จ ขีณาสวา จฯ ยทิ เอวํ กถํ ปริปุณฺณสงฺกปฺปาติฯ อชฺฌาสยปาริปูริยาฯ ยสฺสา หิ ภิกฺขุนิยา เอวมโหสิ – ‘‘กทา นุ โข อหํ อยฺยสฺส นนฺทกสฺส ธมฺมเทสนํ สุณนฺตี ตสฺมิํเยว อาสเน โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกเรยฺย’’นฺติ, สา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากาสิฯ ยสฺสา อโหสิ ‘‘สกทาคามิผลํ อนาคามิผลํ อรหตฺต’’นฺติ, สา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ เตนาห ภควา ‘‘อตฺตมนา เจว ปริปุณฺณสงฺกปฺปา จา’’ติฯ

    415.Sā sotāpannāti yā sā guṇehi sabbapacchimikā, sā sotāpannā. Sesā pana sakadāgāmianāgāminiyo ca khīṇāsavā ca. Yadi evaṃ kathaṃ paripuṇṇasaṅkappāti. Ajjhāsayapāripūriyā. Yassā hi bhikkhuniyā evamahosi – ‘‘kadā nu kho ahaṃ ayyassa nandakassa dhammadesanaṃ suṇantī tasmiṃyeva āsane sotāpattiphalaṃ sacchikareyya’’nti, sā sotāpattiphalaṃ sacchākāsi. Yassā ahosi ‘‘sakadāgāmiphalaṃ anāgāmiphalaṃ arahatta’’nti, sā arahattaṃ sacchākāsi. Tenāha bhagavā ‘‘attamanā ceva paripuṇṇasaṅkappā cā’’ti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nandakovādasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตํ • 4. Nandakovādasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 4. Nandakovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact