Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi

    ๒. นนฺทสุตฺตํ

    2. Nandasuttaṃ

    ๒๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นโนฺท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุโตฺต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวมาโรเจติ – ‘‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ; น สโกฺกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติฯ

    22. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā nando bhagavato bhātā mātucchāputto sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ evamāroceti – ‘‘anabhirato ahaṃ, āvuso, brahmacariyaṃ carāmi; na sakkomi brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissāmī’’ti.

    อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, นโนฺท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุโตฺต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวมาโรเจติ – ‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สโกฺกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติฯ

    Atha kho aññataro bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā, bhante, nando bhagavato bhātā mātucchāputto sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ evamāroceti – ‘anabhirato ahaṃ, āvuso, brahmacariyaṃ carāmi, na sakkomi brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissāmī’’’ti.

    อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน นนฺทํ ภิกฺขุํ อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส นนฺท, อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา นโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส นนฺท, อามเนฺตตี’’ติฯ

    Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena nandaṃ bhikkhuṃ āmantehi – ‘satthā taṃ, āvuso nanda, āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yenāyasmā nando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nandaṃ etadavoca – ‘‘satthā taṃ, āvuso nanda, āmantetī’’ti.

    ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา นโนฺท ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ภควา เอตทโวจ –

    ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā nando tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ nandaṃ bhagavā etadavoca –

    ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, นนฺท, สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวมาโรเจสิ – ‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สโกฺกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ

    ‘‘Saccaṃ kira tvaṃ, nanda, sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ evamārocesi – ‘anabhirato ahaṃ, āvuso, brahmacariyaṃ carāmi, na sakkomi brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissāmī’’’ti ? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.

    ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, นนฺท, อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรสิ, น สโกฺกสิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ , สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสสี’’ติ? ‘‘สากิยานี มํ 1, ภเนฺต, ชนปทกลฺยาณี ฆรา นิกฺขมนฺตสฺส 2 อุปฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อปโลเกตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ตุวฎํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคเจฺฉยฺยาสี’ติฯ โส โข อหํ, ภเนฺต, ตมนุสฺสรมาโน อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สโกฺกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติฯ

    ‘‘Kissa pana tvaṃ, nanda, anabhirato brahmacariyaṃ carasi, na sakkosi brahmacariyaṃ sandhāretuṃ , sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissasī’’ti? ‘‘Sākiyānī maṃ 3, bhante, janapadakalyāṇī gharā nikkhamantassa 4 upaḍḍhullikhitehi kesehi apaloketvā maṃ etadavoca – ‘tuvaṭaṃ kho, ayyaputta, āgaccheyyāsī’ti. So kho ahaṃ, bhante, tamanussaramāno anabhirato brahmacariyaṃ carāmi, na sakkomi brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattissāmī’’ti.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ 5 วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย 6, เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต เทเวสุ ตาวติํเสสุ ปาตุรโหสิฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandaṃ bāhāyaṃ gahetvā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ 7 vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya 8, evameva – jetavane antarahito devesu tāvatiṃsesu pāturahosi.

    เตน โข ปน สมเยน ปญฺจมตฺตานิ อจฺฉราสตานิ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อุปฎฺฐานํ อาคตานิ โหนฺติ กกุฎปาทานิฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, นนฺท, อิมานิ ปญฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฎปาทานี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติฯ

    Tena kho pana samayena pañcamattāni accharāsatāni sakkassa devānamindassa upaṭṭhānaṃ āgatāni honti kakuṭapādāni. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandaṃ āmantesi – ‘‘passasi no tvaṃ, nanda, imāni pañca accharāsatāni kakuṭapādānī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นนฺท, กตมา นุ โข อภิรูปตรา วา ทสฺสนียตรา วา ปาสาทิกตรา วา, สากิยานี วา ชนปทกลฺยาณี, อิมานิ วา ปญฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฎปาทานี’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, ปลุฎฺฐมกฺกฎี กณฺณนาสจฺฉินฺนา, เอวเมว โข, ภเนฺต, สากิยานี ชนปทกลฺยาณี อิเมสํ ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ 9 โนเปติ กลภาคมฺปิ โนเปติ อุปนิธิมฺปิ โนเปติฯ อถ โข อิมานิ ปญฺจ อจฺฉราสตานิ อภิรูปตรานิ เจว ทสฺสนียตรานิ จ ปาสาทิกตรานิ จา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nanda, katamā nu kho abhirūpatarā vā dassanīyatarā vā pāsādikatarā vā, sākiyānī vā janapadakalyāṇī, imāni vā pañca accharāsatāni kakuṭapādānī’’ti? ‘‘Seyyathāpi, bhante, paluṭṭhamakkaṭī kaṇṇanāsacchinnā, evameva kho, bhante, sākiyānī janapadakalyāṇī imesaṃ pañcannaṃ accharāsatānaṃ upanidhāya saṅkhyampi 10 nopeti kalabhāgampi nopeti upanidhimpi nopeti. Atha kho imāni pañca accharāsatāni abhirūpatarāni ceva dassanīyatarāni ca pāsādikatarāni cā’’ti.

    ‘‘อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺท! อหํ เต ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทาน’’นฺติฯ ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, ภควา ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทานํ, อภิรมิสฺสามหํ, ภเนฺต, ภควติ พฺรหฺมจริเย’’ติ 11

    ‘‘Abhirama, nanda, abhirama, nanda! Ahaṃ te pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādāna’’nti. ‘‘Sace me, bhante, bhagavā pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādānaṃ, abhiramissāmahaṃ, bhante, bhagavati brahmacariye’’ti 12.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว – เทเวสุ ตาวติํเสสุ อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสิฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nandaṃ bāhāyaṃ gahetvā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva – devesu tāvatiṃsesu antarahito jetavane pāturahosi.

    อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู – ‘‘อายสฺมา กิร นโนฺท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุโตฺต อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ; ภควา กิรสฺส ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทาน’’นฺติฯ

    Assosuṃ kho bhikkhū – ‘‘āyasmā kira nando bhagavato bhātā mātucchāputto accharānaṃ hetu brahmacariyaṃ carati; bhagavā kirassa pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādāna’’nti.

    อถ โข อายสฺมโต นนฺทสฺส สหายกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรนฺติ – ‘‘ภตโก กิรายสฺมา นโนฺท อุปกฺกิตโก กิรายสฺมา นโนฺท อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ; ภควา กิรสฺส ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทาน’’นฺติฯ

    Atha kho āyasmato nandassa sahāyakā bhikkhū āyasmantaṃ nandaṃ bhatakavādena ca upakkitakavādena ca samudācaranti – ‘‘bhatako kirāyasmā nando upakkitako kirāyasmā nando accharānaṃ hetu brahmacariyaṃ carati; bhagavā kirassa pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādāna’’nti.

    อถ โข อายสฺมา นโนฺท สหายกานํ ภิกฺขูนํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ อฎฺฎียมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา นโนฺท อรหตํ อโหสิฯ

    Atha kho āyasmā nando sahāyakānaṃ bhikkhūnaṃ bhatakavādena ca upakkitakavādena ca aṭṭīyamāno harāyamāno jigucchamāno eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā nando arahataṃ ahosi.

    อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภเนฺต, นโนฺท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุโตฺต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติฯ ภควโตปิ โข ญาณํ อุทปาทิ – ‘‘นโนฺท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติฯ

    Atha kho aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho sā devatā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āyasmā, bhante, nando bhagavato bhātā mātucchāputto āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti. Bhagavatopi kho ñāṇaṃ udapādi – ‘‘nando āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’’ti.

    อถ โข อายสฺมา นโนฺท ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา นโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยํ เม, ภเนฺต, ภควา ปาฎิโภโค ปญฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฎิลาภาย กกุฎปาทานํ, มุญฺจามหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติฯ ‘‘มยาปิ โข ตฺวํ, นนฺท 13, เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘นโนฺท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติฯ เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘อายสฺมา, ภเนฺต, นโนฺท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุโตฺต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติฯ ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุโตฺต เอตสฺมา ปฎิสฺสวา’’ติฯ

    Atha kho āyasmā nando tassā rattiyā accayena yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā nando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yaṃ me, bhante, bhagavā pāṭibhogo pañcannaṃ accharāsatānaṃ paṭilābhāya kakuṭapādānaṃ, muñcāmahaṃ, bhante, bhagavantaṃ etasmā paṭissavā’’ti. ‘‘Mayāpi kho tvaṃ, nanda 14, cetasā ceto paricca vidito – ‘nando āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’ti. Devatāpi me etamatthaṃ ārocesi – ‘āyasmā, bhante, nando bhagavato bhātā mātucchāputto āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharatī’ti. Yadeva kho te, nanda, anupādāya āsavehi cittaṃ vimuttaṃ, athāhaṃ mutto etasmā paṭissavā’’ti.

    อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

    Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –

    ‘‘ยสฺส นิตฺติโณฺณ ปโงฺก,

    ‘‘Yassa nittiṇṇo paṅko,

    มทฺทิโต กามกณฺฎโก;

    Maddito kāmakaṇṭako;

    โมหกฺขยํ อนุปฺปโตฺต,

    Mohakkhayaṃ anuppatto,

    สุขทุเกฺขสุ น เวธตี ส ภิกฺขู’’ติฯ ทุติยํ;

    Sukhadukkhesu na vedhatī sa bhikkhū’’ti. dutiyaṃ;







    Footnotes:
    1. มม (สฺยา., อฎฺฐกถา โอโลเกตพฺพา)
    2. นิกฺขมนฺตํ (อฎฺฐกถายํ ปาฐนฺตรํ)
    3. mama (syā., aṭṭhakathā oloketabbā)
    4. nikkhamantaṃ (aṭṭhakathāyaṃ pāṭhantaraṃ)
    5. สมฺมิญฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. สมฺมิเญฺชยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    7. sammiñjitaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    8. sammiñjeyya (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. สงฺขมฺปิ (สี.)
    10. saṅkhampi (sī.)
    11. ภควา พฺรหฺมจริเยติ (สฺยา. ปี.), ภควา พฺรหฺมจริยนฺติ (ก.)
    12. bhagavā brahmacariyeti (syā. pī.), bhagavā brahmacariyanti (ka.)
    13. โข เต นนฺท (สี. สฺยา. ปี.), โข นนฺท (ก.)
    14. kho te nanda (sī. syā. pī.), kho nanda (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๒. นนฺทสุตฺตวณฺณนา • 2. Nandasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact