Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๔. นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา
4. Nandāpetivatthuvaṇṇanā
กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรเนฺต นนฺทํ นาม เปติํ อารพฺภ วุตฺตํฯ สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ คามเก นนฺทิเสโน นาม อุปาสโก อโหสิ สโทฺธ ปสโนฺนฯ ภริยา ปนสฺส นนฺทา นาม อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มจฺฉรินี จณฺฑี ผรุสวจนา สามิเก อคารวา อคฺคติสฺสา สสฺสุํ โจริวาเทน อโกฺกสติ ปริภาสติฯ สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตเสฺสว คามสฺส อวิทูเร วิจรนฺตี เอกทิวสํ นนฺทิเสนสฺส อุปาสกสฺส คามโต นิกฺขมนฺตสฺส อวิทูเร อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ โส ตํ ทิสฺวา –
Kāḷī dubbaṇṇarūpāsīti idaṃ satthari jetavane viharante nandaṃ nāma petiṃ ārabbha vuttaṃ. Sāvatthiyā kira avidūre aññatarasmiṃ gāmake nandiseno nāma upāsako ahosi saddho pasanno. Bhariyā panassa nandā nāma assaddhā appasannā maccharinī caṇḍī pharusavacanā sāmike agāravā aggatissā sassuṃ corivādena akkosati paribhāsati. Sā aparena samayena kālaṃ katvā petayoniyaṃ nibbattitvā tasseva gāmassa avidūre vicarantī ekadivasaṃ nandisenassa upāsakassa gāmato nikkhamantassa avidūre attānaṃ dassesi. So taṃ disvā –
๑๖๘.
168.
‘‘กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ผรุสา ภีรุทสฺสนา;
‘‘Kāḷī dubbaṇṇarūpāsi, pharusā bhīrudassanā;
ปิงฺคลาสิ กฬาราสิ, น ตํ มญฺญามิ มานุสิ’’นฺติฯ –
Piṅgalāsi kaḷārāsi, na taṃ maññāmi mānusi’’nti. –
คาถาย อชฺฌภาสิฯ ตตฺถ กาฬีติ กาฬวณฺณา, ฌามงฺคารสทิโส หิสฺสา วโณฺณ อโหสิฯ ผรุสาติ ขรคตฺตาฯ ภีรุทสฺสนาติ ภยานกทสฺสนา สปฺปฎิภยาการาฯ ‘‘ภารุทสฺสนา’’ติ วา ปาโฐ, ภาริยทสฺสนา, ทุพฺพณฺณตาทินา ทุทฺทสิกาติ อโตฺถฯ ปิงฺคลาติ ปิงฺคลโลจนาฯ กฬาราติ กฬารทนฺตาฯ น ตํ มญฺญามิ มานุสินฺติ อหํ ตํ มานุสินฺติ น มญฺญามิ, เปติเมว จ ตํ มญฺญามีติ อธิปฺปาโยฯ ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตานํ ปกาเสนฺตี –
Gāthāya ajjhabhāsi. Tattha kāḷīti kāḷavaṇṇā, jhāmaṅgārasadiso hissā vaṇṇo ahosi. Pharusāti kharagattā. Bhīrudassanāti bhayānakadassanā sappaṭibhayākārā. ‘‘Bhārudassanā’’ti vā pāṭho, bhāriyadassanā, dubbaṇṇatādinā duddasikāti attho. Piṅgalāti piṅgalalocanā. Kaḷārāti kaḷāradantā. Na taṃ maññāmi mānusinti ahaṃ taṃ mānusinti na maññāmi, petimeva ca taṃ maññāmīti adhippāyo. Taṃ sutvā petī attānaṃ pakāsentī –
๑๖๙.
169.
‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;
‘‘Ahaṃ nandā nandisena, bhariyā te pure ahuṃ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti. –
คาถมาห ฯ ตตฺถ อหํ นนฺทา นนฺทิเสนาติ สามิ นนฺทิเสน อหํ นนฺทา นามฯ ภริยา เต ปุเร อหุนฺติ ปุริมชาติยํ ตุยฺหํ ภริยา อโหสิํฯ อิโต ปรํ –
Gāthamāha . Tattha ahaṃ nandā nandisenāti sāmi nandisena ahaṃ nandā nāma. Bhariyā te pure ahunti purimajātiyaṃ tuyhaṃ bhariyā ahosiṃ. Ito paraṃ –
๑๗๐.
170.
‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;
‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;
กิสฺส กมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –
Kissa kammavipākena, petalokaṃ ito gatā’’ti. –
ตสฺส อุปาสกสฺส ปุจฺฉาฯ อถสฺส สา –
Tassa upāsakassa pucchā. Athassa sā –
๑๗๑.
171.
‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสิํ, ตยิ จาปิ อคารวา;
‘‘Caṇḍī ca pharusā cāsiṃ, tayi cāpi agāravā;
ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติฯ –
Tāhaṃ duruttaṃ vatvāna, petalokaṃ ito gatā’’ti. –
วิสฺสเชฺชสิฯ ปุน โส –
Vissajjesi. Puna so –
๑๗๒.
172.
‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิมํ ทุสฺสํ นิวาสย;
‘‘Handuttarīyaṃ dadāmi te, imaṃ dussaṃ nivāsaya;
อิมํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ เนสฺสามิ ตํ ฆรํฯ
Imaṃ dussaṃ nivāsetvā, ehi nessāmi taṃ gharaṃ.
๑๗๓.
173.
‘‘วตฺถญฺจ อนฺนปานญฺจ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ฆรํ คตา;
‘‘Vatthañca annapānañca, lacchasi tvaṃ gharaṃ gatā;
ปุเตฺต จ เต ปสฺสิสฺสสิ, สุณิสาโย จ ทกฺขสี’’ติฯ – อถสฺส สา –
Putte ca te passissasi, suṇisāyo ca dakkhasī’’ti. – athassa sā –
๑๗๔.
174.
‘‘หเตฺถน หเตฺถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;
‘‘Hatthena hatthe te dinnaṃ, na mayhaṃ upakappati;
ภิกฺขู จ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเตฯ
Bhikkhū ca sīlasampanne, vītarāge bahussute.
๑๗๕.
175.
‘‘ตเปฺปหิ อนฺนปาเนน, มม ทกฺขิณมาทิส;
‘‘Tappehi annapānena, mama dakkhiṇamādisa;
ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติฯ –
Tadāhaṃ sukhitā hessaṃ, sabbakāmasamiddhinī’’ti. –
เทฺว คาถา อภาสิฯ ตโต –
Dve gāthā abhāsi. Tato –
๑๗๖.
176.
‘‘สาธูติ โส ปฎิสฺสุตฺวา, ทานํ วิปุลมากิริ;
‘‘Sādhūti so paṭissutvā, dānaṃ vipulamākiri;
อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca;
ฉตฺตํ คนฺธญฺจ มาลญฺจ, วิวิธา จ อุปาหนาฯ
Chattaṃ gandhañca mālañca, vividhā ca upāhanā.
๑๗๗.
177.
‘‘ภิกฺขู จ สีลสมฺปเนฺน, วีตราเค พหุสฺสุเต;
‘‘Bhikkhū ca sīlasampanne, vītarāge bahussute;
ตเปฺปตฺวา อนฺนปาเนน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสีฯ
Tappetvā annapānena, tassā dakkhiṇamādisī.
๑๗๘.
178.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ , วิปาโก อุทปชฺชถ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe , vipāko udapajjatha;
โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํฯ
Bhojanacchādanapānīyaṃ, dakkhiṇāya idaṃ phalaṃ.
๑๗๙.
179.
‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;
‘‘Tato suddhā sucivasanā, kāsikuttamadhārinī;
วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สามิกํ อุปสงฺกมี’’ติฯ –
Vicittavatthābharaṇā, sāmikaṃ upasaṅkamī’’ti. –
จตโสฺส คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตาฯ ตโต ปรํ –
Catasso gāthā saṅgītikārehi vuttā. Tato paraṃ –
๑๘๐.
180.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ
Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.
๑๘๑.
181.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๑๘๒.
182.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๑๘๓.
183.
‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;
‘‘Ahaṃ nandā nandisena, bhariyā te pure ahuṃ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.
๑๘๔.
184.
‘‘ตว ทิเนฺนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;
‘‘Tava dinnena dānena, modāmi akutobhayā;
จิรํ ชีว คหปติ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;
Ciraṃ jīva gahapati, saha sabbehi ñātibhi;
อโสกํ วิรชํ เขมํ, อาวาสํ วสวตฺตินํฯ
Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, āvāsaṃ vasavattinaṃ.
๑๘๕.
185.
‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวา คหปติ;
‘‘Idha dhammaṃ caritvāna, dānaṃ datvā gahapati;
วิเนยฺย มเจฺฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ ฐาน’’นฺติฯ –
Vineyya maccheramalaṃ samūlaṃ, anindito saggamupehi ṭhāna’’nti. –
อุปาสกสฺส จ เปติยา จ วจนปฎิวจนคาถาฯ
Upāsakassa ca petiyā ca vacanapaṭivacanagāthā.
๑๗๖. ตตฺถ ทานํ วิปุลมากิรีติ อุกฺขิเณยฺยเขเตฺต เทยฺยธมฺมพีชํ วิปฺปกิรโนฺต วิย มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ เสสํ อนนฺตรวตฺถุสทิสเมวฯ
176. Tattha dānaṃ vipulamākirīti ukkhiṇeyyakhette deyyadhammabījaṃ vippakiranto viya mahādānaṃ pavattesi. Sesaṃ anantaravatthusadisameva.
เอวํ สา อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺติํ ตสฺสา จ การณํ นนฺทิเสนสฺส วิภาเวตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานเมว คตาฯ อุปาสโก ตํ ปวตฺติํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ , ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Evaṃ sā attano dibbasampattiṃ tassā ca kāraṇaṃ nandisenassa vibhāvetvā attano vasanaṭṭhānameva gatā. Upāsako taṃ pavattiṃ bhikkhūnaṃ ārocesi , bhikkhū bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nandāpetivatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๔. นนฺทาเปติวตฺถุ • 4. Nandāpetivatthu