Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi |
๔. นนฺทาเปติวตฺถุ
4. Nandāpetivatthu
๑๖๘.
168.
‘‘กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ผรุสา ภีรุทสฺสนา;
‘‘Kāḷī dubbaṇṇarūpāsi, pharusā bhīrudassanā;
ปิงฺคลาสิ กฬาราสิ, น ตํ มญฺญามิ มานุสิ’’นฺติฯ
Piṅgalāsi kaḷārāsi, na taṃ maññāmi mānusi’’nti.
๑๖๙.
169.
‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;
‘‘Ahaṃ nandā nandisena, bhariyā te pure ahuṃ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti.
๑๗๐.
170.
‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;
‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;
กิสฺส กมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ
Kissa kammavipākena, petalokaṃ ito gatā’’ti.
๑๗๑.
171.
ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ
Tāhaṃ duruttaṃ vatvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti.
๑๗๒.
172.
อิมํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ เนสฺสามิ ตํ ฆรํฯ
Imaṃ dussaṃ nivāsetvā, ehi nessāmi taṃ gharaṃ.
๑๗๓.
173.
‘‘วตฺถญฺจ อนฺนปานญฺจ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ฆรํ คตา;
‘‘Vatthañca annapānañca, lacchasi tvaṃ gharaṃ gatā;
ปุเตฺต จ เต ปสฺสิสฺสสิ, สุณิสาโย จ ทกฺขสี’’ติฯ
Putte ca te passissasi, suṇisāyo ca dakkhasī’’ti.
๑๗๔.
174.
‘‘หเตฺถน หเตฺถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;
‘‘Hatthena hatthe te dinnaṃ, na mayhaṃ upakappati;
ภิกฺขู จ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเตฯ
Bhikkhū ca sīlasampanne, vītarāge bahussute.
๑๗๕.
175.
‘‘ตเปฺปหิ อนฺนปาเนน, มม ทกฺขิณมาทิส;
‘‘Tappehi annapānena, mama dakkhiṇamādisa;
ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติฯ
Tadāhaṃ sukhitā hessaṃ, sabbakāmasamiddhinī’’ti.
๑๗๖.
176.
สาธูติ โส ปฎิสฺสุตฺวา, ทานํ วิปุลมากิริ;
Sādhūti so paṭissutvā, dānaṃ vipulamākiri;
อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca;
ฉตฺตํ คนฺธญฺจ มาลญฺจ, วิวิธา จ อุปาหนาฯ
Chattaṃ gandhañca mālañca, vividhā ca upāhanā.
๑๗๗.
177.
ภิกฺขู จ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเต;
Bhikkhū ca sīlasampanne, vītarāge bahussute;
ตเปฺปตฺวา อนฺนปาเนน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสีฯ
Tappetvā annapānena, tassā dakkhiṇamādisī.
๑๗๘.
178.
สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ , วิปาโก อุทปชฺชถ;
Samanantarānuddiṭṭhe , vipāko udapajjatha;
โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํฯ
Bhojanacchādanapānīyaṃ, dakkhiṇāya idaṃ phalaṃ.
๑๗๙.
179.
ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;
Tato suddhā sucivasanā, kāsikuttamadhārinī;
วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สามิกํ อุปสงฺกมิฯ
Vicittavatthābharaṇā, sāmikaṃ upasaṅkami.
๑๘๐.
180.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ
Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.
๑๘๑.
181.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๑๘๒.
182.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๑๘๓.
183.
‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;
‘‘Ahaṃ nandā nandisena, bhariyā te pure ahuṃ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.
๑๘๔.
184.
‘‘ตว ทิเนฺนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;
‘‘Tava dinnena dānena, modāmi akutobhayā;
จิรํ ชีว คหปติ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
Ciraṃ jīva gahapati, saha sabbehi ñātibhi;
อโสกํ วิรชํ เขมํ, อาวาสํ วสวตฺตินํฯ
Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, āvāsaṃ vasavattinaṃ.
๑๘๕.
185.
‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวา คหปติ;
‘‘Idha dhammaṃ caritvāna, dānaṃ datvā gahapati;
วิเนยฺย มเจฺฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ ฐาน’’นฺติฯ
Vineyya maccheramalaṃ samūlaṃ, anindito saggamupehi ṭhāna’’nti.
นนฺทาเปติวตฺถุ จตุตฺถํฯ
Nandāpetivatthu catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā / ๔. นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา • 4. Nandāpetivatthuvaṇṇanā