Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๒. นนฺทนวโคฺค
2. Nandanavaggo
๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา
1. Nandanasuttavaṇṇanā
๑๑. ‘‘ตตฺร ภควา’’ติ วุเตฺต น ตถา พฺยญฺชนานํ สิลิฎฺฐตา, ยถา ‘‘ตตฺร โข ภควา’’ติ วุเตฺตติ อาห ‘‘พฺยญฺชนสิลิฎฺฐตาวเสนา’’ติฯ ปริสเชฎฺฐเกติ ปริสาย เชฎฺฐเก, เย ตสฺสา เทสนาย วิเสสโต ภาชนภูตาฯ ปริสเชฎฺฐเก ภิกฺขูติ จตุปริสเชฎฺฐเก ภิกฺขูฯ จตุนฺนํ หิ ปริสานํ เชฎฺฐา ภิกฺขุปริสา ปฐมุปฺปนฺนตฺตาฯ อามเนฺตสีติ สโมฺพเธสิ, สโมฺพธนญฺจ ชานาปนนฺติ อาห ‘‘ชานาเปสี’’ติฯ ภทเนฺตติ ครุคารวสปฺปติสฺสววจนเมตํ, อตฺถโต ปน ภทเนฺตติ ภทฺทํ ตว โหตุ อตฺตโน นิฎฺฐานปริโยสานตฺตา ปเรสญฺจ สนฺตตาวหตฺตาฯ ภควโต ปจฺจโสฺสสุนฺติ เอตฺถ ภควโตติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธิอตฺถปทํ อเปกฺขตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ภควโต วจนํ ปติอโสฺสสุ’’นฺติฯ ภควโตติ ปน อิทํ ปติสฺสวนสมฺพเนฺธน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ปฎิสฺสุณาตี’’ติฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ นิทานวคฺคสฺส อาทิสุตฺตวณฺณนายํ อาคมิสฺสติฯ
11. ‘‘Tatra bhagavā’’ti vutte na tathā byañjanānaṃ siliṭṭhatā, yathā ‘‘tatra kho bhagavā’’ti vutteti āha ‘‘byañjanasiliṭṭhatāvasenā’’ti. Parisajeṭṭhaketi parisāya jeṭṭhake, ye tassā desanāya visesato bhājanabhūtā. Parisajeṭṭhake bhikkhūti catuparisajeṭṭhake bhikkhū. Catunnaṃ hi parisānaṃ jeṭṭhā bhikkhuparisā paṭhamuppannattā. Āmantesīti sambodhesi, sambodhanañca jānāpananti āha ‘‘jānāpesī’’ti. Bhadanteti garugāravasappatissavavacanametaṃ, atthato pana bhadanteti bhaddaṃ tava hotu attano niṭṭhānapariyosānattā paresañca santatāvahattā. Bhagavato paccassosunti ettha bhagavatoti sāmivacanaṃ āmantanameva sambandhiatthapadaṃ apekkhatīti adhippāyenāha ‘‘bhagavato vacanaṃ patiassosu’’nti. Bhagavatoti pana idaṃ patissavanasambandhena sampadānavacanaṃ yathā ‘‘devadattassa paṭissuṇātī’’ti. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ nidānavaggassa ādisuttavaṇṇanāyaṃ āgamissati.
ตาวติํสกาโยติ ตาวติํสสญฺญิโต เทวนิกาโยฯ ทุติยเทวโลโกติ ฉสุ กามโลเกสุ ทุติโย เทวโลโกฯ เตตฺติํส ชนา สหปุญฺญการิโน ตตฺถ อุปฺปนฺนา, ตํสหจริตฎฺฐานํ ตาวติํสํ , ตนฺนิวาสิโนปิ ตาวติํสนามกา สหจรณญาเยนาติ อาห ‘‘มเฆน มาณเวนา’’ติอาทิฯ อยํ ปน เกจิวาโท พฺยาปโนฺน โหตีติ ตํ อโรเจเนฺตน ‘‘วทนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ พฺยาปนฺนตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาหฯ ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เอวํ หิ นิโทฺทสํ ปทํ โหตี’’ติฯ นามปณฺณตฺติเยวาติ อตฺถนิรเปกฺขตฺตา นิรุฬฺหสมญฺญา เอวฯ
Tāvatiṃsakāyoti tāvatiṃsasaññito devanikāyo. Dutiyadevalokoti chasu kāmalokesu dutiyo devaloko. Tettiṃsa janā sahapuññakārino tattha uppannā, taṃsahacaritaṭṭhānaṃ tāvatiṃsaṃ, tannivāsinopi tāvatiṃsanāmakā sahacaraṇañāyenāti āha ‘‘maghena māṇavenā’’tiādi. Ayaṃ pana kecivādo byāpanno hotīti taṃ arocentena ‘‘vadantī’’ti vuttaṃ. Byāpannataṃ dassento ‘‘yasmā panā’’tiādimāha. Tathā hi vakkhati ‘‘evaṃ hi niddosaṃ padaṃ hotī’’ti. Nāmapaṇṇattiyevāti atthanirapekkhattā niruḷhasamaññā eva.
ตํ วนนฺติ ตํ อุปวนํฯ ปวิเฎฺฐ ปวิเฎฺฐ ทุกฺขปฺปเตฺตปิ อตฺตโน สมฺปตฺติยา นนฺทยติ, ปเคว อทุกฺขปฺปเตฺตติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปเวสิตานนฺติ ปโกฎฺฐวาเรน ปเวสิตานมฺปีติ อธิปฺปาโยฯ จวนกาเลเยว โถกํ ทิสฺสมานวิการา หุตฺวา จวนฺติ, เต สนฺธาย ‘‘หิมปิโณฺฑ วิย วิลียนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ เย ปน อทิสฺสมานวิการา สหสา อนฺตรธายนฺติ, เต สนฺธาย ‘‘ทีปสิขา วิย วิชฺฌายนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ นนฺทยติ ปกติยา โสมนสฺสิตํ โทมนสฺสิตญฺจฯ นนฺทเนติ เอวํอนฺวตฺถนามเก อุยฺยาเนฯ ปริวุตาติ ‘‘เทวตา’’ติ วจนํ อุปาทาย อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตํฯ เทวปุโตฺต หิ โสฯ
Taṃ vananti taṃ upavanaṃ. Paviṭṭhe paviṭṭhe dukkhappattepi attano sampattiyā nandayati, pageva adukkhappatteti dassetuṃ ‘‘pañcasu hī’’tiādi vuttaṃ. Pavesitānanti pakoṭṭhavārena pavesitānampīti adhippāyo. Cavanakāleyeva thokaṃ dissamānavikārā hutvā cavanti, te sandhāya ‘‘himapiṇḍo viya vilīyantī’’ti vuttaṃ. Ye pana adissamānavikārā sahasā antaradhāyanti, te sandhāya ‘‘dīpasikhā viya vijjhāyantī’’ti vuttanti vadanti. Nandayati pakatiyā somanassitaṃ domanassitañca. Nandaneti evaṃanvatthanāmake uyyāne. Parivutāti ‘‘devatā’’ti vacanaṃ upādāya itthiliṅgavasena vuttaṃ. Devaputto hi so.
ทิวิ ภวตฺตา ทิพฺพาติ อาห ‘‘เทวโลเก นิพฺพเตฺตหี’’ติฯ กาเมตพฺพตาย กามพนฺธเนหิ, ตถา อญฺญมญฺญํ อสํกิณฺณสภาวตาย กามโกฎฺฐาเสหิฯ อุเปตาติ อุปคตา สมนฺนาคตาฯ ปริจารยมานาติ ปริรมมานาฯ อิทญฺหิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘กามคุเณหี’’ติ กตฺตริ กรณวจนํ, ปุริมานิ อเปกฺขิตฺวา สหโยเคฯ รมมานา จรนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘รมมานา’’ติฯ ปริจารยมานาติ วา ปริโต สมนฺตโต จารยมานาติ อโตฺถติ อาห ‘‘อินฺทฺริยานิ สญฺจารยมานา’’ติฯ ปฐมนเย หิ อนุภวนโตฺถ ปริจรณสโทฺท, ทุติยนเย ปริวตฺตนโตฺถฯ โส ปนาติ ‘‘ตายํ เวลาย’’นฺติ วุตฺตกาโลฯ อธุนาติ สมฺปติฯ โส วิจรีติ สมฺพโนฺธฯ กามคุเณหีติ เหตุมฺหิ กรณวจนํฯ โอวุโตติ ยถา ตํ น ญายติ, เอวํ ปิหิตจิโตฺตฯ นิวุโต ปริโยนโทฺธติ ตเสฺสว เววจนํฯ เตนาห ‘‘โลกาภิภูโต’’ติฯ อาสภินฺติ เสฎฺฐํ ‘‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) ภาสโนฺต โพธิสโตฺต วิยฯ
Divi bhavattā dibbāti āha ‘‘devaloke nibbattehī’’ti. Kāmetabbatāya kāmabandhanehi, tathā aññamaññaṃ asaṃkiṇṇasabhāvatāya kāmakoṭṭhāsehi. Upetāti upagatā samannāgatā. Paricārayamānāti pariramamānā. Idañhi padaṃ apekkhitvā ‘‘kāmaguṇehī’’ti kattari karaṇavacanaṃ, purimāni apekkhitvā sahayoge. Ramamānā carantīti katvā vuttaṃ ‘‘ramamānā’’ti. Paricārayamānāti vā parito samantato cārayamānāti atthoti āha ‘‘indriyāni sañcārayamānā’’ti. Paṭhamanaye hi anubhavanattho paricaraṇasaddo, dutiyanaye parivattanattho. So panāti ‘‘tāyaṃ velāya’’nti vuttakālo. Adhunāti sampati. So vicarīti sambandho. Kāmaguṇehīti hetumhi karaṇavacanaṃ. Ovutoti yathā taṃ na ñāyati, evaṃ pihitacitto. Nivuto pariyonaddhoti tasseva vevacanaṃ. Tenāha ‘‘lokābhibhūto’’ti. Āsabhinti seṭṭhaṃ ‘‘aggohamasmi lokassā’’tiādinā (dī. ni. 2.31; ma. ni. 3.207) bhāsanto bodhisatto viya.
เกวลํ ทสฺสนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห – ‘‘เย…เป.… วเสนา’’ติ, ตสฺมิํ นนฺทนวเน อวฎฺฐิตกามภาคานุภวนวเสนาติ อโตฺถฯ นรเทวานนฺติ ปุริสภูตเทวตานํฯ เตนาห ‘‘เทวปุริสาน’’นฺติฯ อปฺปกํ อธิกํ อูนํ วา คณนูปคํ นาม น โหตีติ ‘‘ติกฺขตฺตุํ ทสนฺน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘เตตฺติํสาน’’นฺติ หิ วตฺตเพฺพ อยํ รุฬฺหีฯ ปริวารสงฺขาเตน, น กิตฺติสงฺขาเตนาติ อธิปฺปาโยฯ สีลาจาราทิคุณเนมิตฺติกา หิ กิตฺติฯ ‘‘ตาวติํสา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวโนฺต สุขพหุลา’’ติ เอวมาทิวจเนน ยเส อิจฺฉิเต อวิเสเสตฺวาว ‘‘ยเสน สมฺปนฺนาน’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํฯ
Kevalaṃ dassanaṃ kimatthiyanti āha – ‘‘ye…pe… vasenā’’ti, tasmiṃ nandanavane avaṭṭhitakāmabhāgānubhavanavasenāti attho. Naradevānanti purisabhūtadevatānaṃ. Tenāha ‘‘devapurisāna’’nti. Appakaṃ adhikaṃ ūnaṃ vā gaṇanūpagaṃ nāma na hotīti ‘‘tikkhattuṃ dasanna’’nti vuttaṃ. ‘‘Tettiṃsāna’’nti hi vattabbe ayaṃ ruḷhī. Parivārasaṅkhātena, na kittisaṅkhātenāti adhippāyo. Sīlācārādiguṇanemittikā hi kitti. ‘‘Tāvatiṃsā devā dīghāyukā vaṇṇavanto sukhabahulā’’ti evamādivacanena yase icchite avisesetvāva ‘‘yasena sampannāna’’nti sakkā vattuṃ.
อริยสาวิกาติ โสตาปนฺนาฯ ‘‘สกทาคามินี’’ติ เกจิฯ อธิปฺปายํ วิวเฎฺฎตฺวาติ ยถา ตฺวํ อนฺธพาเล มญฺญสิ, ธมฺมสภาโว เอวํ น โหตีติ ตสฺสา เทวตาย อธิปฺปายํ วิปริวเตฺตตฺวาฯ เอกนฺตโต สุขํ นาม นิพฺพานเมวฯ กามา หิ ทุกฺขา วิปริณามธมฺมาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ตสฺสา อธิปฺปายํ ปฎิกฺขิปิตฺวาฯ กามํ จตุตฺถภูมกาปิ สงฺขารา อนิจฺจา เอว, เต ปน สมฺมสนูปคา น โหนฺตีติ เตภูมกคฺคหณํ สมฺมสนโยเคฺคนฯ หุตฺวาติ ปุเพฺพ อวิชฺชมานา ปจฺจยสมวาเยน ภวิตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวาฯ เอเตน เนสํ ภาวภาโค ทสฺสิโตฯ อภาวเตฺถนาติ สรสนิโรธภูเตน วิทฺธํสนภาเวนฯ
Ariyasāvikāti sotāpannā. ‘‘Sakadāgāminī’’ti keci. Adhippāyaṃ vivaṭṭetvāti yathā tvaṃ andhabāle maññasi, dhammasabhāvo evaṃ na hotīti tassā devatāya adhippāyaṃ viparivattetvā. Ekantato sukhaṃ nāma nibbānameva. Kāmā hi dukkhā vipariṇāmadhammāti iminā adhippāyena tassā adhippāyaṃ paṭikkhipitvā. Kāmaṃ catutthabhūmakāpi saṅkhārā aniccā eva, te pana sammasanūpagā na hontīti tebhūmakaggahaṇaṃ sammasanayoggena. Hutvāti pubbe avijjamānā paccayasamavāyena bhavitvā uppajjitvā. Etena nesaṃ bhāvabhāgo dassito. Abhāvatthenāti sarasanirodhabhūtena viddhaṃsanabhāvena.
อนิจฺจา อทฺธุวา, ตโต เอว ‘‘มยฺหํ อิเม สุขา’’ติ วา น อิจฺจาติ อนิจฺจาฯ อุปฺปาทวยสภาวาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนนิรุชฺฌนสภาวาฯ เตนาห ‘‘อุปฺป…เป.… เววจน’’นฺติฯ ปุริมสฺส วา ปจฺฉิมํ การณเววจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิฯ ตทนนฺตราติ เตสํ อุปฺปาทวยานํ อนฺตเรฯ เวมชฺฌฎฺฐานนฺติ ฐิติกฺขณํ วทติฯ เย ปน ‘‘สงฺขารานํ ฐิติ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉาฯ ยถา หิ ตเสฺสว ธมฺมสฺส อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนา ภงฺคาวตฺถา อิจฺฉิตา, อญฺญถา อญฺญํ อุปฺปชฺชติ, อญฺญํ นิรุชฺฌตีติ อาปชฺชติ, เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ภงฺคาภิมุขาวตฺถา อิจฺฉิตพฺพา, สาว ฐิติกฺขโณฯ น หิ อุปฺปชฺชมาโน ภิชฺชตีติ สกฺกา วิญฺญาตุนฺติฯ วูปสมสงฺขาตนฺติ อจฺจนฺตํ วูปสมสงฺขาตํ นิพฺพานเมว สุขํ, น ตยา อธิเปฺปตา กามาติ อธิปฺปาโยฯ
Aniccā addhuvā, tato eva ‘‘mayhaṃ ime sukhā’’ti vā na iccāti aniccā. Uppādavayasabhāvāti khaṇe khaṇe uppajjananirujjhanasabhāvā. Tenāha ‘‘uppa…pe… vevacana’’nti. Purimassa vā pacchimaṃ kāraṇavevacananti āha ‘‘yasmā vā’’tiādi. Tadanantarāti tesaṃ uppādavayānaṃ antare. Vemajjhaṭṭhānanti ṭhitikkhaṇaṃ vadati. Ye pana ‘‘saṅkhārānaṃ ṭhiti natthī’’ti vadanti, tesaṃ taṃ micchā. Yathā hi tasseva dhammassa uppādāvatthāya bhinnā bhaṅgāvatthā icchitā, aññathā aññaṃ uppajjati, aññaṃ nirujjhatīti āpajjati, evaṃ uppannassa bhaṅgābhimukhāvatthā icchitabbā, sāva ṭhitikkhaṇo. Na hi uppajjamāno bhijjatīti sakkā viññātunti. Vūpasamasaṅkhātanti accantaṃ vūpasamasaṅkhātaṃ nibbānameva sukhaṃ, na tayā adhippetā kāmāti adhippāyo.
นนฺทนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑. นนฺทนสุตฺตํ • 1. Nandanasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา • 1. Nandanasuttavaṇṇanā