Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา

    4. Nandakovādasuttavaṇṇanā

    ๓๙๘. สงฺฆสฺส ภารํ อกาสิ อุปาเยน นนฺทกเตฺถรสฺส โอวาเทน วิเนตพฺพานํ ภิกฺขุนีนํ วินยตฺถํฯ เตนาห ‘‘อิมํ ปนา’’ติอาทิฯ ปริยายติ ปวตฺตตีติ ปริยาโย, ปฎิปาฎีติ อาห – ‘‘ปริยาเยนาติ วาเรนา’’ติฯ อสฺสาติ นนฺทกเตฺถรสฺสฯ วทาเปสิ อเญฺญหิ อตฺตโน อโนกาสภาวํฯ ปริยาเยน โอวทนฺตีติ โอวทิตุํ สมตฺถา ภิกฺขุนิโย วาเรน โอวทนฺติฯ อิทํ ปริยาเยน โอวทนํฯ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ ปสีทติ ปุพฺพจริยสิเทฺธน คารวพหุมาเนน เคหสฺสิตเปมวเสนฯ

    398.Saṅghassabhāraṃ akāsi upāyena nandakattherassa ovādena vinetabbānaṃ bhikkhunīnaṃ vinayatthaṃ. Tenāha ‘‘imaṃ panā’’tiādi. Pariyāyati pavattatīti pariyāyo, paṭipāṭīti āha – ‘‘pariyāyenāti vārenā’’ti. Assāti nandakattherassa. Vadāpesi aññehi attano anokāsabhāvaṃ. Pariyāyena ovadantīti ovadituṃ samatthā bhikkhuniyo vārena ovadanti. Idaṃ pariyāyena ovadanaṃ. Cittaṃ ekaggaṃ hoti pasīdati pubbacariyasiddhena gāravabahumānena gehassitapemavasena.

    โคตมีติ มหาปชาปติโคตมีฯ เสฎฺฐิสฺสาติ พาราณสิเสฎฺฐิโนฯ

    Gotamīti mahāpajāpatigotamī. Seṭṭhissāti bārāṇasiseṭṭhino.

    เตติ ปเจฺจกพุเทฺธฯ กิํ นุ โขติ ปุจฺฉิ จิรตรกาลํ ปุญฺญกิริยาย ปริภาวิตสนฺตานตาย, ปเจฺจกพุเทฺธสุ จ คารวพหุมานตายฯ ทุคฺคเตหิปิ สกฺกา กาตุนฺติ ทุคฺคเตหิปิ ยถาวิภวํ กตา กุฎิ ตุมฺหากํ วสิตุํ สกฺกาติ ปุจฺฉิฯ

    Teti paccekabuddhe. Kiṃ nu khoti pucchi ciratarakālaṃ puññakiriyāya paribhāvitasantānatāya, paccekabuddhesu ca gāravabahumānatāya. Duggatehipi sakkā kātunti duggatehipi yathāvibhavaṃ katā kuṭi tumhākaṃ vasituṃ sakkāti pucchi.

    หตฺถกมฺมํ เทถาติ หตฺถกมฺมํ กตฺวา เทถาติ อโตฺถฯ อานิสํสํ อาจิกฺขิตฺวาติ ‘‘ตาทิสานํ มเหสีนํ กตํ เวยฺยาวจฺจํ อมฺหากมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย โหติฯ อาวาสทานญฺจ นาม มหปฺผลํ มหานิสํสํ นิพฺพตฺตฎฺฐาเน มหาสมฺปตฺติอาวหํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา อานิสํสํ อาจิกฺขิตฺวาฯ คาเฬฺหน โอวาเทน ตเชฺชตฺวาติ, ‘‘อิเมสุ นาม กโรเนฺตสุ ตฺวํ กสฺมา น กโรสิ, มม เชฎฺฐกทาสสฺส ภริยภาวํ น ชานาสิฯ สเพฺพหิปิ กริยมานสฺส หตฺถกมฺมสฺส อกรเณ ตุยฺหํ อิทญฺจิทญฺจ ทุกฺขํ อาคมิสฺสตี’’ติ ภเยน ตเชฺชตฺวาฯ สตํ สตํ หุตฺวาติ สตํ สตํ ทาสปุตฺตา เอกชฺฌํ หุตฺวา เอกญฺจ เอกญฺจ กุฎิํ กตฺวา อทาสิฯ จงฺกมนาทิปริวารนฺติ จงฺกมนรตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐานโภชนาทิปริวารฎฺฐานสหิตํฯ ชคฺคิตฺวา อุปฎฺฐาเปตฺวาฯ วิสฺสชฺชาเปสีติ ปริจฺจชาเปสิฯ ปริวตฺตาเปตฺวาติ เจตาเปตฺวาฯ ติจีวรานีติ สหสฺสคฺฆนิกานิ ติจีวรานิ กตฺวา อทาสิฯ กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล, กิสฺมิญฺจิ กาเลติ อโตฺถฯ รเชฺช ฐิตสฺสาติ สพฺพภูตูปการรเชฺช ฐิตสฺสฯ

    Hatthakammaṃ dethāti hatthakammaṃ katvā dethāti attho. Ānisaṃsaṃ ācikkhitvāti ‘‘tādisānaṃ mahesīnaṃ kataṃ veyyāvaccaṃ amhākampi dīgharattaṃ hitāya hoti. Āvāsadānañca nāma mahapphalaṃ mahānisaṃsaṃ nibbattaṭṭhāne mahāsampattiāvahaṃ bhavissatī’’tiādinā ānisaṃsaṃ ācikkhitvā. Gāḷhena ovādena tajjetvāti, ‘‘imesu nāma karontesu tvaṃ kasmā na karosi, mama jeṭṭhakadāsassa bhariyabhāvaṃ na jānāsi. Sabbehipi kariyamānassa hatthakammassa akaraṇe tuyhaṃ idañcidañca dukkhaṃ āgamissatī’’ti bhayena tajjetvā. Sataṃ sataṃ hutvāti sataṃ sataṃ dāsaputtā ekajjhaṃ hutvā ekañca ekañca kuṭiṃ katvā adāsi. Caṅkamanādiparivāranti caṅkamanarattiṭṭhānadivāṭṭhānabhojanādiparivāraṭṭhānasahitaṃ. Jaggitvā upaṭṭhāpetvā. Vissajjāpesīti pariccajāpesi. Parivattāpetvāti cetāpetvā. Ticīvarānīti sahassagghanikāni ticīvarāni katvā adāsi. Kālena kālanti kāle kāle, kismiñci kāleti attho. Rajje ṭhitassāti sabbabhūtūpakārarajje ṭhitassa.

    นนฺทกเตฺถโรปีติ ตทา เชฎฺฐกทาโส เอตรหิ นนฺทกเตฺถโร ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตฯ เชฎฺฐกทาสิธีตา …เป.… อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐิตาติ มหาปชาปติโคตมิํ สนฺธาย วทติฯ อยมายสฺมา นนฺทโกติ อยเมว สมุทาคมโต อายสฺมา นนฺทกเตฺถโรฯ เอตาว ตา ภิกฺขุนิโยติ เอตาวตา สมุทาคมโต ปญฺจสตา ภิกฺขุนิโยฯ

    Nandakattheropīti tadā jeṭṭhakadāso etarahi nandakatthero pabbajitvā arahattaṃ patto. Jeṭṭhakadāsidhītā …pe… aggamahesiṭṭhāne ṭhitāti mahāpajāpatigotamiṃ sandhāya vadati. Ayamāyasmā nandakoti ayameva samudāgamato āyasmā nandakatthero. Etāva tā bhikkhuniyoti etāvatā samudāgamato pañcasatā bhikkhuniyo.

    ๓๙๙. เหตุนาติ ญาเยน อวิปรีตปฎิปตฺติยาฯ ปุพฺพภาคา หิ ปุริมา ปุริมา ปฎิปทา ปจฺฉิมาย การณํฯ ยาถาวสรสโต ทิฎฺฐนฺติ ยถาภูตสภาวโต ปจฺจกฺขํ วิยฯ

    399.Hetunāti ñāyena aviparītapaṭipattiyā. Pubbabhāgā hi purimā purimā paṭipadā pacchimāya kāraṇaṃ. Yāthāvasarasato diṭṭhanti yathābhūtasabhāvato paccakkhaṃ viya.

    ๔๐๑. ตํ สภาวํ ตํสภาวนฺติ ตสฺสา เวทนาย ปจฺจยภาเวน อนุรูปํฯ

    401.Taṃ sabhāvaṃ taṃsabhāvanti tassā vedanāya paccayabhāvena anurūpaṃ.

    ๔๐๓. ปฐมตรํเยว อนิจฺจาติ ตสฺสาปิ ฉายาย อนิจฺจภาโว ปฐมตรํเยว สิโทฺธฯ น หิ กทาจิ อนิจฺจํ นิสฺสาย ปวตฺตํ กิญฺจิ นิจฺจํ นาม อตฺถีติฯ

    403.Paṭhamataraṃyeva aniccāti tassāpi chāyāya aniccabhāvo paṭhamataraṃyeva siddho. Na hi kadāci aniccaṃ nissāya pavattaṃ kiñci niccaṃ nāma atthīti.

    ๔๐๔. อนุปหนิตฺวาติ อวินาเสตฺวาฯ กถํ ปน มํสกายํ จมฺมกายญฺจ อวินาเสตฺวา อิตเรสํ กนฺตนํ โหตีติ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ, ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จมฺมํ อลฺลิยาเปโนฺตติ จเมฺม ลคฺคาเปโนฺต จมฺมปฎิพทฺธํ กโรโนฺตฯ จมฺมํ พทฺธํ กตฺวาติ วิวรกาเล น ผาเลโนฺต จมฺมพเทฺธ กตฺวาฯ เอวํ อกตฺวาติ เอวํ มํสจมฺมกายานํ วินาสนํ อกตฺวา, วิลิมํสาทิวิกนฺตเนน อญฺญมญฺญํ วิเวเจตฺวาฯ ตตฺถ วิลิมํสนฺติ จมฺมนิสฺสิตมํสํ, ปฎิจฺฉนฺนกิโลมกนฺติ จ วทนฺติฯ นฺหารูติ สุขุมนฺหารุฯ พนฺธนนฺติ จมฺมมํสานํ สมฺพนฺธํฯ เตนาห – ‘‘สพฺพจเมฺม ลคฺควิลิปนมํสเมวา’’ติฯ อนฺตรกิเลสเมวาติ อนฺตเร จิเตฺต ชาตตฺตา สตฺตสนฺตานโนฺตคธตาย อพฺภนฺตรภูตกิเลสเมวฯ

    404.Anupahanitvāti avināsetvā. Kathaṃ pana maṃsakāyaṃ cammakāyañca avināsetvā itaresaṃ kantanaṃ hotīti byatirekamukhena dassetuṃ, ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Cammaṃ alliyāpentoti camme laggāpento cammapaṭibaddhaṃ karonto. Cammaṃ baddhaṃ katvāti vivarakāle na phālento cammabaddhe katvā. Evaṃ akatvāti evaṃ maṃsacammakāyānaṃ vināsanaṃ akatvā, vilimaṃsādivikantanena aññamaññaṃ vivecetvā. Tattha vilimaṃsanti cammanissitamaṃsaṃ, paṭicchannakilomakanti ca vadanti. Nhārūti sukhumanhāru. Bandhananti cammamaṃsānaṃ sambandhaṃ. Tenāha – ‘‘sabbacamme laggavilipanamaṃsamevā’’ti. Antarakilesamevāti antare citte jātattā sattasantānantogadhatāya abbhantarabhūtakilesameva.

    ๔๐๕. ตชฺชํ วายามนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ ปุริเสน กุฐารินา เฉชฺชํ ฉินฺทิเต เฉชฺชฎฺฐานสฺส สลฺลกฺขณํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตสฺส ปฎิฆาตภาโว อิจฺฉิตโพฺพ, กายปริฬาหาภาโว อิจฺฉิตโพฺพ, ตสฺส อวฎฺฐานํ อิจฺฉิตพฺพํ, กิจฺจนฺตเร อชฺฌุเปกฺขณํ อิจฺฉิตพฺพํ, เอวํ ปญฺญาย กิเลเส ฉินฺทนฺตสฺส โยคิโน วีริยพเลน สทฺธิํ สติ-ปีติ-ปสฺสทฺธิ-สมาธิ-อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘เอวํ น วินา ฉหิ…เป.… สโกฺกตี’’ติฯ

    405.Tajjaṃ vāyāmanti nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ. Tathā hi purisena kuṭhārinā chejjaṃ chindite chejjaṭṭhānassa sallakkhaṇaṃ icchitabbaṃ, tassa paṭighātabhāvo icchitabbo, kāyapariḷāhābhāvo icchitabbo, tassa avaṭṭhānaṃ icchitabbaṃ, kiccantare ajjhupekkhaṇaṃ icchitabbaṃ, evaṃ paññāya kilese chindantassa yogino vīriyabalena saddhiṃ sati-pīti-passaddhi-samādhi-upekkhāsambojjhaṅgaṃ icchitabbanti āha – ‘‘evaṃ na vinā chahi…pe… sakkotī’’ti.

    ๔๐๗. เตน การเณนาติ เยน ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สา ธมฺมเทสนา สปฺปายา, อาเสวนมนฺทตาย ปน อชฺฌาสเยน ปริปุณฺณสงฺกปฺปา น ชาตาเยว; ปุน ตถา เทสนาย สติ อาเสวนพลวตาย ปริปุณฺณสงฺกปฺปา ภวิสฺสนฺติ; เตน การเณน ตฺวมฺปิ ตา ภิกฺขุนิโย เตเนว โอวาเทน โอวเทยฺยาสีติฯ

    407.Tena kāraṇenāti yena tāsaṃ bhikkhunīnaṃ sā dhammadesanā sappāyā, āsevanamandatāya pana ajjhāsayena paripuṇṇasaṅkappā na jātāyeva; puna tathā desanāya sati āsevanabalavatāya paripuṇṇasaṅkappā bhavissanti; tena kāraṇena tvampi tā bhikkhuniyo teneva ovādena ovadeyyāsīti.

    ๔๑๕. สพฺพปจฺฉิมิกาติ สพฺพาสํ กนิฎฺฐา โสตาปนฺนา, อนริยา ตตฺถ กาจิ นตฺถีติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘เสสา ปน…เป.… ขีณาสวา จา’’ติฯ ยทิ เอวนฺติ อขีณาสวาปิ ตาทิสา ภิกฺขุนี อตฺถิฯ เอวํ สติ สุกฺขวิปสฺสกภาเวนปิ สติ ขีณาสวภาเว อริยสฺส วินเย อปริปุณฺณสงฺกปฺปาวาติ อธิปฺปาเยน โจเทติ, ‘‘กถํ ปริปุณฺณสงฺกปฺปา’’ติ? อิตโร อชฺฌาสยปาริปูริยาติ การณํ วตฺวา, ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติฯ อชฺฌาสยปาริปูริยาติ ตตฺถ อธิปฺปายปาริปูริยา, น สพฺพโส คุณปาริปูริยาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘กทา นุ โข’’ติอาทิฯ เอเตน ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานานํ วิสทิสตาย ปุคฺคลสฺส วิปสฺสนากาเล ปวตฺตอชฺฌาสยวเสน อริยมเคฺค โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคานํ วิเสสตาติ อยมโตฺถ ทีปิโตติ เวทิตโพฺพฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    415.Sabbapacchimikāti sabbāsaṃ kaniṭṭhā sotāpannā, anariyā tattha kāci natthīti attho. Tenāha – ‘‘sesā pana…pe… khīṇāsavā cā’’ti. Yadi evanti akhīṇāsavāpi tādisā bhikkhunī atthi. Evaṃ sati sukkhavipassakabhāvenapi sati khīṇāsavabhāve ariyassa vinaye aparipuṇṇasaṅkappāvāti adhippāyena codeti, ‘‘kathaṃ paripuṇṇasaṅkappā’’ti? Itaro ajjhāsayapāripūriyāti kāraṇaṃ vatvā, ‘‘yassa hī’’tiādinā tamatthaṃ vivarati. Ajjhāsayapāripūriyāti tattha adhippāyapāripūriyā, na sabbaso guṇapāripūriyāti adhippāyo. Tenāha ‘‘kadā nu kho’’tiādi. Etena pādakajjhānasammasitajjhānānaṃ visadisatāya puggalassa vipassanākāle pavattaajjhāsayavasena ariyamagge bojjhaṅgamaggaṅgajhānaṅgānaṃ visesatāti ayamattho dīpitoti veditabbo. Sesaṃ suviññeyyameva.

    นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Nandakovādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตํ • 4. Nandakovādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. นนฺทโกวาทสุตฺตวณฺณนา • 4. Nandakovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact