Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. นนฺทนวโคฺค

    2. Nandanavaggo

    ๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา

    1. Nandanasuttavaṇṇanā

    ๑๑. นนฺทนวคฺคสฺส ปฐเม ตตฺราติ ตสฺมิํ อาราเมฯ โขติ พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตาวเสน นิปาตมตฺตํฯ ภิกฺขู อามเนฺตสีติ ปริสเชฎฺฐเก ภิกฺขู ชานาเปสิฯ ภิกฺขโวติ เตสํ อามนฺตนาการทีปนํฯ ภทเนฺตติ ปติวจนทานํฯ เต ภิกฺขูติ เย ตตฺถ สมฺมุขีภูตา ธมฺมปฎิคฺคาหกา ภิกฺขูฯ ภควโต ปจฺจโสฺสสุนฺติ ภควโต วจนํ ปติอโสฺสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณิํสุ สมฺปฎิจฺฉิํสูติ อโตฺถฯ เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘ภูตปุพฺพ’’นฺติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ ตาวติํสกายิกาติ ตาวติํสกาเย นิพฺพตฺตาฯ ตาวติํสกาโย นาม ทุติยเทวโลโก วุจฺจติฯ มเฆน มาณเวน สทฺธิํ มจลคาเม กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปเนฺน เตตฺติํส เทวปุเตฺต อุปาทาย กิร ตสฺส เทวโลกสฺส อยํ ปณฺณตฺติ ชาตาติ วทนฺติฯ ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉ กามาวจรเทวโลกา อตฺถิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวติํสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๙), ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพาฯ เอวญฺหิ นิโทฺทสํ ปทํ โหติฯ

    11. Nandanavaggassa paṭhame tatrāti tasmiṃ ārāme. Khoti byañjanasiliṭṭhatāvasena nipātamattaṃ. Bhikkhū āmantesīti parisajeṭṭhake bhikkhū jānāpesi. Bhikkhavoti tesaṃ āmantanākāradīpanaṃ. Bhadanteti pativacanadānaṃ. Te bhikkhūti ye tattha sammukhībhūtā dhammapaṭiggāhakā bhikkhū. Bhagavato paccassosunti bhagavato vacanaṃ patiassosuṃ, abhimukhā hutvā suṇiṃsu sampaṭicchiṃsūti attho. Etadavocāti etaṃ idāni vattabbaṃ ‘‘bhūtapubba’’ntiādivacanaṃ avoca. Tattha tāvatiṃsakāyikāti tāvatiṃsakāye nibbattā. Tāvatiṃsakāyo nāma dutiyadevaloko vuccati. Maghena māṇavena saddhiṃ macalagāme kālaṃ katvā tattha uppanne tettiṃsa devaputte upādāya kira tassa devalokassa ayaṃ paṇṇatti jātāti vadanti. Yasmā pana sesacakkavāḷesupi cha kāmāvacaradevalokā atthi. Vuttampi cetaṃ ‘‘sahassaṃ cātumahārājikānaṃ sahassaṃ tāvatiṃsāna’’nti (a. ni. 10.29), tasmā nāmapaṇṇattiyevesā tassa devalokassāti veditabbā. Evañhi niddosaṃ padaṃ hoti.

    นนฺทเน วเนติ เอตฺถ ตํ วนํ ปวิเฎฺฐ ปวิเฎฺฐ นนฺทยติ โตเสตีติ นนฺทนํฯ ปญฺจสุ หิ มรณนิมิเตฺตสุ อุปฺปเนฺนสุ ‘‘สมฺปตฺติํ ปหาย จวิสฺสามา’’ติ ปริเทวมานา เทวตา สโกฺก เทวานมิโนฺท ‘‘มา ปริเทวิตฺถ, อภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา นตฺถี’’ติ โอวทิตฺวา ตตฺถ ปเวสาเปติฯ ตาสํ อญฺญาหิ เทวตาหิ พาหาสุ คเหตฺวา ปเวสิตานมฺปิ ตสฺส สมฺปตฺติํ ทิสฺวาว มรณโสโก วูปสมฺมติ, ปีติปาโมชฺชเมว อุปฺปชฺชติฯ อถ ตสฺมิํ กีฬมานา เอว อุณฺหสนฺตโตฺต หิมปิโณฺฑ วิย วิลียนฺติ, วาตาปหตทีปสิขา วิย วิชฺฌายนฺตีติ เอวํ ยํกิญฺจิ อโนฺต ปวิฎฺฐํ นนฺทยติ โตเสติเยวาติ นนฺทนํ, ตสฺมิํ นนฺทเนฯ อจฺฉราสงฺฆปริวุตาติ อจฺฉราติ เทวธีตานํ นามํ, ตาสํ สมูเหน ปริวุตาฯ

    Nandane vaneti ettha taṃ vanaṃ paviṭṭhe paviṭṭhe nandayati tosetīti nandanaṃ. Pañcasu hi maraṇanimittesu uppannesu ‘‘sampattiṃ pahāya cavissāmā’’ti paridevamānā devatā sakko devānamindo ‘‘mā paridevittha, abhijjanadhammā nāma saṅkhārā natthī’’ti ovaditvā tattha pavesāpeti. Tāsaṃ aññāhi devatāhi bāhāsu gahetvā pavesitānampi tassa sampattiṃ disvāva maraṇasoko vūpasammati, pītipāmojjameva uppajjati. Atha tasmiṃ kīḷamānā eva uṇhasantatto himapiṇḍo viya vilīyanti, vātāpahatadīpasikhā viya vijjhāyantīti evaṃ yaṃkiñci anto paviṭṭhaṃ nandayati tosetiyevāti nandanaṃ, tasmiṃ nandane. Accharāsaṅghaparivutāti accharāti devadhītānaṃ nāmaṃ, tāsaṃ samūhena parivutā.

    ทิเพฺพหีติ เทวโลเก นิพฺพเตฺตหิฯ ปญฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพสงฺขาเตหิ ปญฺจหิ กามพนฺธเนหิ กามโกฎฺฐาเสหิ วา ฯ สมปฺปิตาติ อุเปตาฯ อิตรํ ตเสฺสว เววจนํฯ ปริจารยมานาติ รมมานา, เตสุ เตสุ วา รูปาทีสุ อินฺทฺริยานิ สญฺจารยมานาฯ ตายํ เวลายนฺติ ตสฺมิํ ปริจารณกาเลฯ โส ปนสฺส เทวปุตฺตสฺส อธุนา อภินิพฺพตฺตกาโล เวทิตโพฺพฯ ตสฺส หิ ปฎิสนฺธิกฺขเณเยว รตฺตสุวณฺณกฺขโนฺธ วิย วิโรจยมาโน ติคาวุตปฺปมาโณ อตฺตภาโว นิพฺพตฺติฯ โส ทิพฺพวตฺถนิวโตฺถ ทิพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิโต ทิพฺพมาลาวิเลปนธโร ทิเพฺพหิ จนฺทนจุเณฺณหิ สมํ วิกิริยมาโน ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ โอวุโต นิวุโต ปริโยนโทฺธ โลภาภิภูโต หุตฺวา โลภนิสฺสรณํ นิพฺพานํ อปสฺสโนฺต อาสภิํ วาจํ ภาสโนฺต วิย มหาสเทฺทน ‘‘น เต สุขํ ปชานนฺตี’’ติ อิมํ คาถํ คายมาโน นนฺทนวเน วิจริฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสี’’ติฯ

    Dibbehīti devaloke nibbattehi. Pañcahi kāmaguṇehīti manāpiyarūpasaddagandharasaphoṭṭhabbasaṅkhātehi pañcahi kāmabandhanehi kāmakoṭṭhāsehi vā . Samappitāti upetā. Itaraṃ tasseva vevacanaṃ. Paricārayamānāti ramamānā, tesu tesu vā rūpādīsu indriyāni sañcārayamānā. Tāyaṃ velāyanti tasmiṃ paricāraṇakāle. So panassa devaputtassa adhunā abhinibbattakālo veditabbo. Tassa hi paṭisandhikkhaṇeyeva rattasuvaṇṇakkhandho viya virocayamāno tigāvutappamāṇo attabhāvo nibbatti. So dibbavatthanivattho dibbālaṅkārapaṭimaṇḍito dibbamālāvilepanadharo dibbehi candanacuṇṇehi samaṃ vikiriyamāno dibbehi pañcahi kāmaguṇehi ovuto nivuto pariyonaddho lobhābhibhūto hutvā lobhanissaraṇaṃ nibbānaṃ apassanto āsabhiṃ vācaṃ bhāsanto viya mahāsaddena ‘‘na te sukhaṃ pajānantī’’ti imaṃ gāthaṃ gāyamāno nandanavane vicari. Tena vuttaṃ – ‘‘tāyaṃ velāyaṃ imaṃ gāthaṃ abhāsī’’ti.

    เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนนฺติ เย ตตฺร ปญฺจกามคุณานุภวนวเสน นนฺทนวนํ น ปสฺสนฺติฯ นรเทวานนฺติ เทวนรานํ, เทวปุริสานนฺติ อโตฺถฯ ติทสานนฺติ ติกฺขตฺตุํ ทสนฺนํฯ ยสสฺสินนฺติ ปริวารสงฺขาเตน ยเสน สมฺปนฺนานํฯ

    Ye na passanti nandananti ye tatra pañcakāmaguṇānubhavanavasena nandanavanaṃ na passanti. Naradevānanti devanarānaṃ, devapurisānanti attho. Tidasānanti tikkhattuṃ dasannaṃ. Yasassinanti parivārasaṅkhātena yasena sampannānaṃ.

    อญฺญตรา เทวตาติ เอกา อริยสาวิกา เทวตาฯ ปจฺจภาสีติ ‘‘อยํ พาลเทวตา อิมํ สมฺปตฺติํ นิจฺจํ อจลํ มญฺญติ, นาสฺสา เฉทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมตํ ชานาตี’’ติ อธิปฺปายํ วิวเฎฺฎตฺวา ทเสฺสนฺตี ‘‘น ตฺวํ พาเล’’ติ อิมาย คาถาย ปติอภาสิฯ ยถา อรหตํ วโจติ ยถา อรหนฺตานํ วจนํ, ตถา ตฺวํ น ชานาสีติฯ เอวํ ตสฺสา อธิปฺปายํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทานิ อรหนฺตานํ วจนํ ทเสฺสนฺตี อนิจฺจาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อนิจฺจา วต สงฺขาราติ สเพฺพ เตภูมกสงฺขารา หุตฺวา อภาวเตฺถน อนิจฺจาฯ อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ อุปฺปาทวยสภาวาฯ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺตีติ อิทํ ปุริมเสฺสว เววจนํฯ ยสฺมา วา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อุปฺปาทวยธมฺมิโนติฯ อุปฺปาทวยคฺคหเณน เจตฺถ ตทนนฺตรา เวมชฺฌฎฺฐานํ คหิตเมว โหติฯ เตสํ วูปสโม สุโขติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสมสงฺขาตํ นิพฺพานเมว สุขํฯ อิทํ อรหตํ วโจติฯ

    Aññatarā devatāti ekā ariyasāvikā devatā. Paccabhāsīti ‘‘ayaṃ bāladevatā imaṃ sampattiṃ niccaṃ acalaṃ maññati, nāssā chedanabhedanaviddhaṃsanadhammataṃ jānātī’’ti adhippāyaṃ vivaṭṭetvā dassentī ‘‘na tvaṃ bāle’’ti imāya gāthāya patiabhāsi. Yathā arahataṃ vacoti yathā arahantānaṃ vacanaṃ, tathā tvaṃ na jānāsīti. Evaṃ tassā adhippāyaṃ paṭikkhipitvā idāni arahantānaṃ vacanaṃ dassentī aniccātiādimāha. Tattha aniccā vata saṅkhārāti sabbe tebhūmakasaṅkhārā hutvā abhāvatthena aniccā. Uppādavayadhamminoti uppādavayasabhāvā. Uppajjitvā nirujjhantīti idaṃ purimasseva vevacanaṃ. Yasmā vā uppajjitvā nirujjhanti, tasmā uppādavayadhamminoti. Uppādavayaggahaṇena cettha tadanantarā vemajjhaṭṭhānaṃ gahitameva hoti. Tesaṃ vūpasamo sukhoti tesaṃ saṅkhārānaṃ vūpasamasaṅkhātaṃ nibbānameva sukhaṃ. Idaṃ arahataṃ vacoti.

    นนฺทนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nandanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. นนฺทนสุตฺตํ • 1. Nandanasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา • 1. Nandanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact